ขอนอกเรื่องปืนนิดนึงครับ
เคยอ่านข้อเขียนเชิงจิตวิทยาชิ้นหนึ่ง ผมว่าเขามีมุมมองที่ดี
เขาบอกว่าการขับรถบนถนนที่มีรถจำนวนมาก ขับเปลี่ยนเลนไปมา ก็เหมือนกับการเดินบนทางเท้าที่มีคนเยอะๆ
เวลาเราเดินบนทางเท้า แล้วมีคนเดินปาดหน้า หรือเบียดเข้ามาในทางของเรา มักไม่มีการทะเลาะ หรือเกิดเรื่อง....เพราะอะไร?
เพราะมนุษย์เรามีภาษากายครับ
คนที่เดินปาดหน้าเรา เขามักมีภาษากายประกอบเพื่อขอความเห็นใจ เช่นกริยา ค้อมหัว ยกมือ หรือยิ้มเชิงขอร้อง บางทีมีกระทั่งพูดว่า ขอโทษครับขอทางหน่อยนะครับ
เราก็มักให้เขาเดินปาดไปโดยไม่รู้สึกโกรธอะไรเลย
เพราะภาษากายของเขา มันบอกให้เรารู้ว่าเขาเห็นว่าเรามีตัวตน เขาให้เกียรติโดยการแสดงอาการให้เราเห็นว่าเขาแคร์ที่มาสร้างความลำบากให้เรา ให้เราต้องเดินชะลอนิดนึง
เราอ่าน"หัวใจ"เขาออกผ่านภาษากาย
แต่กับรถยนต์บนถนนนั้น บางทีการขอเปลี่ยนเลนกระชั้นชิด
เราไม่เห็นกริยาของคนในรถ เราเห็นแต่ก้อนเหล็กขึ้นรูปเป็นรถ เห็นเงารางๆของคนขับหลังฟิล์มสีดำ
พอเขาปาดมาปุ๊ป เราจะรู้สึกต่างจากเวลามีคนค้อมหัวให้เวลาถูกเบียดบนทางเท้า
เราไม่เห็นภาษากายของเขา เราเลยอ่านใจเขาไม่ออก
มันเลยจะพาลคิดไปว่า "โหย เบียดไม่ดูตาม้าตาเรือ เห็นแก่ตัวชิบ แม่ม...."
บางทีเราก็โกรธจนบีบแตรไล่ ขับรถจี้ หรือแซงไปดูหน้ามันเสียหน่อย
ไอ้เจ้าคนอีกฝ่ายเกิดไม่ยอม ก็เป็นเรื่องกันใหญ่โตครับ
...
ปี 2551 ผมมีโอกาสได้ลองขับรถที่ประเทศเกาหลีใต้ (ผมมีใบขับขี่สากล) สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นด้วยกับความเห็นของคุณaka11 และอยากให้คนไทยเราลองใช้วิธีขอบคุณโดยใช้ภาษารถ คือ ที่ประเทศเกาหลีใต้ เค้านิยมขอบคุณด้วยการกระพริบไฟฉุกเฉิน หลังจากที่เค้าขอแทรงเข้าหน้ารถเรา กระพริบประมาณ 3-4 ครั้ง รถคันหลังก็ทราบว่าเค้าขอบคุณ ผมว่านี่คือภาษารถ ที่ดูสุภาพดี และเค้าใช้กันจนทุกคนเข้าใจภาษานี้ ถ้าเป็นไปได้ที่เมืองไทยเราน่าจะคิดภาษารถ เพื่อใช้กันบ้างนะ .....โดยให้กรมทางขนส่งทางบก เป็นผู้คิดสัญญานต่างๆ แล้วเผยแพร่ให้ทุกคนเข้าใจ ...... คนไทยจะได้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น