การพกพาอาวุธปืน ของเจ้าพนักงานตำรวจนั้น
มาตรา ๕ พระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่มาตรา ๘ ทวิ มิให้ใช้บังคับแก่
(๑) อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ของ
(ก) ราชการทหารและตำรวจที่มีหรือใช้ในราชการ....
มาตรา ๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทาง สาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุ จำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
ไม่ว่ากรณีใด ห้ามมิให้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัด ให้มีขึ้น เพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด
ความในมาตรานี้ มิให้ใช้บังคับแก่
(๑) เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทหารและ ตำรวจ ซึ่งอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
(๒) ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจตาม มาตรา ๕ วรรคหนึ่ง (๑) (ข) หรือ (ค) ซึ่งอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่เพื่อการป้องกันประเทศ หรือรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือรักษาทรัพย์สินอันสำคัญของรัฐ
(๓) ประชาชนผู้ได้รับมอบให้มีและใช้ตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง (๑) (ง) ซึ่งอยู่ ในระหว่างการช่วยเหลือราชการและมีเหตุจำเป็นต้องมี และใช้อาวุธปืนในการนั้น ดังนั้น ไม่ว่าอาวุธปืนที่เจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้นพกพาติดตัว จะเป็นอาวุธปืนที่เป็นของส่วนตัวตำรวจผู้นั้น หรือเป็นอาวุธปืนของทางราชการที่เบิกมาใช้ ตามมาตรา ๕ ก็ตาม
แต่มาตรา ๕ ของพรบ.อาวุธปืน มิให้รวมถึงมาตรา ๘ ทวิ ในเรื่องการพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะด้วย
จึงทำให้เจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้น จะพกพาอาวุธปืนของราชการหรือของตนเองไปตามถนน หมู่บ้าน ทางสาธารณะได้นั้น
ต้องปรากฎว่า เจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้นอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา ๘ ทวิ วรรคสาม (๑) ด้วยครับ
ถ้าไม่ได้อยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ นายตำรวจผู้นั้นจะพกพาอาวุธปืนได้ ก็ต้องได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวด้วย
ถ้าไม่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ก็ต้องมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ เหมือนกับประชาชนทั่วไป
เพราะหากไม่อยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๘ ทวิ วรรคสาม (๑) และไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์แล้ว
ตำรวจผู้นั้น จึงมีความผิดฐานพาอาวุธปืนของกลางไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควรตามมาตรา ๘ ทวิ ครับ
คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๕๓/๒๕๓๙ จำเลยที่ ๑ รับราชการตำแหน่งรองสารวัตรแผนก ๕ กองกำกับการ ๒ กองปราบปราม กรมตำรวจ ที่กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ ๑ ได้ยื่นใบลาขอหยุดพักผ่อนประจำปีตั้งแต่วันที่ ๒๒ ถึงวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๓๒ และได้เดินทางไปที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ต่อมาถูกจับและยึดอาวุธปืนของกลางได้ในวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๓๒ ที่ห้องพักโรงแรมพลาซ่า อำเภอสุไหงโก-ลก ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ พาอาวุธปืนของกลางไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ทั้งการพาอาวุธปืนของ กลางดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะนั้น จำเลยที่ ๑ มิได้อยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ราชการเนื่องจากจำเลยที่ ๑ มิได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในท้องที่ดังกล่าว จำเลยที่ ๑ จึงมีความผิดฐานพาอาวุธปืนของกลางไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควรด้วยแต่.. เสือไม่ทานเนื้อเสือ
พอดีคดีนี้ เสือตัวนี้ ดันลงไปกินเนื้อประชาชนครับ โดยไปเรียกเงินจาก เจ้ามือหวย โดยขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะจับกุม และผู้ควบคุมหญิงบริการแถวนั้น โดยขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะจับกุมหญิงค้าประเวณีซึ่งอยู่ในความดูแล จึงเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ตามมาตรา ๑๔๘ และความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๗ แถมขณะจับกุม ได้อาวุธปืนที่นายตำรวจผู้นี้พกพาไปด้วย
จึงต้องถูกเสือดีจับกุม ดำเนินคดีและถูกตั้งข้อหาเรื่องอาวุธปืนไปด้วยครับ