ไม่รู้แหละ..ผมสังหรณ์ใจอย่างนี้จริงๆ ดักทางเอาไว้ก่อน เพราะเห็น จนท.ของไทย ปฏิบัติต่อบุคลลเหล่านี้ ดีจริงๆ
นังสอบสวนเหมือนนั่งเสวนา...การควบคุมตัว ก็ไม่ต้องสวมกุญแจมีอ ทั้งทีอาวุธ สงครามร้ายแรง เป็น ตันๆ
ทีคนไทย นำปืนถูกกฎหมาย ไปสนามยิงปืน บางราย โดนจับตรง4 แยกไฟแดงก่อนถึงสนามยิงปืน
บางราย วันหยุด สงกรานต์ ปีใหม่ ต้องกลับไปเยี่ยมพ่อแม่..ต้องถอดปืนเป็นชิ้นๆ ล้อคกุญแจ เก็บ ท้ายรถ......
ถามว่าอาวุธอยู่บนเครื่องบินต่างชาติ ต้นทาง และจุดหมายปลายทางก็ไม่ใช่ประเทศไทย ผิดกฎหมายร้ายแรงของไทยหรือเปล่าครับ
ขอเสริมพี่สุพินท์ครับ
อาวุธอยู่บนเครื่องบินไม่ได้ลงที่พื้นดินไทย...ดังนั้นจึงอยู่บนแผ่นดินของคาซัคสถาน..นี่เป็นกฎการบินสากล....เช่น..เดียวกับกฎการเดินเรือ..
การที่จะตั้งข้อกล่าวหาตามข่าว คือนำเข้าอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น..ศาลยกฟ้องครับ..เพราะจุดหมายปลายทางไม่ใช่ประเทศไทย..การลงจอดครั้งนี้มีเหตุผลคือ การเติมน้ำมันเพื่อเดินทางต่อไปยังสนามบินปลายทางและไม่มีการเปลี่ยนถ่ายสินค้า...ซึ่งเขาปฏิิบัติตามอนุสัญญาโตเกียว..นั้นสามารถกระทำได้และต้องอนุญาตด้วย เนื่องจากเป็นรัฐภาคีเช่นเดียวกัน.. แต่ถ้ารัฐบาลไทยไม่อนุญาตด้วยเหตุผลอะไรก็ตามซึ่งสามารถกระทำได้แล้วยังดื้อดึงบินเข้ามา..ก็จะโดนเครื่องบินรบขึ้นสกัดกั้น..และบังคับให้ลงจอด หรือผลักดันให้ออกน่านฟ้าไทย.. เพราะเป็นการบินล้ำน่านฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต..กระเทือนต่อความมั่นคง...
เรื่องของสินค้า......พูดกันตรงๆเลย...นักบินและลูกเรือไม่มีหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบ เพราะตามระบบการตรวจสอบนั้นจะตรวจสอบตามเอกสารว่าถูกต้องหรือไม่ เช่น สินค้ามีอะไรบ้าง..น้ำหนักเท่าไหร่...เป็นสินค้าที่เป็นวัตถุอันตรายหรือไม่ ถ้าเป็นวัตถุอันตราย..เป็นชนิดไหน..และขนส่งทางอากาศได้หรือไม่..กฎระเบียบเหล่านี้..มันชัดเจน..ไม่มีคำว่าดุลยพินิจ...เพราะมันมีกฎหมายซึ่งละเอียดมากค้ำคออยู่ และที่สำคัญเครื่องบินพลเรือนต้องมีการประกันภัย..ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นและผิดกฎหมายการบิน...ประกันภัยไม่จ่ายแม้แต่สลึงเดียว...
ส่วนเรื่องอาวุธนั้น..คงต้องสอบสวนกันให้ละเอียด....ใครเป็นเจ้าของ..ใครสั่งซื้อ..มีใบอนุญาตหรือไม่..ซึ่งน่าจะมีในอนุสัญญาต่างๆ..ที่เกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธ...ซึ่งผมไม่มีความรู้ในด้านนี้ครับ