นั่นนะสิครับ...
ทำไมท้องที่ที่ท่าน จขกท.อยู่ถึงไม่ยอมออกใบอนุญาตป.3 ล่ะครับ...
น่าจะลองถามนายทะเบียนดูนะครับ...
ไหนๆท่านก็มี motto ว่า "No Pain NO Gain" อยู่แล้ว...
แสดงว่าท่านต้องกล้าที่จะเจ็บเพื่อที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ...
แค่กล้าถาม กล้าลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิของตนเอง...
ปืนกระบอกนั้นของท่านจะมีค่ามากกว่ากระบอกอื่นๆ ทุกครั้งที่ท่านหยิบขึ้นมาดูครับ...
ด้วยความเคารพครับท่านRute ได้คุยก็แค่กับปลัดหน้าห้องครับ..แน่นอนครับ ถามแล้วครับท่านปลัดก็บอกว่านายอำเภอเขาไม่ให้ ถามก็ทำไมที่อื่นเขาขอได้ เขาก็บอกว่าไม่รู้เหมือรกัน แต่นายอำเภอเขาไม่ออกให้ แล้วท่านจะให้กระผมไปเคาะห้องนายอำเภอแล้วเปิดเข้าไปถามเลยเหรอครับ เดี๋ยวก็อดไม่ได้สักอย่างสิครับ ผมเดาเอาว่าท่านRuteคงอยู่คนละตำแหน่งกับผมถึงได้แนะนำแบบนี้ครับ
ด้วยความเคารพครับ...
ผมทราบว่าคนเราย่อมอยู่ในตำแหน่งและหน้าที่ที่แตกต่างกันในสังคม...
แต่ที่ไม่ต่างกันคือสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองตามรัฐธรรมนูญครับ...
ผมขออนุญาตยกตัวอย่างตัวผมเองนะครับ...
ตอนปี ๒๕๔๖ ...
(ชาวปืนคงจำได้ดีกับคำสั่งสั้น ๑ ยาว ๑ อันเนื่องมาจากนายกฯยุคนั้นต้องการจะกำจัดปืนในมือประชาชน...)
ผมมีปืนสั้นแล้ว ๒ กระบอก แต่อยากได้ .๔๕ อีกซักกระบอก...
สมัยนั้นต้องยื่นขอกับกองทะเบียนตำรวจที่ข้างๆแดนเนรมิตร...
ผมไปยื่นขอป.๓ สารวัตรที่ทำหน้าที่ซักปากคำบอกผมตรงๆว่าโอกาสอนุญาตน้อยมาก...
เพราะขนาด.๔๕ แถมผมยังมีปืนแล้วตั้งสองกระบอก...
ผมก็ถามท่านไปว่าต้องการเอกสารอะไรบ้าง...
แล้วผมก็หามาจนครบ ไปยื่นอีก...
ท่านก็บอกว่าคงยากนะครับ ครึ่งปีหลังนี่ไม่ออกเลยซักใบ...
ผมก็ตอบไปว่า ถ้าหากไม่อนุญาตผมยินดีเข้าชี้แจงกับนายทะเบียนด้วยตัวเอง...
สุดท้ายหลังจากรออยู่ห้าเดือน ผมก็ได้ใบอนุญาตป.๓ สำหรับ .๔๕ มา...
เลยกลายเป็นโชคดีไปเพราะปีนั้นป.๓ .๔๕ แทบไม่ออกเลย...
ปืนค้างโควต้ามาก ผมจึงซื้อโคลท์โกลด์คัพได้ในราคาไม่ถึงแปดหมื่นบาท...
อันที่จริงยังมีอีกตัวอย่าง...
แต่ผมพิมพ์แล้วมันหลุดไป หมดแรงพิมพ์ใหม่...
เอาแค่นี้ก่อนนะครับ...