น้ำมันดิ่งเเกือบ$2-หุ้นมะกันขยับเล็กน้อยรอข้อมูลคนว่างงาน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 ตุลาคม 2553 05:03 น.
เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิ่งแรงกว่า 1 ดอลลาร์วานนี้(7) หลังแตะระดับสูงสุดรอบ 5 เดือนเมื่อวันพุธ(6) จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน ขณะที่วอลล์สตรีท ขยับในกรอบแคบๆ ก่อนหน้าการเผยแพร่รายงานตัวเลขคนว่างงาน อันจะเผยภาพทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของสหรัฐฯในช่วงปลายสัปดาห์
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูตของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.63 ดอลลาร์ ปิดที่ 83.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่การประชุมนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐฯเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเฟดเปิดเผยว่าพวกเขาเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง หากว่าการฟื้นตัวเกิดสะดุด
ถ้อยแถลงดังกล่าวของเฟดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ได้ผลักให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างรุนแรง ส่งผลให้ราคาน้ำมันปิดบวกต่อเนื่องเป็นเงาตามตัว
การอ่อนค่าลงของดอลลาร์ส่งผลต่อตลาดน้ำมันอย่างชัดเจน ดังเห็นได้จากราคาที่ยังดีดตัวขึ้น แม้ว่าข้อมูลกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ จะบ่งชี้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศได้อ่อนตัวลงอย่างรุนแรง หลังพบคลังน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(7) ปิดในกรอบแคบๆ หลังนักลงทุนชะลอดูสถานการณ์ ก่อนหน้ารัฐบาลอเมริกาจะเปิดเผยข้อมูลสำคัญของภาคแรงงานที่จะเผยถึงสถานะทาง เศรษฐกิจของประเทศได้ชัดเจนขึ้น
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 19.30 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,948.35 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 3.01 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,383.67 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.00 จุด (0.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,158.04 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯระบุว่ายอดผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงาน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงจากสัปดาห์ก่อนกว่า ร้อยละ 2 เหลือ 445,000 คน อันนับเป็นระดับต่ำกว่า 450,000 คน เป็นครั้งแรกตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมและย้ำให้เห็นถึงแนวโน้มที่ลดลงเรื่อยๆ หลังจากพุ่งไปแตะระดับสูงสุดของปี 2010 ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม
อย่างไรก็ตามตลาดยังคงระมัดระวัง โดยนักลงทุนจับตามองไปที่ตัวเลขคนว่างงานที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯเตรียมเปิด เผยออกมาในวันศุกร์(
อันจะเผยให้เห็นถึงทิศทางเศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000141449