รายละเอียดเพิ่มเติมจาก คุณ.ต่อ
กบง.อุ้มคนใช้ รถอีกระลอก ลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 50 สตางค์ต่อลิตร หวั่นราคาดีเซลทะลุ 30 บาทต่อลิตรหากไม่ดูแล ชี้เงิน 5,000 ล้านพยุงราคาได้แค่ 2 เดือน คลังยังใจแข็งไม่ขยับภาษี อ้างกองทุนติดลบแสนล้านค่อยหาแนวทาง
ปัญหาราคาน้ำมันที่ยังคงพุ่งขึ้น อย่างต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้วจนถึงช่วงต้นปีนี้ ทำให้รัฐบาลต้องมีมาตรการดูแลราคาออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ก็มีมาตรการออกมาช่วยเหลืออีกครั้ง
โดย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการประชุม กบง.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ในส่วนน้ำมันดีเซลและไบโอดีเซลบี-5 ลงอีกลิตรละ 50 สตางค์ต่อลิตร หรือชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มเป็น 0.85 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชย 0.35 บาทต่อลิตร และชดเชยราคาไบโอดีเซลเพิ่มเป็น 1.50 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชย 1 บาทต่อลิตร เพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกจะอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร ไบโอดีเซลบี-5 อยู่ที่ 29.59 บาทต่อลิตร แต่หากไม่มีการอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ที่แท้จริงวันนี้อยู่ที่ระดับ 30.84 บาทต่อลิตร
"กองทุนน้ำมันเชื้อ เพลิงต้องติดลบเพิ่มเป็นเดือนละ 1,977 ล้านบาท จากเดิมติดลบเดือนละ 1,257 ล้านบาท และหากราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับนี้ คาดว่ากรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาทที่ใช้ดูแลราคาดีเซลน่าจะดูแลราคาได้ประมาณ 2 เดือน เพราะขณะนี้ใช้เงินไปแล้ว 770 ล้านบาท เหลือเงินอยู่ 4,230 ล้านบาท" นพ.วรรณรัตน์กล่าว
นพ.วรรณรัตน์กล่าวอีกว่า นโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี-5 เกรดเดียวนั้น จากเดิมกำหนดว่าจะเริ่มใช้ช่วงต้นปีนี้ แต่ต้องเลื่อนออกไปเป็นช่วงกลางปีแทน เพราะต้องรอให้ปริมาณผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการก่อน โดยวันที่ 6 ม.ค. คณะกรรมการปาล์มแห่งชาติ ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะประชุมเพื่อนำเข้าปาล์มดิบมาแก้ไขปัญหาขาดแคลน นอกจากนี้ ในวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จะเชิญโรงกลั่นน้ำมันในไทยหารือแผนการผลิตก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เพิ่มเติม ตามมติ กพช.ที่จะให้รับซื้อราคาแอลพีจีจากกลุ่มโรงกลั่นตามราคา ตลาดโลก เพื่อจูงใจให้โรงกลั่นผลิตแอลพีจีออกมาขาย แทนที่จะนำไปเป็นเชื้อเพลิงใช้ในโรงกลั่น
แหล่งข่าวจากวงการน้ำมันระบุว่า สิ่ง ที่น่าห่วงตอนนี้มากกว่าคือ ส่วนต่างราคาระหว่างดีเซลกับบี-5 ที่ปัจจุบันต่างกันแค่ 40 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่เมื่อช่วงปี 2553 ต่างกันถึง 2 บาทต่อลิตร ซึ่งต้องถามรัฐบาลว่าตกลงนโยบายส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลบี -5 อย่างไรแน่ เพราะส่วนต่างราคาไม่จูงใจให้ใช้
นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไม่น่าจะพุ่งขึ้นไปสูงเกินกว่า 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาปัจจุบันน่าจะขึ้นไปสูงสุดแล้ว โดยการดูแลราคานั้นก็ยังมีกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทำหน้าที่อยู่ ซึ่งมีเงินเหลืออยู่ 28,000 ล้านบาท และที่ผ่านมาก็เคยติดลบถึง 1 แสนล้านบาท แต่หากเกินกว่านั้นคงต้องพิจารณามาตรการภาษีต่อไป
"ต้องให้กระทรวงพลังงานแก้ไขไปก่อน ถ้าล้นจริงๆ ก็ต้องเสนอรัฐมนตรีคลังพิจารณา" นายมั่นระบุ
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การใช้เงินกองทุนน้ำมัน 5,000 ล้านบาทดูแลราคาน้ำมันดีเซลนั้น ขณะนี้มีการใช้เดือนละประมาณ 2,500 ล้านบาท ก็น่าจะตรึงไปได้ 2 เดือน คือ ม.ค.-ก.พ. หลังจากนั้น เดือน มี.ค. กรมสรรพสามิตค่อยมาพิจารณาเรื่องภาษีอีกครั้ง
ในช่วงเย็น เชลล์ได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลบี-5 ลงลิตรละ 30-50 สตางค์ต่อลิตร มีผลเช้าวันที่ 6 ม.ค. หลังจาก กบง.มีมติลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันไบโอดีเซลบี-5 อยู่ที่ 29.39 บาทต่อลิตรต่ำกว่า ปตท. และบางจาก 20 สตางค์ต่อลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์ปรับลดลงลิตรละ 30 สตางค์ ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเท่ากับ ปตท. และบางจาก
ที่มา : thaipost.net/news/060111/32462
ปตท. เงียบกริบ...