[22-01-10] แห่โทร.พิสูจน์ มือถือมรณะ

สบ ท.ตรวจสอบเลขโทรศัพท์มรณะพบเป็นแบบเติมเงิน 3 หมายเลข และรายเดือนอีก 1 หมายเลขโดยเปิดใช้อยู่จนเจ้าของเดือดร้อน เพราะมีคนโทร.มาพิสูจน์นับร้อยๆสาย ฮึ่มเผยแพร่เลขโทร ศัพท์มรณะทางเน็ต แล้วทำให้เจ้าของเดือดร้อนเข้าข่ายความผิดทางคอมพิวเตอร์ ดีแทคเผยไม่ ใช่เลขของบริษัทแต่เป็นไปไม่ได้ที่รับแล้วถึงตาย ชี้แค่ปล่อยข่าวสนุกๆ เท่านั้น กรมสุขภาพจิตเตือนเชื่อมากจะเครียดหนัก และเป็นไปไม่ได้ที่รับโทร.แล้วจะเสียชีวิต ส่วนที่ภาคเหนือยังกลัวไม่เลิก แถมมีเลขใหม่โผล่ขึ้นมาอีกแต่ยังขึ้นต้นด้วย "08-3333-xxxx" เหมือนเดิม พร้อมแนะทางแก้ให้เปิดเสียงออกลำโพง ที่ จ.น่าน เป็นหนักถึงขั้นพิมพ์เบอร์มรณะติดตามสถานที่ราช การ และที่ชุมชน

จากกระแส ข่าวลือเรื่อง "เบอร์โทรศัพท์มือถือมรณะ ต่อติดตาย" ขึ้นต้นด้วยเลข 3333 โดยมีการส่งฟอร์เวิร์ดเมล์ และพูดกันปากต่อปากทั่ว ภาคเหนือ ว่าห้ามรับโทรศัพท์ที่โชว์หมาย เลขขึ้นต้นด้วย "08-3333-xxxx" โดยมีการระบุเบอร์อย่างชัดเจน ถ้าใครกดรับจะถูกคลื่นเสียงความถี่สูงและคลื่นแม่เหล็กโจมตี มีเลือดไหลทะลักออกจากหูและจมูก บางรายแก้วหูแตก เลือดคั่งในสมองเสียชีวิต ตรวจสอบพบว่าเบอร์โทร.ที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข "083" อยู่ในกลุ่มผู้ใช้มือถือของบริษัทเอไอเอส โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่จากการโทรศัพท์ไปยังเบอร์ที่ขึ้นต้นด้วยหมาย เลข "08-3333-5xxx" ก็มีผู้หญิงรับและยืนยันว่าไม่ใช่เบอร์มรณะ และหลังมีข่าวลือมีคนโทรศัพท์มาสอบถามนับร้อยๆ สาย จนเดือดร้อนและจะปิดการใช้ไปก่อนชั่วคราว ขณะที่บริษัทเอไอเอสยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 ม.ค. นายประ วิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผอ.สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบเลขหมายที่ปรากฏเป็นข่าว พบว่าเป็นเลขหมายระบบเติมเงินในเครือข่ายเอไอเอส 3 เลขหมาย และรายเดือน 1 เลขหมาย แต่ทั้ง 4 เลขหมายมีผู้ใช้บริการและต้องเดือดร้อนคอยรับโทรศัพท์จากผู้คนจำนวนมากที่ ต้องการสอบถามข้อเท็จจริง ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวลือนี้แต่อย่างใด จึงขอความร่วมมือจากประชาชนงดการโทร.ไปที่หมายเลขที่เป็นข่าว ส่วนผู้ที่นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ผู้ที่เผยแพร่ข้อความเป็นเท็จ และทำให้เจ้าของเบอร์โทรศัพท์ได้รับความเสียหาย ถูกรบกวนสิทธิ์ และได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงมีความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

น.ส.พรรษา พงษ์ประดิษฐ์ หัวหน้างานฝ่ายคอลเซ็นเตอร์ บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเค ชั่น หรือ "ดีแทค" หนึ่งในผู้ให้บริการระบบโทร ศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำของประเทศ กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวทางดีแทคได้รับทราบเหมือนกัน คิดว่าไม่เป็นเรื่องจริง ทั้งนี้ เบอร์ที่ปรากฏตามข่าวนั้น ไม่ใช่เบอร์ของดีแทค จึงไม่สามารถตรวจสอบรายละเอียดหรือให้ข้อมูลมากไปกว่านี้ได้ โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง ส่วนที่มีรายงานว่าถ้ารับสายดังกล่าวจะทำให้แก้วหูแตกนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะในส่วนของคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ตัวคลื่นความถี่ไม่ส่งผลกระทบตามที่เป็น ข่าวได้ คาดว่าผู้ปล่อยข่าวน่าจะนึกสนุกมากกว่า

"อยากให้ประชาชนใช้ วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร เพราะทางเทคนิคระบบโทรศัพท์ เคลื่อนที่ไม่สามารถส่งคลื่นความถี่ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ทุกเรื่องมีข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ จึงอยากให้ผู้ที่ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อน ที่ทุกคนสบายใจ" หน.คอลเซ็นเตอร์ดีแทคกล่าว

ด้านน.พ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ควรเชื่อโดยมีพื้นฐานอยู่บนเหตุผล ต้องดูความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ ควรรับข่าวสารข้อมูลด้วยความระมัดระวัง มองสถานการณ์ให้รอบด้าน ถ้าเชื่อจนตื่นตระหนก เครียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หวาดผวา ไม่กล้ารับโทรศัพท์ จำเป็น ต้องพบจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยด่วน

น.พ.เทอดศักดิ์ เดชคง จิตแพทย์ประจำกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ทางการแพทย์เป็นไปได้ยากที่ได้รับโทรศัพท์แล้วจะทำให้เสียชีวิต นอกจากจะมีการหลอกหรืออำกันเล่น เช่น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลอกหรืออำว่าญาติป่วย ลูกตาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อจิตใจคน และบางรายถ้ามีโรคประจำตัวอยู่แล้วก็ยิ่งทำให้ช็อกแล้วเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ข่าวลือที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากพวกที่ชอบเล่นสนุก สร้างความตื่นตระหนก ซึ่งเข้าข่ายสร้างความเดือดร้อนให้สังคมโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ และยิ่งเป็นข่าวลือเกี่ยวกับความตาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว เป็นเรื่องของชีวิตคน ประกอบกับคนเรามีความเชื่อเป็นธรรมชาติติดตัวอยู่แล้ว ก็จะยิ่งทำให้ข่าวลือนั้นๆ กระจายไปได้อย่างรวด เร็ว และส่งผลกระทบต่อจิตใจเป็นธรรมดา

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.เชียงใหม่ ถึง ข่าวลือเรื่องโทรศัพท์มรณะยังสะพัดไปทั่วจังหวัด พร้อมกับข่าวเรื่องทางแก้ เช่น หากมีเบอร์แปลกเข้ามาและไม่แน่ใจ วิธีการรับคือให้กดรับและเปิดเสียงลำโพง อย่าเอาไปแนบที่หูเหมือนทุกครั้ง จะช่วยป้องกันได้ระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันเรื่องโทร ศัพท์มรณะยังแพร่หลายในสื่ออินเตอร์เน็ตโดยส่งต่อกันเป็นทอดๆ อาทิ ทางเว็บไซต์ ไฮไฟว์ เฟซ บุ๊ก ฯลฯ

นางสาวศศิธร สุริยะ อายุ 24 ปี พนักงานขายของร้านขายเครื่องประดับในห้าง ได้เปิดเผยว่า ต้นตอนั้นไม่รู้มาจากไหน แต่ที่แน่นอนก็กลัว เวลา มีโทรศัพท์ดังขึ้นก็จะต้องตรวจสอบก่อนว่าใช่เบอร์ ที่เป็นเบอร์มรณะหรือไม่ เพราะได้จดไว้ในกระ ดาษติดไว้ตามที่ผนังห้องและที่โต๊ะทำงานทุกจุดแล้ว พนักงานในห้างส่วนมากก็จะพูดคุยกันเรื่องนี้ และก็มีการบอกเบอร์มรณะดังกล่าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงขึ้นต้นด้วย 083 และต่อด้วย 333 หรือ 33 จากนั้นเลขสุดท้ายส่วนมากจะลงท้ายด้วย 67 เคยมีคนกล้าทดสอบโทร.ไปยังหมายเลขที่ระบุเอาไว้ ปรากฏว่าหมายเลขดังกล่าวก็ไม่ติด บางครั้งก็มีเสียงเป็นสัญญาณดัง 1 ครั้งแล้วก็เงียบ บางครั้งก็แจ้งว่าหมายเลขนี้ยังไม่เปิดให้บริการ

พระ ครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อย เตชปัญโญ พระเกจิชื่อดังแห่งล้านนา เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เตือนประชาชนไปแล้วว่าอย่าไปตื่นกับข่าว อย่าไปสร้างความกลัวขึ้นมาหลอกตนเอง ความกลัวนั้นจิตเราเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง หลอกตัวเอง เราต้องมีสติ รับฟังข่าวสารไตร่ตรองให้ดี พิจารณาให้ดี หากเราไปตื่นกับข่าวจะทำให้เราเกิดความเป็นทุกข์ เรื่องหมายเลขโทรศัพท์มรณะคิดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะสงบและหายไปในที่สุด ในจิตใจของคนเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ตอนนี้กระแสกำลังแรง ก็ขอให้ทุกคนมีสติ

ส่วน ที่จ.น่าน ถึงขั้นพิมพ์เบอร์โทรศัพท์มรณะหมายเลขต่างๆ ที่ได้ข่าวมาไปติดตามสถานที่ราชการ หรือแหล่งชุมชนเป็นการเตือนภัย และลือกันอีกว่ามีคนโทรศัพท์ไปสอบถามบริษัท เอไอเอส ผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ ได้รับคำตอบจากพนักงานคอลเซ็นเตอร์ว่า ให้เลี่ยงการรับโทร ศัพท์หมายเลขที่ขึ้นต้นด้วย "08-3333-XXXX" ไปก่อน จึงยิ่งทำให้เกิดความหวาดกลัวมากขึ้น

นายศิวกร มหานิล นักเรียนชั้นม.4/6 โรงเรียน สตรีศรีน่าน กล่าวว่า ไม่เชื่อกับข่าวลือ เพราะลองกดเบอร์โทรศัพท์ที่ประกาศติดแล้วก็ไม่ติดและก็ไม่เห็นเป็นอะไร และบางเบอร์ก็มีคนรับสายเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร อีกอย่างข่าวลือได้เปลี่ยนทุกวัน ตอนแรกบอกระเบิด มาตอนนี้บอกว่าเป็นไฟฟ้าดูด บางครั้งลือว่ามีเสียงพระสวดก่อนทำให้เสียชีวิต ทำให้ไม่น่าเชื่อถือ

ที่ จ.ลำปาง มีประชาชนสนใจและติดตามข่าวสารเรื่องเบอร์โทรศัพท์มรณะอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องข่าวลือที่ว่าเมื่อรับโทรศัพท์แล้วจะเสียชีวิตนั้นได้เงียบลงกว่า วันที่ผ่านมา แต่ชาวบ้านจะพูดคุยกันในประเด็นที่ว่าเชื่อหรือไม่ว่ารับโทร ศัพท์แล้วจะเสียชีวิต

นางจันทนีย์ มะลิวัลย์ อายุ 36 ปี ชาว อ.เกาะ คา จ.ลำปาง กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน เพราะหากมีลูกหลานใครเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการแปลกคือมีเลือดออกหู จมูก หลังจากคุยโทรศัพท์ จะต้องมีญาติหรือผู้ปกครองออกมาเรียกร้องและขอตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิต นั้น หรือหากเสียชีวิตเพราะคุยโทรศัพท์จริงจะต้องมีคนออกมาเรียกค่าเสียหายจากผู้ ให้บริการโทรศัพท์ หรือระบบโทรศัพท์ที่คนเสียชีวิตใช้ไปแล้ว แต่นี่มีเพียงข่าวลือว่ามีคนเสียชีวิต ส่วนสาเหตุของการมีข่าวลือนี้เกิดขึ้นโดยความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่าอาจจะเป็น ผู้ปกครองที่คิดจะดัดนิสัยลูกหลานที่วันๆ ชอบคุยโทรศัพท์ ไม่ยอมทำอะไร กลัวลูกจะติดเพื่อน จึงหาวิธีทำ ให้เด็กกลัวโดยการปล่อยข่าว

ส่วนนาง ปนัดดา ฉิมพลัด อายุ 40 ปี ชาว อ.เมือง จ.ลำปาง กล่าวว่า ทราบข่าวลือนี้ในตอนแรกก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ปักใจเชื่อ ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ได้ติดตามและพิสูจน์ให้ทราบแล้วว่าเรื่องเบอร์มรณะไม่เป็น เรื่องจริง คิดว่าอาจจะเป็นการเลียนแบบในภาพยนตร์หรือโปรโมตภาพยนตร์เรื่องใหม่ก็เป็น ได้ อีกประเด็นก็คิดว่าเป็นการดิสเครดิตของเครือข่ายเอไอเอสก็ได้ สำหรับผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนจะกลัวมากเป็นพิเศษ และจะคอยบอกว่าอย่ารับโทรศัพท์แปลก แต่หากว่ามีเบอร์โทรศัพท์เลขตองตามข่าวลือโทร.มาหาก็จะรับสาย จะได้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่

พล.ต.ต.อรรถกิจ กรณ์ทอง ผบก.ภ.ลำปาง กล่าวว่า จังหวัดลำปางไม่มีผู้เสียชีวิตในลักษณะแปลกๆ ตามข่าวลือที่ว่ามีเลือดออกทางหู จมูก ปาก แต่อย่างใด ตั้งแต่มีข่าวลือเกิดขึ้นก็ยังไม่ ได้รับรายงานเหตุการณ์ใดๆ ซึ่งต้นตอที่มาก็ไม่สามารถหาได้เช่นกัน สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ชี้แจงกับชาวบ้านว่าไม่ใช่เรื่องจริง

ที่มา : ข่าวสด

	ผู้เขียน	หัวข้อ: [22-01-10] แห่โทร.พิสูจน์ มือถือมรณะ (อ่าน 2297 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้