ตัวอย่างเช่น....
กระสุนขนาด .45ACP ของ Fiocchi แบบ FMJ น้ำหนัก 230 เกรน
ณ ปากลำกล้องให้ความเร็วที่ 875 ฟุต/วินาที ให้พลังงานปากลำกล้องที่ 390 ฟุตปอนด์
ส่วนกระสุนขนาด 9 มม. พาราฯ ของ Fiocchi แบบ FMJ Truncated น้ำหนัก 123 เกรน
ณ ปากลำกล้องให้ความเร็วที่ 1,250 ฟุต/วินาที ให้พลังงานปากลำกล้องที่ 425 ฟุตปอนด์
เมื่อคำนวณตามสูตร...ของ ท่านเป็กซ์....ขวัญใจ นศ. แล้ว....
ขนาด 9 มม. พาราฯ ย่อมให้พลังงานมากกว่าแน่ ๆ ครับ เพราะ ความเร็ว...ต่างกันตั้ง 375 ฟุต/วินาที
ถึงแม้ว่า...น้ำหนักหัวกระสุนขนาด 9 มม. พาราฯ จะน้อยกว่าก็ตาม...ครับ
แต่ตัวเลข...ที่แตกต่างกันถึง 35 ฟุตปอนด์ (425-390) นั้น
คือ...หน่วยวัด พลังงานของหัวกระสุน ณ ปากลำกล้อง นะครับ...
มิได้หมายถึง...อำนาจการหยุดยั้ง...ครับ....
เห็นได้ว่า “อำนาจการหยุดยั้ง”…นั้น…ซึ่งเป็นคนละความหมายกับ “พลังงาน ณ ปากลำกล้อง”
ตามความคิดของผม…ผมคิดว่า…
อำนาจการหยุดยั้ง…ของกระสุนที่มีผลต่อเป้าหมาย…
ต้องเกิดจาก…
การถ่ายเท…พลังงาน ณ ปากลำกล้อง ที่มีอยู่ทั้งหมดของหัวกระสุน…ไปยังเป้าหมายในระยะเวลาอันสั้น ๆ ครับ
เมื่อหัวกระสุนกระทบต่อเป้าหมาย ในทันที…
การถ่ายเทพลังงานฯ นี้…ไปยังเป้าหมาย..
ตามทฤษฎีจะก่อให้เกิด….โพรงอากาศชั่วคราว…ขึ้น ต่ออวัยวะภายในของเป้าหมาย…ในช่วงเวลาสั้น ๆ
ซึ่งผมเชื่อว่า…โพรงอากาศชั่วคราวนี้…
น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เป้าหมายเกิดอาการช็อค (shock) ในทันทีที่ถูกกระสุน ครับ
ดังนั้น พลังงาน ณ ปากลำกล้อง ก็คือ ……….
พลังงานสะสม (อันได้มาจาก…การคำนวณด้วยความเร็วของหัวกระสุนและน้ำหนักของหัวกระสุน) ที่มีอยู่ในหัวกระสุนนั่นเอง ครับ
นั่นก็หมายความง่าย ๆ ว่า…การใช้กระสุนที่มีความเร็วสูง…
ก็จะทำให้หัวกระสุนมีพลังงานฯ สะสมไว้ในตัวของมันเองมากขึ้นเป็นเงาตามตัว…ครับ
ซึ่งตรงนี้เราเถียง…ทฤษฎี…ไม่ได้ครับ
ที่นี้…มาว่ากันที่หัวกระสุน…ความเร็วต่ำ ๆ จากที่ผมกล่าวไว้ในตอนต้น ๆ
ความเร็วต่ำ ๆ ของหัวกระสุนอาจส่งผลในเรื่องของการถ่ายเทพลังงานฯ ครับ
ผมคาดไว้ว่า…เมื่อหัวกระสุนกระทบต่อเป้าหมายแล้ว
ท่านลองนึกภาพดูนะครับ ว่าระหว่างที่หัวกระสุนวิ่งผ่านอยู่ภายในเป้าหมาย
หากเราให้หัวกระสุน…มีการถ่ายเทพลังงานสะสมที่เหมาะสมในระดับหนึ่ง (ที่ประมาณไว้)
แต่…พลังงานสะสม (ที่มีอยู่ในหัวกระสุน) เหล่านั้น
ไม่สามารถถ่ายเทออกมาได้ทั้งหมด (425 ฟุตปอนด์) ในขนาด 9 มม. พาราฯ
ซึ่งอาจถ่ายเทออกมาได้แค่ 60% หรือ 70% เท่านั้นในแบบ FMJ
เพราะความเร็วของหัวกระสุนยังไม่หมด…(หัวกระสุนยังไม่หยุดการเคลื่อนที่)
พลังงานก็ย่อมที่จะสะสมอยู่ในหัวกระสุนนั่นเอง ถูกต้องม่ะครับ
และบังเอิญ…เป้าหมายในการใช้งานนั้น…ส่วนใหญ่จะมีความหนาไม่มาก…
ดังนั้น…จากสาเหตุในข้างต้น…ก็ย่อมแสดงว่า…
หัวกระสุนวิ่งทะลุเลยออกจากเป้าหมายไป…ถูกต้องม่ะครับ
พลังงานสะสมในหัวกระสุนก็ย่อมที่จะไม่ถูกถ่ายเทออกไปที่เป้าหมายจนหมด…
เพราะส่วนหนึ่งก็คือ การเคลื่อนที่ (ความเร็วสะสม) ของหัวกระสุน นั้นเองครับ
(….เป็นที่มาของคำว่า…”ความคมของหัวกระสุนในขนาด 9 มม. พาราฯ ไงครับ)
ตรงนี้เองครับ….ที่กลายมาเป็นสูตร…ตามที่ผมเคยอ่านและวิเคราะห์มา…
และดูง่าย ๆ ก็จากความโด่งดัง..ในการหยุดทหารญี่ปุ่นที่วิ่งเข้าใส่ทหารอเมริกัน ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2
ของอานุภาพกระสุนบันลือโลก….ขนาด .45ACP ครับ
กระสุนขนาด .45ACP แบบ FMJ
มีความเร็วต้นที่ 875 ฟุตต่อวินาที ซึ่งนับได้ว่า “ต่ำกว่าความเร็วเสียง”
มีน้ำหนักของหัวกระสุนที่ 230 เกรน เมื่อมีน้ำหนักมาก ก็ย่อมทำให้หัวกระสุนมีความเร็วต่ำ ตามความเป็นจริง
ท่านลองวาดภาพตามน่ะครับ…..
เมื่อหัวกระสุนขนาด .45ACP กระทบต่อเป้าหมาย…และอยู่ในระหว่างการวิ่งผ่านภายในของเป้าหมาย
ซึ่ง…หัวกระสุนขนาด .45ACP มีความเร็วต่ำ…(อย่างน้อย ๆ ก็ต่ำกว่าหัวกระสุนขนาด 9 มม. พาราฯ ล่ะครับ)
ดังนั้น…การที่หัวกระสุนจะทะลุเป้าหมาย….นั้น มีโอกาสได้น้อย…
(หากเทียบเคียงกับหัวกระสุนขนาด 9 มม. พาราฯ แล้ว)
เมื่อหัวกระสุนกระทบเป้าหมายและหยุดการเคลื่อนที่ (ภายในเป้าหมาย)…ก่อนที่หัวกระสุนจะทะลุเป้าหมาย
ก็หมายความว่า หัวกระสุนได้ถ่ายเทพลังงานสะสมทั้งหมด (390 ฟุตปอนด์) ที่มีอยู่…ไปยังเป้าหมายแล้ว…
ดังนั้น…การเกิดโพรงอากาศชั่วคราวขึ้นภายในของเป้าหมาย…
ก็ย่อมที่จะมีขนาดใหญ่กว่ากระสุนขนาด 9 มม. พาราฯ
แล้ว..เป้าหมาย…จะเหลืออะไรล่ะครับ….
ตรงนี้ไงครับ….
เป็นที่มาของสูตร…อำนาจการหยุดยั้ง…
1. ความเร็วของหัวกระสุนต่ำ
2. น้ำหนักของหัวกระสุนมาก
มาถึง…หน้าตัดกว้าง…หรือเส้นผ่าศูนย์กลางของหัวกระสุนกันแล้วครับ
ถ้าเราเปรียบ…พลังงานสะสมในหัวกระสุน เป็น…น้ำ
หน้าตัดของหัวกระสุน ก็เปรียบเสมือน…ท่อน้ำ…นั่นเองครับ
หากท่านใช้ท่อส่งน้ำ…ที่มีขนาดใหญ่…
การถ่ายเทน้ำออกจากที่กักเก็บ ก็ย่อมที่จะดีกว่า…มากกว่า…ใช้ท่อส่งน้ำขนาดเล็ก ในระยะเวลาเท่า ๆ กัน
ถูกต้องม่ะครับ…
ดังนั้น…ถ้าเป้าหมายมีลักษณะโครงสร้างเหมือนกัน…อาทิ ความหนา หรืออื่น ๆ
หัวกระสุน…ที่มีหน้าตัดกว้างกว่า…ก็ย่อมที่จะถ่ายเทพลังงานสะสมไปยังเป้าหมายได้ดีกว่า
และถ้าท่านลองวาดภาพ…ดู
หากหัวกระสุน…มีหน้าตัดกว้าง…
โอกาสที่จะ…ทะลุออกจากเป้าหมายก็ย่อมเกิดขึ้นได้ยากกว่า หัวกระสุนที่มีหน้าตัดแคบ..
คล้าย ๆ กับท่านลองใช้…ปลายเข็มเย็บผ้า…จิ้มเข้าไปในเนื้อผ้า
ก็ย่อมที่จะ…ทะลุเนื้อผ้า…เข้าไป ได้ง่ายกว่า…ท่านใช้ปลายปากกา…ไงครับ
ในกรณีที่….ใช้แรง..เท่า ๆ กันนะครับ…อิ อิ
นี่แหละครับ เป็นที่มาของข้อสุดท้ายในสูตร…
คือ…หน้าตัด หรือเส้นผ่าศูนย์กลาง กว้าง….
เพียงแต่ก่อนที่จะใช้งาน…เรา (ผู้ใช้) มีโอกาสเลือก..ครับ
1. เลือกที่จะใช้กระสุนที่มีน้ำหนักมากไว้ก่อนเป็นประการแรก
2. เลือกที่จะใช้กระสุนที่มีความเร็วต่ำไว้ก่อนเป็นประการต่อไป
3. เลือกแบบของหัวกระสุนที่ถูกออกแบบมาให้เกิดการถ่ายเทพลังงานไปยังเป้าหมายได้ง่ายกว่า….
ส่วนหน้าตัด…ของหัวกระสุน…นั้น เราเลือกไม่ได้ง่ะครับ…
เพราะเป็นเรื่องของ…คุณสมบัติและข้อกำหนดในตัวของอาวุธปืน…มากกว่าครับ
อีกทั้งท่านคงไม่สามารถนำกระสุนขนาด .45ACP ไปใส่ในปืนขนาด .22 ลองไรเฟิล ได้เป็นแน่…..อิ อิ
ส่วนที่เหลือจากนี้ต่อไป…ก็ไปว่าที่เทคนิคในการใช้งาน
ความแม่นยำ….
และก็ความมีโชคของแต่ละท่านแล้วล่ะครับ…
ไหน ไหน เราก็ได้มีโอกาสเลือก…กระสุนแล้ว…….
จากบทความ…ที่ผมร่าย…มา ณ โอกาสนี้
ผมในฐานะผู้ post คงต้องเรียนให้ท่าน ๆ ทราบไว้ด้วยครับว่า…
ไม่อยากที่จะให้ท่านใด นำไปอ้างอิง…ตามหลักวิชาการเท่าไรครับ
เพราะ…ผม post จากความคิด..และความเข้าใจของผมเท่านั้น..
และก็ให้ความเห็นในลักษณะ ครูพักลักจำ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนนานาทัศนะจากท่าน ๆ ในเว็บฯ แหละครับ…
อาจมีท่านใดที่มีความเห็นต่างไปจากนี้…
ก็สามารถแสดงความเห็นได้น่ะครับ
เพื่อความหลากหลาย…นานา ในทัศนะต่าง ๆ
อย่างน้อย ๆ ก็อาจช่วยให้เรา ๆ ท่าน ๆ ได้เข้าใจ…
ถึงคำ ๆ ว่า….”อำนาจการหยุดยั้ง” ได้ดีมากขึ้นครับ…
หมายเหตุ….ผมเลี่ยงที่จะกล่าวถึงการระบุที่ชัดเจนในการคำนวณต่าง ๆ ในกรอบนี้
เพราะว่า…หากเมื่อมีการสอบถามเพิ่มเติม….
ผมเอง….อธิบายลำบากครับ…เพราะมิได้ศึกษาจริงจังเท่าไรนัก…ครับ
หากมีข้อผิดพลาดประการใด…ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ความเห็น…หนึ่งในทีมงาน…ซึมเศร้า…เหงาเพราะ…ร๊ากกกกก…คร้าบ….
จากนิ้ว…ที่จิ้มแป้น…