แหมเรื่องไม่น่าเกิด .. ก็อาจจะเกิด เราคนมีปืนพกพาติดรถติดราก็อาจพลอยเดือดร้อนไปได้
ลองวิเคราะห์กันดูครับ
++!! สาวอัซูซุขับรถติดไฟแดงคล่อมรางรถไฟ กระหน่ำบีบแตรใส่หนุ่มเจ้าของรถเบ้นซ์ให้ขัยบแต่ยังไม่หลีกทางให้ เลยจอดรถตะลุมบอนกันกลางถนน ด้านตร.แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายทั้งคู่
เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (7 ก.พ.) ขณะที่ พ.ต.ท.จตุภูมิ รักษาภักดี พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางกอกน้อย กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพักก็ได้มี นายวุฒิชัย สามกองาม อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1100 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กับ น.ส.สุทธินี สามกองาม อายุ 33 ปี ผู้เป็นลูกสาว เข้ามาแจ้งให้ดำเนินคดีกับ นายทักษิณ ประภัย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 399/18 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย ในข้อหาทำร้ายร่างกาย
นายวุฒิชัย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสาวกับตนได้ขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีแดง หมายเลขทะเบียน ฌท-6971 กทม.ไปรับหลานที่ย่านบางขุนนนท์ เพื่อไปทำบุญที่วัดศรีสุดาราม กระทั่งมาถึงบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ ช่วงบริเวณหน้าโรงจำนำ ก่อนถึงแยกบางขุนนนท์เล็กน้อย ก็จอดรถติดไฟแดงจอดคล่อมทางรถไฟอยู่ หลังจากนั้นสักพัก รถไฟกำลังจะมา ลูกสาวจึงบีบแตรไล่รถเบนซ์ เอสแอลเค สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ศ-4787 กทม.ที่มี นายทักษิณ เป็นคนขับ แบบไม่หยุด แต่ก็นายทักษิณก็ไม่ยอมเลื่อนรถไป จนไม้กั้นทางลงมาจนติดหลังคารถตน ทำให้ลูกสาวต้องหักรถออกทางขวาไปที่ช่องทางกลาง แล้วบีบแตรไล่รถคันที่อยู่ช่องทางกลางอีกคัน
นายวุฒิชัย กล่าวต่อว่า หลังรถคันหน้าในช่องทางกลางขยับ ลูกสาวจึงขับรถไปปาดหน้ารถเบนซ์ของนายทักษิณ แล้วมองหน้า ก่อนที่ลูกสาวจะลงไปจากรถ ตนก็เดินลงตามพร้อมถือร่มไปด้วย แต่ระหว่างนั้นกลับถูกนายทักษิณ ทำร้ายร่างกายจนตนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าผากเป็นแผลถลอก มีเลือดไหลตลอดเวลา จึงมาแจ้งความดังกล่าว
ด้านนายทักษิณ ให้การว่า ตนเป็นเจ้าของร้านตำไทย ย่านพรานนก และเพาะปลาหมอสีส่งออกเป็นอาชีพเสริมด้วย โดยก่อนเกิดเหตุเพิ่งขับรถกลับจากไปดูการถมที่ดินที่ จ.นครนายก และกำลังขับจะรถไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ โดยใช้ถนนเส้นตัดใหม่ เมื่อมาถึงทางออกถนนจรัญสนิทวงศ์ ตนก็เลี้ยวซ้ายมาติดไฟแดงแยกบางขุนนนท์ เพื่อเตรียมข้ามทางรถไฟไป
นายทักษิณ ให้การต่อว่า หลังจากนั้น รถกระบะอีซูซุคันหลังที่จอดคล่อมรางรถไฟอยู่ ก็บีบแตรไล่รถตนแบบไม่หยุด จนไม้กั้นรถไฟลงมาพาดหลังคารถ ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะหักออกขวาไป แล้วบีบแตรไล่รถคันหน้าจนเป็นที่น่ารำคาญของรถคันอื่น เมื่อรถคันหน้าขยับออกให้ คนขับรถกระบะอีซูซุก็ขับมาปาดหน้ารถตน ซึ่งตนสังเกตุเห็นว่าในรถมีหญิงสาวคือ เป็นคนขับ มีคนแก่นั่งมาข้างๆ ก็คือนายวุฒิชัย และมีเด็กอีก 3 คน
นายทักษิณ ให้การต่ออีกว่าจากนั้น น.ส.สุทธินี ที่ขับรถกระบะก็ลงมาจากรถ แล้วตรงเข้ามาด่าตนว่าทำไมไม่มีน้ำใจขยับรถให้ ตนพยายามอธิบายแล้วว่า รถคันหน้าไม่ขยับออกไป ตนจะขยับรถให้ได้อย่างไร แต่ น.ส.สุทธินี ก็ไม่ยอมฟัง จนกระทั่งนายวุฒิชัย เดินถือร่มตามลงมาแล้วเอาร่มยันประตูรถตนไว้ พร้อมกับพูดว่า "มึงมีปัญหามากนักเหรอ" จากนั้นก็เอาร่มแทงใส่หน้าตนจนเป็นแผล แถมยังต่อยตนอีกหลายหมัด
จังหวะนั้นตนจับปืนลูกโม่ขนาด .38 ที่อยู่ภายในรถไว้ แต่ไม่ได้ควักออกมา เพราะเกรงว่าทั้ง 2 คน มีเจตนาจะชิงทรัพย์ตน เนื่องจากตนใส่สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาทไว้ที่คอ และมีเลสทองคำที่ข้อมืออีก
นายทักษิณ ยังให้การอีกว่า จากนั้นตนก็ตัดสินใจลงรถแล้ววิ่งหนี เพราะไม่ต้องการให้เรื่องบานปลาย แต่นายวุฒิชัยกลับไม่ยอมหยุด ยังวิ่งตามทำร้ายร่างกายตนอีก ชาวบ้านในระแวกนั้นก็เห็นเหตุการณ์อยู่ตลอด จนตนไม่ไหวผลักร่มจนหักทิ่มใส่หน้านายวุฒิชัยจนเป็นแผล ระหว่างนั้นตนพยายามบอกให้ น.ส.สุทธินี ห้าม นายวุฒิชัยผู้เป็นพ่อ แต่กลายเป็นว่าทั้ง 2 คนกลับมาช่วยกันรุมทำร้ายตน จนใบหน้าและตามร่างกายเป็นแผลหลายแห่ง สุดท้ายมีตำรวจมาห้ามไว้ พร้อมกับพาตนและคู่กรณีทั้ง 2 คน มาที่โรงพัก
ระหว่างที่มาถึงโรงพัก นายวุฒิชัย ก็ถามว่าในกระเป๋าตนมีอะไร ตนก็ตอบว่ามีปืนอยู่ นายวุฒิชัยก็ขอดูตนจึงเปิดให้ดู แต่เจ้าตัวกลับคว้ากระเป๋าวิ่งไปให้ตำรวจอีก อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวตนก็ไม่อยากมีปัญหากับใครเลย อีกทั้งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ยังชมตนว่าใจเย็นมาก ขนาดมีปืนยังไม่ยอมเอาออกมาใช้
ด้าน พ.ต.ท.จตุภูมิ กล่าวว่า หลังสอบปากคำคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ก็ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่ายกายทั้งคู่ และแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร กับนายทักษิณ เพิ่มอีก 1 ข้อหา
ที่มา ..
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017726 --------------------------------------------------------------------------------