เรื่องไม่ระวังจอดรถไม่พ้นทางรถไฟหรือ ตรงนี้เป็นความผิดของกะบะแน่ครับ แต่ความผิดแบบนี้มีโทษไม่ถึงขั้นต้องตายน่ะครับ... ประเด็นคือคนที่ต้องตัดสินว่าใครผิดต้องรับโทษไม่ใช่คนใช้รถใช้ถนนร่วมกันครับ แต่เป็นตำรวจจราจรเป็นผู้เขียนใบสั่ง เรื่องนี้จบลงตรงที่กะบะจอดปุ๊บ ความผิดสำเร็จปั๊บ ถ้าตำรวจเห็นก็เขียนใบสั่งได้ทันที แต่เรื่องนี้จบแล้วน่ะครับ...
ส่วนเรื่องที่สองคือ คนที่จอดรถขวางหน้าในขณะที่รู้ว่ารถไฟกำลังจะมา แล้วรถไฟอาจหยุดไม่ทัน มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือคันหลังให้พ้นภัยเฉพาะหน้านะครับ ไม่ใช่แค่แล้งน้ำใจอย่างเดียว แต่เป็นความผิดโดยงดเว้นกระทำการ เพราะตนเองมีหน้าที่ครับ... ทำนองเดียวกับเห็นคนกำลังจะจมน้ำแล้วไม่ช่วยเหลือแหละครับ...
พี่สมชายว่ามาถูกต้องแล้วครับ หากรถคันข้างหน้าจงใจไม่ขยับให้เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่งครับ หากมีเหตุการณ์เช่นนี้สมควรให้การช่วยเหลือครับ
แต่หากมองในมุมกลับ ถ้าคนขับอีซูสุ ไม่เห็นแก่ตัวรีบร้อนจะไปให้ได้กับแค่ระยะทางไม่กี่เมตรตรงทางรถไฟ เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นครับพี่
แล้วถ้ามองต่ออีกนิดถ้าหากเรื่องที่ทางฝ่ายคู่กรณีบอกเป็นความจริงว่าติดรถข้างหน้าขยับไม่ได้จริงๆล่ะ
ซึ่งผมมองว่าก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่รถติดไฟแดงจะจอดติดกันระยะ1ฟุทหรือน้อยกว่าแบบนี้ก็อาจจะขยับให้ไม่ได้ครับ ยิ่งถ้าระยะห่างจากแยกถึงรางรถไฟน้อย
ก็จะไม่มีที่ว่างพอที่จะขยับให้คันหลังพ้นอยู่ดี จุดนี้ผมไม่ได้เข้าข้างใครแต่ผมพยายามมองเหตุผลและความเป็นไปได้ในทุกทางครับ
ผมมองว่าคนขับอีซูสุควรจะต้องมองว่าเรื่องเกิดจากตัวเองก่อน พิจารณาว่าไปไม่แล้วไม่น่าพ้นก็ยังไม่ต้องไป ช้าไปแค่ระยะทางไม่มี่เมตรเวลาไม่กี่นาทีครับ
และตราบใดที่ตัวผู้ขับอีซูสุเองยังมีพฤติกรรมการขับรถประมาทแบบนี้อยู่ต่อไปซักวันอาจจะกลายเป็นเรื่องเศร้าขึ้นมาจริงๆก็ได้ครับ
เพราะความประมาทน้อยนิดก็อาจจะกลายเป็นเรื่องเศร้าได้ จากข่าวที่เราเห็นกันบ่อยๆ ด้วยความเคารพครับพี่