หากไม่นับเรื่องใหญ่ขนาดอธิปไตยของชาติแล้ว....
เรื่องที่คนเราน่าจะเครียดมากที่สุดก็คือเรื่องความเป็นความตายหรือเจ็บป่วยครับ...
ปกติผมก็แข็งแรงดีเหมือนคนในวัยเดียวกัน...
เพิ่งมารู้ว่าผมก็มีอาการใจสั่นเหมือนกัน ก็ตอนที่เครียดจริงๆจังๆสองครั้งครับ...
ครั้งแรกตอนปี ๓๙ ปีที่ผมกำลังขึ้นแพทย์ประจำบ้านปีที่ ๓ ใหม่ๆ...
วันที่อยู่เวรครั้งแรก คร่าวๆก็คือรับผิดชอบชีวิตคนไข้ทั้งแผนกศัลยกรรม...
ตอนหัวค่ำยังงานยุ่งๆอยู่ ทั้งผ่าตัดทั้งดูคนไข้ก็ไม่เป็นไร...
พอตกดึกมีเวลานั่งพัก มานั่งนึกๆว่าเรารับผิดชอบทั้งหมดร่วมร้อยชีวิตนี่หว่า...
ใจก็เลยสั่นขึ้นมา เลยเรียกรุ่นพี่(แต่เข้ามาเรียนช้าจึงเป็นแพทย์ประจำบ้านปีที่ ๒)ที่อยู่เวรคู่กันมาช่วยจับชีพจร...
พี่แกจับชีพจรแล้วก็บอกว่า " เอ็งใจสั่นจริงๆ แต่ไม่ต้องกังวล ข้าหัวใจเต้นผิดปกติมาตั้งปีกว่าแล้วยังไม่เป็นอะไรเลย"...
เลยนั่งฮากันแทน...
อีกครั้งตอนที่คุณพ่อผ่าตัดเปลี่ยนเส้นเลือดใหญ่ในช่องอกเมื่อปี ๕๑...
โชคดีที่ผมรู้จักคุณหมอที่ผ่าตัดให้เพราะเรียนรุ่นเดียวกัน...
โชคร้ายที่เพื่อนผมบอกอัตราเสี่ยงมาให้เรียบร้อยเพราะเห็นว่าพวกเดียวกัน...
ด้วยความเสี่ยงที่สูงกว่าการผ่าตัดเปลี่ยนหลอดเลือดหัวใจตามปกติสิบกว่าๆเท่า ทำให้ผมต้องมานั่งใจสั่นรอระหว่างที่คุณพ่อผมเข้ารับการผ่าตัด...
หลังจากส่งคุณพ่อเข้าห้องผ่าตัดไปเจ็ดชั่วโมง...
ผมเริ่มทนรอไม่ไหว จึงเปลี่ยนชุดตามเข้าไปดูในห้องผ่าตัดทั้งๆที่ตอนแรกตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไป เพราะไม่อยากเพิ่มความเครียดให้เพื่อน...
จึงได้เห็นหลอดเลือดใหญ่ของคุณพ่อถูกตัดออกมากองไว้บนโต๊ะ...
แต่โชคดีที่กำลังจะเสร็จและเย็บปิดอกเรียบร้อยไปแล้ว...
เลยได้ออกมารอลุ้นช่วงหลังผ่าที่ไอซียูต่อ...
หายใจสั่นไปอีกที...เฮ้อ...