วันนี้เวลา16.35น. ก็ขับรถไปตระเวนทดสอบปืนเพื่อประเมินประสิทธิภาพของการเซ็ทระยะยิง มาถึงโกดังเก็บสินค้าที่ตอนนี้มีแค่ยามเฝ้าอยู่ไม่ได้ใช้เก็บสินค้าแล้ว มีนกพิราบมาอาศัยทำรังเป็นจำนวนมากหลายพันตัว จับเต็มหลังคาโกดังเรียงรายเมไปหมด ผมจอดรถแอบข้างทางดูลาดเลา ดูทิศทางแล้วว่าปลอดภัยก็หยิบน้องสุดสวยออกมาย่องไปแอบอยู่ข้างรั้วยกปืนส่องไปยังนกพิราบที่อยู่บนหลังคาพร้อมกับปรับโฟกัสจนเห็นนกชัดเจน ระยะบนวงล้อบอกระยะ 27 เมตรผมก็มานึกว่าตอนยิงที่ระยะเท่านี้มันต้องเล็งตรงไหน จากนั้นก็ทำการเล็งตามกำหนดแล้วเหนี่ยวไก นกพิราบตัวนั้นโดนกระสุนแล้วบินถลาขึ้นไปแต่ไม่นานก็หัวทิ่มลงไปข้างหลังโกดัง ตัวที่สองระยะ 18 เมตรไม่มีที่พิงปืนผมเลยต้องยืนยืงแบบนักยิงปืนยาวอัดลมทีมชาติคราวนี้เล็งตรงเพราะคิดว่ากระสุนคงกินสูงไม่มากนัก สิ้นเสียงปืนนกพิราบตัวนั้นก็ดิ้นพราดๆ และดับดิ้นอยู่บนหลังคา ตัวถัดมาอยู่ไกลออกไปอีกประมาณ 25 เมตรผมยืนยิงเหมือนเดิมคราวนี้ยิงพลาดนกบินแตกกระเจิงไป มีที่ต้องระยะ 50 เมตรอยู่ 2 ครั้งแต่ละครั้งไม่พลาดนกโดนกระสุนดิ้นพราดอยู่บนหลังคาแล้วก็แน่นิ่งไปทั้ง 2 ตัว มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นกมันยื่นเฉพาะส่วนตัวออกมาผมพลาดยิงกับตัวรถเล็งตรงกลางหัวนก แต่นกก็ไม่ยอมอยู่นิ่งส่ายหัวไปมาตลอดเวลากระสุนก็เลยพลาดเป้า หลังจากเดินหาช่องทางยิงนกระหว่างตัวอาคารผมก็ลืมว่าได้ขึ้นลำไว้แล้วในลำกล้องพอไปเจอนกที่จะยิงก็เลยป้อนกระสุนเข้าไปอีกและระยะยิงก็ไกลประมาณ 48 เมตรพอล่นไกก็ได้ยินเสียงกระสุนหล่นไปโดนหลังคาไม่ถูกนกแต่อย่างไรด้วยความสงสัยจึงง้างลูกเลื่อนแล้วถอดแมกกาซีนออกมาดูจึงรู้ว่ากระสุนมันหายไป 1 นัดที่แท้ใส่กระสุนเข้าลำกล้องไป 2 นัดพร้อมกัน สำหรับวันนี้หลังจากมีการทำ Zero Setting แล้วทำให้การยิงมีความแน่นนอนขึ้นความแม่นยำมีมากขึ้นจากการยิง 12 ครั้งโดนเป้า 9 ครั้ง นกตายคาที่ 7 ตัวและไปตกตายที่อื่น 2 ตัว มียิงพาดอยู่ 3 ครั้ง ตอนนี้สามารถล่านกพิรายและนกอื่นๆ ไปแล้ว 62 ตัว ภายในเวลา 15 วัน เฉลี่ยวันละ 4 ตัวเศษ
ท่านใดที่คิดจะล่านกพิราบก็รีบๆ ทำ Zero Setting ซะนะครับมันใช้ได้ผลดีจริงๆ เดี๋ยวจะทำให้ละเอียดมากกว่านี้จะได้เอาไปยิงField Target
ปัญหาของปืนอัดลม PCP ทั่วไปที่ใช้แมกกาซีน คือ โหลดกระสุน 2 นัด อ่านดูแล้วก็คิดว่าตอนนี้
คุณ TropyX มีประสบการณ์นี้เข้ากับตัวไปแล้ว
ผมเองเคยครั้งแรกเมื่อหลายวันก่อน เป็นปืน AA รุ่น DTR ใช้แมกกาซีนเหมือน S410 ผมดูแบบเผิน ๆ
แมกกาซีนของผมหายไปแล้วก็เลยไม่มีเอามาเปรียบเทียบ แต่คิดว่าเหมือนกันครับ ปืนรุ่นนี้ถ้าไม่ใส่พานท้าย
จะยิงไม่ได้ วิธีใส่พานท้ายก็เอาพานท้ายมาต่อแล้วหมุนเกลี่ยวที่อยู่สุดพานท้าย โดยให้เกลียวเป็นตัวดึงพานท้าย
เอาไปประกอบสนิทเอง เรื่องแฮนด์ลิ่งการยิง คนรูปร่างอย่างผม หรือเป็นเฉพาะตัวผมเองก็ไม่รู้นะ
พบว่าไม่ประทับใจ ไม่คิดอยากได้เลย ทั้งที่เคยคิดอยากได้เหมือนกัน ตอนเติมลมก็เติมได้ด้วยดีตอนแรก
แต่พอแรงลม 150 บาร์ ก็มีแรงดันรั่วออกทางหัวทองเหลือง ก็เลยเติมได้แค่นั้น
ระบบเติมกระสุนเป็นแบบ both action คือเป็นก้านเหมือนปืนลูกเลื่อนไรเฟิล แต่การทำงานยากกว่าปืนไรเฟิล
ปืน AA รุ่นที่ใช้วิธีขึ้นลูกแบบ both action คือขึ้นลูกแบบรุ่นเก่า จะมีปัญหาตอนดึงก้านถอยหลัง
มันตึงมือเกินไป ไม่เหมาะกับสุภาพสตรี การดึงก้านถอยหลังต้องออกแรงดึงมาก ไม่ใช่ดึงแรงๆ นะครับ
การออกแรงดึงมาก กับดึงแรง ๆ ต่างกัน คือ การออกแรงดึงมากต้องใช้พลังงานแขนและมือมาก
แต่การดึงแรง ๆ คือการกระชาก จะทำให้อุปกรณ์เสียหายได้
ทีนี้พอออกแรงดึงก้านลำเลื่อนก็จะถอยหลัง ถ้าดึงไม่แรงพอ ก้านก็ยังคาอยู่ในรูแม๊ก ถ้าจับจุดไม่ได้
ก็จะดันกลับทำให้ยิงไม่ได้ ถ้าดึงแรงมากขึ้นจนทำให้แมกกาซีนหมุน แมกกาซีนจะหมุนทวนเข็ม
คือเอานัดล่างขึ้นบน ต่างจาก HW100 ที่แมกกาซีนหมุนตามเข็มเอานัดบนลงล่าง
ที่นี้ย้อนมาระบบ both action จากที่ได้สัมผัสมา พอดึงก้านถอยหลังมาจนสุดทำให้แมกกาซีนหมุน
ก็ต้องดันกลับและดันเข้าไปจนสุดพร้อมหักก้านลงมาในตำแหน่งปกติ จึงจะยิงได้
แต่ผมพบปัญหาคือ ยิงไม่ออก ทั้งที่ขั้นตอนทำเหมือนกันทุกอย่าง กลายเป็นงก ๆ เงิ่น ๆ ไม่มีความมั่นใจ
เมือยิงไม่ออก ผมก็ต้องดึงก้าน action อีกครั้ง ทำให้แมกกาซีนหมุนอีกรอบ คราวนี้เลยกลายเป็น 2 นัด
ก็ยิงออกไปทั้ง 2 นัด กระสุนกระเด็นไปคนละทิศทาง ผมยิงระยะ 8 เมตร กระสุนกระเด็นกลับมาโดนหัว
คือ ความแรงกระสุนมันแรงไม่ถึงพอก็อาจทำให้กระสุนกระเด็นสะท้อนกลับได้เหมือนกัน
ถ้าแรงมาก ๆ มันตะกั่วจะบี้ติดกับแผ่นเหล็ก ไม่กระเด็นสะท้อนมาครับ
จากที่สัมผัส AA DTR ในช่วงชั่วโมงนั้น ก็ทำให้จับจุดได้ว่า ถ้าปืนมีอาการยิงไม่ออก ให้ดึงก้านอีกครั้งจนสุด
แล้วถอดแมกกาซีนออก แล้วก็ดันก้านกลับไปตำแหน่งปกติ แล้วก็ยิงก็จะทำให้ไม่โหลดกระสุน 2 ครั้ง
แล้วผมก็นึกย้อนไปตอนยิงปืนคุณ sakda M14 นัดแรกที่ผมดึงก้าน side level พบว่าหลุดมือ เพราะฟิลลิ่ง
ของผมที่ยิง hw100 มาตลอด มันดึงเบาแรงกว่ามากมาย เบาแรงแค่ไหน ก็ทำนองว่าคนที่ยิง S410 มาจนชิน
อาจทำให้ก้าน side level ของ hw100 เสียหายได้ถ้าออกแรงเหมือนเดิมตามความเคยชินนั้นหละครับ
ดังนั้นตอนผมดึง side level ของ s410 ครั้งแรกจึงหลุดมือ และในการยิงนัดต่อ ๆ ไป ต้องระมัดระวังในการดึง side level
เมื่อพิจารณาดูแล้วก็พบว่า ระบบ both action แบบเก่าหรือแบบที่รุ่น DTR หรือ รุ่น s400 เมื่อมีการดึงก้านลำเลื่อนก็จะ
เป็นการดึงก้านโดยตรง แต่เมื่อปรับการดึงก้านโดยตรงมาเป็นการดึงก้านให้เลือนถอยหลังโดยอ้อม ก็จะออกมาในรูปของ
ระบบ side level ที่ใช้ใน s410 นั้นเอง แต่อย่างไรก็ตามการเลื่อนลำเลื่อนให้ถอยหลังทั้ง 2 ระบบ ก็ต้องออกแรงมากอยู่ดี
แต่ Side level จะดูสะดวกกว่ามาก วันนั้นที่สนามยิงปืน ถ้า s410 เป็นระบบ both action ผมคิดว่าคงมีใครสักคนที่ยอมรับ
ไม่ได้ก็คงคิดอยากจะขายปืนแน่ ๆ
และประสบการณ์ที่ผมสัมผัสระบบ side level ปืนทั้ง 2 รุ่นมาแล้ว จึงพอพูดได้ว่าหากยิง 10 นัด แข่งกันจับเวลาโดยไม่สนใจ
ความแม่น ด้วยระบบโหลดกระสุนของปืนสองที่มีการทำงาน action เหมือนกัน ก็สรุปได้ว่า hw100 สามารถยิงกระสุน 10 นัด
หมดก่อน s410 นั้นก็คือสามารถยิงซ้ำได้เร็วกว่า
หากนำไปเทียบกับปืนที่คุณมนตรีกำลังอยากได้ hw100 ก็จะแพ้ราบคาบ แต่ปืนแบบนั้นมีอันตรายซ่อนไว้เหมือนกัน
คือถ้าปรับไปที่เซมิ ถ้ามีนะ(เซมิ คือการขึ้นกระสุนนัดต่อไปแบบอัตโนมัติ แต่ผู้ยิงต้องเหนี่ยวไกยิงเองทุกนัด
เหมือนปืนสั้นออโต) ก็อาจเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้จากการที่มีกระสุนอยู่ในรังเพลิงตลอดเวลา ไม่เหมาะกับเด็ก ๆ แน่
และปืนพวกนี้จะมีความสึกหรอสูงกว่าปืนธรรมดา ราคาแพงกว่า บำรุงรักษายากกว่า อย่าลืมว่าการยิงหลายนัดในเวลา
อันรวดเร็วทำให้แรงดันลมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทำให้มีการเปลี่ยนอุณหภูมิเร็วกว่า ส่งผลให้เกิดปรากฏการธรรมชาติได้ดีกว่า
คือการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำของอากาศก็ย่อมมีโอกาสสูงกว่าเช่นกัน ได้อย่างเสียหลายอย่างครับ
ปัญหาการโหลดกระสุน 2 นัด ใน hw100 ไม่สามารถเกิดได้ ถ้าปืนปกติดี ก็คือ ถ้าโหลดกระสุนแล้ว
ยังไม่ยิง หากดึงก้าน side level อีกครั้งแมกกาซีนจะไม่หมุน ก็นับว่าราคาปืนที่แพงก็คงเป็นกลไกของระบบแมกกาซีน
ตรงนี้ด้วย แล้วอีกอย่างคือ วัสดุที่ทำท่อลมดูเหมือนจะทำจะสแตนเลสทำให้หมดปัญหาเรื่องสนิม
ตอนนี้ก็กำลังสงสัยว่าระบบเรกกูเรเตอร์จะเป็นวัสดุทนสนิมด้วนหรือเปล่า เพราะพวกเยอรมันคงมี
ความวิตกจริตมากกว่าปกติ ในเรื่องของผลงานที่ตนทำออกมาจะต้องมีความทนทานเป็นหนึ่งในโลกนี้
และเรื่องวัสดุเหล็กของเยอรมันก็เป็นอันดับต้น ๆ เรียกว่าเป็นผู้นำของโลกเลยก็ว่าได้ ไม่งั้นคงไม่คิดจะครองโลกหรอก
ทุกวันนี้หากใครจบเรื่องวัสดุเหล็กจากเยอรมันก็การันตีได้ว่าเป็นหนึงไม่เป็นรองใคร
บางที่ก็แวบ ๆ ในความคิดนะว่า อยากให้ นิตยสารอาวุธปืน นำผลการทดสอบ s410 มาลงให้ชมบ้าง
ถ้าไม่มีปืนก็เอากระบอกของผมที่คาอยู่ที่ร้านปืนเอกภัทรกระบอกมีรูนั้นหละ คงอีกหลายวันกว่าจะได้ไปรับ
