รูปก่อนและหลังยิงกระเบื่องครับ จะเห็นว่าเป็นรอยจุดขาวๆ แต่ไม่แตกไม่ทะลุครับ ไม่รู้ปืนผมมีปัญหาเรื่องความแรงหรือป่าวครับ ต้องเอาปืนไปสนามbbเพื่อทดสอบความเร็วกระสุนซะแล้ว
รูปนี้ถ่ายเมื่อเช้านี้เองครับใช้ jws แรงระดับ5 ลมในกระบอกมากกว่า190 ระยะเผาขนครับแบบว่ายิงไดยหันหน้าหนีครับกลัวตะกั่วกระเด้งเข้าตาครับ
คุณครับ กระเบื้องหลังคาที่คุณยิงมันอาจแข็งกว่าอิฐบล๊อกรั้วนะขอรับ ลองยิงอิฐบล๊อกดูสิครับ
สวัสดีครับน้าsitta ช่วงนี้ง่ายยุ่งหรือครับไม่เห็นมาเขียนบทความให้อ่านบ้างเลยครับ
เอ๋...........หรือว่ากำลังวิ่งเต้นเรื่อง ป.3 อยู่ครับ

ตามคำขอคุณ Rapin paiwan ครับ ปั่นต้นฉบับให้อ่านแก้เหงากัน
ตอนนี้คิดว่าจะมีภาคสองนะครับ เพราะนกพิราบมี 3 ตัว
ภาคที่กำลังจะได้อ่านนี้ เป็นภาคแรก มีนกพิราบตัวเดียว
เป็นตัวแรกทีโดนก่อนเพื่อน
ภาคต่อไปถ้าไม่ลืมเขียนจะมีนกพิราบที่เหลือโดนเด็ด 2 ตัวในช่วงเวลาเดียวกัน
hw100 ระยะ 25 เมตร
เข้าวันเสาร์ เวลา 07.00 น.
อากาศเมื่อเทียบกับเดือนก่อนรู้สึกค่อนข้างร้อนกว่า ผมพาร่างกายผ่านสนามหญ้าด้วยอาการที่อิดโรย
เนื่องจากเมื่อคืนนอนเกือบตีสอง แล้วยังมาตื่นตอนตีห้าครึ่งตามปกตินิสัย วันนี้กะว่าสายอีกหน่อยจะออก
ไปซื้อแฮงค์มาดื่มสักขวดพอให้ร่างกายดื้อไปถึงตอนเย็น ด้วยอีกไม่ถึงชั่วโมงผมต้องออกเดินทางไปทำงาน
เสาร์อาทิตย์นี้ไม่ได้หยุดอีกแล้ว เมื่อเสาร์และอาทิตย์ก่อนผมต้องไปทำงานโดยตลอด 2 วันต้องยืนอยู่หน้าห้อง
รวมแล้วยืนไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง จนวันที่ 3 มีอาการตะคริวกินน่องเดินขเยกเหมือนตอนสมัยหลัง
วิ่ง 20 กิโลเมตร อาการเหมือนกันเป๊ะเลย
ทุกวันผมจะเดินมาพร้อมปืนอัดลม แต่วันนี้เดินมาตัวเปล่า มองออกไปนอกรั้วบนหลังคาเพื่อนบ้าน เพื่อมองหานกพิราบ
เพราะมีเสียงกระซิบบอกตอนออกไปซื้อไข่เมื่อสองวันก่อนว่า เพ่. เพ่. ตอนนี้นกพิราบมันมาเกาะหลังคาบ้านหนูแล้ว
พี่ช่วยไล่มันไปให้หน่อยสิ ผมเองฟังแล้วก็งง เพราะขึ้นต้นว่าเกาะหลังคาบ้านหนู แล้วจะให้ผมไล่มันไปให้หน่อย ตกลง
ผมจะต้องทำให้หนูหรือหน่อยกันแน่ ตอนนั้นผมไม่ตอบตรงแต่พูดแบบอ้อม ๆ ว่าถ้าพี่ว่างพี่จะดูให้นะ เพราะถ้าผมบอกว่า
จะไล่ให้ มันก็อาจจะมีรายการตามไปดู ทำให้เรื่องมันโจ่งครึ่มทั่วซอย ประเดี๋ยวงานจะเข้าเสียเปล่า ๆ
ผมเดินข้ามยอดหญ้าแห้วหมูที่ยาวครึ่งหน้าแข็งจนไปถึงเกือบริมรั้ว ก็หยุดเดินเพราะตรงที่หยุดนั้นหญ้าไม่ยาว
พอมีที่ให้นั่งได้ ผมจึงนั่งยอง ๆ ลงดูลาดเลา ไอ้โชคแมวที่บ้านก็เดินลัดเลาะรอดพงหญ้าตามมาคลอเคลียแข้งขา
ผมต้องคอยป้องไม่ให้มันเอาลำตัวมารูดกับกางเกง เพราะกางเกงตัวนี้เป็นกางเกงนอน ผมเกรงว่าขนแมวจะติด
กางเกงไปถึงที่นอน ตาก็เหลือบดูข้ามรั้วไปที่หลังคาบ้านที่ทำเป็นร้านขายของ ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติตามที่ร้านขายของ
บอกเมื่อวันก่อน ยกนาฬิกาขึ้นมาดู 07.00 น. มองไปรอบ ๆ เห็นยอดหญ้าบางแห่งยังเปียกน้ำค้างอยู่
ขณะกำลังป้องไอ้โชคกันไม่ให้มันเข้ามาคลอเคลีย พลันหูก็ได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้ ฮือ ๆ ๆ
ชัดเลย จากการวิจัยเฉพาะด้านเกี่ยวกับเรื่องนกพิราบทำให้ผมเข้าใจทันทีว่ามันเป็นเสียงนกพิราบตัวใหญ่ ขนสีเทา
อกแดง (อันนี้ว่าเอาเองนะครับ ผมไม่เก่งขนาดฟังเสียงแล้วบอกสีได้หรอก ส่วนใหญ่นกพิราบมันก็สีเทาครับ)
ไม่รอช้า ไม่ต้องดูว่ามันจะออกมาเมื่อไหร่ ผมรีบลุกแล้วเร่งเดินกลับไปเทอเรสหน้าบ้าน ปืนอัดลม hw100
นอนอยู่ในกระเป๋าปืนที่วางไว้แล้ว ผมรีบเปิดกระเป๋าด้วยมือทั้งสองกดขอบกระเป๋าตรงตำแหน่งฝาล๊อกลงไปก่อน
แล้วใช้นิ้วดึงฝาล๊อกออกมา มันจะออกมาได้โดยง่ายกว่าไม่กดขอบกระเป๋า ทำสองครั้งก็สามารถเปิดฝาล๊อกได้หมด
ตอนใส่ก็ใช้วิธีเดียวกัน จะเป็นการช่วยยืดอายุฝาล๊อกกระเป๋า พอเปิดฝาล๊อกครบทั้ง 4 ฝาแล้ว ผมก็ใช้มือซ้าย
เปิดฝากระเป๋าอันใหญ่โตค้างไว้ มือขวาเอื้อมลงไปจับกระโจมปืนบีบกระโจมปืนไว้แน่นแล้วยกปืนออกมาด้วยมือเดียว
เมื่อปืนพ้นขอบกระเป๋าแล้วผมจึงลดมือซ้ายลงปิดกระเป๋าไว้อย่างเดิม แล้วเดินกลับไปยังริมรั้ว โดยสลับใช้มือซ้าย
กุมกระโจมปืนอัดลมแทน เอาลำตัวออกไปทางหน้าบ้าน แนบปืนอัดลมเป็นแนวยาวดิ่งตามลำตัวกับท่อนขาให้ปลาย
กระบอกปืนชี้ลงดิน เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุของคนนอกบ้านที่อาจเดินผ่านแล้วมองเข้ามาพอดี
เมื่อเดินมาถึงจุดเดิมที่ริมรั้ว ไอ้โชคยังคงนอนกระดิกหางอยู่ มันส่งเสียงร้องเมื่อเห็นผมเดินเข้ามา แม้ว่าจะเสียงมันจะออก
แหบ ๆ แต่ผมก็รู้ว่ามันพยายามออกเสียงว่า เหมียว ผมก็นั่งลงแล้วใช้มือขวาลูบหัวมันเบา ๆ ไอ้โชคเป็นลูกแมว
ที่เกิดมาในบ้านหลายตัว พี่น้องของมันหายไปหมด เหลือไอ้โชคกับแม่ศรี แม่ศรีเป็นแมวตัวโปรดของผม
วันสุดท้ายที่ผมเห็นแม่ศรีเป็นวันที่ผมขับรถเข้าบ้านตอนสองทุ่ม ผมไม่เห็นแม่ศรีนอนใจเย็นอยู่กลางถนนในบ้าน
แม่ศรีหลบล้อขนาด 31 นิ้ว ที่กลิ้งเขามาไม่ทัน ก็เลยถูกล้อกลิ้งทับผ่านร่าง พอล้อกลิ้งผ่านร่างไป แม่ศรีจึงได้วิ่ง
ไปชักกลางสนามหญ้า โดยมีไอ้โชควิ่งทำหน้าเลิกลั่กไปดมแม่ที่นอนเหยียดเกร็งแล้วก็ยืนหันมาดูที่ผม เหมือนจะให้
ผมช่วย ผมก็ทำอะไรไม่ถูก ทำได้ก็แค่วิ่งไปดู ภรรยาผมที่เห็นก็ทำได้แค่ยกมือทาบอกวิ่งไปวิ่งมา แล้วเหมือนจะตะโกน
ให้คนในบ้านช่วย ผมต้องทำมือจุ๊ปากให้เงียบ ๆ ก่อน ผมขอร้องไม่ให้ภรรยาบอกลูก เพราะว่าผมกลัวลูกเสียใจ
ภรรยาผมเป็นคนโกหกไม่เป็น ผมก็เลยบอกไปว่างั้นไม่ต้องพูดอะไรถ้าถูกถามก็เฉย ๆ ไป ผมกลัวลูกรับไม่ได้
ไม่ต้องตอบ ทุกวันนี้คนในบ้านก็เข้าใจว่าแม่ศรีหายไปเอง ผมนั่งลูบหัวไอ้โชคด้วยความเอ๊นดู คิดถึงแม่ศรีไปด้วย
07.20 น.
เกือบถึงเวลาภรรยาลงบ้านมาทานอาหารแล้ว ผมนั่งรอมาเกือบยี่สิบนาทีแล้ว ทุกวันผมจะมีเวลาเพิ่มโดยบวกเวลาทาน
อาหารอีกประมาณ 15 นาที ไม่น้อยกว่านี้ แต่วันนี้จะมีการทานอาหารในรถ ตะคริวเริ่มกินที่น่องอีกแล้ว
ช่างมัน ผมคิดปล่อยให้มันเป็นตะคริวไป ตะคริวเมือเป็นแล้วถ้าเราทนไว้จนถึงทึ่สุดมันจะผ่อนคลายไปเอง
ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงกระพือตีปีกดังปั๊บ ๆ ดังมาจากหลืบหลังคาสเต็ปที่ต่ำกว่าหลังคาจริง ถ้ามันเดินออกมา
ผมก็ยังไม่สามารถยิงได้ เพราะวิถึกระสุนอาจเลยไปเสยกระเบื้ยงใต้หลังคาบน ถ้าผมจะยิงก็ต้องรอให้มันบินขึ้นมา
เกาะหลังคนบนเสียก่อน เสียงตีปีกดังอีกแล้วแต่ยังไม่เห็นตัวมัน คิดว่ามันคงวอร์มกล้ามเนื้อก่อนออกบินเป็นแน่
ผมนั่งเฝ้ามองไปยังแหล่งเสียงด้วยใจจดจ่อ พิจารณาหามุมยิงเมื่อเจ้าของเสียงเดินออกมาแต่ก็พบว่าไม่มีมุมยิง
นอกจากเจ้าของเสียงต้องบินขึ้นไปเกาะหลังคาบนเท่านั้น ผมเลือกได้แค่มุมยิงที่ผมจะหันหลังให้ทิศตะวันออก
ตรงจุดนี้อยู่ใกล้มาก แม้ว่านกพิราบจะอยู่สูงกว่า นกพิราบก็จะมองเห็นผมไม่ชัด
07.21 น.
และแล้วผมก็มองเห็นเจ้าของเสียงตัวจริง เป็นนกพิราบสีเทา อกใหญ่ มันเดินมาเกาะขอบหลังคาสเต็ป ผมปล่อยให้มันเกาะ
ไปอย่างนั้น ยังไม่ยิงเพราะเกรงวิถีกระสุนจะทะลุเสยใต้หลังสูง แล้วผมก็เห็นนกพิราบตัวที่สองเดินออกมา ขนาดมันย่อมลงมา
และแล้วตัวทีย่อมกว่ามันก็โผบินร่อนลงหายไปลับหลังรั้ว ผมปล่อยไปโดยไม่พยายามปีนรั้วขึ้นไปยิงด้วยเพราะรู้ว่าถ้าเรายืน
ไม่มั่นก็จะยิงปืนไม่แม่น แล้วตัวใหญ่ก็เดินหายเข้าไปในหลืบหลังคา
เวลาผ่านไปไม่นานนกพิราบตัวย่อมบินกลับมามันถลากางปีกชลอความเร็วและเกาะบนสันรางน้ำสังกะสีของหลังคาชั้นบน
และเดินหายลับตาไปบนหลังคาชั้นบน ผมรีบยืนขึ้นรู้สึกเจ็บแปล๊บจากตะคริวน่องแต่ก็รีบสลัดความเจ็บนั้นทิ้งไป และก้าวเดินประชิด
ไปที่ต้นมะรุมที่เพิ่งปลูกใหม่งอกลำต้นสูงราว 2 เมตร เพื่อรอให้นกพิราบตัวนั้นเดินมาที่สันหลังคาด้านที่ผมยืนรออยู่ ระหว่าง
รอผมประทับเล็งไปที่ขอบหลังคาเพื่อปรับโฟกัสและพยักหน้าตราจพาราแลกไปด้วย เมือพาราแรกหมดไป ภาพชัดพอใช้ได้
ผมดึงหน้าออกมาจากพานท้ายดูระยะโฟกัสที่วงแหวนฟ้องว่าเกินระยะ 30 หลา แต่เท่านี้ดูแล้วระยะน่าจะประมาณ
25 เมตร เท่านั้น
07.23 น.
ในที่สุดเวลาที่ผมรอก็มาถึง นกพิราบตัวย่อมกว่าเดินมาหยุดที่ขอบหลังคาบน ผมรู้ทันที่ว่าหากชักช้ามันจะต้องโผร่อนลงบนหลังคา
สเต็ปซึ่งทำให้ผมหมดโอกาสยิงทันที ไวเท่าความคิดมือขวาดึงก้าน side level มาจนสุดแบบเบาที่สุดเหมือนเกรงว่า
นกพิราบจะได้ยิน แล้วก็ดันก้านกลับจนสุดมันเป็นการใส่กระสุนที่ง่ายดายมาก ลำดับต่อมาผมรีบประทับปืนดึงพานท้ายกระชับร่อง
ไหล่แน่นที่สุด มือซ้ายกำกระโจมปืนพร้อมกับใช้นิ้วนางนิ้วก้อยซ้ายรวบก้านลำต้นของต้นมะรุม แยกขาก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าพอยืน
ได้มั่นคงวาดปืนเข้าหานกพิราบตัวนั้น ภาพในกล้องเล็งผมมองเห็นนกพิราบถูกแสงจากดวงอาทิตย์สองกระทบขนเป็นประกาย
มันวาว มันหมุนตัวยืนหันข้างให้ผม นั้นก็หมายความว่ามันยังไม่ตัดสินใจกระโดดลงมายังที่พักของมัน ผมยังพอมีเวลาจัดระเบียบ
ตัวเองให้มั่นคง มือซ้ายปรับปรุงการเกาะลำต้นมะรุมที่โอนไปมาได้เพราะมันยังไม่แข็งแรงพอ แม้ว่าจะเป็นการปรับจัดระเบียบตัว
แต่ภาพนกพิราบก็ยังอยู่ในกล้องเล็งตลอดเวลา ช่วงเวลาสุดท้ายของมันก็มาถึงเมื่อมันหันหน้าเข้าหาแสงพระอาทิตย์ นั้นก็
หมายถึงนกพิราบหันหน้าเข้าหาผม ผมจัดกากะบาทนิ่งตรงกลางอกนกพิราบตัวนั้นทันที กลั้นหายใจแล้วลากนิ้วทันที
สิ้นเสียงดังของปืนขนทราวอกนกพิราบที่เกาะขอบหลังคาเตรียมโผลงทีพักก็มีอันกระจายฟุ้งเหมือนหมอนแตก และยังมีขนปุย
พุ่งฟุ้งเป็นแนวเส้นตามวิถีกระสุนตัดขอบฟ้าด้านหลัง นกพิราบตัวนั้นเสียการทรงตัวล้มลงตีปีกตามสัญชาติญานบิน
แต่พอดีการตีปีกมันอยู่ในท่านอน จึงทำให้กลิ้งไปตามทางลาดของหลังคา ระหว่างนั้นเองนกพิราบตัวใหญ่คงจะตกใจ
ที่เพื่อนอยู่ดี ๆ ก็ตีปีกเหมือนเจออะไรเข้าสักอย่าง จึงรีบออกจากหลืบและโผบินหนีทิ้งเพื่อนไป นกพิราบตัวย่อมกว่ายัง
ดิ้นตีปีกพั่บ ๆ จึงทำให้มันกลิ้งมาจนถึงรางน้ำและลอยข้ามหล่นลับหายไปหลังขอบรั้ว เสียงปืนอัดลม hw100T
แรงดัน 80 บาร์ ยามเช้ามันช่างดังเสียนี่กระไร
ผมรีบเดินกลับไปหน้าเทอเรสโดยไม่ลืมแนบปืนกับตัว แต่ครานี้ผมแนบปืนด้านขวาเพื่อเอาลำตัวบังปืนตอนเดินกลับ
ในใจคิดว่าวันพรุ่งนี้ต้องมารออีกรอบ เพราะเจ้านกพิราบตัวใหญ่ยังอยู่