สถานีเพลงร็อค...

เอามาฝากครับ
ไหว้

POK104Gun

"ดอนผีบิน"

มาจากชื่อหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตอนเหนือของจังหวัดน่าน แต่ก่อนกาล บริเวณที่ราบสูงแห่ง
นั้นเคยเป็นสมรภูมิรบล้างเผ่าพันธ์สมัยล้านนาหลายร้อยปีก่อน จากอดีตสู่ปัจจุบันดินแดนนี้ได้กลายเป็น
ตำนานเล่าขานของชาวบ้าน ปากต่อปากว่าในคืนวันเพ็ญจะมีแสงวนเวียนลอยร่อง
บริเวณนั้นบางครั้งก็ได้ยินเสียงร้องครวญคราง เรื่องราวนี้ก็ระบือรือไกลว่าเป็น ดินแดนแห่ง "ดอนผีล่องลอย"

ต่อมาได้กลายเป็นชื่อวงดนตรี "ดอนผีบิน"
ก่อตั้งวงขึ้นปี พ.ศ. 2528 โดย 3 พี่น้องตระกูล "แก้วทิตย์" ประกอบไปด้วย

1. สมบัติ แก้วทิตย์ พี่ชายคนโต รับตำแหน่งกีต้าร์และหัวหน้าวง
2. สมศักดิ์ แก้วทิตย์ พี่ชายคนรอง รับตำแหน่งกลอง
3. สมคิด แก้วทิตย์ คนสุดท้อง รับตำแหน่งกีต้าร์เบสและร้องนำ

รูปแบบดนตรีเน้นศิปการสร้างสรรค์และอิสระเป็นหลัก เนื้อหาและเรื่องราวจะเป็นเรื่อง
ของปัญหาสังคม ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ เรื่องราว ปรัชญาชีวิตและจิตวิญญาณ ความตาย มิติที่4

.......เมื่อหลายๆปีก่อน.....

ได้กำเนิดวงดนตรี แนว Heavy จากจังหวัด น่าน
ซึ่งเป็นการรวมกันของสามพี่น้องตระกูล “แก้วทิตย์.”ที่เล่นดนตรีด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
“ดอนผีบิน” กลายเป็นวงดนตรีที่นักวิจารณ์ดนตรีต่างขนานนาม เป็นเสียงเดียวกันว่าเป็น “อุกาบาต
ทางดนตรี”เนื่องจากเป็นวงที่มาจากชนบททางภาคเหนือแบบไม่มีต้นสายปลายเหตุ แต่กลับมีความเป็นตัวตน
ทั้งสำเนียงดนตรีและเนื้อหาที่นำเสนอสู่คนฟัง อีกทั้งชื่อวงที่แปลกแบบไม่สนใจตลาด

อัลบั้ม “โลกมืด” เป็นอัลบั้มร็อค-เฮฟวี่ ที่จุดกระแสวงการเพลงร็อคใต้ดินในตอนนั้น
ดอนผีบินยังออกอัลบั้มชุดที่สอง “เส้นทางสายมรณะ” ตามมาติดๆ ซึ่งแนวเพลงหนักกว่าอัลบั้มแรกมาก
และตั้งแต่นั้นมา คนในวงการต่างก็ยกให้”ดอนผีบิน” เป็นเจ้าพ่อของวงการดนตรีแนวเฮฟวี่เมทัล
ในฐานะเป็นผู้บุกเบิกดนตรีแนวนี้ในเมืองไทย… ดอนผีบิน รวมตัวกันแบบไม่มีวันแรกตั้งวง
เนื่องจากเป็นพี่น้องกันและเล่นดนตรีกับญาติๆในหมู่บ้าน แต่จุดเริ่มของดอนผีบินจริงๆ
น่าจะเป็นจุดที่สมศักดิ์และสมคิดได้ทำงานด้วยกันที่ จ.เชียงราย ได้ซื้อเครื่องบันทึกเสียง 4 แทรค
ร่วมกัน เมื่อปี 2532 เพื่อทำเดโม นั่นเป็นจุดเริ่มของการทำเพลงร่วมกันของสามพี่น้องแบบเป็นเรื่องเป็นราว
โดยที่สมบัติซึ่งเป็นครูอยู่ที่ น่าน ได้เดินทางไปร่วมสมทบช่วงเสาร์-อาทิตย์

จนบทเพลงของดอนผีบินเป็นรูปเป็นร่างที่พอจะนำไปเสนอค่าย จึงมีการคิดชื่อวงและ
ร่างภาพปกอัลบั้มและออกแบบโลโก้วงโดยสมบัติ แก้วทิตย์ ...ดอนผีบิน ใช้เวลากว่า 2 ปี
ในการติดต่อกับค่ายเพลง ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้ทำเพลงเพิ่มไปเรื่อยๆ ดนตรีของพวกเขาได้เปลี่ยนไปตามยุค
ซึ่งแนวเพลงเฮฟวี่เมทัลได้เปลี่ยนไปเป็นแนวที่หนักขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากชุดที่ 2 ซึ่งแนวเพลงเปลี่ยนไป
จากชุดที่ 1 อย่างมาก อัลบั้ม”โลกมืด” ถูกปฏิเสธจากค่ายเพลงทุกค่ายที่นำไปเสนอ ดอนผีบิน จึงบันทึกเสียงเอง
และวางแผนที่จะวางงานชุดแรกของพวกเขาเอง โดยจัดพิมพิ์ปกแล้วนำไปให้กลุ่มทำเทป 501
อัดลงม้วนเทปและวางตลาดให้ โดยมี Roxx Records
คอยเป็นพี่เลี้ยงและช่วยประชาสัมพันธ์ให้

อัลบั้มที่ 1 “โลกมืด”
วางจำหน่ายในวันแรกในวันที่ Metallica มาเยือนเมืองไทย
ที่หน้างานคอนเสิร์ต Metallica เมื่อ 26 เม.ย.2536 มีโต๊ะเล็กๆวางเทปของดอนผีบินอย่างเดียว!
พร้อมด้วยรถเครื่องเสียง กระหึ่มแบบดิสโก้เทค ทำเอาทีมงานของ Metallica ออกมาดูและค้อนแบบแปลกใจ!!
เพราะเขานึกว่ามีคนแอบเอางาน Metallica มาขาย เพราะหนักหน่วงไม่แพ้กัน!! หลังนั้นก็วางจำหน่ายตามร้านต่างๆ
แบบใต้ดินโดย Z Rock Marketing

บทเพลงของดอนผีบินสวนกระแสเพลงดาราและได้รับการตอบรับอย่างคาดไม่ถึงจากแฟนเพลงที่เบื่อเพลงตลาด
ในขณะนั้นซึ่งเป็น การจุดกระแสวงการเพลงใต้ดินอินดี้ของเมืองไทยครั้งใหญ่ตั้งแต่นั้นมา หลังนั้นเทปอัลบั้มชุดนี้ได้ถูก
ผลิตขึ้นมาใหม่มาตรฐานกว่าเดิม พร้อมกับเปลี่ยนปกใหม่ โดย ONPA Marketing และผลิตเป็นซีดี โดย BBM

อัลบั้มที่ 2 “เส้นทางสายมรณะ”
ดอนผีบินได้เข้าห้องบันทึกเสียงเพื่อทำอัลบั้มชุดที่ 2 ทันทีหลังจากที่ชุดแรกได้รับการตอบรับ
โดยได้นำเพลงที่ได้ทำเตรียมไว้อยู่แล้วบันทึกเสียงออกสู่ตลาดเมื่อปี 1 ก.ค. 2537 โดย
Roxx Records และ Onpa Marketing
ทั้งเทปและซีดี ...ความหนักหน่วงของอัลบั้มชุดนี้ได้ รับรางวัล Reader Vote
จากนิตยสาร The Quiet Storm
ที่สุดฮ็อตในขณะนั้น

อัลบั้มที่สาม “อุบาทว์ -อุบัติ”
ดอนผีบินยังคงเดินหน้าต่อไปบนถนนสายใต้ดิน เนื่องจากค่ายต่างๆก็ยังเมินวงแบบใต้ดิน
ประจวบกับตอนนั้นมีหลายกลุ่มเข้ามาทำเพลงในรูปแบบนี้กัน ดอนผีบิน ได้ตั้งโปรดักชั่นของตัวเองขึ้นมาชื่อ
dPb Music Production และให้ BBM จัดจำหน่ายอัลบั้มชุดนี้ ทั้งเทปและซีดี ในวันที่ 20 ก.ย. 2538

อัลบั้มที่ 4 “สองฟากฝั่ง”
เมื่อเดินด้วยตัวเองมาถึง 3 ก้าว ค่ายอินเตอร์อย่าง Warner Music ก็เริ่มสนใจ ได้ติดต่อเข้าสังกัดและได้ออกอัลบั้ม
ชุดที่ 4 ในต้นปี 2540 ติดตามด้วย คอนเสิร์ทครั้งแรกของวง ที่ AUA เมื่อ 10 พ.ค.2540 อัลบั้มชุดนี้มี
เพลงบรรเลง Return to The Nature II ได้รับรางวัลสีสันอวอร์ด สาขา เพลงบรรเลงยอดเยี่ยม
และช่วงนี้เป็นช่วงครบรอบ 5 ปี ของวง ปลายปี 2540 ทางวงก็ได้ออกอัลบั้มในโอกาสครบรอบ 5 ปี โดยได้ออก
อัลบั้มรวมเพลงจากอัลบั้ม 1-4 ชื่อ “ใต้ตะวันเดียวกัน” เป็นอัลบั้มรวมเพลงช้า
อัลบั้มรวมเพลงเมทัลหนักๆ
อัลบั้มบันทึกการแสดงสด ที่ AUA
วิดีโอเทปบันทึกแสดงสด ที่ AUA

หลังจากที่วงมีคอนเสิร์ทเต็มรูปแบบไปแล้ว ช่วงนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่ทางวงพัก สมศักดิ์ แก้วทิตย์
ก็กลับเชียงใหม่ สร้าง Studio และออกงานโซโลเดี่ยว Doomed Day I “วันล่มสลาย”
เมื่อ 7 เม.ย. 2541
พร้อมกับตั้งสังกัดของตัวเองขึ้นมา ชื่อ Day One Records

อัลบั้มที่ 5 “สัญญาณเยือน”
หลังจากที่ทางวงออกอัลบั้มรวมเพลงคั่นเวลาและพักช่วงครบรอบ 5 ปี
ก็ได้ทำเพลงชุดต่อไปทันที ขณะที่ In&On Music ก็ได้ตั้งขึ้นและได้ออกอัลบั้มชุดที่ 5
กับ In&On Music ในปลายปี 2541 อัลบั้มชุดนี้ มีความล้ำลึก เข้าสู่ Progressive Metal มากขึ้น
แต่กระนั้น เพลงบรรเลง "ใด ใด ไร้ยืนยง" ได้รับรางวัลสีสันอวอร์ด สาขา เพลงบรรเลงยอดเยี่ยม อีกครั้งในปี 2542

จุดสูงสุดของดอนผีบิน เหมือนจะเดินทางมาถึง เมื่อ..มีโอกาสครั้งสำคัญในปี 2543

อัลบั้มที่ 6 “ปรากฏการณ์ ปรากฏกาย”
ค่ายเพลงใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้ให้ความสนใจและให้โอกาสในการทำเพลงกับค่ายยักษ์ใหญ่
ซึ่งขณะนั้นได้แตกกลุ่มเป็นค่ายเล็กหลายค่าย Giraffe Records หนึ่งในเครือ Gmm Grammy อ้าแขนรับเข้าค่าย
อัลบั้มนี้วางตลาดเมื่อ 6 ต.ค.2543 แต่ผลก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ค่ายหวัง เพลงของดอนผีบินยังคงขึ้นสู่ Mass ไม่ได้ เนื่องจากทางวงยังยืนยันคงแนวทางของตัวเองอย่างเดิม ไม่เปลี่ยนเข้าสู่ตลาด แต่กลับสานต่อแนวจากอับั้มก่อนหน้านี้เข้าสู่ Progressive มากขึ้น
ซึ่งหลังจากปี 2543 ทางวงก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอีกเลยในเรื่องอัลบั้มใหม่...จะมีเพียงงานแสดงภาพเขียน ของสมบัติ แก้วทิตย์ เท่านั้น ที่สีลมแกลเลอเรีย ในช่วง 19 ก.พ. 2545 เท่านั้น

.......กว่า 6 ปี ที่ผ่าน..ถึง 2550...ระหว่างนั้น...
ในปี 2546 สมศักดิ์ แก้วทิตย์ มือกลองของวง ก็สานต่ออัลบั้มเดี่ยวอีกครั้ง Doomed Day II
“ สีทอง ฤา จะผ่องอำไพ”
วางตลาดไปเมื่อ 31 ธ.ค. 2546 ในสังกัดของตัวเอง DayOneRecords

ในปี 2549 คิด แก้วทิตย์ นักร้องนำของวงก็อั้นไม่ไหว ออก Side Project ของตัวเองที่ชื่อ Thro my Window ชุด Traveling into the Emty
ในวันที่ 7 ก.ค.2549 กับ DayOneRecords

ขณะเดียวกันสมศักดิ์ แก้วทิตย์ ก็เริ่มคิดถึงการออกไปเล่นคอนเสิร์ท หลังจากที่ร้างลามาเกือบ 10 ปี
โดยได้รวมทีมเป็นวง ชื่อ DD ออกอัลบั้ม “คนละขั้ว ชั่วกับดี” เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2549 พร้อมกับฉลองครบรอบ 9 ปี DayOneRecords
ด้วยการรวบรวมชาวเมทัลเฮดทำอัลบั้ม DayOneMetal 9 ที่มีงานดอนผีบินรวมอยู่ด้วย และยังดึงเอาเพลงจากเดโมเมือก่อนยุคเริ่ม
ต้นมาปัดฝุ่น บันทึกเสียง Cover กันใหม่ให้ได้บรรยากาศในยุค 2550...

....ขณะที่ สมบัติ แก้วทิตย์ เป็น "คนภูไพร” มุ่งหน้าอนุรักษ์ธรรมชาติจนได้รับรางวัล "รูปโลกสีเขียว"
จาก ปตท.และถูกนำเสนอออกทางรายการ”คนรักแผ่นดิน” 24 มิ.ย.49 ทางช่อง 11 ถึง 2 ครั้ง
รวมถึงอีกหลายรายการที่กำลังถ่ายทำ...อย่างรายการ "คนค้นตน" และนิตยสารต่างๆ
บุกไปทำเรื่องราวถึงบนเขา เช่น สารคดี ก.ย.49 ฅ.คน พ.ย.49...

ล่าสุดเมื่อต้นปี 2550

สมาชิกวงได้มีโอกาสพบกัน และได้พูดคุยกันถึงงานดนตรีอีกครั้ง...แต่ก็่ยังไม่มีรายละเอียดใดๆจากวง
ที่แจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการ
สมศักดิ์ ตัดสินใจอีกครั้งหลังจากได้ติดต่อกับแฟนเพลงมาระยะหนึ่ง และทราบว่าผลงานของ ดอนผีบิน ไม่มีในตลาดเลย
จึงได้นำเอางาน ชุด โลกมืด-เส้นทางสายมรณะ มาผลิตและวางจำหน่ายอีกครั้ง
รวมทั้งได้ออกวีซีดี Live at AUA สำหรับผู้ที่สนใจเก็บคอนเสิร์ทครั้งเดียว
ของ ดอนผีบิน ในรูปแบบซีดีเป็น Collection ด้วย

ปลายปี 2550 สมศักดิ์ ตัดสินใจนำทีม +DD- พร้อมด้วยวงเมทั่ล เลือดใหม่ ในสังกัด DayOneRecords
ออกลุยคอนเสิร์ท DayOneMetal-Live
ออกสตาร์ทแล้วที่เชียงใหม่ 4 พ.ย.50 พร้อมทั้งตั้งใจจะทำเป็น DVD จึงได้มีการบันทึกเสียงและถ่ายทำวิดีโอใว้ด้วย

ความเคลื่อนไหวที่แท้จริงของวง ว่าจะมีงานชุดใหม่ออกมาให้ได้ฟังกันหรือเปล่า ในปี 2551
นี้ก็ยังไม่มีข่าวอย่างเป็นทางการใดใด จากวง...

<iframe title="YouTube video player" width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/lK_UUidzj-s" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

	ผู้เขียน	หัวข้อ: สถานีเพลงร็อค... (อ่าน 38075 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้