รบกวนถามท่านธำรงครับ
ผมพักอยู่บ้านพักครูต่างจังหวัดซึ่งเวลาปิดเทอมนานประมาณ 45 วัน ไม่อยากทิ้งปืนไว้ที่นั่น ผมกลัวปืนหาย
จะฝากไว้กับเพื่อนครูที่โรงเรียนก็ห่วงปืน
ประเด็นก็คือผมจะพาปืนกลับบ้านที่กทม.โดยใส่กล่องล็อคกุญแจ และเดินทางโดยรถประจำทาง
ถ้าถูกตรวจพบ ผมจะมีความผิดร้ายแรงหรือไม่ และต้องทำอย่างไรครับ
ขอบคุณครับ
ไปค้นๆเรื่องเก่ามา....คำวินิจฉัยชี้ขาดของอัยการสูงสุด
คำชี้ขาดความเห็นแย้ง ที่ ๑๙/๒๕๓๗ พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ
การพาอาวุธปืนติดตัวจะต้องอยู่ในวิสัยที่สามารถอาจใช้อาวุธปืนนั้นได้ทันที การที่ผู้ต้องหาแยกอาวุธปืนกับกระสุนปืนออกจากกัน และบรรจุไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้า ยังไม่ผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัว ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๓๖ เวลาประมาณ ๑๑.๓๐ น. สายตรวจสถานีตำรวจนครบาลมีนบุรีได้รับแจ้งทางวิทยุว่า มีชายต้องสงสัยเดินอยู่บริเวณหน้าโรงงานถังเหล็กสากล ถนนสามวา ตำรวจกับพวกจึงได้เดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าวพบผู้ต้องหานี้เดินอยู่มีท่าทางพิรุธ จึงเข้าทำการตรวจค้น และพบว่าในกระเป๋าเสื้อผ้าของผู้ต้องหาที่สะพายอยู่มีอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .๓๘ ทะเบียน กท. ๖๐๐๖๐๒ จำนวน ๑ กระบอก และกระสุนขนาด .๓๘ จำนวน ๕ นัด บรรจุอยู่ในซอง ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าดังกล่าว จึงจับกุมดำเนินคดีในข้อหาพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเข้าไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้นำเอาอาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่มีทะเบียนเป็นของผู้ต้องหาติดใส่กระเป๋าเสื้อผ้ามาจากจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อติดตามหาภรรยาที่หนีมา และทราบว่ามาทำงานอยู่แถวที่เกิดเหตุ เหตุที่ต้องนำอาวุธปืนติดตัวมาเนื่องจากที่บ้านพักในจังหวัดนครศรีธรรมราชไม่มีคนอยู่เกรงว่าจะสูญหาย
คดีมีปัญหาให้อัยการสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู้ต้องหามีความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวหรือไม่
อัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า การพาอาวุธปืนติดตัวที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตร ๘ ทวิ นั้น จะต้องเป็นการกระทำที่ผู้กระทำนั้นอยู่ในวิสัยที่สามารถอาจใช้อาวุธปืนนั้นได้ในทันทีหากต้องการจะใช้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมการเพื่อการใช้ใด ๆ อีก ฉะนั้น การที่ผู้ต้องหาแยกอาวุธปืนกับกระสุนปืนออกจากกันและบรรจุไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วนำกระเป๋าติดตัวมาด้วย จึงไม่ใช่เป็นการพาอาวุธปืนติดตัวในความหมายของกฎหมาย การกระทำของผู้ต้องหาจึงขาดองค์ประกอบของความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘ ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ข้อ ๓ และโดยนัยเดียวกันการกระทำของผู้ต้องหาก็ไม่เป็นการพาอาวุธอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ ด้วย จึงชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา
--------------------------------------------------------------------------------------
ปัจจุบันอาจมี่เรื่องใหม่ๆ มาให้เทียบเคียงแล้ว ........ รอท่านYoshiki_Silencer
แต่จนท.ตร.อาจจับกุมไว้ก่อน ก็ต้องประกันตัว มาสู้ความ อย่าด่วนรับสารภาพก็แล้วกัน
อุ๊บ...ช่วงนี้ระวัง....มีประกาศใช้พ.ร.ก ความมั่นคงฯ
ตามที่พี่ธำรงยกตัวอย่างมาก็ค่อนข้างชัดเจนใกล้เคียงกับข้อเท็จจริงอยู่แล้วครับ
เท่าที่ผมวิเคราะห์คำชี้ขาดความเห็นแย้งของอัยการสูงสุดและคำพิพากษาฎีกา
เก่า ๆ ที่ผ่านมา หากเป็นกรณีนำพาปืนโดยไม่ได้อยู่ในลักษณะที่สามารถหยิบใช้ทันที
ไม่ถือว่าเป็นการพกพาอาวุธปืนอันเป็นความผิดตามกฎหมายครับ เช่นการพาปืนใส่กระ
เป๋ากระเดินทางโดยแยกกระสุนออกจากตัวปืน ยิ่งถอดโม่หรือซองกระสุนปืนออกมาจาก
ตัวปืนได้ก็ยิ่งดี ซึ่งกระทู้ปักหมุดด้านบนก็ค่อนข้างจะรวบรวมความเห็นแย้งของอัยการ
สูงสุด คำพิพากษาฏีกา รวมถึงแนวปฏิบัติในการตรวจค้นของเจ้าพนักงานตำรวจไว้ค่อน
ข้างครบถ้วนแล้วครับ
เพียงแต่บางครั้งก็ต้องทำใจในกรณีที่เจอเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้มีความรู้ด้านกฎ
หมายอาวุธปืนอย่างเพียงพอก็มักจะจับกุมดำเนินคดีไปก่อนทุกรายไป ซึ่งถ้าจะให้แนะนำ
ก็ให้ถ่ายเอกสารแนวปฏิบัติในการตรวจค้นอาวุธปืนของกรมตำรวจ รวมทั้งแนวคำพิพากษา
ศาลฎีกา และคำชี้ขาดความเห็นแย้งของอัยการสูงสุดติดกระเป๋าไว้บ้าง หากถูกตรวจค้น
เมื่อไหร่ก็ให้นำเอกสารดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่อ่านดู เชื่อว่าหากเป็นเจ้าหน้าที่โดยทั่วไป
เมื่ออ่านเอกสารดังกล่าวแล้วก็น่าจะพอเข้าใจ และไม่จับกุมท่านดำเนินคดี