ถ้าเริ่ม เงินทุน ต้องเท่าไรครับ
ตอบยาวๆ สำหรับน้องจุกเลยนะครับ ส่วนพี่นะครับที่เคยพลาดมาแล้วจะเสริมอะไรก็รีบบอกน้องจุก
ก่อนที่รถมิตซูจะกลายเป็นรถเว็บสองล้อ
ถ้าจะเริ่มต้องมีเงินเย็น จำนวนเยอะหรือไม่เดี๋ยวค่อยว่ากัน
และยังเป็นเงินประเภทแบบเอาไปทำบุญแล้วไม่เสียดายประมาณนั้นครับ
เผื่อหมดหน้าตักก็ถือว่าทำบุญก็แล้วกัน
จำนวนเงินขั้นต่ำอยู่ที่โบรกเกอร์แต่ละแห่งกำหนด และแต่ละช่วงของเศรษฐกิจด้วย
ตอนผมเปิดครั้งแรกโบรกกำหนดไว้ถ้าอยากซื้อขายหุ้นต้องมีเงินเปิด port อย่างต่ำ 9 แสน
สมัยนั้นยังไม่มีกั๊ก 10 เปอร์เซนต์ ตอนนั้นก็ดูอยู่หลายโบรกเกอร์มีถูกกว่าด้วย
แต่มันอยากซื้อขายกับโบรกเกอร์แห่งนี้ เพราะสะดวกดีและดูมั่นคง
ก็เลยเริ่มจากโบรกเกอร์ที่ชอบ มาวันนี้มี 4 port แล้วก็วุ่นวายดีเหมือนกัน
บาง port 1 ปีค่อยเปิดมาดู บาง port รายวัน รายเดือน ก็แล้วแต่ port ไหนมีหุ้นที่กำลังฮอต
ช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ หรือที่มีข่าวว่า AIA ล้ม หุ้นตกอย่างมาก
โบรกเกอร์บางแห่งยอมให้เปิดพอร์ทด้วยเงินไม่ถึงแสน มีห้าหมื่นก็เปิดได้
วิธีเปิดก็ไปเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับเขาครับ แต่สำหรับผมไม่ค่อยไว้ใจ
เพราะวันดีคืนดีโบรกเกอร์ล้มเงินหายหมดเลย ผมจึงใช้วิธีเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคาร
แล้วยืนคำร้องขอให้โบรกเกอร์สามารถตัดบัญชีเงินได้เมื่อเราซื้อหุ้น
และเมื่อขายหุ้นให้เงินจากการขายหุ้นโอนเข้าบัญชีธนาคาร ดังนั้นบางโอกาส
บางช่วงเวลา เราจึงสามารถให้โบรกเกอร์ซื้อขายหุ้นให้เราหรือทำงานแทนเราได้
ในขณะที่เราไปเที่ยวไปยิงปืนไปดำน้ำดูปาการังกับเมียน้อย ฮิ ฮิ ซึ่งโบรกเกอร์
แทบไม่มีโอกาสได้แตะเงินเราเลย เพียงแต่เราคอยรีโมทดูยอดเงินในบัญชีว่า
มีการซื้อหุ้นผิดปกติหรือเปล่า เงินเพิ่มนะไม่เป็นไร แต่เงินลดต้องโทรสอบถามสักหน่อย
ถ้าผิดปกติก็แจ้งธนาคารหยุดการโอนเงินไว้ก่อนก็ได้ ผมเลือกวีธีนี้ครับ
แต่มันก็มีข้อเสียคือ ถ้าเงินในธนาคารเราไม่มีเหลือ แต่ยังซื้อหุ้นอยู่ ใน 4 วันเขาจะตัดยอด
ถ้าตัดไม่ได้โบรกเกอร์จะออกเงินให้ก่อน แล้วเราก็กลายเป็นคนกู้เงินเขามีอัตราดอกเบี้ย
แบบได้ยินแล้วน้ำตาไหล ซึ่งไม่เหมือนกับมีบัญชีไว้ที่โบรกเกอร์ถ้ายอดเงินไม่พอ
ก็ซื้อไม่ได้หรือจะมาร์จิ้นไว้ก่อนก็ยังได้
เรื่องจริงมีอยู่ว่า กว่าจะออมเงิน 1 ล้านบาทได้ ก็นับเวลาได้เกือบ 10 ปี
พอมีเงิน 1 ล้านทำให้เป็น 2 ล้านใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี
พอมีเงิน 2 ล้าน จะหาเงินอีก 1 ล้าน ก็ไม่ต้องรอนาน
ถ้าเกิดมีเงิน 100 ล้าน จะทำให้เป็น 200 ล้าน ใช้เวลาไม่นาน
แต่ถ้าบังเอิญมี 1000 พันล้านหละ จะทำให้เป็น 2000 ล้านทำไงคงจะทำยากนะ
เพราะบางครั้งหุ้นตกมากๆ กลับไม่มีหุ้นให้ซื้อ หุ้นดีมียอดหุ้นรอขายหลักพัน หลักหมื่น
กวาดหลายช่อง ก็ยังได้หุ้นไม่เท่าไหร่ แต่ตอนหุ้นแพงยอดรอขายเป็นหลักแสนหลักล้าน
มีเงินถังก็ไม่พอซื้อ ถ้าศึกษาให้ดีก็จะรู้ว่าเป็นเพราะเจ้าเขารอขายหุ้นแพงให้เรา
เราจะไปซื้อขายแข่งกับเขาก็ไม่ไหวเพราะเราต้องเสียค่านายหน้าซื้อก็เสีย ขายก็เสีย
ต้องรอกำไร 5 เปอร์เซนต์ค่อยได้เงินหน่อย ส่วนเขาซื้อขายฟรีไม่มีค่านายหน้า
พอมีกำไรแค่ 2 เปอร์เซนต์ก็ขายแล้ว
รอบข้างผมมีเจ้าของร้านคอมบอกว่าพ่อเขาขาดทุนไป 20 ล้าน
เจ้าของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า บอกว่าขาดทุนไป 25 ล้าน
เจ้าของร้านข้าวมันไก่บอกว่าขาดทุนไป 10 ล้าน
พ่อตาผมขาดทุนไปเกือบ 10 ล้าน
ผมศึกษาดูพฤติกรรมเขาแล้วพบกว่า พฤติกรรมที่เหมือนกันคือมีกำไรแล้วไม่ขาย
พอกำไรหดตัวลงก็ยึดถือหุ้นไว้ไม่ขายเฝ้ารอให้กำไรที่หายไปคืนกลับมาในที่สุดก็ตัวแดง
พอตัวแดงมากๆ ก็ซื้อหุ้นเพิ่มเพื่อถัวเฉลี่ยขาดทุนให้น้อยลง คือยอมรับความจริงไม่ได้
หลอกตัวเองประมาณนี้ครับ เจ๊งทุกราย
ผมเองประเภทตีหัวแล้ววิ่งหนี เคยตลกตัวเองเหมือนกัน ตอนนั้นซื้อขายในวันเดียว
ยอดเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าโดนหักค่านายหน้า 8000 บาท เหลือกำไรเข้าบัญชี 12 บาท
คือตอนขายตัวผมเขียวแล้ว กำไร 8012 บาท ประมาณนี้นะ ก็เลยขายไปซะ
ฮาไหมครับ 12 บาทผมยังเอา ตอนนั้นตัดสินใจดีแล้วเพราะอีกวันหุ้นตกซะงั้น
ถือไว้ก็ขาดทุนครับ
สูตรเดิมรอฝรั่งเข้าดีกว่าทำตัวเหมือนเมียเช่า หาเงินง่ายดี มีกำไรก็ขาย กำไรน้อยดีกว่าขาดทุนครับ