ผมก็อยากไปนะ อยากเอา hw100 ไปให้พวกเพื่อน ๆ ลองยิงเปรียบเทียบดู ว่ากระบอกไหนจะยิงมันส์ ยิงเร็วกว่ากัน
แต่ติดตรงที่ต้องไปคนเดียวซึ่งมันยากมาก ๆ แล้วถ้าภรรยาไปด้วย ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะสัมผัสปืน
ผมเป็นคนมีกรรมครับ จะทำบาปแต่ละทีต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทำ จะทำแต่ละครั้ง มีอุปสรรคขัดขวางตลอด อิจฉาเพื่อน ๆ จัง
ท่านก็พาลูกพาคนใช้ไปพร้อมกับปืนไปด้วย แล้วเอาปืนให้เพื่อนๆทดสอบ แล้วท่านไม่ต้องยิง และคอยสอนลูกสาวว่า การยิงนกตกปลามันเป็นบาป แบบที่พวกลุงเขาทำมันไม่ดี แต่ถ้าเราไม่ทำมันจะเกิดอะไรกับ พวกเราบ้าง อธิบายเชื้อโรคในตัวนกให้เขารู้ ผมว่ามันจะเป็นการศึกษานอกห้องเรียนที่ดีนะครับ เราไม่ต้องยิงให้เขาเห็น เขาจะได้รู้ว่า เราจะหยุดโรคบางอย่างได้อย่างไร และต่อไปท่านจะได้ใช้เป็นข้ออ้างได้นะครับเวลาที่จะต้องลงมือ
พอพูดถึงเรื่องลูกสาว ผมเข็ดแล้วจริง ๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า
ย้อนไป 4 ปีที่แล้วผมได้ hw97k มาไม่นานนัก ลูกสาวผมเดินได้แล้วกำลังน่ารักเชียว
ตอนนั้นผมได้ติดไฟฉายที่กล้องเล็ง โดยใช้ขาเมาท์กล้องที่เหลือ ทำไมผมต้องติดไฟฉาย
ก็เพราะว่าผมได้ยินตุ๊กแกร้องที่ต้นขนุนหลังบ้าน ภรรยาผมเป็นคนกลัวตุ๊กแกขึ้นสมอง
แบบว่าร้องก่อนเห็นทำนองนั้น แต่ภรรยาก็จะสั่งห้ามไม่ให้ผมไปทำร้ายตุ๊กแก
แต่ครานี้ตุ๊กแกมันร้องดังมาก และผมออกไปดูก็รู้ว่ามันอยู่ที่โพรงต้นขนุน โพรงนี้เกิดขึ้นเพราะผมยิงลูกซองใส่
ไว้เมื่องานย่าโมหลายปีก่อน มาวันนี้ตุ๊กแกตัวนี้เข้ามาอยู่ในโพรง ผมส่องไฟฉายดูจึงเห็นตาตุ๊กแก
สะท้อนแสง จึงเริ่มโปรเจคติดไฟฉายให้กับ hw97k
ทุกอย่างเป็นความลับ ผมไม่แพร่งพรายให้ใครรู้ว่าผมเห็นตุ๊กแกที่ต้นขนุน เพราะถ้าบอกไป
ก็จะโดนห้ามทำร้าย ทำได้แค่จับเป็นเอาไปปล่อยนอกบ้าน เป็นอย่างนี้หลายครั้งแล้ว
หลังอาหารเย็นนั่งดูทีวีกับลูกสาว รอจนเห็นว่าภรรยาเริ่มติดละครหลังข่าวไม่ยอมลุกไปไหน
ผมจึงคว้ากระเป๋าปืนออกมาหน้าบ้าน ประกอบไฟฉายเข้ากับที่ติดไฟฉาย ทุกอย่างอยู่ในสายตา
ของลูกสาว เพราะตอนนั้นเธอติดผมเหลือเกิน ผมก้าวขา เธอก็ก้าวขา ผมหยุด เธอก็หยุด
ใครไม่รู้หรอกว่าเวลาลูกติดมันเป็นยังไง มันเหมือนเงา จะทำอะไรก็ลำบากต้องคอยระวังลูกด้วย
ผมประกอบไฟฉายกับปืนเสร็จก็ทำเป็นลองประทับปืนส่องโน้นส่องนี้ เธอก็ขอลองส่องบ้าง
ผมก็นั่งลงลดปืนให้เธอก็ชโงกหน้าเข้ามาดูท้ายกล้องเล็ง พอเธอดูแล้วก็บอกว่าไม่เห็นอะไร
ช่วงเวลาผ่านไปช่างเนิ่นนาน ผมกลัวตุ๊กแกหนีไปเสียก่อน เจ้าลูกสาวก็ยืนเกาะขากางเกง
ไอ้ผมก็ต้องคอยปัดไล่ยุงให้ลูกสาวตลอด
เมื่อผมอดรนทนไม่ไหว ก็บอกลูกสาวเพราะๆ เผื่อเธอจะเชื่อฟังบ้าง ว่า "ลูกไม่เข้าไปดูหนังกับแม่หรือคะ"
ลูกสาวก็ตอบว่า "หนูจะอยู่กับพ่อ" นั่นเอาหละสิเมื่อลูกสาวติดผมแจอย่างนี้
แล้วผมจะไปสอยตุ๊กแกได้ยังไง
ในที่สุดผมก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา เอาวะ ถ้าจะทำผิดก็ต้องร่วมลงมือทำด้วยกันจึงจะเก็บความลับสนิท
ตอนนั้นผมลืมนึกไปว่า ลูกสาวผมอายุแค่ 4 ขวบ โบราณว่าไว้ว่า "อย่าคบเด็กสร้างบ้าน"
ไอ้กระผมก็ดันไปทำย้อนคำโบราณ ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าจะงานเข้า
ผมบอกให้ลูกสาวรอแล้วเดินเข้าไปหยิบสปอร์ตไลท์มือถือแบบไร้สาย เวลาเอาไว้เข้าป่าล่าสัตว์ใหญ่
เอาวะไฟฉงไฟฉายปืน ไม่ต้องใช้มันแล้ว ล่อสปอร์ทไลท์มันเลย ไหน ๆ ก็มีคนถือไฟให้แล้วนี้
นึกถึงความหลัง ผมเองเคยเป็นมือส่องไฟ (เพราะไม่กล้ายิง) ตอนส่องก็ส่องขึ้นฟ้าแล้วลากลงมาหาสัตว์
จนเห็นแววตาสะท้อนแสงแล้วก็เปรี้ยง นั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ความคิดก็กระตุกกลับมาที่ปัจจุบัน
ผมยื่นไฟสปอร์ทไลท์ให้ลูกสาวแล้วสอนวิธีเปิดปิด แล้วส่องไปที่กำแพง โดยพ่อก็เล็งปืนตามไปที่แสง
สปอร์ทไลท์จับ บะ มันเข้าท่ากว่าไฟฉายติดปืนเสียอีก ภาพในเลนส์กล้องสว่างโล่เชียว ผมนึกกระหยิ่มในใจ
ไอ้ตุ๊กแกมึงเสร็จกูแน่
ผมตัดสินใจบอกลูกสาวด้วยเสียงกระซิบเบา ๆ ทำนองว่าตอนนี้เราเป็นพวกเดียวกันแล้วนะ
"พ่อจะพาไปยิงตุ๊กแกดีหรือเปล่า" ลูกสาวพอได้ยินก็พูดว่า "พ่อเห็นมันเหรอคะ"
"อยู่ที่้้ต้นขนุนหลังบ้าน พ่อคิดว่าจะไปคนเดียวนะ ลูกรออยู่ตรงนี้ได้ไหมเดี๋ยวพ่อกลับมา" ผมพูดกับลูกไป
"ไม่เอา หนูจะไปด้วย" ลูกสาวพูดพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไอ้ผมเองเวลาเห็นลูกสาวร้องไห้
ก็มักจะร้องตามซะด้วย ก็เลยบอกลูกสาวไปว่า "ก็ได้ แต่เงียบ ๆ ไว้นะ ห้ามบอกแม่เด็ดขาด"
ลูกสาวไม่ตอบแล้วก็เดินนำผมออกหน้าไปหลังบ้าน
มาถึงใต้ต้นขนุน ผมก็นั่งยอง ๆ ลง ลูกสาวก็สูงแค่ผมนั่งกำลังน่ารักเชียว ผมให้ลูกสาวลองส่องไฟไปที่
ต้นขนุน แสงไฟสปอร์ทไลท์ออกเป็นสีเหลือสว่างจ้าจับไปที่ต้นขนุน ผมมองปราดเดียวก็เห็นตุ๊กแกตัวใหญ่
เกาะบนกิ่งสูง จึงรีบบอกให้ลูกสาวปิดไฟก่อน ผมรีบปรับโฟกัสกล้องเล็งแบบหมุนหน้ากะว่า
ระยะยิงประมาณไม่เกิน 15 เมตร ปรับโฟกัสเสร็จก็ใส่กระสุนหัวตัด rws แล้วหันมากำชับลูกสาวว่า
"ลูกห้ามบอกแม่เด็ดขาดนะ" ลูกสาวตอบผมสั้น ๆ "คะ"
ผมนั่งเฉียงประทับเล็งแล้วกระซิบบอกลูกสาวที่ยืนเกาะไหล่ผมว่า "เปิดไฟ"
โฟกัสแสงไฟสปอร์ทไลท์จากมือเด็ก 4 ขวบ แม้ไม่ตรงตุ๊กแก แต่วงไฟมันสว่างพอที่จะทำให้ผมเห็น
ตุ๊กแกในกล้องเล็ง กำลังจะปลดเซพไก ลูกสาวก็พูดเสียงดังว่า "คุณพ่อขาตุ๊กแกอยู่ตรงไหนคะ"
ผมประทับเล็งค้างไว้อย่างนั้น ยังไม่ปลดเซพ แต่ก็พูดบอกลูกสาวว่า "อยู่ข้างบนนั้นไง ตัวดำๆนะ"
ลูกสาวก็ถามอีก "ตรงไหนคะพ่อ หนูไม่เห็น"
ผมเห็นท่าไม่ได้การจึงผงกหัวผละจากการเล็ง บอกให้ลูกสาวเอาโฟกัสสปอร์ทไลท์ส่องไปตรงตัวตุ๊กแก
แล้วถามลูกสาวว่า "หนูเห็นมันแล้วหรือยัง" ลูกสาวผยักหน้าหงึก ๆ ผมบอกให้ส่องค้างไว้อย่างนั้น
แล้วรีบประทับปืนเล็ง นิ้วโป้งปลดไก นิ้วชี้ลากไกจนสุดระยะแรกแล้วปรับกากะบาทให้นิ่งแล้วลากไกต่อ
เสียงปืนอัดลมดังลั่นในความมืด ตุ๊กแกสะดุ้งสบัดหาง กระสุนปืนอัดลมทะลุตัวมัน แต่มันยังไม่ตายทันที
ยังเกาะและสบัด
ทันใดนั้น ลูกสาววิ่งจี๋ถือสปอร์ทไลท์กลับไปหน้าบ้าน พร้อมกับตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า "แม่ขา..า..า
พ่อยิงตุ๊กแก แม่ขา า า พ่อยิงตุ๊กแก" ตะโกนไปตลอดทาง ผมรีบวิ่งกลับมานั่งหน้าบ้าน ทำเป็นเช็ดปืน
อาการตอนนั้นเหมือนขาไพ่ถูกตำรวจบุกจับ มันทำอะไรไม่ถูก คิดแต่ว่า กูตายแน่ กูตายแน่
แต่โชคดี ภรรยากำลังติดละดร เลยหันมาดุลูกสาว ว่าให้เงียบ ๆ ก่อน ผมจึงมีเวลาย้อนกลับไป
พอไปถึงตุ๊กแกก็ตกลงมาแล้วแต่ยังไม่ตาย คงจะตายในเวลาต่อมาแน่ ๆ ผมจึงจับแล้วโยนออกนอกรั้ว
เพื่อทำลายหลักฐาน
แล้วก็เป็นจริง พอหนังโฆษณา ภรรยาก็ออกมาและให้ผมพาเดินไปดูที่ต้นขนุน ผมแก้ตัวว่ายิงไม่โดนหรอก
ป่านนี้มันหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ มองก็มองไม่เห็น จะยิงโดนได้อย่างไร มืด ๆ ค่ำ ๆ แบบนี้
ภรรยมองหน้าผมอย่างไม่ค่อยจะเชื่อ ยืนท้าวสะเอว แล้วก็กำชับด้วยเสียงดุ ๆ ว่า "ห้ามยิงมันเด็ดขาดนะ ไม่งั้นมดโกรธจริงๆ "
ผมก็ผยักหน้า แล้วก้มไปมองลูกสาวแบบขำ ๆ น่ารักออกอย่างนั้นจะโกรธลงได้ยังไง
ภรรยาก็ส่องไฟดูโน้นดูนี้ ผมเองก็เห็นรอยเลือดตุ๊กแก แต่ถ้าคนไม่รู้ก็จะนึกว่ายางต้นขนุน
โชคดีที่โฆษณาจบลง เสียงเพลงละครดังขึ้นฟ้องว่าจะเริ่มเล่นต่อแล้วนะ ภรรยาผมจึงพา
ลูกสาวเข้าบ้านไป
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมไม่เคยยิงอะไรให้ลูกสาวเห็นอีกเลย...