....... คิดอยู่นาน ว่าจะเริ่มดีมั้ย ใครมีประสบการณ์บ้าง มาเล่าสู่กันฟังหน่อยครับ
เรื่องแรก ..... ของผม
"พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร"
ผู้ต้องหา(จำเลย)รับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา ตั้งแต่ชั้นสอบสวน .......
สำเร็จเรียบร้อยแล้วครับวันนี้ ... รับของกลางกลับบ้านมาล้างทำความสะอาด
หลังจากพลัดพรากจากกันไปเกือบ 2 เดือน
อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ให้ผู้อื่นได้รับรู้ เผื่อใครเจอเข้ากับตัวเอง จะได้มีแนวทางในการรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากวันที่โดนจับและประกันตัวกลับมารออยู่บ้าน ในที่สุดตำรวจก็โทรมานัดให้ไปพบที่โรงพักเพื่อนำตัวส่งอัยการ
ถึงวันนัดตอนเช้า 8.30 น. ก็ไปพบตำรวจที่โรงพัก หลังจากเสร็จขั้นตอนเอกสาร ก็มีตำรวจคนหนึ่งมาเรียกไปคุย
(ทราบตอนหลังว่า เป็นคนที่มีหน้าที่พาผู้ต้องหาไปส่งฟ้อง) แจ้งให้ทราบแบบซุบซิบว่า
“ไม่รู้จะสั่งฟ้องวันนี้ทันรึเปล่า แต่ถ้าจ่าย1,500 จนท.เค้าจะเร่งให้ ว่าไงล่ะ”
ผมอึกอักอยู่พักนึง ก็เลยบอกเค้าไปว่า เดี๋ยวค่อยไปคุยที่โน่นแล้วกัน เค้าก็ไม่ว่าอะไร
“เอารถอะไรมาล่ะ” ถามอีก
ผมบอกขับรถยนต์มาครับ “เอองั้นไปรถคุณแล้วกัน เพราะรถโรงพักต้องไปตรวจที่เกิดเหตุก่อนถึงจะตามไปทีหลัง
แล้วผมไม่ได้อยู่รอคุณนะ ส่งเสร็จผมก็กลับ ของคุณกว่าจะเสร็จก็คงบ่ายๆโน่นแหล่ะ”
ตกลงก็ไปรถผู้ต้องหากัน ... พอไปถึง เค้าบอกให้ผมนั่งรอข้างนอก ตัวเค้าเองเดินเข้าไปคุยกับจนท.ในห้อง
ผมก็ปรึกษากับแฟนว่าเอาไงดี สรุปกันว่า ให้มันไปเหอะ ถ้าไม่ทันวันนี้ เดี๋ยวต้องประกันตัว ต้องมาใหม่ เสียเวลาเสีย
ค่าน้ำมันอีกก็คงพอๆกัน
สักพักเค้าก็ออกมาบอกว่า “ตกลงว่าไง 1,500 ไหวมั้ย” ... 1,000 เดียวไม่ได้เหรอพี่ ผมต่อ
“โอ้ย ไม่ได้หรอก เค้าจ่ายกันเท่านั้นแหล่ะ”
... เรียบร้อยโรงเรียนตำรวจภูธรไป 1,500 บาทขาดตัว ...
เค้าบอกว่าให้ไปกินข้าวก่อนก็ได้ เดี๋ยวบ่ายโมงมานั่งรอที่เดิมนะ จะมีจนท.มาพาไปศาล
... บ่ายโมงกลับมานั่งรอ รอจนถึงบ่ายสอง สังเกตุว่ารอบบ่ายนี่ คนไม่มากเหมือนตอนเช้า มีผมกับแฟนนั่งกันอยู่สองคน
จนถึงบ่ายสองก็มีคนนั่งรออยู่ด้วยกัน ทั้งหมด 10 กว่าคน (เป็นผู้ต้องหาซะ 5 คน ที่เหลือเป็นญาติ)
มีจนท.เอาใบรับคืนของกลางมาให้ผม แล้วบอกทุกคนว่า ใครเอารถมาก็ให้ขับไปเจอกันหลังตึกศาล
... พอไปถึงศาล เค้าก็เอาเราทั้งหมดใส่กุญแจมือแล้วให้นั่งรอที่ใต้ถุนศาล
ซักพักก็ให้ขึ้นไปที่ห้องพิจารณาคดี รออีกประมาณเกือบ1 ชั่วโมง ท่านผู้พิพากษาก็เข้ามาเรียกชื่อจำเลยลุกขึ้นยืนฟังคำตัดสินของแต่ละคน
... มีทั้งค้ายาบ้า (180เม็ด ...โดนไปหลายกระทง แต่รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง ทั้งหมดคงเหลือ 4ปี 6เดือน ปรับอีก
200,000 บาท ใครอยากลองก็คำนวนเอาเองนะว่าคุ้มมั้ย ... )
การพนัน(ปรับไปคนละ800 บาท เค้าเล่น แคง...เคิง อะไรกันเนี่ย ผมก็ไม่รู้จัก รู้จักแต่ ดัมมี่กับป๊อกเด้ง)
มีอยู่รายนึง ปืนผิดมือ เอาของน้องมาพก ศาลท่านสั่งสืบเสาะพฤติกรรมก่อน นัดมาฟังคำตัดสิน ปลายเดือนเม.ย.
ระหว่างนี้สั่งขังต้องประกันตัว
..... และแล้วก็มาถึงผม ศาลถามว่า ไม่มีทนายใช่มั้ย รับสารภาพรึเปล่า ผมก็ครับอย่างเดียว ท่านก็อ่านสำนวนฟ้อง
แล้วก็คำตัดสินให้ฟัง ... ตัดสินปรับ 6,000 บาท สารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือปรับ 3,000 บาท
....... นั่นคือคำตัดสิน
หลังจากฟังครบทุกคนแล้ว ก็กลับลงมาชั้นล่าง ใครโดนปรับอย่างเดียวก็ไปจ่ายค่าปรับ
ใครโดนสั่งขังด้วยก็เข้าห้องขังไป แล้วให้ญาติไปยื่นเรื่องประกันตัว
ของผมจ่ายค่าปรับเสร็จก็ 5 โมงเย็นพอดี กลับไปรับปืนไม่ทันต้องไปโรงพักใหม่วันรุ่งขึ้น
รุ่งขึ้นตอนบ่าย ... ไปโรงพัก เพื่อรับปืน ก็เอาสำเนาบัตรประชาชน ใบรับคืนของกลางจากอัยการ แล้วก็ ใบเสร็จค่าปรับ ไปยื่น
รอประมาณครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ ได้ของกลางกลับคืนมาพร้อมคราบเขม่าในลำกล้อง
กระสุน8 นัด (จับไป 10 นัด เอาไปยิงทดสอบ 2นัด) .......... จบเรื่องกันที ....
ผมมาคิดดู ว่าตัวเองมีโชคดีอยู่ในความโชคร้ายเหมือนกัน ...
คือเรื่องทั้งหมด เกิดไม่ไกลจากสถานที่อยู่ปัจจุบันมากนัก
(กดเซ็ทระยะทางดู ทั้งหมด2วันที่ไปดำเนินเรื่อง ใช้รถไป200กว่ากิโลเมตร) ถ้าเกิดเรื่องไกลๆจากที่อยู่ คงเสียค่าใช้จ่ายมากกว่านี้
(นั่นคงเป็นช่อง ให้เกิดการเรียกค่า เก๊าเจี๊ยะ 1,500 นั่นล่ะมั้ง เพราะเค้ารู้ว่าผมพักอยู่อำเภอติดกับท้องที่เกิดเหตุ
ถ้าอยู่ไกลกว่านั้น อาจจะโดนเรียกมากขึ้นอีก เพราะเค้าก็คงอ่านเกมว่า ไม่มีใครอยากเสียเวลาเทียวไปเทียวมา ... )
........ จบข่าว
ปล. สัญญาว่า ต่อไปจะทำทุกวิถีทาง ไม่ให้หาเจอง่ายๆอย่างนี้อีกเป็นอันขาด แต่ถึงยังไงก็จะพาไปด้วยแน่นอน
เพราะผมคิดว่าชีวิตคนเราน่าจะมีค่ามากกว่า 5,000 บาทนะ ......
อีก 1 ประสบการณ์ ..... ปืนผิดมือ ครับ
เมื่อเร็วๆนี้ก็โดนพร้อมกับเพื่อนไปครับ ผมกับ เพื่อนอายุเท่ากัน คือ 19 ปี ขอเล่าแบ่งปันประสปการณ์เพื่อเป็นข้อคิด กับเพื่อนๆ พี่ๆ สมาชิกทุกคนนะครับ
โดนจับในคืนวันเสาร์ (งานแปดริ้ววันแรก) เพราะไปซ้อมที่สนามแถวบ้านกันมา เพื่อจะไปในวันอาทิตย์ พอกลับจากสนาม ก็ช่วงหัวค่ำ เพื่อนก็ไปเอารถที่ซ่อมที่อู่ กลับบ้าน แล้วไปทานข้าวต้มกัน แต่เหตุ เกิดเพราะว่ารถ ที่เพื่อนเอาไปซ่อม มันเป็นรถซิ่ง ซึ่งคงสะดุด เลยเจอ ค้นและจับกุมไป (ตำรวจทานข้าวต้มกันอยู่พอดีเลย)
พอมาถึงโรง พัก ก็โดนสอบปากคำ โดนขอดูใบ ป.4 ซึ่งผมมีสำเนาติดมาก็ยื่นไป พร้อมแนบบัตรสมาชิก สนามยิงปืน ของคุณแม่ ของผม บัตรประชาชนผม ไปด้วย + ขอร้องต่างๆ นาๆ แต่ก็ไม่เป็นผล ก็เลยโอเค ช่างเถอะ
ปืนของเพื่อน เป็นชื่อของพ่อเขา ปืนของมผมอยู่ในระหว่างโอน มาเป็นชื่อคุณแม่ (ซึ่งระบบข้าราชการไทยก็ช้าเหลือเกิน ผมตัดโอนช้ามากๆเลย ป.3 ที่บ้านไม่เคยมีปัญหา มาติดตัดโอนเนี่ยแหละ) ก็ประกันตัวด้วยเงินประกัน
50000 บาท ออกมา
ผมก็ติดตาม กับร้อยเวร และขอดูแลปืนด้วยการแช่อิ่มน้ำมันไปด้วย ก่อนที่ทางร้อยเวรจะส่ง ปืนไปตรวจ ท่านก็กำชับว่าอยากให้ไปด้วย จะได้ช่วยแจ้ง ทางนู้นด้วยว่าให้ดูแลให้เร่งด่วนที เพราะว่าเป็นปืนที่ใช้ในการแข่งขัน (ปืนซิ่ง) แต่ผมติดงานที่ บางรักเลยไม่ได้ไป แต่ตอนนี้ส่งเรื่องไปแล้ว
ก็ คงต้องรอผล เรียกขึ้นศาล ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรเหมือนกัน แต่ก็คงรับสารภาพทั้งหมด ปืน พร้อมเครื่องกระสุน 26 นัด (ลูกซ้อมทั้งหมด) พกที่เอว (วันนั้นไปซ้อมแค่ 1 กระบอก + กระสุนซ้อมเหลือกลับมา) เขียนสำนวนไป ประมาณว่าไปซ้อมยิงปืนที่สนามเพิ่งกลับแวะกินข้าวกันประมาณนี้ครับ ปืนมีทะเบียนผิดมือ เพราะว่าอายุยังไม่ถึง (ประมาณนี้ครับ) และอื่นๆอีก ซึ่งผมจำไม่ค่อยได้แล้ว
เรื่องรับปืนไม่รู้ว่า ป.4 จะออกทันไหม ถ้าไม่ทันไม่แน่ใจว่าจะ ให้คุณแม่เอาใบ ไปรับได้ไหมด้วย
คงต้องวัดดวงกัน
พอ โดนไปแล้ว ผมกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่เลย คือ ออกกลางคืน ให้มันน้อยลงอยู่บ้านมากขึ้น ถ้าจำเป็นต้องออกก็จะพก ไปด้วย แต่ว่าจะเลี่ยงเส้นทาง ที่เสี่ยงเจอด่าน และพกมิดชิด รัดกุมขึ้น
การ วิ่งงานหรือ หาลูกค้า ก็จะเลี่ยงไป ทำตอนกลางวันกันแทน
ยอมรับสารภาพ ตรงๆเลย ว่าเกรงไปเยอะ กลัวว่าจะมาทับเส้นเดิมอีกด้วย ไม่รู้ว่าจะโดนโทษจำ (รอลงอาญา) ด้วยไหม แต่ที่รู้ๆ เข็ดแล้ว ไม่อยากโดนแล้วครับผม
เรื่อง ที่ต้องพก เพราะเคยโดนจี้ ด้วยอาวุธปืน ที่หน้าบ้านตัวเองเลยเมื่อปีก่อนๆ ด้วย เลยเป็นคนขี้ระแวงไปเลย
แต่ก็คิดว่าเราผิดก็ว่าไปตามผิด เราทำผิดกฏหมาย ก็ให้ศาลท่านตัดสิน เรามีความจำเป็นของเราอยู่
ส่วน เรื่องปืนถ้าถามว่าจะเลิกซื้อเลิกสะสม ไหม คงไม่เลิกครับ ยังอยากได้ .308 ยังอยากได้ อีกหลายกระบอก แต่ก็คงต้องรอให้ ได้ ครบ 20 ปี ในเดือนตุลาก่อนแล้วจะขอเป็นชื่อตัวเอง ทั้งหมด ที่เคยซื้อมา ที่เป็นชื่อคุณแม่ ก็จะโอนมาทั้งหมดเลย ยุคนี้ถ้าเราไม่ระแวดระวังตัวเอง คงไม่มีใครช่วยเราได้หรอกครับ (รู้ๆอยู่ว่าบ้านเมืองเราตอนนี้ น่ากลัวกว่ายุคก่อนๆที่มีแต่ป่า มีแต่ไพรเสียอีก) ในความคิดผม
เรื่อง ก็มีอยู่เท่าที่ว่ามานี่แหละครับ
ขอบคุณครับ