"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา" สมิง วังม่วง
ชุมทางคนกล้าตาย ตอนที่ 5/11 ผลงานเขียน ของ สยมภู ทศพล
รถสองแถวขนาดกลาง พากลุ่มทหารรับจ้างเดนตายแล่นลับโค้งถนนไปแล้ว ผมยืนมองดูฝุ่นที่คลุ้งขึ้นมาเต็มถนน ด้วยอาการเหม่อลอย ในใจภาวนาให้เหล่าทหารเหล่านั้นเดินทางกลับประเทศไทยด้วยความปลอดภัย กลับไปเป็นหลักของครอบครัวซึ่งยากจนข้นแค้นแทบเลือดตากระเด็น
เมื่อหันมาสำรวจดูตัวผมเอง น่าสมเพชนัก ชั่วชีวิตที่ผ่านมาก็ยังไม่มีอะไรเป้นชิ้นเป็นอันพอที่จะแสดงให้เห็นว่าตั้งหลักได้ เงินเดือน-เดือนหนึ่งๆของอาชีพรับจ้างฆ่าคนก็ถูกจับจ่ายไปกับอบายมุขร้อยแปด
เอ้อ... ทั้งๆที่รู้ว่ามันเช่า ก็อดที่จะเกลือกกลั้วกับมันไม่ได้ ดังนั้น คนบาปหนาเยี่ยงผมก็เลยต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสมรภูมินรกแห่งนี้อยู่ตลอดไป ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะสิ้น
ทหารรับจ้างทั้ง 10 คน ที่กำลังหลบหนีไปเวียงจันทร์ อาจจะกลายเป็นเศรษฐีไปในชั่วพริบตา
บก.333 มีข้อสัญญาเอาไว้ว่า ถ้าทหารรับจ้างคนใด สาบสูญ หรือเสียชีวิตจากการรบในสงครามลาว ทาง บก.333 จะต้องจ่ายเงินให้แก่ครอบครัวของทหารรับจ้างผู้นั้น รายละหนึ่งแสนบาททันที โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น
ด้วยกลเม็ดและชั้นเชิง ทหารรับจ้างผู้สาบสูญแต่ในนามก็เลยกลายเป็นเศรษฐีไปโดยปริยาย
และผมก็จะจำหน่ายยอดสาบสูญให้กับทหารรับจ้าง
ฮี่ธ่อ... ช่วยให้เพื่อนฝูงกลายเป็นเศรษฐีทั้งที มัวแต่มานั่งตะขิดตะขวงใจ มันก็ผิดลักษณะคนมักน้อยหยั่งผมหมดนะซีครับ
ชีวิตเป็นของไม่แน่ บางทีวีวิตเสร็งเคร็งของผมอาจจะโซซัดโซเซไปพบกับพวกเขาเหล่านั้นอีกครั้ง และครั้งนี้เราก็จะได้พิสูจน์ถึงน้ำใจซึ่งกันและกัน
แต่ความจริงแล้ว ที่ช่วยเหลือครั้งนี้ ไช่ว่าผมจะคิดเอาบุญคุณแก่พวกเขาเหล่านั้นก้หาไม่... ที่อยู่-บ้านช่องของทหารรับจ้างดังกล่าวผมก้ไม่เคยรู้จักมักคุ้น ความสุขทางใจของคนบาปหนาอย่างผมหรอกครับ ที่ทำให้ต้องหลวมตัวตกบันไดพลอยโจนไปกับพวกเขาด้วย
อ้าย... อาหารเสร็จแล้ว ยืนเหม่อมองอะไรอยู่คะ
เสียงหวานระรื่นหูของนีนา ดังกังวานอยู่ใกล้ๆ ผมสะบัดศรีษะ ความรู้สึกที่กระเจิดกระเจิงกลับเข้าที่ นึกถึงสัญญาที่ให้ใว้ว่าจะไปทานอาหารกับนีนาขึ้นมาทันที
ผมหันขวับกลับมามองดูนีนา
พระเจ้าช่วย ผู้หญิงแม้วที่ยืนยิ้มแก้มบุ๋มอยู่เบื้องหน้าของผมอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่นีนาคนเก่าเสียแล้ว
กางเกงบลูยีนส์สีน้ำเงินฟิตเปรี๊ยะ ที่ฟิตเสียจนตะเข็บตรงบริเวณสะโพกแทบจะปริออกมาเนื่องจากอำนาจของเนื้อหนันที่อวบอูมนั้น
เสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มแบบสปอร์ต มีตราดอกกุหลาบขาวติดหราอยู่ที่หน้าอก ยามเธอหายใจสะท้อน เจ้าดอกกุหลาบช่อนั้นเต้นระริกเป็นจังหวะอย่างมีชีวิตชีวา
ขณะนี้ นีนาเป็นหญิงสาวที่แต่งกายทันสมัยเปรี้ยบ ชุดเครื่องแต่งกายพื้นเมืองที่รุงรังของชาวแม้ว ถูกลอกคราบออกไปจนไม่เหลือไม่เหลือหลอ
นีนาดึงแขนของผมเข้าไปกอด สัมผัสแรกที่รู้สึกก็คือ เนื้อหนันสองก้อนเบียดกระชับนุ่มนิ่มอยู่กับบริเวณข้อศอกด้านซ้าย
ไม่ได้ใส่อะไรจริงๆนั่นแหละครับ สายตาและข้อศอกของผมฟ้องตัวเองว่า...นอกจากเสื้อยืดสปอร์ตตัวนั้นแล้ว นีนาไม่ได้สวมใส่อะไรเลยจริงๆ
ขนเจ้ากรรมดันลุกซู่ขึ้นมาเฉยๆ ผมหันหน้าหันหลังสำรวจดูบริเวณรอบๆตัว เมื่อไม่มีใครสนใจ ผมก็แอบขโมย ปลูกหอมบนไร่แก้ม นีนาเสียฟอดใหญ่ๆ
ผมกับนีนาเดินกอดเอวกันมุ่งหน้าเข้าไปในตลาดเมืองนาซู ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองอย่างฉงนสนเท่ห์ของพนักงานสนามบินที่ต่างก็คงจะพากันสงสัยว่า ผมไปคว้าเอาสาว แม้วโมเดิ้ล มาจากไหนกัน...
บ้านของนีนาปลูกอยู่ท้ายสนามบิน ลักษณะของบ้านค่อนข้างจะมีฐานะพอสมควร นีนาเล่าเรื่องราวของเธอให้ผมฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน
นีนากับทองเพชร เพิ่งจะหมั้นหมายกันไม่ถึงเดือน ทั้งสองคนรวบรวมทุนเข้าหุ้นกันค้าขายเครื่องดื่มที่สนามบินล่องแจ้ง ทองเพชรจะเป็นคนเดินทางไปซื้อเครื่องดื่มจำพวก เป๊บซี่ และเบียร์กระป๋องจากเวียงจันทร์โดยทางเครื่องบิน(ฟรี)
ต่อจากนั้น นีนาก็จะติดตามคู่หมั้นของเธอไปช่วยกันขายของที่สนามบินล่องแจ้งในตอนเช้าตรู่ของวันต่อมา
วันหนึ่งๆมีกำไรเกือบ 600 บาท ความหวังที่ตั้งเอาไว้คือ จะรวบรวมกำไรทั้งหมดเอาไว้ทำทุนในวันแต่งงาน
การค้าเจริญขึ้นเป็นลำดับ เธอก็เลยชวนทองเพชรและพี่น้องไปปลูกร้านขายของอยู่ที่ตลาดล่องแจ้งเสียเลย
ร้านเปิดได้เพียง 3 วันก็โดนกระสุนปืนใหญ่จากทหารเวียดนามพังทลายไม่มีชิ้นดี
การระดมยิงของทหารเวียดนามเหนือทำให้ชาวแม้วทุกคนเริ่มอพยพออกจากเมืองล่องแจ้ง เธอกับทองเพชรก็เลยทิ้งร้านค้าอพยพกลับนาซูด้วยการเดินเท้า
ทองเพชรเสียชีวิตจากการต่อสู้กับทหารเวียดนามเหนืออย่างสมศักดิ์ศรี นีนาก็เลยกลายเป็นม่ายคู่หมั้นมาจนกระทั่งบัดนี้
ประเพณีของชาวแม้วนี่ก็แปลกเหลือหลายนะครับ..ลูกสาวพาไอ้หนุ่มขึ้นบ้าน แทนที่พ่อแม่จะออกมาพูดคุยด้วย กลับยกกระชุขึ้นสะพายหลังชวนกันเดินหายออกไปจากบ้านซะนี่
อาหารเย็นผ่านไปอย่างเอร็ดอร่อย ลาบงูเห่า ทำให้เลือดลมของผมร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างช่วยเหลือไม่ได้ หลังจากอาหารเย็นไม่นาน ฝนหลงฤดูของเมืองหนาวก้กระหน่ำลงมาอย่างชนิดไม่ลืมหูลืมตา
ผมกับนีนาผลัดเสื้อผ้าลงไปช่วยกันรองน้ำฝนอย่างสนุกสนาน สามชั่วโมงเต็มๆ ฝนก็ยังไม่ยอมหยุด จนกระทั่งรัตติกาลได้คืบคลานเข้ามาอีกครั้ง
ผมกับนีนานั่งคุยกันอยู่ในห้องนอน ตะเกียงรั้วดวงเล็กริบหรี่อยู่ข้างๆ น้ำมันก๊าสที่เหลืออยู่น้อยเต็มที ทำให้ไฟหรี่ลงทุกขณะ
เปรี้ยง...ครืน
อสุนีบาต ครางกระหึ่มอยู่เบื้องนอก ต้นไม้ใหญ่ข้างๆบ้าน ล้มครืนลงมาได้ยินถนัดหู... สายลมกรรโชกเข้ามาในหน้าต่างบานเดียวที่เพยิบพยาบอยู่นั้น
ตะเกียงดับวูบ นีนาผวาเข้ามากอดผม มือทั้งสองข้างของเธอกระหวัดคล้องคอผมเอาไว้แน่น ผมก้มหน้าลงไปพอดี ก็เลยเจอะกับริมฝีปากรูปกระจับคู่นั้นพอดิบพอ...
ลมหายใจของเธอร้อนผะผ่าวเหมือนกับลมหน้าแล้ง ผมเก็บเกี่ยวความละลานใจบนร่างเธอด้วยความย่ามใจ ในขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงผิดปกติดังขึ้นมา ณ บริเวณบันไดหน้าห้องของเธอ
ใคร
นีนาถามออกไปเป็นภาษาแม้ว ด้วยน้ำเสียงที่ผมจำเกือบไม่ได้
แม่เอง...นีนา
เสียงแหบๆของแม่ของนีนาดังลอดประตูเข้ามาได้ยินถนัดหู...ผมสะดุ้งเฮือก มือทั้งสองข้างควานหากางเกงเป็นพัลวัน
นีนา เอื้อมมือมาคว้ามือผมเอาไว้แน่น ปากก็ร้องดุแม่ของเธออกไปด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
ไหน แม่ว่า...คืนนี้แม่จะไม่กลับ นีนามีแขก...แม่ไปนอนกับกิมลองก็แล้วกัน
มีเสียงบ่นพึมพำอยู่หน้าห้องชั่วครู่ ผมก็ได้ยินเสียงย่ำเท้าลงบันไดไป
ให้ตายเถอะครับ ถ้าเป็นเมืองไทย ป่านนี้ผมโดนเฉาะกบาลแยกแล้ว ประเพณีแม้วนี่ก็แปลกเหลือหลาย ลูกสาวจะมีผัวทั้งทีต้องเสือกไสแม่ให้เปลี่ยนที่นอนซะด้วย
นีนาเหมือนกับม้าเจนศึก ทุกสิ่งทุกอย่างเธอเป็นฝ่ายบริการให้ผมทั้งสิ้น สามยกของมวยไทยผ่านไปอย่างสบายๆ
พอขึ้นยกที่ 4 นักมวยสมัครเล่นอย่างผมก็ขาปัดขาเป๋ หายใจหอบเหมือนกับหมาบ้าแดด หูอื้อ ตาลาย เพดานมุ้งสีขาวที่อยู่ในความมืด หมุนเคว้งเหมือนกับกังหัน ความรู้สึกวูบลงไปเหมือนกับ หนังขาด
ก่อนที่ความรู้สึกจะโบยบินออกจากร่าง ผมได้ยินเสียงนีนาพึมพำภาษาบ้านเกิดของเธอไม่ได้ศัพท์
ผมสลบไสลไม่ได้สติ จนกระทั่งถึงรุ่งเช้า ลืมตาขึ้นมาก็มองเห็นแสงอาทิตย์สาดเป็นลำดับเข้ามาทางช่องหน้าต่าง ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ
ชุดเครื่องแบบที่เหม็นสาบของผมหายไปจากขอตะปูข้างฝา ซองสีน้ำตาลปึกใหญ่ที่นอร์แมนให้ผมไว้ วางอยู่ใกล้ๆหมอน
เสียงอ้อแอ้ของ จ่าสรศักดิ์ พุทรา แหกปากร้องตะโกนเพลงสัปโดกสัปดน เลียนแบบทำนองเพลงแหล่ ของ พร ภิรมย์ ดังลั่นอยู่ข้างๆบ้าน
คนธรรพ์พลันยั้งหยุดคิด คิดทำบุตรตอนฟ้าสาง อิงแอบแนบน้องนาง ก่อนสว่างจึงล้างหน้าไก่......คนธรรพ์พลันขึ้นห้อง ไปเจอะนวลน้อง ชะเป็นหนองใน
เฮ้ย ใครมี เดดตร้า-ไซคลีน บ้างโว้ย กูเจอะหนองในเข้าให้แล้ว โธ่เอ๋ย ม้าเนื้อหยั่งกู หนองแดกซะแล้วหรือนี่
พูดพลาง จ่าสรศักดิ์ ก็ร้องเพลงยอดฮิตของธานินทร์ ขึ้นมาอีกครั้ง
โธ่เราเป็นหนองอีกแล้วหรือนี่ ยังงี้ทุกทีเมื่อริปี้ผู้หญิง
มีเสียงหัวเราะประสานกันขึ้นมาเกรียวกราว ผมค่อยๆโงศรีษะที่หนักอึ้งขึ้นมาจากหมอน ลุกขึ้นเดินกระย่องกระแย่งไปที่หน้าต่าง ก็มองเห็น จ่าสรศักดิ์ พุทรา ยืนง่อกแง่กปลดกระดุมกางเกงงัด เครื่องเยี่ยว ออกมาสำรวจอยู่ไปมา ปากก็ร้องเพลงไม่ขาดระยะ ท่ามกลางกลุ่มทหารรับจ้าง 3-4 คนที่มีอาการสลึมสลือพอๆกัน
จ่าสรศักดิ์ เงยหน้าขึ้นมาพบผมเข้าพอดี... เขาหัวเราะก๊าก กล่าวทักทายผมด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ เหมือนกับคนลิ้นไก่สั้น
สวีดัด...สวัสดี รู้สึกว่าโลกมันจะกลมจริงๆซะแล้ว พบกันอยู่เรื่อย นิ๊งไหม๊ครับ ของฟรี... พวกผมแย่หน่อยโดนขูดไปคนละ 150 บาท แถมยังมีรายการแถมหนองในให้กับผมซะอีก เอ๊ะ ทำไมหน้าบีกแมนถึงซีดเป็นไก่ต้มหยั่งงั้นเล่าครับ...อ๋อ...ผมรู้แล้ว
พูดจบ จ่าสรศักดิ์ ก้เดินโงนเงนไปที่โอ่งน้ำ ซึ่งขณะนั้น นีนากำลังนั่งซักชุดเครื่องแบบของผมอยู่พอดี
อีหนู เธอทำอะไร นายภาษาของเธอถึงเหี่ยวออกยังงั้น เร็วๆเอาเงินนี่ไปซื้อโอวัลติน ไข่ลวก 5 ฟองมาให้นายภาษากินซะ แล้วถ้าร้านหมอเปิดละก็ ซื้อยาแก้หนองในมาให้ข้อย 3 เม็ดด้วยเด้อ
จ่าสรศักดิ์หยิบธนบัตร 100 กีบออกมาจากกระเป๋ายื่นส่งให้นีนาด้วยท่าทางง่อกแง่ก ง่อกแง่ก... คงจะเป็นด้วยความเมาจัด จ่าสรศักดิ์ก้เลยเซถลาหัวทิ่มโครมลงไปในโอ่งขนาดใหญ่ ซึ่งบรรจุน้ำอยู่เต็มปรี่ ท่ามกลางเสียงหัวเราะครืนใหญ่ของผู้ที่มองเห็นเหตุการณ์รอบๆด้าน
ผมผลุบหน้าคลานลงไปนอนดูเพดานห้อง มือข้างหนึ่งสัมผัสซองเอกสาร ก็เลยหยิบขึ้นมาเปิดดูด้วยอาการเนือยๆ
ธนบัตรดอลล่าร์ชนิดใบละ 20 ดอลล่าร์ แลบออกมาจากแผ่นกระดาษสีขาว ผมดึงมันออกมาทั้งปึก ด้วยความสนเท่ห์
เงิน 1500 ดอลล่าร์ วางท้าทายสายตาอยู่ข้างๆ...กระดาษคำสั่งให้พักผ่อน 3 วัน ถูกกระแสลมพัดปลิวว่อนออกไปทางช่องหน้าต่าง
อา...นอร์แมนปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้กับผมเรียบร้อยแล้ว
หนึ่งคืนผ่านไปอย่างกระอักเลือด นีนาเหมือนกับแม่ม้าที่ถูกโด๊ปยา เธอปรนเปรอผมด้วยอาหารและโสมเกาหลีชั้นดี แถมตบท้ายด้วยเบียร์ดำคอหมาป่าที่ลือชื่อไม่ขาดระยะ
โธ่ ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ ผมจะไปไหนรอด ทั้งเนื้อทั้งตัวผมเหลือแต่ผ้าห่มที่นีนาคลุมให้เท่านั้นเอง