พ่อช่างทีโอทีเมาคึก ยิงฉลองสงกรานต์ คลั่งจะฆ่าตัวตายตาม
สุดสลด หนุ่มใหญ่นายช่างทีโอทียิงปืนขึ้นฟ้าฉลอง สงกรานต์ พลาดท่าปืนลั่นใส่ลูกชายนักศึกษาวิศวะปางตาย หลังก่อเหตุวิ่งหนีเข้าป่าจะไปผูกคอฆ่าตัวตายหนีอาญา แต่ตำรวจเข้าไปล็อกตัวไว้ได้ก่อน เผยทั้งน้ำตา ลูกชายเพิ่งกลับมาเที่ยวบ้านช่วงสงกรานต์ พาไปเยี่ยมญาติตามหมู่บ้านต่างๆจนมาถึงบ้านปู่ย่า ชักปืนยิงขึ้นฟ้าฉลองปีใหม่ไทยและไล่สังขารตามความเชื่อ ลูกชายเห็นเข้าจะมาขอยิงบ้าง แต่ตัวเองไม่ยอม ต้องปลดแมกกาซีนออก แต่ลืมไปว่ายังมีกระสุนค้างในรังเพลิง จนเกิดการยื้อแย่งปืนจนกระสุนลั่นโป้งพุ่งเจาะโหนกแก้มลูกชายล้มฟุบ ประกาศลั่นถ้าลูกเป็นอะไรไปจะขอตายตาม ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหา คุมเข้าห้องขังไม่ให้ประกันตัว หวั่นเครียดจัดคิดสั้นฆ่าตัวตาย
เหตุสลดใจ พ่อยิงปืนฉลองวันสงกรานต์พลาดท่าปืนลั่นใส่ลูกปางตาย เปิดเผยเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 13 เม.ย. พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ คำบุญเรือง สารวัตรเวร สภ.เมืองน่าน ได้รับแจ้งเหตุคนทำปืนลั่นมีผู้ได้รับบาดเจ็บบนถนนภายในหมู่บ้านสวนหอม หมู่ 3 ต.ผาสิงห์ จึงรายงานให้ พล.ต.ต.ฉลองชัย บุรีรัตน์ ผบก.ภ.จ.น่าน พ.ต.อ.วีระชัย บั้งเงิน รอง ผบก. พ.ต.อ.สิทธิชัย ทนันไชย ผกก.สภ.เมืองน่าน นำกำลังไปตรวจสอบ พบร่างนายกิตติศักดิ์ พรมมิ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 252 บ้านเจดีย์ หมู่ 12 ต.ดู่ใต้ อ.เมืองน่าน นอนจมกองเลือดแน่นิ่งอยู่กลางถนนในหมู่บ้าน มีบาดแผลถูกยิงที่โหนกแก้มซ้าย 1 นัด จึงช่วยเหลือนำส่ง รพ.น่าน แต่อาการสาหัส ถูกส่งต่อ รพ.ศูนย์ลำปาง
ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน 9 มม. 3 ปลอก กระสุน 1 นัด ตกอยู่ที่พื้น โดยมีปืน 9 มม. ยี่ห้อบาเร็ตต้า ทะเบียน กทม. 52202896 ซองปืน แมกกาซีนบรรจุกระสุน 2 นัด วางอยู่กระบะท้ายรถปิกอัพมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บจ 3830 น่าน ที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียง ส่วนผู้ก่อเหตุทำปืนลั่นใส่คนเจ็บไม่ใช่ใครที่ไหน คือนายเสริมฤทธิ์ หรือผจญ พรมมิ อายุ 50 ปี พ่อของนายกิตติศักดิ์ เป็นนักปฏิบัติการช่าง 6 ฝ่ายโทรศัพท์ภาคเหนือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และเป็นทนายความ หลังเกิดเหตุวิ่งหลบหนีไปด้วยความตกใจ ตำรวจระดมกำลังออกตามหาแต่ยังไม่เจอตัว
ต่อมาตำรวจได้ให้นายชาญวิทย์ พรมมิ อายุ 20 ปี ลูกชายอีกคนของนายเสริมฤทธิ์ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ โทรศัพท์เข้ามือถือของพ่อ กระทั่งสามารถติดต่อได้ แต่นายเสริมฤทธิ์ อยู่ในอาการเมาสุรา เอาแต่ร้องไห้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนพูดจาไม่รู้เรื่อง ตำรวจเชื่อว่ายังหลบซ่อนตัวอยู่ละแวกใกล้เคียง จึงกระจายกำลังออกค้นหาอีกรอบ ในที่สุดก็พบนายเสริมฤทธิ์ นั่งร้องไห้อยู่ในป่าห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร กำลังจะใช้เชือกผูกคอกับต้นไม้เพื่อฆ่าตัวตายหนีความผิดที่เกิดขึ้น จึงควบคุมตัวไว้ได้ นำมาสอบปากคำที่ สภ.เมืองน่าน
นายเสริมฤทธิ์อยู่ในอาการเครียดจัด ให้การทั้งน้ำตานองหน้าว่า นายกิตติศักดิ์ ลูกชายเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพิ่งเดินทางกลับมาที่บ้าน จ.น่าน เพื่อเที่ยวฉลองเทศกาลสงกรานต์ ก่อนเกิดเหตุตนขับรถพาลูกชายทั้ง 2 คน ตระเวนเยี่ยมญาติตามหมู่บ้านต่างๆ และดื่มสุราฉลองสงกรานต์ไปด้วย จนกระทั่งขับรถมาหาพ่อแม่ของตนที่หมู่บ้านดังกล่าว เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็นำอาวุธปืนออกมายิงขึ้นฟ้า 2 นัดเพื่อฉลองปีใหม่ไทย และถือเป็นการไล่สังขารเสนียดจัญไรสิ่งไม่ดี ตามความเชื่อโบราณ
พ่อผู้ทำปืนลั่นใส่ลูกชายตัวเองให้การต่อไปว่า ระหว่างนั้น นายกิตติศักดิ์ ลูกชายขอยิงปืนบ้าง แต่ตนไม่ให้เพราะเห็นว่าอันตราย จึงปลดแมกกาซีนออก แต่ลืมไปว่ายังมีกระสุนค้างอยู่ในรังเพลิงอีก 1 นัด ลูกชายก็พยายามคว้าปืนจากมือตน จนเกิดการยื้อแย่งกันขึ้น แล้วทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อปืนลั่นออกมา 1 นัด กระสุนพุ่งเจาะเข้าโหนกแก้มลูกชายจนล้มทรุดแน่นิ่ง รีบเข้าไปโอบร่างลูกชายไว้คิดว่าเสียชีวิตแล้ว ด้วยความเสียใจทำอะไรไม่ถูกตัดสินใจวิ่งเข้าไปหยิบเชือกในบ้านจะไปผูกคอตายในป่า แต่ตำรวจมาพบเข้าก่อน และเพิ่งทราบว่าลูกชายยังไม่ตาย ยืนยันว่าถ้าลูกชายเป็นอะไรไป ตนจะขอตายตามไปด้วยกัน
พล.ต.ต.ฉลองชัย บุรีรัตน์ ผบก.ภ.จ.น่าน เผยว่า เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรโดยไม่มีใบอนุญาตพกพา ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และพยายามฆ่าผู้อื่นไว้ก่อน ตอนนี้ยังไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากกำลังเครียดจัด กลัวจะฆ่าตัวตาย พยายามปลอบโยนว่าอาการของลูกชายปลอดภัยแล้ว พร้อมทั้งกำชับให้ตำรวจหน้าห้องควบคุมผู้ต้องหาเฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
ที่มาครับ..
http://www.thairath.co.th/today/view/163813