เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 28, 2024, 02:52:46 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 776 777 778 [779] 780 781 782 ... 811
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไลฟ์ สไตล์ ของ " สมิง วังม่วง " และพี่น้องคอปืน จังหวัด น่าน  (อ่าน 890309 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11670 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2015, 08:16:02 AM »

อัพเดต ราคาปืนใหม่และกระสุนเดือน พ.ค 58-ก.ค 58  http://2013.gun.in.th/index.php?topic=53514.0 (สมัครสมาชิก)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11671 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 02:41:25 PM »

ตลาด   ส่วนควบ  อุปกรณ์ปืน มือ1 มือ 2 วันนี้ http://2013.gun.in.th/index.php?board=21.0  (สมัครสมาชิกด้วย)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 08, 2015, 07:28:00 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11672 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2015, 10:05:27 AM »

   
ปืนสั้น สน.อส.(ห้ามโอนภายใน5ปี)อัพเดท 2/กค./58  http://2013.gun.in.th/index.php?topic=56174.0  (สมัครสมาชิก)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11673 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2015, 08:37:02 PM »

 เครดิต thaiairsoftgun  ผลงานเขียนของ สยมภู ทศพล

     เรื่องสั้น ชุดฉากชีวิต

เรื่องของเพื่อน

" เพทาย "

เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายสิบกับผม เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๗ นั้น มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด ๑๐๘ คน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองกองร้อยสี่หมวด เฉพาะหมวดที่ ๑ กองร้อยที่ ๑ ซึ่งผมอยู่ด้วยกันเกือบสามสิบคนนั้น ต่างก็สนิทสนมกันเป็นอันดี เพราะได้กินนอนเรียนเล่น ร่วมกันมาเป็นเวลา ๖ เดือนเต็ม แต่ที่ใกล้ชิดกันมากจนจำพฤติกรรมของแต่ละคนได้ดี และยังคบหาสมาคมกันต่อมา หลังจากออกรับราชการแล้วอีกหลายปี ก็มีอยู่หลายคน

คนหนึ่งเป็นลูกชาวสวนทางฝั่งธนบุรี พอได้ลาพักกลับบ้าน ในวันเสาร์อาทิตย์ ก็เอาผลไม้ในสวนกลับมาฝากเพื่อน ให้นอนกินกันในมุ้งเวลาเป่าแตรนอนแล้ว มันตื่นเต้นหวาดเสียวดี โดยเฉพาะชมพู่แก้มแหม่ม เวลากัดกินเสียงมันดังก้องในรูหูจนขนลุก กลัวจะได้ยินไปถึงสิบเวร แล้วจะต้องลุกขึ้นมาออกกำลังกันในตอนดึก

ตรงกันข้ามกับอีกคนหนึ่ง ซึ่งมักจะหาเรื่องเถียงกับครูฝึก จนต้องถูกกัก งดลาเสาร์อาทิตย์แทบทุกเดือน เวลาที่อยู่เฝ้ากองร้อย ก็เอามุ้งของเพื่อนลงไปช้อนปลาในคูหน้ากองร้อย เอามาย่างมาปิ้งกินเป็นอาหารว่าง โดยอ้างว่าช่วยซักมุ้งให้เพื่อน

อีกคนเป็นหัวหน้าตอน เพราะเป็นนักกล้าม เดินข้อกางหุบไม่ลง เมื่อออกรับราชการได้บรรจุอยู่ในกรุงเทพ พอเขาจะย้ายไปอยู่จังหวัดร้อยเอ็ด ก็ทำท่าจะขอลาออก เพราะเป็นเด็กกรุงเทพไม่เคยเห็นบ้านนอก ผมก็ต้องปลอบใจว่าให้ลองไปดูก่อน พอไปอยู่เข้าจริง ก็มีช่องทางทำมาหารายได้พิเศษ ด้วยการหาโฆษณา เข้าสถานีวิทยุกระจายเสียงประจำจังหวัด เลยติดใจอยู่มันเสียเกือบยี่สิบปี มีบ้านให้ฝรั่งเช่าหลายหลัง มีฐานะมั่นคงมาก พอนายจะย้ายเข้ากรุงเทพ ก็ไม่ยอมกลับอีกเข้าขั้นหนีราชการ ผมกับเพื่อนอีกคน ก็ต้องไปตามให้ช่วยเซ็นชื่อในใบลาออกให้ที จึงมีเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญกินจนถึงบัดนี้ เพราะสุดท้ายบ้านหลายหลังนั้นก็เปลี่ยนเจ้าของไปสิ้น ไม่รู้ว่าเป็นด้วยเหตุใด

แต่ยังดีกว่าอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่นักกล้ามแต่ก็หล่อล่ำ สูงขาวราวกับ มิตร ชัยบัญชา พอสำเร็จออกรับราชการใหม่เอี่ยม มีคนมาชักจูงไปแสดงหนังไทยในยุคนั้น หนแรก ๆ ก็หลบงานไปถ่าย เป็นตัวประกอบ ต่อมาติดใจเลยลาออกไปเป็นนักแสดงเต็มตัว เพราะนายทุนเขาให้เป็นพระเอก ต้องเข้าฉากตลอดเรื่อง แต่น่าสงสารที่เป็นพระเอกได้เพียงเรื่องนั้นเรื่องเดียว ก็หายจ้อยไปเลย

อีกคนหนึ่งเป็นคนซื่อ ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ ไม่เคยกลัวใคร ชอบมีเรื่องกับเพื่อน ๆ อยู่เสมอ พอถึงชั่วโมงพละศึกษา ก็ขออนุญาตครูฝึกสวมนวม ต่อยกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่ ถึงแม้จะตัวใหญ่กว่าก็ไม่กลัว ต่อยเสร็จแล้วหน้าตาแดงปากแดงเลือดกลบ ก็ยังหัวเราะเฉย และไม่อาฆาตจองเวรต่อไป

อีกคนหนึ่ง เป็นนักกีฬาที่ทำชื่อเสียงให้แก่หน่วยอย่างระบือลือลั่น เมื่อสามสิบกว่าปีมาแล้ว เขาได้เคยเป็นตัวแทนของกองทัพบก เข้าแข่งขันกีฬาสี่เหล่าทัพ ซึ่งรวมถึงตำรวจด้วย ต่อจากนั้นก็เป็นนักกีฬาทีมชาติไปแข่งขันกีฬาแหลมทอง หรือเซียพเกมส์ ซึ่งในปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นซีเกมส์ กีฬาเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิคเกมส์ตามลำดับ

เขาผู้นี้เมื่อจบการศึกษาจากโรงเรียนนายสิบแล้ว ก็ได้ออกไปรับราชการทางภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการวิ่งมาแต่กำเนิด วิ่งได้เร็วโดยไม่ต้องฝึกหัด หรือฝึกซ้อมมาก่อนเลย ในต่างจังหวัดมีการแข่งขันวิ่งเร็ว แบบแข่งขันกันสองคนตัวต่อตัว ใครวิ่งไปชิงธงที่ปลายทางได้ ก็เป็นผู้ชนะ มีทั้งเดิมพันในระหว่างนักวิ่ง และมีการพนันขันต่อกัน ในระหว่างผู้ดูด้วย ไม่ว่าระยะทางที่วิ่งจะใกล้ไกลสักเท่าใด เพื่อนของผมคนนี้ก็คว้าเอารางวัลมาได้ทุกครั้ง ไม่เคยแพ้ใครเลย เมื่อมีคนรู้จักมากขึ้นในจังหวัดนั้น ก็ย้ายไปท้าแข่งที่จังหวัดอื่นต่อไป

ครั้นได้ย้ายเข้ามารับราชการในกรุงเทพมหานคร ก็เลยได้เป็นนักกีฬาของหน่วยหลายประเภท แต่ที่ทำชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ ชนะเลิศการแข่งขันวิ่ง ๑๐๐,๒๐๐ และ ๔๐๐ เมตร ของประเทศไทย และเป็นตัวแทนไปแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่ประเทศญี่ปุ่น และกีฬาโอลิมปิค ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี เรียกว่าตลอดเวลาที่รับราชการอยู่ เขาไม่เคยทำงานอื่นใดเลย นอกจากเข้าค่ายซ้อมกีฬาทั้งปี และทุกปี

ความเร็วในการวิ่งของเขาสมัยนั้น เป็นเรื่องที่เล่าลือกันมาก แต่ที่ผมได้เห็นด้วยตาตนเอง ที่สนามศุภชลาศัยหรือสนามกีฬาแห่งชาติ เขาจะวิ่งระยะทางเท่าใด ในกีฬาระดับไหนก็ จำไม่ได้ พอออกจากจุดสตาร์ทเขาก็วิ่งนำโด่งไปคนเดียวสามสี่ช่วงตัว เหมือนกับว่าคนอื่นไม่ได้วิ่งอย่างนั้นแหละ เขาเกิดนึกอย่างไรไม่ทราบ จึงเหลียวหน้ากลับมาดูนักวิ่งที่แข่งกับเขา เมื่อเห็นว่ามีผู้วิ่งตามมาแน่แล้วเขาก็เข้าเส้นชัยไปอย่างสบายอารมณ์ ดูเหมือนจะยังไม่ทันเหน็ดเหนื่อยเสียด้วยซ้ำไป

ต่อมาเมื่ออายุมากขึ้น สังขารก็ร่วงโรยลง มีนักวิ่งหนุ่ม ๆ เกิดขึ้นมาใหม่ สามารถเอาชนะเขาได้ จนตำแหน่งชนะเลิศตกไปเป็นของนักวิ่งสังกัดกองทัพอากาศแล้ว เขาก็เบื่อการกีฬา จึงขอลาออกจากราชการ ไปประกอบอาชีพส่วนตัว ซึ่งก็ต้องเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ หลายอาชีพตามความเบื่อง่ายของเขา แต่ส่วนใหญ่นั้นมักจะเกี่ยวข้องกับการบันเทิงเริงรมย์ทั้งนั้น เพราะนอกจากจะเป็นนักกีฬาแล้ว เขายังเป็นนักรักด้วย

ครั้งหนึ่งผมเคยพบเขา เป็นคนต้อนรับแขก อยู่ที่ภัตตาคารใหญ่โต มีชื่อเสียงโด่งดังแถวสะพานยมราชหรือสี่แยกอุรุพงษ์ เมื่อก่อนที่ยังไม่มีทางด่วนพาดผ่าน ผมบังเอิญได้รับเชิญไปในคณะผู้ปฏิบัติงานออกอากาศ ของทีวีวิกสนามเป้าสมัยขาวดำ จากผู้จัดรายการของทางราชการคณะหนึ่ง เขารีบทักทายผมก่อน พร้อมกับโค้งคำนับอย่างล้อเลียน ผมไต่ถามเขาเพราะจากกันมานาน ก็ได้ความว่าเพิ่งมาอยู่ไม่กี่เดือน จึงถามต่อว่าพนักงานเสริฟหญิงมีทั้งหมดเท่าไร ก็ได้รับคำตอบว่ากว่าสองร้อยคน ผมซักว่ารู้จักอย่างลึกซึ้งแล้ว กี่คน เขาบอกว่าหลายสิบแล้ว

จนกระทั่งเกิดสงคราม ภายในสามประเทศของอินโดจีน เขาจึงได้อาสาสมัครไปเป็นเสือพราน ต้นกำเนิดของทหารพรานในปัจจุบัน ได้ออกไปปฏิบัติงานนอกประเทศอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ทุ่งไหหินในประเทศลาวจะแตก ด้วยฝีมือคอมมิวนิสต์

เขาจึงมีประสบการณ์ในการสงคราม มากพอที่จะเอามาเขียนหนังสือขาย ได้เงินมากมาย และมีชื่อเสียงโด่งดัง ยิ่งกว่าการเป็นนักกีฬาหลายเท่าตัว ในยุคสมัยของเขานั้น เรื่องบู๊ปนเซ็กส์กำลังฮิตติดตลาดมาก มีผู้เขียนหลายนามปากกา แข่งขันกันเต็มที่ เขาเขียนเรื่องได้อย่างรวดเร็ว และมากมายจนตัวเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง เขาเคยเขียนเรื่องยาวลงในหนังสือพิมพ์หัวเขียวรายวัน แล้วต่อมาไปผิดเส้นอะไรก็ไม่ทราบ เลยย้ายมาลงในหัวชมพูคู่แข่งเป็นรายวันเหมือนกัน

ผมไปเจอเขาเข้าอีก ในงานวันนักเขียนที่ ๕ พฤษภาคม ปีหนึ่ง ซึ่งจัดขึ้นที่สมาคม นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน หน้าวชิรพยาบาล เขายังจำผมได้ดี แต่ผมจำเขาไม่ค่อยได้ เพราะผมบนศรีษะของเขา หายไปมากกว่าครึ่ง

เขาโด่งดังอยู่ในวงวรรณกรรมหลายปี แต่แล้วก็เงียบหายไปจากวารสารต่าง ๆ ที่เคยลงพิมพ์ รวมทั้งที่เป็นเล่มขนาดพ็อคเก็ตบุ๊คส์ ไม่ทราบว่าด้วยเหตุอันใด ผมพยายามติดตามข่าวคราวของเขา ก็ได้ยินว่าเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ลอยชายอยู่ระหว่าง กรุงเทพกับนครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา แม้แต่น้องชายหญิงของเขาที่ทำงานอยู่หน่วยเดียวกับผม ก็ไม่เคยได้เจอหน้าเขาเลย

จนกระทั่งได้ทราบจาก เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายสิบ ว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ด้วยโรคเส้นโลหิตอุดตัน และผมได้ไปพบกับร่างอันไร้วิญญาณของเขา เป็นครั้งสุดท้าย ที่วัดแห่งหนึ่งในย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นงานฌาปนกิจศพที่เงียบเหงา ไม่สมกับความมีชื่อเสียงอันโด่งดังอย่างสูงสุด ทั้งในด้านการกีฬา และการประพันธ์ มาแล้วในอดีตเลย

ชื่อและนามสกุลจริงของเขาที่เขียนไว้บนกรอบรูปถ่ายหน้าเมรุนั้นคือ จ.ส.อ.ประจิม วงษ์สุวรรณ น่าเสียดายที่ไม่มีหน่วยใด บันทึกเกียรติประวัติในการแข่งขันกรีฑาของเขาไว้เลย ใน ปัจจุบันจึงหาคนที่จะจำชื่อของเขาได้อยู่เพียงไม่กี่คน

แต่เพื่อนของผมคนนี้ เมื่อเป็นนักเขียน ใช้นามปากกา

สยุมภู ทศพล

ซึ่งคงจะมีผู้อ่านหลายท่าน จำได้อย่างแน่นอน.

##########

จาก นิตยสารโล่เงิน
ธันวาคม ๒๕๔๓



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 02, 2015, 10:22:32 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11674 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2015, 08:40:59 PM »

  ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่1

?พรึ้ม...?
เสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด ?T-28? คำรามขึ้นมาพร้อมๆกัน สรรพสำเนียงที่อึกทึกครึกโครมกลบเสียงเครื่องยนต์ชนิดอื่นๆที่เซ็งแซ่อยู่รอบๆข้างอย่างสิ้นเชิง มันจอดเร่งเครื่องอยู่ชั่วครู่ก็แท็กซี่ช้าๆในลักษณะแถวตอนเรียงสอง มุ่งหน้าไปยังหัวสนามบิน กลับลำ จอดอุ่นเครื่องอยู่ชั่วขณะแล้วเร่งเครื่องยนต์เต็มที่อีกครั้ง... ปลดเบรกอากาศทะยานปร้าดไปตามพื้นรันเวย์ที่ยาวเหยียดพร้อมๆกันทั้ง 4 เครื่อง มองเห็นอุปกรณ์การรบจำพวกจรวดและลูกระเบิดที่ติดตั้งอยู่ใต้ปีกอิรุงตุงนัง

ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรันเวย์ เจ้า ?วิหคสายฟ้า? ทูตฤตยู 4 เครื่องก็เชิดหัวขึ้นท้องฟ้า แล้วบินเกาะหมู่ข้ามเนิน ?สกายไลน์-วัน? มุ่งหน้าไปยังสนามบินซำทองซึ่งขณะนี้ตกอยู่ในความยึดครองของทหารเวียดนามเหนือผสมลาวแดงโดยสิ้นเชิง

เช้าวันนั้นอากาสแจ่มใสเป็นพิเศษ ?ชอปเปอร์? (เฮลิคอปเตอร์) จากสนามบินอุดรมาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ คนงานแผนก ?A-D-S? ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นสู่แนวรบ ทยอยออกปฏิบัติงานในบริเวณสนามบินล่องแจ้ง แน่นไปหมด ทำให้บริเวน ?เม็นแล้ม? คับแคบไปถนัดตา

เครื่องบินลำเลียงสีเทาสลับขาว บางเครื่องก็พรางลำตัวด้วยสีเขียวลายพร้อย ติดยี่ห้อ ?แอร์-อเมริกา? บินวนเวียนอยู่เหนือทิวเขาเสียดฟ้า รอจังหวะสนามบินว่างเพื่อขออนุญาตหอบังคับการบินลงพื้นในลำดับต่อไป

ไอ้หมู หรือเครื่องบิน C-123 ซึ่งเป็นเครื่องบินลำเลียงขนาดยักษ์ โผล่พรวดมาจากร่องสันเขาบริเวณรอยต่อของเนินสกายไลน์ มันกางฐานลดเพดานบิน จนกระทั่งลูกล้อแตะพื้นรันเวย์ พร้อมกับ ?เบรกอากาศ? เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ต่อจากนั้นก็ลดความเร็วลง แท็กซี่ช้าๆ เข้ามาจอด ณ บริเวน ?เม็นแล้ม? เลี้ยวซ้ายถอยหลังเอาประตูด้านท้ายซึ่งเปิดออกช้าๆ ด้วยระบบไฮโดรลิค จนกระทั่งเปิดออกเรียบสนิทเป็นแผ่นเดียวกับพื้นห้องโดยสาร

กลุ่มทารรับจ้างซึ่งอยู่ในชุดเสือพรานทะลักออกมาจากช่องประตูพร้อมด้วยอาวุธประจำกาย และเครื่องสนามครบครัน ต่อจากนั้นก็นั่งรวมกลุ่มกัน ณ บริเวณลานจอดนั่นเอง

?C-123? เครื่องที่สอง และที่สามทยอยกันแท็กซี่เข้ามาจอด ทำให้กลุ่มทหารรับจ้างเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
ใช่แล้วครับ กองพันทหารรับจ้างจากประเทศไทยได้รับการขนย้ายเข้ามายันการรุกไล่ของกองทหารเวียตนามเหนือที่กำลังประชิดเมืองล่องแจ้งเข้ามาทุกขณะ ใบหน้าของนักรบเหล่านั้นบางคนก็ยิ้มหัว กระเซ้าเย้าแหย่กันด้วยความคึกคะนอง บางคนก็ซึมกระทือนั่งมองท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย

ผมนั่งอยู่บนรถจี้ปกับนักบินลาดตระเวนที่เพิ่งได้รับคำสั่งจาก ?นอร์แมน? ผู้เชี่ยวชาญของ ?ซี.ไอ.เอ? ให้ร่วมบินลาดตระเวนสนามบินซำทอง เพื่อหาข้อมูลและสภาพที่ตั้งฐานปฏิบัติการของข้าศึกประกอบเพื่อ พิจารณายุทธวิธีทิ้งระเบิดโจมตีในโอกาสต่อไป
ชอปเปอร์แบบ ?เบลส์? สองเครื่องตีวงกว้างบินลิ่วมาทางท้ายสนามบิน พอถึงบริเวณ ?เม็นแล้ม? ก็แตะพื้นอย่างนิ่มนวล
รถจี๊ปกลางมีเครื่องหมายกากะบาทสีแดงแล่นเข้าไปจอดเทียบในทันทีทันใด
ทหารเสือพรานที่แตกทัพจากทุ่งไหหินและซำทองที่ได้รับบาดเจ็บ แขนขาด...ขาขาด กระรุ่งกระริ่ง เลือดไหลเปรอะทั่วตัวถูกหามลงมาจากห้องโดยสาร ท่ามกลางการรุมล้อมของเหล่าทหารรับจ้าง ที่เพิ่งเดินทางมาถึงสมรภูมิลาวในเช้าวันนั้น
ทหารรับจ้างบางคนที่รอดจากสมรภูมินรกก็มีสภาพไม่ผิดอะไรจากซากศพ เนื้อตัวโดนทากกัดแดงเถือกไปหมด เสื้อผ้าขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี พูดจาแทบไม่เป็นภาษาคน บางคนก็ไชโยโห่ร้องกระโดดโลดเต้นตะโกนหาเพื่อนฝูงที่มาคอยรับด้วยความยินดี
คราวนี้เหมือนกับรายการสัมภาษณ์ดาราไม่ผิดเลยครับ...กลุ่มทหารรับจ้างน้องใหม่ต่างก็พากันเข้าไปซักไซ้ไล่เลียงเรื่องราวกับผู้ที่รอดตายด้วยท่าทางที่สนใจแกมตื่นเต้น
?พี่ครับ รบหนักไหมครับ พวกเราสูญเสียมากไหมครับ?
เสียงถามกันให้แซ่ดไปหมด ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
?ผมไม่อยากพูดหรอกครับ อยากให้พวกคุณไปเห็นด้วยตาเอง พวกมันขึ้นมาไล่ฆ่าพวกเราถึง ?คูเหลด? เลยทีเดียว กองร้อยผมมีทหาร 134 คน รอดกลับมาเพียง 19 คนเท่านั้นเอง?
ทหารรับจ้างที่มีบาดแผลบนใบหน้าเอ่ยตอบขึ้นมาพร้อมกับเอื้อมมือรับบุหรี่จากพวกน้องๆ ที่ส่งให้ ขึ้นไปอัดเข้าปอดสองสามครั้งด้วยความกระหาย แล้วก้าวเท้าพาตัวเองขึ้นไปบนรถพยาบาลอย่างรวดเร็ว
สารวัตรทหารรีบไล่กลุ่มทหารรับจ้างที่ยืนรุมล้อมกีดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่สนามบินที่กำลังสาละวนขนหีบห่อ,กระสุน และเสบียง ?เรชั่น? อยู่อย่างชุลมุนวุ่นวาย ทำให้กลุ่มทหารนั้นแตกฮือกลับมารวมกลุ่มกับพรรคพวกที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ
สายตาของผมมิได้ฝาดไปหรอกครับ ทหารรับจ้างบางคนที่เคยหัวเราะเฮฮา ต่างก็พากันเงียบกริบเป็นปลิดทิ้ง ทอดสายตามองเปลสนามที่มีขวดเลือดห้อยอยู่บนเสาเล้กๆ มองเห็นสายเลือดไหลจากขวดลงสู่แขนของพวกบาดเจ็บด้วยท่าทางตกใจแกมขวัญเสีย...
?ไอ้ปากหมา? หรือเครื่องบินเครื่องยนต์เดียวสองที่นั่งแบบ ?L-19? แท็กซี่ช้าๆ จากโรงเก็บมายังบริเวณ ?เม็นแล้ม? แล้วจอดเร่งเครื่องยนต์ดังสนั่นหวั่นไหว ปล่อยควันออกทางท่อไอเสียเป็นทางยาว...
?สไปร้ท? นักบินมือดีของ แอร์-อเมริกา หันมาตบบ่าพร้อมกับสัพยอกด้วยความคุ้นเคย
?บิ๊กแมน...ไปโว้ยเพื่อน โก ทู เฮล?
ผมชักเดือดปุดๆ อยู่ในใจที่สไปร้ทมันเสือกชวนผมไปลงนรกเอาดื้อๆ ก็เลยหันไปสดุดีมันด้วยคำพูดที่เคยปากว่า
?บุลเชี้ยส...ขอให้ไอ้แกวล่อหำมึงให้หลุดจากพวงก็แล้วกัน...ไอ้ห่า...เสือกแช่งอยู่ได้?
ผมล่อภาษาลาวปนฝรั่งท่ามกลางเสียงหัวเราะก๊ากใหญ่ของพลขับชาวแม้วที่นั่งเป็นหน้าลิงอยู่ข้างๆ
สไปร๊ท ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับผมมือผมกระโดดจาก หิ้วอุปกรณ์การบินอิรุงตุงนังมุ่งหน้าไปยัง ?ไอ้ปากหมา? ซึ่งขณะนี้ช่างเครื่องได้ปีนลงมายืนข้างๆ พร้อมกับชูหัวแม่โป้งให้กับสไปร๊ทเหมือนกับจะส่งสัญญาณให้ทราบว่า ขณะนี้ได้เช็คเครื่องพร้อมที่จะออกทำการบินได้แล้ว
ผมและสไปร๊ทขึ้นไปนั่งบนห้องโดยสารที่คับแคบของ ?ไอ้ปากหมา? อย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้นสไปร๊ทก็แท็กซี่เครื่องช้าๆ ไปตามรันเวย์จนกระทั่งถึงท้ายสนามบินก็เลี้ยวเครื่องกลับ จอดนิ่งเช็คระบบคันบังคับอยู่ชั่วครู่ ก็เร่งเครื่องเต็มที่พาเจ้าปากหมาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าลัดเลาะมุ่งทิศทางการบินไปยัง ?ซำทอง? ทันที
ถึงแม้ผมจะนั่งอยู่เบื้องหลังสไปร้ทก็ตาม ระบบการสื่อสารที่ติดอยู่กับหมวกนักบิน ทำให้เราทั้งสองพูดคุยกันได้อย่างสบาย
?เฮ่...บิ๊กแมน... อั๊วขอถามลื้อซักหน่อยเถอะวะ ทำไมลื้อถึงกล้ามานั่ง ?ไอ้ปากหมา? เครื่องนี้กับอั๊วด้วย ลื้อกรู้นี่หว่า ?ไอ้ปากหมา? เครื่องนี้ถ้าจะเปรียบมันก็เป็น ?เครื่องล่อเป้า? ให้ข้าศึกยิงดีๆนี่เอง อั๊วสงสัยจริงๆว่ะ?
?คำสั่งและโอเวอร์ไทม์สิโว้ยพรรคพวก นอร์แมนต้องการเห็นสภาพอันแท้จริงของสนามบินซำทองและที่ตั้งปืนของข้าศึก ไอ้อั๊วมันก็ชำนาญภูมิประเทสแถบนี้แทบจะหลับตามองเห็นซะด้วย...มันก็เลยยัดเยียดตำแหน่ง ?ล่อเป้า? อันนี้ให้อั๊วพร้อมเบี้ยเลี้ยงพิเศษชั่วโมงละ 100 ดอลล่าร์ อั๊วก็เลยต้องมากับลื้อนี่แหละ เข้าใจ๋?
ผมตะโกนกรอกแก้วหูเจ้าสไปร๊ทผ่านทางเครื่อง ?อินเตอร์คอม? จนมองเห็นมันทำคอย่น หันมาแยกเขี้ยวให้ผมพร้อมกับตะโกนผ่านวิทยุด้วยเสียงพอๆกัน
?ค่อยๆพูดก็ได้โว้ย หูจะแตกตายห่า?
ต่อจากนั้น สไปร๊ทก็ดึงเครื่องเลี้ยวซ้ายโฉบฐานบังคับการของกองพันทหารรับจ้างที่ 616 ซึ่งตั้งฐานอยู่บนยอดที่สูงที่สุดของ ?ภูหมอก? มองเห็นทหารรับจ้างสาละวนเสริมที่มั่นอย่างชุลมุนวุ่นวาย
?เม้าส์แทร็ป เม้าส์แทรป จากสไปร๊ท?
สไปร๊ทใช้วิทยุจากไอ้ปากหมา ส่งสัญญาณเรียกขานลงไปยัง F.A.G. (แฟ็ก) ประจำกองพัน 616 ซึ่งทำหน้าที่เป็น ?ล่าม? อยู่ ณ ฐานปฏิบัติการเบื้องล่าง
?สไปร๊ทจากเม้าส์แทรป ผมได้ยินเสียงของคุณแล้วและมองเห็นคุณด้วย ระวังหน่อยนะครับ เมื่อสองชั่วโมงผมเห็นมันออกมาผึ่งลมบริเวณรันเวย์สนามบิน ขอให้โชคดี?
เสียง ?แฟ็ก? ประจำกองพันทหารรับจ้างที่ 616 สวนตอบขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
?ขอบคุณมาก เม้าส์แทร็ป?
สไปร๊ทตะโกนตอบลงไป พร้อมกับดึงไอ้ปากหมาไต่ขึ้นระยะสูงเพื่อหลีกเลี่ยง ป.ต.อ. ขนาด 12.7 ม.ม. อันทรงอานุภาพของทหารเวียดนามเหนือ ซึ่งเคยสอยไอ้ปากหมาตัวอื่นๆปีกหักลงมาคลุกฝุ่นหลายต่อหลายลำมาแล้ว...
?ลื้อแน่จริงบินให้ต่ำกว่านี้สิว่ะ หรือบินมันลงไปจอดชมวิวที่รันเวย์กันซัก 10 นาทีเป็นยังไง?
ผมตะโกนแหย่เจ้าสไปร๊ทไปอีก
?จ้างอั๊วชั่วโมงละ 1,000 ดอลล่าร์ก็เห็นจะไม่รับประทาน ขนาดบินสูงๆขนาดนี้มันก็ยังยิงเฉียดไปเฉียดมาตั้งหลายครั้ง ว่าแต่ลื้อเถอะได้ โอเวอร์ไทม์พิเศษตั้งชั่วโมงละ 100 ดอลล่าร์ เครื่องบินอั๊วบินได้เกือบ 7 ชั่วโมง ลื้อมีรายได้ตั้ง 700 ดอลล่าร์ อั๊วจะแกล้งบินถ่วงให้ลื้อจนหมดน้ำมัน แล้วลื้อแบ่งให้อั๊ว 200 ดอลล่าร์ โอเคมั้ย พรรคพวก?
นั่นแน่... ลวดลายไอ้กะล่อนสไปร๊ททำไมผมจะไม่รู้กำพืดของมัน ผมรู้แม้กระทั่งจำนวนเงินเดือนและเงินชั่วโมงบินของมันแต่ละครั้งว่ามากมายกว่าผมอย่างเทียบกันไม่ได้ นี่มันวางแผนหลอกเล่นเงินดอลล่าร์ของผมเข้าแล้วนี่หว่า นึกเจ้บใจขึ้นมาก้เลยสวนคำพูดด่ามันออกไปทันควัน
?สไปร๊ทเพื่อนรัก เงินเดือนของลื้อ 2,000 ดอลล่าร์ต่อเดือน ชั่วโมงบินของลื้อชั่วโมงละ 50 ดอลล่าร์ แต่ขอโทษที ลื้อมีรายได้กับชั่วโมงบินของลื้อเองไม่เว้นแต่ละวัน แล้วนี่มันเรื่องอะไรที่ลื้อจะมาไถเอาเงินที่อั๊วนานปีทีหน จะมีโอกาสฟลุคแบบนี้ ขอทีเถอะวะ ถ้าคิดจะรักกับอั๊ว ขอกันกินก็ได้นี่หว่า?
ไอ้ยอดกะล่อนสไปร๊ทหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่ๆแล้วพึมพำออกมาเบาๆ
?ลื้อนี่ช่างเสือกรู้เเยะจัง...อั๊วพูดเล่นน่า...เฮ้ย ระวังโน่นเห็นมั้ย ที่บริเวณหอบังคับการบินโน่น...วิ่งลงหลุมกันให้เพ่นพ่านไปหมด?
เขาชะโงกหน้าไปดู...ใช่ครับทหารเวียดนามเหนือกลุ่มเบ้อเร่อกำลังขนหีบกระสุนวิ่งหลบเครื่องบินตรวจการณ์กันเป็นจ้าละหวั่น แล้วอีกกลุ่มหนึ่งก็กำลังขุดสนามเพลาะอยู่ข้างๆสนามบินทางด้านทิศเหนือ ก็พากันเผ่นเข้าไปซุกซ่อนอยู่ภายในป่าทึบที่อยู่ข้างๆทางมองเห็นอย่างถนัดชัดเจน
?สไปร๊ทบินไปเรื่อยๆก็แล้วกัน อย่าบินวกกลับมาอีกเป็นอันขาด บางทีมันอาจจะคิดว่าเรามองไม่เห็นพวกมันก็อาจจะเป็นไปได้ แล้วอย่าเสือกบินผ่านถ้ำใหญ่ที่อยู่ข้างๆสนามบินนั่นเป็นอันขาด บนยอดของมันเป็นที่ตั้ง ป.ต.อ. 12.7 ดีไม่ดีประเดี๋ยวอั๊วกับลื้อก็ต้องกระโดดร่มกันบ้างล่ะ?
?โอเค บิ๊กแมน อั๊วจะบินผ่านไปทางเนิน ?ทันเดอร์? ซึ่งเป็นทิวเขาที่อยู่ทางหัวสนามบินอีกครั้ง อั๊วอยากรู้ว่า ไอ้ปืนใหญ่ 155 ม.ม. ของฝ่ายเรา ที่ทิ้งเอาใว้ก่อนจะถอนตัว จะอยู่หรือเปล่า หรือว่าพวกเราทำลายได้ทันก่อนถอนตัว สังเกตให้ดีนะโว้ย บางทีฟลุคๆเจอะขบวนรถถังจะได้มีงานทำกันเสียที...คืนนี้?
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11675 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2015, 07:37:47 AM »

อัพเดตราคา ปืนใหม่ กระสุน แหล่งซื้อ วิธีการซื้อ  http://2013.gun.in.th/index.php?topic=53514.0  (สมัครสมาชิก)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11676 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2015, 10:48:26 AM »

     ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่2
สไปร้ทพา ?ไอ้ปากหมา? บินขึ้นสูงลิบ ด้วยกล้องขยายแรงสูงแบบพิเศษ เราสามารถตรวจตราภูมิประเทศเบื้องล่างได้อย่างถนัดชัดเจน
บริเวณที่เนินเขา ?ทันเดอร์? ที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 634 เคยตั้งฐานปฏิบัติการอยู่นั้น ถูกทหารราบของเวียดนามเหนือสองกองร้อยเข้าโจมตีพร้อมด้วยการสนับสนุนด้วยอาวุธหนักจากปืนครกแบบ 82 ม.ม. ทำให้ทหารปืนใหญ่ซึ่งมีทหารราบคุ้มกันอยู่เพียงกองร้อยเดียวต้องถอนตัวกระทันหันแทบไม่มีเวลาที่จะทำลายปืนใหญ่แบบ 155 ม.ม. ทั้งสองกระบอกนั้นได้ จำเป็นต้องทิ้งอาวุธอันทรงอานุภาพเอาใว้ให้กับข้าศึกอย่างช่วยเหลือไม่ได้
หลังจากทหารปืนใหญ่ดังกล่าวโดนโจมตีจากทหารเวียดนามเหนือที่หนุนเนื่องเข้ามาทุกทิศทุกทางจนต้องเตลิดหนีจากการไล่ล่าสังหารของข้าศึกอย่างชนิดตัวใครตัวมัน
การบังคับบัญชาไม่ต้องพูดถึงกันละ ในหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าพอที่จะออกคำสั่งพวกทหารรับจ้างเหล่านี้หรอกครับ แม้แต่ตัวผู้บังคับบัญชาเองก็ยังต้องวิ่งหนีความตายไปอย่างชนิดตัวใครตัวมัน
ตามปกติแล้วทหารรับจ้างทุกคนที่ถอนตัวจากฐานบังคับการ จะต้องมุ่งหน้ากลับไปยังกองบังคับการส่วนหลังซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองล่องแจ้ง ทั้งนี้เพื่อรายงานตัวเพื่อสรุปผลยอดเสียหายของกองพันทหารรับจ้าง กองพันดังกล่าวนั้นด้วย
ของมันรู้ๆกันอยู่แล้ว ขืนดันทรังกลับไป หน่วยเหนือก็จะรวบรวมกำลังพลส่งขึ้นปะทะกับข้าศึกอีก รอดตายกลับมาหยกๆ ไม่มีใครยอมหรอกครับ ทหารรับจ้างบางคนพร้อมด้วยอาวุธครบมือ พากันบุกป่าข้ามแม่น้ำงึมหวังจะไปให้ถึงชายแม่น้ำโขงให้จงใด้ ความคิดของพวกทหารเหล่านี้ก็คือหวังจะเล็ดลอดข้ามแม่น้ำโขงหนีกลับประเทศไทยนั่นเอง
แน่นอนเหลือเกิน สภาพของทหารรับจ้างที่หลบหนีดังกล่าว จะต้องตกอยู่ในภาวะ ?หนีทัพต่อหน้าอริราชศัตรู? มีความผิดต้องขึ้นศาลอาญาศึก ความผิดที่ปรากฏอยู่ในตัวบท ?กฏหมายสงคราม? ก็ตกอยู่ใน 3 ถึง 5 ปี
การพิจารณาของอาญาศึกก็ง่ายเหลือเกิน มีคณะกรรมการสอบสวนเพียงสามคน ตัดสินเสร็จก็ควบคุมตัวพาขึ้นเครื่องบินข้ามแม้น้ำโขง ไปยังเรือนจำทหารจังหวัดอุดรทันที
?โอ้โฮ้ แน่นไปหมดเลย ไอ้แกวขึ้นมายึดฐานของพวกเราจนหมดแล้ว ลื้อลองดูสิ บิ๊กแมน ไอ้พวกห่า นี่มันไม่กลัวเราเลย แทนที่มันจะซ่อนพราง หนอย กลับยืนแหงนหน้ามองดูเครื่องบินเราเสียฉิบ?
สไปร๊ทโวยวายออกลั่นวิทยุ และก็จริงๆอย่างที่มันพูดไม่มีผิด ทหารเวียดนามเหนือกลุ่มเบ้อเร่อยืนเอ้อระเหยทำทองไม่รู้ร้อนคล้ายๆกับจะไม่ยี่หระอะไรทำนองนั้น สไปร้ทเกิดบ้าดีเดือดขึ้นมาก็เลยกดคันลดเพดานบินมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่ตั้งปืนใหญ่บนยอดเนินทันเดอร์อย่างรวดเร็ว
สไปร้ทบ้าเลือดขนาดอย่างชนิดที่ผมมองเห็นแล้วอดขนหัวลุกไม่ได้ มันโฉบลงเกือบชนหอบังคับการยิงของปืนใหญ่เลยทีเดียว
เสียงกระสุนปืนอาร์ก้าดังแว่วๆอยู่เบื้องล่าง สไปร้ทบังคับไอ้ปากหมา พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแหกปากตะโกนออกมาอย่างบ้าดีเดือดอีกครั้ง
?มีลูกระเบิดกับปืนกลอากาศให้อั๊วหน่อยไม่ได้ อั๊วจะไล่ขับยิงพวกมันให้ช่ำมือไปเลย?
ผมพูดอะไรไม่ออกหรอกครับ ตกใจในความบ้าบิ่นของสไปร้ทจนแทบหัวใจหยุดเต้นเอาดื้อๆ นึกด่าพ่อล่อแม่เจ้าสไปร๊ทอยู่ในใจ
อย่างไรก็ดี ความบ้าดีเดือดของสไปร๊ทก็สามารถทำให้ผมตรวจการณ์เห็นที่ซ่อนพรางปืน ?ปรส.75? ของพวกมันได้อย่างฟลุ๊คที่สุด
?สไปร๊ทจากเม้าแทร็ป...สไปร๊ทจากเม้าแทร็ป?
เสียงแฟ้กจากกองพัน 616 ซึ่งคงจะสังเกตุการบินอย่างบ้าระห่ำของสไปร๊ทอยู่ตลอดเวลา สั่งวิทยุเรียกสไปร๊ทอยู่ตลอดเวลา สั่งวิทยุเรียกสไปร๊ทเสียงหลง
?จากสไปร๊ท มีอะไรว่ามา?
?ทหารของผมตรวจการณ์พบรถตีนตะขาบวิ่งเข้าไปในถ้ำข้างสนามบินโน่น... คุณลองโฉบไปดูอีกทีซีครับ?
เม้าแทร็ปส่งข่าวอย่างกระหืดกระหอบ
เนื่องจากที่ตั้งของกองพัน 616 เป็นภูเขาสูงจึงสามารถตรวจการณ์ ?สนามบินซำทอง? ได้อย่างถนัดชัดเจน พวกเวียดนามเหนือคงจะวางแผนหลอกให้ ?ไอ้ปากหมา? บินโฉบไปดูกลุ่มทหารที่แกล้งเดินเพ่นพ่านอยู่บนเนินทันเดอร์ แล้วถือโอกาสที่ไอ้ปากหมามองไม่เห็น เคลื่อนย้ายรถหุ้มเกราะเข้าไปซ่อนอยู่ภายในถ้ำหิน ขนาดใหญ่ข้างสนามบินทันที
สไปร๊ทโฉบบินดิ่งพุ่งเข้าหาถ้ำหินกึ่งกลางสนามบินซำทองอย่างบ้าดีเดือด ผมนึกทอดอาลัยตายอยากในชีวิตเสียแล้ว มาทำงานกับคนเลือดร้อนที่บ้าๆบอๆทำอะไรชอบเอาแต่อารมณ์ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะบังเกิดขึ้นกับตัวเอง
ไหนๆ ผมก็ตกบันไดพลอยโจน เพราะอำนาจดอลลาร์ของไอ้กันเข้าไปแล้ว... เป็นอะไรก็เป็นกันวะ ผมนึกอยู่ในใจ
ไม่ผิดหวังหรอกครับ ผมและสไปร้ทเก็บเกี่ยวสถานที่ตั้งของข้าศึกได้มากพอดู เสียงกระสุนปืน ปตอ. ที่เกรียวกราวสวนทางเครื่องบินขึ้นมาเตือนสติสไปร๊ทเป็นอย่างดีว่า ถ้าขืนดันทุรังบินต่ำๆมีหวังเกมส์อย่างแน่นอน
สไปร๊ทเลยดึงเครื่องเงยขึ้นสู่ท้องฟ้า ท่ามกลางกระสุนแหวกอากาศที่สาดเป็นห่าฝนอยู่รอบๆเครื่องบินอย่างน่าเสียวไส้ผมจะเป็นลมเอาเสียให้ได้ นั่งซึมกระทือจนกระทั่งเครื่องบินร่อนลงมาสู่พื้นดินอย่างเรียบร้อย แม้ว่าสไปร๊ทจะลงจากเครื่องบินไปแล้วก็ตาม ผมก็ยังนั่งงงเป็นไก่ตาแตก พูดจาไม่ออกอยู่เป็นเวลาตั้งนาน กระทั่งสไปร้ทตะโกนเรียก ผมจึงรู้สึกตัว ค่อยๆปีนลงมาจากเครื่อง เดินกระย่องกระแย่งไปยังรถจิ๊ปเล็กที่สไปร๊ทกำลังชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้พลขับไปส่งที่กองบัญชาการเพื่อแจ้งผลปฏิบัติงานที่ผ่านมาต่อไป
ผมหย่อนกายบนเบาะรถจิ๊ป ยกนาฬิกาขึ้นดู เวลาผ่านไป 6 ชั่วโมง 30 นาทีพอดิบพอดี
หัวสมองรีบคำนวณออกมาเป็นเงินบาทอย่างปัจจุบันทันด่วน 13000 บาท คือโอเวอร์ไทม์ที่ผมได้รับเป็นพิเศษในเช้าวันนั้น
บอกจากหัวใจจริงครับผม ถ้าจะถามผมในขณะที่เจ้าสไปร้ท กำลังบ้าดีเดือดขับเครื่องบินสวนทางปืนเข้าไป ณ บริเวณปากถ้ำกลางสนามบินซำทอง จะเอาเงินหรือว่ากลับล่องแจ้ง ผมขอตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยว่า
?อาตมาขอกลับล่องแจ้งแต่ประการเดียวเท่านั้น?
เออ ชีวิตหนอชีวิต ไอ้คนเราที่ยอมเสี่ยงตายอยู่ทุกๆวันนี้ก็เพราะอำนาจดอลล่าร์ของซี.ไอ.เอ. ที่ล่อใจอยู่เท่านั้น
อนิจจา เมื่อหวลมาคิดดูอีกที ชีวิตของผมมันมีค่าเพียง 650 ดอลล่าร์เท่านั้นเองหรือนี่
แผนที่แสดงลักษณะภูมิประเทศอาณาบริเวณเนิน ?สกายไลน์วัน? ?สกายไลน์ทู? ?บ้านน้ำชา? ?เนินทันเดอร์? และ ?สนามบินซำทอง? ถูกวางทาบตรึงอยู่บนกระดานำที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องยุทธการขนาดกระทัดรัดที่พรางตัวเองอยู่เบื้องหลังแนวกระสอบทรายที่หนาถึงสิบชั้น
นายทหารรับจ้างชั้น ผบ.พัน และฝ่ายยุทธการจากกองพันทหารรับจ้างกองพันต่างๆ ถูกเรียกตัวลงมาจากฐานปฏิบัติการเพื่อร่วมประชุมวางแผนป้องกันเมืองล่องแจ้งอันเป็นปราการสุดท้ายของกองบัญชาการกองพันทหารรับจ้างที่องค์การสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกา(ซี.ไอ.เอ.)หนุนหลังอยู่อย่างลับๆ
วิทยุติดต่อชนิด ?แฮนดี้-ท็อกกี้? แบบ ?เอ็ชที-2? หลายความถี่ ที่สามารถรับฟังการเคลื่อนไหวและการสั่งงานของทหารรับจ้างกองพันต่างๆ หลายต่อหลายเครื่องวางเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะยาวด้านข้างของห้องยุทธการ เสียงเรียกขาน เสียงรายงานความผิดสังเกตที่ตรวจตราพบหน่วยซุ่มโจมตีดังกังวาน ลั่นห้องยุทธการ
มันเป็นเวลา 18.30 น. ไฟฟ้าที่เคยสว่างไสวถูกคำสั่งของหน่วยเหนือ งดจ่ายกระแสไฟฟ้าโดยฉับพลัน ทำให้ตลาดล่องแจ้งและบริเวณเส้นทางสนามบินมืดทะมึนอย่างน่ากลัว
จากการบินลาดตระเวณของไอ้ปากหมาเมื่อเช้า ข้อมูลที่ผมและสไปร๊ทได้มาทำให้ บก.ล่องแจ้งต้องเปิดการประชุมอย่างเร่งด่วนภายในเย็นวันนั้นเอง นายทหารชั้น ผบ.พันถูกเรียกตัวลงมาจากแนวโดย ?ชอปเปอร์? พิเศษที่บินตระเวณรับผู้ร่วมประชุมในทันที โดย ?ดาวขาว? ชื่อรหัสของนายพลวังเปาเป็นผู้ออกคำสั่ง
?เทพ? นายทหารเสนาธิการรับจ้างจากประเทศไทย พ.อ. วิทูรย์ ยะสวัสดิ์ (ยศในขณะนั้น) ยืนเด่นอยู่หน้าแผนที่ มือขวาถือไม้เรียวเล็กๆ ชี้ไปที่จุดพิกัดบนตารางแผนที่พร้อมกับอธิบายแผนรุกและรับ ของกองพันทหารรับจ้างกองพันต่างๆที่ขนย้ายกำลังพลมาตั้งฐานปฏิบัติการป้องกันรอบนอกของเมืองล่องแจ้งทั้งหมด
?ขอให้ทุกคนพึงทราบว่า ขณะนี้ข้าศึกล้อมเราอยู่ถึงสามด้านคือ ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก ทางถอนตัวของเราอยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งมีเส้นทางไปยังสนามบิน ?นาซู? ด้วยทางรถยนต์ อย่างไรก็ดี ฝ่ายเราจะยกกำลังทั้งหมดยึดรักษาเมืองล่องแจ้งจนวินาทีสุดท้าย จากลักษณะภูมิประเทศเนินเขาที่ล้อมรอบล่องแจ้ง ขณะนี้มีกองพันของพวกท่านตั้งฐานอยู่แล้ว ถ้าข้าศึกขึ้นยึดเนินเขาดังกล่าวได้เมื่อไหร่ ล่องแจ้งก็จะต้องถูกโจมตีด้วยอาวุธหนักทันที ผมขอย้ำอีกครั้ง กรุณาวางแผนสกัดกั้นข้าศึกให้รัดกุมที่สุด ขณะนี้กำลังส่วนใหญ่ของพวกมันกำลังชุมนุมพลกัน ณ บริเวณสนามบินซำทอง พวกมันกำลังรอจังหวะที่จะเข้าโจมตีเราในวินาทีใด วินาทีหนึ่ง เส้นทางที่ลัดเลาะไหล่เขาจาก ?สนามบินซำทอง? มายังล่องแจ้งขอให้หมั่นตรวจตราด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ?M-19? (กับดักรถถัง) ผมได้สั่งจากอุดรแล้ว อย่างช้าพรุ่งนี้เช้า วัตถุระเบิดเหล่านี้ก็คงจะเดินทางมาถึง อ้อ... ?กองสิงห์? กำลังพลของคุณที่จะยึดรักษาช่องทางบริเวณทางแยกจากซำทองมายังล่องแจ้งมีจำนวนเท่าไร?
?เทพ? หันไปถาม ผบ.พันร่างยักษ์ของกองพัน 616 ซึ่งยืนฟังวิทยุจากกองพันของตนอย่างเอาใจใส่ตรงมุมห้อง
?ร้อยสี่สิบคน...ครับผม...เป็นกองร้อยที่สามยึดรักษาตั้งแต่ ?ชาร์ลี-เอ็คโค่? ไปจนกระทั่งถึง ?ชาร์ลี-บราโว่? ส่วนกองร้อยที่สองเพิ่งถอนจาก ?ชาร์ลี-กอล์ฟ? ไปป้องกัน ?โฮเต็ล-โฮเต็ล? บริเวณเส้นทางหลังบ้านเจ้ามหาชีวิตตามคำสั่ง บก.ล่องแจ้งเมื่อเช้านี้เองครับ และขณะนี้ จุดซุ่มโจมตีกลางคืนกำลังรายงานการเคลือนไหวของข้าศึกอยู่พอดี?
กองสิงห์เอ่ยตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำพร้อมกับปรับปุ่ม ?วอลลุ่ม? เพิ่มความดังของสัญญาณวิทยุขึ้นอีกจนกระทั่งลั่นห้องยุทธการ
?ศรแดงจากศรรัก...เปลี่ยน?
?ศรแดงจากศรรัก...เปลี่ยน?
เสียง ผบ.หมวดกองร้อยที่สอง ส่งสัยญาณเรียกขาน บก.พัน 616 ซึ่งใช้ชื่อศรแดงอย่างระล่ำละลัก
กองสิงห์เอื้อมมือหยิบวิทยุขึ้นมา ใช้มือขวากดสวิทช์เรียกผู้ใต้บังคับบัญชาออกไปทันที
?ศรรักจากกองสิงห์ มีอะไรว่ามาเลย?
?ผมตรวจการณ์ พบแสงไฟเป็นจำนวนมากครับ แสงมันขึ้นๆลงๆ คล้ายกับเป็นแสงไฟของรถยนต์ที่กำลังวิ่งเป็นขบวนอยู่บนไหล่เขา?
บรรยากาศของห้องยุทธการเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
□□□□□□□□□□□□□□□□□
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11677 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2015, 12:03:12 PM »

ร้านค้าอาวุธปืน สำหรับประชาชนทั่วไป มีทั้งรับปืนได้ทันทีและรอของเข้า  เลือก ตามความต้องการเลยครับ http://2013.gun.in.th/index.php?board=7.0  (สมัครสมาชิก)


(สำหรับเพื่อนๆพี่น้อง คอปืน ทั่วไทย และ ที่อยู่ต่างประเทศ ขอความอนุเคราะห์  จะติดต่อผม ถ้าไม่มีไร ที่ปัจจุบันทันด่วนหรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า รบกวน พีเอ็ม  (personal message) ผมเกรงใจ ค่าโทรน่าจะหลายตังค์อยู่ ครับ แต่ ถ้าพอใจและสะดวกก็  .....ยินดีครับ   ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 15, 2015, 07:02:24 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11678 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2015, 06:55:45 AM »

109 หมู่ 1 ต. น้ำปั้ว อ.เวียงสา จ. น่าน 55110  โทร 0884763428

                                                                          15 กรกฏาคม 2558
เรื่อง   ดีๆปลื้มๆฃ่วยบอกต่อ
เรียน   พี่น้องคอปืนและผองเพื่อนทุกท่าน                                                                                                                                                     

            ด้วยกระผม ได้ไปติดต่อทำธุระที่  " องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำปั้ว อ.เวียงสา จ. น่าน"  หลายครั้ง ได้รับการบริการ ดูแลเอาใจใส่ เป็นอย่างดี จาก ช่างบอย (หัวหน้าส่วนโยธา) และเจ้าหน้าที่ๆเกี่ยวข้องทุกท่าน
            กระผมและครอบครัว ขอขอบคุณไว้ ณ.โอกาสนี้ด้วยครับ

                                                                             สมิง วังม่วง-ผ.บ.แคมป์ สมิง วังม่วง
                                                                   (ชณาย์ธิปภ์-ร.ต.ท.หญิง เพ็ญสินี รุ่งสิทธิมงคล)                                                                                                                                                        



  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 15, 2015, 12:58:04 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11679 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2015, 09:56:06 AM »

ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 3
?เทพ? ปราดเข้ามายืนข้างๆวิทยุพร้อมกับออกคำสั่งขึ้นมาทันควัน
?บอกลูกน้องของคุณ พยายามตรวจการณ์อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง ให้นับจำนวนรถยนต์โดยอาศัยแสงไฟ ประเดี๋ยวผมจะติดต่อกับ ทชล. (ทหารชาติลาว) ดูว่ามีรถของฝ่ายเรากลับมาจากนาซูหรือเปล่า?
ต่อจากนั้น บก.ล่องแจ้งก็สอบถามไปยังฐานต่างๆ ที่ ทชล. ตั้งกองบัญชาการอยู่ กลับปรากฏว่า ไม่มีรถยนต์ของฝ่ายเราออกปฏิบัติงานในเวลาดังกล่าวเลย
?โอ้โห นี่มันเล่นขนกันมาเป็นขบวนเลยรึนี่ กองสิงห์ลองถามให้แน่นอนอีกครั้งซิ?
?เทพ? ซึ่งเดินออกมาจากห้องวิทยุเอ่ยขึ้นมาอีก
?กองสิงห์-ศรรัก แสงไฟเริ่มสว่างขึ้นทุกทีแล้วครับ มันขึ้นๆลงๆ คล้ายกับรถยนต์ที่วิ่งจากที่สูงลงที่ต่ำสลับกันนั่นแหละครับ หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...ห้า โอ้โห ผมนับไม่หวาดไม่ไหวแล้วครับ ผมกะว่า มันขนกันมาไม่น้อยกว่า 30-40 คันเลยทีเดียว?
เสียง ผบ.หมวด ซึ่งเป็นอดีตทหารม้า ส่งข่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
?กองสิงห์ จากศรรัก แสงไฟหายไปจากไหล่เขา จนผมตรวจการณ์ไม่เห็นแล้วครับ?
?โอเค...ให้ลื้อสังเกตอยู่ตลอดเวลาก็แล้วกัน มีอะไรเรียกมาได้ทันที เพราะทางนี้ ?แสตนด์บาย? อยู่ตลอดเวลา?
ยังไม่มีใครออกความเห็นอะไรออกมา ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวติดต่อกันเป็นระยะๆ บนยอดเนิน ?สกายไลน์ทู?
ทุกคนเผ่นพรวดออกมาจากห้องยุทธการ จับกลุ่มกันมองฝ่าความมืดขึ้นไปบนยอดสูงสุดของเนิน สกายไลน์ ซึ่งทมึนเสียดฟ้าอยู่เบื้องหน้า
อา... ส่วนบนสุดของยอดเนินสกายไลน์ ปรากฏแสงไฟแดงฉานจับท้องฟ้า พร้อมๆกับมีเสียงระเบิดดังกึกก้องไม่ขาดระยะ
?ฉิบหาย มันเล่นงานฐานของผมเข้าให้แล้ว?
?สมุน? ผบ.พัน กองพันทหารรับจ้างที่ 618 อุทานขึ้นมาพร้อมกับวิ่งเข้าไปในห้องยุทธการ คว้าเอาวิทยุ HT-2 ขึ้นมาดึงเสาอากาศให้กางเต็มที่ กรอกคำถามชนิดไม่ต้องหายใจ ด้วยความเป็นห่วงผู้ใต้บังคับบัญชา ที่กำลังตกอยู่ในสถานะการณ์ที่เลวร้าย
?จงอาง จากสมุน...มีอะไรตอบด่วน?
?ลูกยาวของพวกมันครับ สงสัยจะเป็น ค. 82 ผมตรวจการณ์เห็นมันยิงขึ้นมาจากหุบข้างล่าง ผมกำลังจะเอา ค. 82 จวกมันลงไปเดี๋ยวนี้ครับ?
?ไอ้น้องแก้ว ระวังตัวหน่อยโว้ย มีชอร์ปเปอร์อั๊วจะขึ้นไปหาลื้อเดี๋ยวนี้เลย... มันจนใจว่า มันมืดเสียแล้ว ชอร์ปเปอร์กลับอุดรหมด ไม่เหลือซักเครื่องเดียว?
สมุนปลุกปลอบให้กำลังใจลูกน้องขึ้นไปอีก
?ไม่เป็นไรครับ ผู้พัน สบายมาก ขนาดนี้กำลังหอมปากหอมคอ ถ้ามีอะไรที่รุนแรงกว่านี้ผมจะรายงานมาอีกครับ?
?โอเค ขอให้โชคดี อย่าลืมตามแผนนะโว้ย?
?สมุน? ผบ.พันมือดี อดจะเตือนสติลูกน้องให้ทำตามแผนที่วางกันเอาไว้อย่างเรียบร้อยแล้วอีกครั้งหนึ่งด้วยความเป็นห่วง
การประชุมก็เลยต้องวางแผนยุทธการกันต่อไป ท่ามกลางเสียงระเบิดตูมๆ ของอาวุธหนักนานาชนิดที่พวกมันประเคนเข้าใส่ฐานปฏิบัติการของทหารรับจ้างกองพัน 618 อย่างชนิดต่อเนื่อง
ผมนั่งบันทึกการประชุมอยู่ตรงมุมห้องอดเสียวใจมิได้ แหงนหน้าสำรวจดูเพดานของห้องยุทธการพลางนึกอยู่ในใจ
ไอ้หลังคาปูด้วยแผ่นเหล็ก แล้ววางซ้อนทับด้วยกระสอบทรายแบบนี้ ถ้าเกิดจับพลัดจับผลูลูกกระสุนมันข้ามจากยอดเนินสกายไลน์ แล้วหล่นโครมลงถึงกลางห้องยุทธการ อะไรมันจะเกิดขึ้นหนอ ความแข็งแรงของมัน จะทนทานต่ออำนาจระเบิดของลูกปืนครกข้าศึกได้หรือไม่ ผมแอบชำเลืองดู เห็นแต่ละคนที่ร่วมประชุมมีท่าทางปกติ ผมก็เลยแกล้งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน นั่งพิมพ์ดีดต่อไปด้วยหัวใจที่เต้นโครมครามแทบจะระเบิดออกมานอกทรวงอก
?ดาวขาว? (นายพลวังเปา) เสนอขอใช้ B-52 ถล่มสนามบินซำทองเพื่อตัดกำลังอันเกรียงไกรของพวกเวียดนามเหนือ ที่ประชุมไม่กล้าคัดค้าน เพราะสนามบินซำทองเป็นฐานทัพอากาศที่สำคัญในอดีตของท่านนายพลวังเปา และขณะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของนายพลวังปาแต่ผู้เดียว
?ถึงแม้จะสูญเสียอย่างมหาศาล ข้อยก็จำเป็นต้องทำ ทำเพื่อความอยู่รอดของล่องแจ้ง ถ้าล่องแจ้งแตก ข้อยจะไปอยู่ไหน ข้อยจะไม่ถอยอีกแล้ว ถ้าจะตายข้อยก็ขอตายอยู่ ณ ผืนแผ่นดินแห่งนี้ ข้อยตัดสินใจแล้วครับที่จะทำลายสนามบินซำทอง?
?ดาวขาว? เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับร่างคำสั่งขอ B-52 จากสหรัฐอเมริกาทันที
ตามปกติ ผู้ที่จะอนุมัติให้ B-52 เคลื่อนย้ายและทิ้งระเบิดได้ก้มีเพียงประธานาธิบดีเท่านั้น
ผมเพิ่งเห็นความยิ่งใหญ่ และความสำคัญของ ?ดาวขาว? เดี๋ยวนี้เอง ชั่วเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมงด้วยระบบการติดต่อสื่อสารบนสถานีลอยฟ้า ซี.ไอ.เอ. ก็ได้รับคำสั่งจากทำเนียบขาวให้ใช้ B-52 โจมตีสนามบินซำทองทันที โดยระบุท้ายข่าวด้วยว่า B-52 สามเครื่อง จะโจมตีทิ้งระเบิดในเวลา 12.05 น. ของวันรุ่งขึ้น
การโจมตีด้วยอาวุธหนักของพวกเวียดนามเหนือที่กระทำต่อฐานบังคับการของ BC.618 ได้ผลพอดูทีเดียว มีทหารรับจ้างถูกอำนาจระเบิดบาดเจ็บล้มตายหลายคน ซึ่งกว่าจะเอาคนเจ็บลงมาจากแนวได้ก็ต้องเป็นเวลาตอนเช้า ทำให้คนตายต้องเพิ่มขึ้นอีกอย่างช่วยเหลืออะไรไม่ได้
ผมต้องติดตามกองสิงห์ ผบ.พัน 616 ขึ้นไปบนเนินสกายไลน์วันอีกครั้ง เพื่อตรวจการณ์ผลการทิ้งระเบิดด้วยป้อมบินยักษ์ B-52 ในเที่ยงของวันต่อมา
ด้วยความสูง ที่สูงจากพื้นดินถึง 1599 เมตร ผมสามารถใช้กล้องสนามแรงสูงตรวจการณ์เห็นความเคลือ่นไหวของข้าศึกที่เดินเพ่นพ่านอยู่ในขอบรันเวย์สนามบินซำทองได้อย่างชัดเจน ถ้าไม่มียอดเนิน ?ทันเดอร์? ที่ทอดตัวทมึนกีดขวางอยู่แล้ว ผมสามารถที่จะมองเห็นภูมิประเทศของซำทองได้ทุกแง่ทุกมุมเลยทีเดียว
คำสั่งจาก บก.ล่องแจ้ง ให้ทหารทุกคนออกจากบังเกอร์ที่มีหลังคา หลบเข้าไปอยู่ในร่องสนามเพลาะให้หมด เนื่องจากไม่แน่ใจว่าอำนาจระเบิดที่รุนแรงของ B-52 อาจทำให้บังเกอร์ของทหารรับจ้างพังทลายลงได้
บรรยากาศของกองพันทหารรับจ้าง เท่าที่ผมเห็นแทบทุกคนมีความตื่นเต้นที่รู้ว่าเจ้านกเหล็ก B-52 จะบินมาทำงาน ใครที่สามารถซุกซ่อนกล้องถ่ายรูปจากสายตาของสารวัตรทหารเอาใว้ได้ ก็ตระเตรียมตรวจตราหวังจะเก็บภาพเอาใว้เป็นที่ระลึก
ยังไม่ทัน 11.30 น. ดี ทหารทุกคนก็หลบไปอยู่ในร่องสนามเพลาะจนหมดสิ้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นสภาพภูมิประเทศที่กำลังจะถูกทิ้งระเบิดหลายพันตันทำให้ผมชักชวน F.A.G. ประจำกองพันออกไปนั่งตรวจการณ์นอกบริเวณลวดหนาม ที่มองเห็นสนามบินซำทองทันที
ตรงเวลาเผลงเลยครับ พอเที่ยงตรงผมก็ได้ยินเสียงหึ่งๆบนท้องฟ้า ด้วยอำนาจของกล้องสนามแรงสูง ทำให้ผมมองเห็นเจ้า B-52 อย่างชัดเจน ลำตัวที่ยาวผิดปกติสีขาววับ ปีกลู่ไปด้านหลังเกือบ 45 องศา
มีเครื่องบินขับไล่ไอพ่น F-105 คุ้มกันอีก 3 เครื่อง บินเกาะหมู่ข้ามฐานบังคับการของ BC-616 มุ่งทิศทางไปยังซำทอง ด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 800 ไมล์ต่อชั่วโมง
ทหารรับจ้างกล้าตายบางคน ไม่ยอมลงหลุมหรอกครับ พวกเขาลุกขึ้นมานั่งยองๆ บนแนวกระสอบทรายกันเป็นจ้าละหวั่น ส่งเสียงเฮฮากันด้วยความตื่นเต้นที่จะเห็นข้าศึกโดยทำลายต่อหน้าต่อตา
B-52 พร้อมขบวนคุ้มกัน บินผ่านสนามบินซำทองไปทางด้านทิศเหนือชั่วครู่ ก็บินย้อนกลับมาด้วยเพดานที่สูงลิบแบบเดิม
ผมใช้กล้องสนามจับที่ลำตัวของมันอยู่ตลอดเวลา พระเจ้าช่วย ผมมองเห็นแผ่นท้องของ B-52 เลื่อนออกช้าๆ พร้อมกับลูกระเบิดถูกเทลงมาติดๆกันจนแทบนับไม่หวาดไม่ไหว มองเห็นเป็นสายดำมืดไปหมด
?ทิ้งลงมาแล้วโว้ย โอ้โฮ ยังกะขี้ลงท้องแน่ะโว้ย? ทหารรับจ้างบางคนที่มีกล้องสนามเอะอะขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นสุดขีด
ในนาทีต่อมา ผมแลเห็นควันสีขาวลุกพรึบขึ้นมาบริเวณท้ายสนามบิน เจ้ากลุ่มควันดังกล่าววิ่งปร้าดเหมือนกับขบวนสินค้าที่ยาวเหยียดมองสุดลูกหูลูกตา
ยังไม่มีเสียงระเบิดติดตามมาหรอกครับ พอกลุ่มควันวิ่งจากท้ายสนามบินมาถึงกึ่งกลางสนามบิน เสียงระเบิดที่ดังสนั่น จนผมบรรยายไม่ถูกก็คำรามขึ้นสนั่นท้องฟ้า กลุ่มควันสีเทาอมดำพุ่งขึ้นมาแทรกซ้อนพร้อมกับกระเซ็นออกไปรอบๆบริเวณ
มันสะเทือนอย่าบอกใครเลยครับ ขนาดเนินสกายไลน์วันอยู่ห่างจากซำทองถึง 8-9 ก.ม. (ระยะทางตรง) ผมก็ยังได้รับความกระทบกระเทือนจากอำนาจระเบิดอันรุนแรงของมันจนหูอื้อไปหมดทั้งสองข้าง
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ดังติดต่อกันเป็นระยะเกือบ 30 นาที ควันไฟคละคลุ้งไปหมดจนผมตรวจการณ์ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
B-52 อีกสองตัว ที่บินวนเวียนคุมเชิงอยู่สูงลิบอยู่เหนือก้อนเมฆ ก็ปราดเข้ามาทำหน้าที่ต่อ จนกระทั่งจบภาระกิจ บินลับหายไปจากสายตา
ทั่วอาญาบริเวณสนามบินซำทอง ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันมหึมาที่รวมตัวกันแผ่ขยายออกไปเหมือนกับดอกเห็ดยักษ์ เสียงระเบิดยังดังไม่ขาดระยะ บางครั้งก็มีเสียงระเบิดแทรกซ้อนขึ้นมา เนื่องจากอำนาจวัตถุระเบิดของข้าศึกโดนความร้อนจากการเผาผลาญของไฟบรรลัยกัลป์
เกือบชั่วโมง ผมถึงมองเห็นสภาพอันแหลกลาญของสนามบินซำทอง รันเวย์สนามบินเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดใหญ่ มองดูไกลๆเหมือนเตาขนมครก
หอบังคับการบินหายไปจากที่เดิมเหมือนกับโดนมือยักษ์จับกระชาก โรงพยาบาลที่ฝรั่งเศษเคยสร้างเอาใว้ให้ สมัยยึดครองประเทศลาว หายไปครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็กำลังถูกไฟเผาผลาญอย่างไม่มีชิ้นดี
ผมคาดคะเนไม่ถูกหรอกครับ สำหรับการสูญเสียของข้าศึก เล่นทิ้งปูพรมแบบนี้ ถ้ารอดตายก็เห็นจะเลี้ยงไม่โตกันละ ผมคิดว่าไอ้ส่วนที่รอดก็คงจะเป็นพวกที่อาศัยหลบอยู่ในปราการธรรมชาติ ที่เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมีอยุ่มากมายทั่วๆไป ในอาณาบริเวณของสนามบินซำทองนั่นเอง
เสียงแหลมเล็กของ ?ไอ้ปากหมา? บินผ่านศรีษะของผมไปทางด้านสนามบินซำทอง
ไม่ใช่ใครหรอกครับ ไอ้สไปร้ทเพื่อนรักผู้บ้าดีเดือดของผมนั่นเอง ผมขอยืมวิทยุจาก ?เม้าแทร็ป? หมุนสวิทช์ไปที่ ?แอร์ ทู กราวนด์? เรียกไปหาสไปร้ททันที
?สไปร้ทจากบิ๊กแมน ตรวจการณ์ให้ดีๆนะโว้ย อั๊วมองเห็นลื้อแล้ว ขณะนี้อั๊วอยู่บน ชาร์ลี-ชาร์ลี?
?บิ๊กแมน ลื้อเสือกอะไรกับเขาด้วยนะ เมื่อคืนอั๊วนอนอยู่อุดร รู้ข่าวสกายไลน์โดน ลูกยาว นึกว่าลื้อม่องซะแล้ว?
สไปร๊ทอดที่จะปากหมากับผมอีกไม่ได้เช่นเคย
?ขอให้ลื้อโดนยิงร่วงสักทีเถอะวะ เจอกันทีไรลื้อชอบแช่งชักหักกระดูกอั๊วอยู่เรื่อย?
ผมด่ามันออกไปด้วยความคุ้นเคย สไปร๊ทหัวเราะก๊ากใหญ่ พร้อมตะโกนก้องวิทยุ
?อเมริกันไม่ถือโว้ย ยิ่งแช่งชักหักกระดูกลื้อยิ่งจะอายุยืนขึ้นอีก คืนนี้เสร็จงาน ไปวังเวียงกับอั๊วมั้ย?
ผมชักหูผึ่งขึ้นมาทันที คำว่า ?วังเวียง? ทำให้ขนผมลุกซ่าไปทั่วสรรพางค์กาย โธ่...ท่านผู้อ่านครับ...ชีวิตทหารรับจ้างเดนตายอย่างพวกผม ไอ้ของพรรค์ยังงี้มันของโปรดเสียด้วยสิครับ ยังไม่ทันไร หัวใจของผมมันก็เผ่นไปถึง ?บัวคำ? สาวน้อยแห่งบ้านวังศรีแก้วเข้าให้แล้ว รีบตอบอย่างไม่ต้องคิด
?ลื้อขออนุญาตให้อั๊วซีวะ ไปตอนค่ำกลับตอนเช้า ไอ้นอร์แมนคงไม่ว่าอะไรหรอก?
?โธ่ ไอ้บิ๊กแมนยอดเซ่อ ลื้อก็รู้อยู่เต็มอกว่าไอ้นอร์แมนมันบ้ายอและบาผู้หยิงขาดใหน ลื้อก็ชวนมันไปค้างก็สิ้นเรื่อง อย่าลืม 18.00 น. พบกันที่ ?เม็นแล้ม? อั๊วจะขอชอปเปอรืเที่ยวสุดท้ายสำรองเอาไว้ให้ ขอตัวทำงานก่อนนะโว้ย?
ต่อจากนั้นสไปร๊ทก็ไม่ยอมติดต่อกับผมอีกเลย มันฉวัดเฉวียนโฉบไปโฉบมาอย่างน่าเสียวไส้ ท่ามกลางความเป็นห่วงของผมซึ่งนั่งภาวนา ขอให้มันปลอดภัยจากอำนาจของ ปตอ. ฝ่ายข้าศึกที่อาจจะหลงเหลืออยู่อีก
บอกด้วยหัวใจจริงครับผม ไอ้ที่เป็นห่วงก็คือกลัวมันจะม่องเท่งเสียก่อนที่จะพาผมไปมั่วราตรีที่ ?วังเวียง? ต่างหากละครับ ไม่มีอะไรที่น่ากลัวเกิดขึ้นกับสไปร๊ท ตามที่ผมคาดคิด ก่อนบินกลับล่องแจ้ง ไอ้สไปร๊ทบินหงายท้องอวดทหารรับจ้างกองพัน 616 ที่เฮฮาด้วยความชอบอกชอบใจในความบ้าๆบอๆของมนุษย์บ้าดีเดีอดคนนี้
ผมกลับลงมาจาก ชาร์ลี-ชาร์ลี เมื่อตอน 15.30 น. ใช้ความกะล่อนซักพักเดียว ?นอร์แมน? เจ้านายของผมก็ใจอ่อน อนุมัติให้ฟรีเดย์ 1 คืน ส่วนนอร์แมนขอตัว อ้างว่าจะไปสอนภาษาอังกฤษให้ลูกสาวแม่ค้าในตลาดเมืองล่องแจ้ง
ไม่ทราบว่า เจ้านอร์แมนสอนภาษาอังกฟษท่าไหน ถึงมีรอยลิปสติกติดเสื้อเปรอะมาทุกคืน ส่วนพวกเดนตายเงินเดือนน้อยหยั่งพวกผม สาวๆคนไหนจะแล คืนนี้น่า...มันคงจะเป็นคืนของพวกผมบ้าง แล้วแม่สาวบัวคำจะได้รู้ว่า ทหารไทยหยั่งผมก้มีฝีมือเหมือนกัน...
□□□□□□□□□□□□□□

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันนี้ เวลา 09:55:17 AM โดย สมิง วังม่วง »   
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11680 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2015, 06:59:11 AM »

ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 4
ผมอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งเดือน ท่ามกลางความแปลกประหลาดใจของบรรดาเพื่อนฝูงที่เคยเห็นผมเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับน้ำฝนเมืองลาวมาก่อน ล่องแจ้งใช่ว่าจะขาดแคลนน้ำนะครับ ภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาสูง น้ำฝนที่ไหลบ่าลงมาจากร่องน้ำ บนภูเขาทั้งสี่ด้านทำให้ปริมาณน้ำที่ใช้ในเมืองล่องแจ้ง มีอย่างเหลือเฟือ
แต่ไอ้ความหนาว ที่หนาวอย่างเจ็บปวดกระดุกนี่ซีครับ มันเป็นอุปสรรคในการอาบน้ำอย่างมากทีเดียว ปรอทที่กองบัญชาการไม่เคยพ้นเลขสามขึ้นไปสักวัน
ที่พักของผมปลูกเป็นโรงสีขาวซีดๆสองชั้น ชั้นล่างเป็นคลังอุปกรณ์ทุกชนิด ที่จำเป็นสำหรับทหารรับจ้าง ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า ผ้าห่ม เครื่องแบบ รวมไปจนกระทั่งมีดพกแบบโบวี่ และผ้ากันฝนแบบ ?ปันโจ?
สิ่งของเหล่านี้ จะมีโควต้าแจกให้กองพันทหารรับจ้างกองพันต่างๆปีละสองครั้ง แต่ก็กรณีฐานบัญชาการแตกก็สามารถที่จะจำหน่ายสิ่งของเหล่านั้นให้หายได้ และแน่นอนเหลือเกิน เมื่อสูยหายก้ต้องเบิกทดแทนกันวันยังค่ำ
อันนี้แหละครับ ที่เป็นช่องโหว่ให้เกิดคอร์รัปชั่นกันอย่างหน้าด้านที่สุด ผมปากหมาให้ฟังเสียเลย
ตามปกติกองพันทหารรับจ้าง จะมีกำลังพลประมาน 400-500 คน แบ่งออกเป็น หนึ่งหมวด บก.พัน หนึ่งหมวดอาวุธหนัก และอีกสามกองร้อย แทบทุกคนได้รับอาวุธ M-16 เป็นอาวุธประจำกาย นอกจากอาวุธหนักเหล่านั้น ก็จะได้รับแจกปืนพก .45 แทน
กองพันทหารรับจ้างกองพันหนึ่งๆ ฝรั่งมีโควต้าปืนพก .45 ให้ถึง 20 กระบอก และปืนพกเหล่านี้ ฝรั่งมันจ่ายให้ตั้งแต่อยู่ในประเทศไทย ตอนที่ฝึกอยู่ค่ายกาญจนบุรีทีเดียว
ตัว ผบ.พันเองจะเป็นผู้พิจารณาว่า จะจ่ายปืนพกเหล่านี้ให้กับใครบ้าง
พอบางคนได้รับแจกปืนพกเรียบร้อยแล้ว ไม่เอาข้ามฝั่งลาวหรอกครับ เก็บซ่อนไว้อย่างเงียบเชียบ ณ บ้านพักนั่นเอง
คราวนี้ พอข้ามมาฝั่งลาว ก็รอจังหวะและโอกาส ตอนข้าสึกมันเข้าตีฐานปฏิบัติการฝ่ายเรา และเกิดบังเอิญมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงๆ พอเหตุการณ์สงบ กองพันทหารรับจ้างก็รายงานการสูญเสียอาวุธเลยทีเดียว ตอนนี้ท่านผู้อ่าน จะพอเดาออกไหมครับว่า กองพันทหารรับจ้างเหล่านั้นจะจำหน่ายอาวุธอะไรก่อน
ก็ปืนพก .45 สิครับ ห้อยอยู่ที่ซองหนังอย่างดี แถมติดกับเข็มขัดสนามอย่างแน่นหนา ทำไมถึงแจ้งหายทั้งหมดกองพันมิทราบ แต่นี่ก็เป็นทางหากิน ที่ฝรั่งมันเปิดช่องว่างเอาไว้ ทั้งๆที่พวกมันรู้ทั้งรู้ แต่ก็พูดไม่ออกครับ
แต่กองพันทหารรับจ้างส่วนหลังนี่สิครับ หน้าด้านเหลือทน ตามปกติกองพันทหารรับจ้างเมื่อไปถึงเมืองล่องแจ้ง ก่อนขึ้นสู่แนวรบ จะต้องแบ่งกำลังออกหนึ่งส่วน ทิ้งเอาไว้ ณ เมืองล่องแจ้ง เรียกว่า บก.ส่วนหลัง
พวกส่วนหลังเหล่านี้จะมีหน้าที่เกี่ยวกับการส่งกำลังบำรุงทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร กระสุนหรือแม้แต่กระทั่งจดหมายหรือพัสดุภัณท์ที่ส่งมาจากเมืองไทย จริงอยู่ถึงแม้งานจะหนัก แต่การเสี่ยงตายมีน้อยกว่ากันอย่างเทียบไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ทหารรับจ้างแทบทุกคนอยากจะอยู่ส่วนหลังกันทั้งนั้น
คราวนี้พอ บก.ส่วนหน้ารายงานการสูญเสียของปืนพกมายังส่วนหลัง พวก บก.ส่วนหลังก็จัดแจงเพิ่มยอดการสูญเสียของปืนพกเพิ่มเข้าไปด้วย ต่อจากนั้นก็นำเสนอ บก.ล่องแจ้ง เพื่อขอเบิกปืนพกมาทดแทนต่อไป
หน้าด้านไหมล่ะครับ อยู่ส่วนหลังแท้ๆ ปืนพกเกิดหายไปพร้อมกับพวกบนแนวเสียนี่ อย่างว่านั่นแหละครับ ?เสือพรานเขาไม่ว่ากันหรอก? ทีใครทีมัน เงินพ่อเงินแม่ของเราเมื่อไหร่ มันของไอ้กันทั้งนั้น เรื่องทั้งเรื่อง ปืนพก .45 ก้เลยระบาดที่อุดร ในราคากระบอกละ 1,000 บาทเท่านั้น
ตามปกติ ฝอ.4 ซึ่งมยศทางทหารเพียงนายร้อยโทคือผู้มีอำนาจเด็ดขาดในการบังคับบัญชากอง บก.ส่วนหลัง มีสิทธิ์ที่จะดึงทหารรับจ้างคนใดคนหนึ่ง ลงมาทำงานที่ส่วนหลังได้ หรือแม้กระทั่งหน่วงเหนี่ยวพวกเจ็บป่วยที่ถูกเส้นเอาไว้นานๆก็ยังได้
แล้วอย่างนี้ ทหารรับจ้างที่จะ ?อู้รบ? ก็ต้องยอมซูฮกอย่างช่วยไม่ได้ ใครมีส้นดี, เส้นแข็ง เจอะเจ้านายเก่าๆ ที่มีอำนาจวาสนาในกองบัญชาการล่องแจ้งก็เลยทำหนังสือขอตัวขาดจากกองพันทหารรับจ้างไปเลยก็มี
ฝอ.4 บางคนก็โลภมาก เห็นทหารรับจ้างบ้านนอกที่แขวน ?พระ? ดีๆ มีราคาสูงๆก็ขอเอาดื้อๆ พร้อมกับตั้งสิ่งแลกเปลี่ยนเอาใว้ว่า จะช่วยเหลือให้ทำงานอยู่ บก.ส่วนหลัง
ไอ้ความกลัวนี่แหละครับ ก็จำยอมถอดพระที่เคารพบูชาให้เขาไปอย่างจำใจ
ผมร่วมรบสงครามในประเทศลาวมาหลายปี จากทหารรับจ้างธรรมดา จนกระทั่งกลายมาเป็นล่าม เคยคลุกคลีกับพวกนี้มาอย่างใกล้ชิด เคยเห็นความทุกข์ยากในขณะที่กองพันขาดอาหาร หรือการเคลื่อนย้ายกองพันเข้าตีข้าสึกท่ามกลางพายุฝน ด้วยเสื้อผ้าเพียงชุดเดียวที่แห้งแล้วแห้งอีก ทหารรับจ้างบางคนทนไม่ไหวหรอกครับ บางครั้งเดินวันหนึ่งๆเกือบ 20 กม. ไหนจะต้องปีนภูเขาที่สูงชัน ไหนจะต้องลงหุบเขาที่อุดมไปด้วยตัวทากที่ดูดเลือดได้อย่างเจ็บแสบที่สุด
ไอ้ความยากลำบากเหล่านี้เอง ทำให้ทหารรับจ้างทุกคนพาลหาเหตุลงมา ?อู้รบ? ยังบก.ส่วนหลังเป็นอาจิณ
สาเหตุที่จะลงมาได้อย่างแน่นอนที่สุดก็คือ อ้างว่าเจ็บโน่นเจ็บนี่ แหกตาหมอประจำกองร้อยให้เซ็นต์ชื่อรับรองให้ ทหารเหล่านั้นก็สามารถนั่งชอปเปอร์ลงมาป่วยที่โรงพยาบาลล่องแจ้งได้อย่างสบาย
พูดถึงโรงพยาบาล ผมมีเรื่องขำแยะทีเดียวครับ ปกติหมอโรงยาบาลล่องแจ้ง จะเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นเรียกว่าจะอนุมัติให้ใครไปป่วยอุดรก็ได้ ถ้าสมเหตุสมผลจริงๆ
หมอใหญ่ที่ผมกำลังจะเขียนถึงในขณะนี้ ชื่อเสียงของท่านเลื่องลือไปทั่ววงการทหารรับจ้างในสมรภูมิลาว อย่าเพิ่งเดานะครับว่า หมอใหญ่ผู้นี้ เป็นผู้ที่มีความเก่งกล้าในการรักษาอย่างยอดเยี่ยม ผิดถนัดครับ ความบ้าๆบอๆ และความเป็นคนตรงของคุณหมอ ?ชลกร? ต่างหากล่ะครับ ที่ทำให้คุณหมอผู้นี้โด่งดังอยู่ในกองบัญชาการเสือพราน
คราวแรก ผมยังไม่รู้จักกับหมอชลกรหรอกครับ แต่แล้วในวันหนึ่ง ในขณะที่หมอนอนคุยกับพนักงานวิทยุ ที่บังเอิญเปิดเครื่องแสตนบายด์ทิ้งเอาไว้ ก็ได้ยินหมอประจำกองร้อยของกองพัน 604 ส่งวิทยุขอชอปเปอร์ขึ้นไปรับทหารที่ใด้รับอุบัติเหตุจากปืนที่หน้าท้องจนเครื่องเพศห้อยร่องแร่ง ลำไส้ไหญ่ไหลลงมากองที่พื้น แต่ทหารคนนี้ก็ทนทายาทไม่ยอมสิ้นใจเอาง่ายๆ
ขณะนั้นเป็นเวลาประมาน 21.30 น. ชอปเปอร์ก็หมดเวลาทำงาน บินกลับอุดรจนหมดสิ้น ทาง บก.ล่องแจ้งไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ก็พอดีพระเอกของเรื่องนี้ก็ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยได้ทันเวลาพอดี
?นั่นหมอประจำกองร้อยพุดใช่ไหม นี่อั๊วชลกรหมอใหญ่?
เสียงหมอชลกรส่งวิทยุขึ้นไปบนแนว พร้อมกับถามอาการของผู้บาดเจ็บด้วยน้ำเสียงที่เอาจริงเอาจัง
?ใช่ครับ อาการของคนเจ็บหนักมาก อาจจะรอด ถ้าได้รับการรักษาพยาบาลทันท่วงที?
เสียงหมอประจำกองร้อยส่งข่าวลงมา
?แล้วลื้อพยาบาลขั้นแรกกับคนเจ็บอย่างไร ไหนลองอธิบายให้อั๊วฟังซอ?
คุณหมอชลกรย้อนถามขึ้นไปอีก
?ผมฉีดมอร์ฟีนให้คนเจ็บ 1 เข็มแล้วครับ พร้อมกับเอาไส้ยัดกลับเข้าไว้ที่เดิม?
?เฮ้ย ลื้อจะบ้าหรือยังไงวะ รีบเอาไส้ออกมาอย่างเดิม พยายามเอาน้ำราดไว้ อย่าให้ไส้แห้งเป็นอันขาด?
เกิดมาผมก็เพิ่งเคยได้ยินการรักษาคนเจ็บทางวิทยุกันในวันนี้เองแหละครับ ต่อจากนั้นคุณหมอชลกรก็เอ็ดตะโรดุด่าพลพยาบาลประจำกองร้อยของกองพัน 604 ไปตามเรื่องตามราว เวลาผ่านไป 2-3 นาที คุณหมอชลากรย้อนถามขึ้นไปอีก
?เรียบร้อยแล้วใช่ไหม? พยาบาล ลื้อทำตามคำสั่งของอั๊วแล้วใช่ไหม? คนไข้อาการดีขึ้นหรือยัง??
?ครับ เรียบร้อยแล้วครับ ผมทำตามคำสั่งของคุณหมอทุกประการ คนไข้-เรียบร้อยแล้วครับ?
?อะไรว่ะ เรียบร้อย ลื้อหมายความว่าอย่างไร?
หมอชลกรตะโกนสวนขึ้นไปด้วยความโมโห
?คนไข้ตายเรียบร้อยแล้วครับ ขาดใจตอนผมเอาไส้ออกมานั่นแหละ?
เสียงพยาบาลตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงพอๆกัน
มีเสียงหัวเราะเกรียวกราวออกมาจากลำโพงวิทยุพร้อมกับมีเสียงตะโกนขึ้นมาลอยๆว่า
?ไอ้หมอเฮงซวย?
เล่นเอาทั้งผมและเพื่อนๆที่นอนฟัง ?มวยตู้? หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง
ยังครับ ยังไม่หมด พฤติการณ์บ้าๆบอๆ ของหมอชลกรยังมีอีกมากมาย ท่านผู้อ่านลองมาดูวิธีตรวจร่างกายของหมอชลกรดูบ้างสิครับ
ผมบังเอิญต้องมีธุระจะต้องขึ้นไปขอยา ?เตตร้า? จากหมอชลกร ทั้งๆที่รู้กิตติศัพท์เป็นอย่างดี ผมก็จำเป็นต้องไปเพราะ ?เครื่องเยี่ยว? ของผม กำลังขัดลำกล้องเข้าทุกที ขืนปล่อยไว้ ?คุณสนอง? รับประทานผมอย่างแน่ๆ ก็เห็นทหารรับจ้าง 4-5 คนยืนถอดเสื้อเป็นแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง คุณหมอชลกรเอาเครื่องตรวจแบบหูฟังขึ้นไปสวมเอาไว้ที่หูทั้งสองข้าง ใช้มือขวาหยิบปลายหูฟังขึ้นจิ้มลงบนหน้าอกทหารรับจ้างคนแรก จิ้มไม่จิ้มเปล่า แถมแหกปากร้องเพลงมาร์ชทหารอากาศคลอไปด้วยอย่างมีความสุข
มือที่ถือหูฟังก็จิ้มหน้าอกอย่างมีจังหวะจะโคน ผมไม่กล้าขึ้นไปบนโรงพยาบาลหรอกครับ นั่งหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลกับเพื่อนๆอยู่ที่บันไดนั่นเอง
พอเพลง ?วันนี้เราอยู่ดูโลกกันให้โสภิณ? ของคุณหมอชลกรจบลง คุณหมอก็ยกเท้าขึ้นเตะก้นคนป่วยคนละที แจกยาคนละ2 ? 3 ชุด บอกว่าเป็นยาแก้ขี้เกียจ พร้อมกับไล่ลงจากโรงพยาบาลทันที
นี่แหละครับคืออาวุธลับของ บก.ล่องแจ้ง นักรบรับจ้างจะหาโอกาสให้หมอชลกรเซ็นซื่ออนุมัติให้ไปป่วยที่อุดรเห็นจะหายากเต็มที
แต่ก็มีอยู่จังหวะหนึ่งเหมือนกันครับ ที่หมอชลกรยอมเซ็นต์ให้ไปอุดรโดยไม่ยอมตรวจร่าง ก็อีตอนที่ข้าศึกยิงปืนใหญ่หรือจรวดเข้าใส่เมืองล่องแจ้งสิครับ คุณหมอชลกรจะกระโจนเข้าไปนั่งปลุกพระอยู่ในหลุมหลบภัย คราวนี้พวกทหารรับจ้างนกรู้ทั้งหลายก็ถือใบรับรองแพทย์วิ่งตามก้นคุณหมอเป็นทิวแถว สำเร็จครับ คุณหมอรีบเซ็นต์ให้อย่างง่ายดายทีเดียว
ผมปล่อยก๊ากออกมาคนเดียว ขณะที่นั่งอยู่บนรถจิ๊ปที่พลขับชาวแม้วกำลังพยายามมุ่งหน้าไปตลาดล่องแจ้ง ?ไอ้หน้าลิง? พลขับหันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจ พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า
?นายภาษาขำอีหยังครับ หัวอยู่ได้แต่ผู้เดียว? (ล่ามขำอะไรหรือครับ หัวเราะอยู่เพียงคนเดียว)
?อั๊วนั่งคิดเพลินถึงหมอชลกรว่ะ เลยอดขำไม่ได้ ลื้อรู้จักหมอชลกรหรือเปล่าวะ ไอ้ลิง?
ผมย้อนถามเจ้าพลขับชาวแม้วไปอีก
?ทำไมบ่ฮู้จัก บักหมอบ้า หำผมเป็นแผล ไปขอยา มันจะเอามีดตัดหำผมท่าเดียว?
ผมเลยได้หัวเราะอีกก๊ากใหญ่ในคำพุดแบบตรงไปตรงมา ของเจ้าพลขับแม้ว ที่บ้าๆบอๆพอๆกับคุณหมอชลกร
เกือบจะถึงเวลาที่ผมนัดหมายกับเจ้าสไปร๊ทแล้วครับ แต่ผมเห็นว่ายังมีเวลาเหลือเฟือก็เลยแวะไปที่ตลาด หาซื้อน้ำหอมฝรั่งเศษยี่ห้อ ?โตป๊าส? ที่บัวคำสั่งนักสั่งหนาว่าจะมาเยี่ยมครั้งต่อไปช่วยซื้อมาฝากให้เธอด้วย
ในขณะที่ผมกำลังสาละวนเลือกซื้อ น้ำหอมยี่ห้อ ?โตป๊าส? อยู่นั่นเอง ประสาทหูได้ยินเสียงวี้ดๆ จึงหันกลับไปมองดูบริเวณสนามบิน มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวตรงบริเวณหัวสนามบินพร้อมๆกับควันสีขาวลอยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ในขณะที่ควันยังไม่ทันจาง ก็มีเสียงวี้ดยาวแทรกขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ผมพุ่งพรวดเดียวหมอบติดกับพื้นดิน โดยไม่คำนึงว่าชุดเอี่ยมอ่องของผมจะเป็นเช่นไร
เสียงระเบิดดังแน่นกว่าครั้งแรก ผมยังเดาไม่ออกว่าจะเป็นลูกปืนใหญ่หรือจรวดกันแน่ แต่ที่แน่ๆตำบลกระสุนตกของมันใกล้คลังแสงที่บริเวณสนามบินเข้ามาทุกที
?นายภาษา สนามบินโดนโจมตีแล้วครับ กลับ บก.เถอะครับ?
พลขับชาวแม้วละล่ำละลักพร้อมกับฉุดไม้ฉุดมือจะให้ผมขึ้นไปบนรถจิ๊ปให้จงได้
ผมก็เลยตัดสินใจกระโดดขึ้นรถจิ๊ป แต่ไม่ลืมที่จะคว้าเอาห่อน้ำหอมขึ้นไปด้วย รถจิ๊ปของผมพุ่งปราดออกมานอกถนนใหญ่บริเวณทางเข้าสนามบินก็บังเอิญมองเห็นเจ้าสไปร้ทวิ่งกระเร่อกระร่าอยู่ในกลุ่มคนงานที่กำลังเตรียมตัวจะกลับอุดรในเย็นวันนั้นด้วย ?เฮ้ย จอดรับเพื่อนอั๊วหน่อย?
ผมตะโกนแข่งกับเสียงระเบิดที่กำลังคำรามกึกก้อง ทันใจดีเหลือเกินครับ เจ้าพลขับแม้วกระแทกเบรคเต็มที่ ล้อทั้งสี่ของจิ๊ปเล็กครูดไปกับพื้นถนน ผมหันหลังกลับไปดู เห็นเจ้าสไปร๊ทกำลังใช้ฝีเท้าน้องๆ นักกีฬาโอลิมปิคห้อกวดรถผมจนตัวโก่ง ก็เลยถอยหลังกลับไปรับ พามุ่งหน้าเข้าไป บก.ล่องแจ้งอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากขณะนั้น เป็นเวลาประมาน 17.00 น. บรรดาคนงาน A.C.S. และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่ทำงานอยู่ที่ล่องแจ้ง ต่างก็กำลังเตรียมตัวจะกลับอุดรโดยเครื่องบินลำเลียงของแอร์อเมริกา ทุกคนจึงออกันแน่นที่ ?เม็นแล้ม? เดชะบุญที่ลูกปืนใหญ่ลูกแรกของมันไม่ตกลงกลางกลุ่มคนเหล่านั้น จึงรอดตายไปอย่างหวุดหวิดที่สุด ต่อจากนั้นก็ตัวใครตัวมัน แตกกลุ่มออกวิ่งเผ่นกันป่าราบหาที่กำบังไปตามมีตามเกิด
?สิงหะ จากลอนดอน เปลี่ยน?
พนักงานวิทยุของกองพันที่ 618 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่บนเนินสกายไลน์ ทางด้านตรงข้ามกับหัวสนามบินเรียกขาน บก.ล่องแจ้ง พร้อมกับรายงานข่าวต่อไปอีก
?ลูกปืนใหญ่ของข้าศึกข้ามฐานปฏิบัติการของลอนดอนลงไปเบื้องล่าง คาดว่ายิงมาทางสนามบินถ้ำตำลึง ขณะนี้กำลังตรวจการณ์ที่ตั้งปืนของพวกมันอยู่ครับ?
?ลอนดอน จากสิงหะ ตรวจการณ์โดยเร็วที่สุดพร้อมกับแจ้งพิกัดที่แน่นอนมาด้วย?
?โอเคครับ ปืนใหญ่ของข้าศึกอยู่ ณ บริเวณ ?ภูผาไซ? คาดว่าเป้นปืนใหญ่ขนาด 130 ม.ม. ของรัสเซีย?
?จบกัน?
?เทพ? อุทาน พร้อมกับเอ่ยต่อไปว่า
?ระยะทางเกือบ 20 กิโลเมตร เราจะเอาปืนอะไรไปดวลกับพวกมัน ให้ทางเบาวเดอร์คอนโทรลขอเครื่องบินจากอุดรมาทำงานด่วนก็แล้วกัน?
?ท่านครับ ผมสังเกตุเห็นตำบลกระสุนตกของกระสุนปืนใหญ่เลื่อนเข้าหาบริเวณคลังแสงของฝ่ายเราเข้าไปทุกที ผมคิดว่าให้หน่วยลาดตระเวณของเราค้นหา ตรวจการหน้า ของมันดีกว่าครับ มันจะต้องซุกซ่อนปรับทางปืนให้แก่พวกมันอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งใกล้ๆเป้าหมายของมันนี่เอง?
ชัยฤทธิ์ นายทหารเสนาธิการผู้หนึ่งเสนอความคิดขึ้นมา
?ลื้อออกคำสั่งทางโทรศัพท์ให้หน่วยป้องกัน บก.ล่องแจ้งออกค้นหาเดี๋ยวนี้ อย่าใช้วิทยุเป็นอันขาด อั๊วคาดว่าข้าศึกจะต้องดักฟังข่าวคราวการเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่ตลอดเวลา?
?เทพ? หัวหน้าเสนาธิการเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินกลับไปกลับมาด้วยท่าทางที่อึดอัดใจต่อสถานะการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
?ท่นนายพลวังเปาก็ยังไม่กลับจากอุดร สงสัยว่าคืนนี้ล่องแจ้งจะถูกทหารของมันเข้าโจมตีเสียละกระมัง
?เทพ? พึมพำออกมาอีก ก่อนที่จะเดินกลับไปในห้องยุทธการเพื่ออกคำสั่งเพิ่มการระมัดระวังล่องแจ้งเต็มอัตราศึกต่อไป
□□□□□□□□□□□□□□□□
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11681 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2015, 01:03:32 PM »

     ปืน(ค่าย หลังม่านเหล็ก) สวัสดิการ สน.สก 9 มม. 3 หมืนกว่า http://2013.gun.in.th/index.php?topic=52999.0 (สมัครสมาชิก )
ส่วนตัวผมเคยใช้ โตกาเรฟ 7.62 (ลูกกระสุนคอขวด ความเร็วสูง ) อยู่หลายปี (ประมาณปี33-37) มันทนและก็แม่น มาก เสียงดังสนั่น แบน บาง เหมาะกับพกใน สมัย ยุครุ่งเรืองของ ห้องอาหารเทวี โรงแรมเทวราช  พิณผับ โรงแรมน่านฟ้า จ น่าน  ตอนประมาณนั้นแหละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2015, 01:09:05 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11682 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 09:58:57 AM »

   ตลาดปืนมือ 2 วันนี้ มี คิมเบอร์สวยๆ ราคาดี หลายกระบอก (ผมขายไม่ลงอ่ะราคานี้เสียดาย สำหรับปืนคุณภาพคับแก้ว อย่างคิมเบอร์ ) http://2013.gun.in.th/index.php?board=6.25  (สมัครสมาชิกก่อนน่ะครับ) 
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11683 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 10:18:43 AM »





อัพเดต กรณีปืนสวัสดิการ สตช  ซิก320 9 มม

ผบ.ตร.มาตรวจเยี่ยมภาค6 ชี้แจงว่า หนังสือที่กระทรวงการคลัง ตอบกรณีขอยกเว้นภาษีนำเข้าอาวุธปืน ว่าไม่สามารถยกเว้นอากรนำเข้าได้นั้น ทำให้ผู้ซื้ออาวุธปืนต้องเป็นผู้จ่ายเงินเอง ประมาณ 4000 บาท รวมราคาปืน เป็นเงิน 22,000 บาท แต่ขั้นตอนต่อไปคือ สตช.ต้องขอโควต้าปืนจาก กระทรวงมหาดไทย ตามจำนวนที่ตำรวจสังจอง หากมหาดไทยอนุมัติ ก็จัดซื้อได้ ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 18, 2015, 10:39:20 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11684 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2015, 07:47:58 AM »

ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 5
เสียงครวญครางเหมือนเปรตทวงวิญญาณของหางนำทิศ เมื่อเวลามันแหวกอากาศของลูกปืนใหญ่ขนาด 130 มม. เย็นเฉียบบาดจิตบาดใจเข้าไปในสมอง สิ้นเสียงครวญครางของมันครั้งใด จะต้องมีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวติดตามมาด้วยทุกครั้ง
เสียง...แว้ด...กรั้ม...แว้ด...กรั้ม ดังติดต่อกันเป็นระยะด้วยจังหวะที่ต่อเนื่องกันโดยไม่หยุดยั้ง เป็นที่น่าสังเกตุว่าตำบลกระสุนตกเลื่อนจากจุดเดิมเข้าหาคลังแสงที่อยู่เกือบท้ายสนามบินเข้าไปทุกที บางครั้งแนวการยิงของมันก็ข้ามฝั่งสนามบินเฉียดลานจอด (เม็นแล้ม) พุ่งดิ่งเข้าหาหมู่บ้านชาวแม้วที่สร้างอย่างง่ายๆ ด้วยไม้ไผ่แตะ หลังคาติดกันเป็นพืด
มันจะมีอะไรเหลือละครับ เศษดิน เศษไม้ กระเด็นปลิวว่อน หมู่บ้านกว่า 20 หลังคาเรือนหายวับไปกับตา เหมือนกับโดนพายุหมุน สะเก็ดระเบิดกระเด็นมา ตกบนหลังคาห้องอาหารของ บก.ล่องแจ้ง ดังกราวใหญ่
หีบห่อกระสุน ไม่ว่าจะเป็นลูกปืนใหญ่ขนาด 105 มม. หรือว่า 155 มม. ลูกระเบิดมือ ลูกปืนครกที่เพิ่งส่งมาจากอุดรหลายร้อยหีบ ซึ่งแพ็คเอาไว้ บริเวณ “เม็นแล้ม” เพื่อรอเวลาที่จะขนขึ้นแนวในเช้าวันรุ่งขึ้น มีหวังถูกระเบิดจากอำนาจการยิงที่รุนแรงของข้าศึกอย่างแน่นอน
ไม่มีใครออกคำสั่งให้ขนย้าย วัตถุระเบิดเหล่านั้นหรอกครับ แม้แต่ตัวฝรั่งเองก็เผ่นจนป่าราบ ส่งวิทยุเข้าสนามบินอุดร ขอชอปเปอร์มารับอย่างปัจจุบันทันด่วน
ชั่วเพียง 30 นาที ชอปเปอร์ที่จอดแสตนด์บายอยู่ในสนามบินนาซู ก็บินดิ่งมารับพวกฝรั่งเหล่านั้นหลบออกไปจากเมืองล่องแจ้งอย่างรวดเร็ว
เห็นไหมครับ เมื่อยามมีภัย ไอ้กันมันก็หนีเอาตัวรอดอย่างหน้าด้านที่สุด ปล่ยให้พวกรับจ้างรบที่ชีวิตไม่ค่อยจะมีค่างวดอะไร อยู่เสี่ยงอันตรายต่อไปและต่อไปท่ามกลางกระสุนปืนใหญ่ของพวกเวียตนามเหนืออย่างชนิดตัวใครตัวมัน
แม้กระทั่งนายของผมเองก็ตามที มิสเตอร์ “นอร์แมน” ยอดเสนาธิการของซี.ไอ.เอ. ก็ดันตาลีตาเหลือก เผ่นหนีไปกับเขาด้วย ปล่อยให้ฝรั่งกระจอกๆ 2-3 คน คอยอยู่รับหน้าพอเป็นพิธีเท่านั้น และก็พวกฝรั่งกระจอกๆเหล่านั้น ช่วยอะไรพวกเราไม่ได้หรอกครับ วิธีเดียวที่พวกมันกระทำได้ก็คือ ออกคำสั่งให้เรากินเงินดอลล่าร์ของพวกมัน ปฏิบัติงานแทนเท่านั้นเอง
แต่ขอโทษที ขณะนี้หมดเวลางานเสียแล้ว คำสั่งของพวกมันก็ไร้ความหมาย พวกผมเป็นทหารรับจ้าง เงินมาซีครับ ถ้าโอเวอร์ไทม์สูง พวกผมไม่เคยเกี่ยงสักครั้ง
ผมและเพื่อนๆ สามสี่คน หมอบนิ่งอยู่หลังกระสอบทราย บริเวณ บก.ล่องแจ้ง ที่ตรวจการณ์เห็นสนามบินได้ชัดที่สุด อดที่จะเป็นห่วงหีบกระสุนและวัตถุระเบิดนานาชนิดที่วางระเกะระกะอยู่ที่เม็นแล้มไม่ได้ เวลาผ่านไปรวดเร็วเหมือนติดปีกบิน จนกระทั่งพลบคำ การระดมยิงของพวกมันก็ไม่หยุดยั้ง บางครั้งลูกปืนของมันก้เพ่นพ่าน เข้าไปตกในบริเวณใจกลางเมืองล่องแจ้ง ซึ่งขณะนี้ กลายเป็นเมืองร้างไปเสียแล้วอย่างสิ้นเชิง
ประชาชนชาวแม้วเผ่นออกจากหมู่บ้าน ตั้งแต่กระสุนลูกแรกของข้าศึกตกลงบนสนามบินแล้ว พวกเขาหอบลูกจูงหลานเดินเป็นทิวแถวไปตามถนนที่ตัดเอาไว้บนภูเขา มุ่งหน้าขึ้นไปหลบซ่อนอยู่ในบริเวณหลังที่ประทับของเจ้ามหาชีวิต (ปกติเจ้ามหาชีวิตของลาวจะประทับอยู่เมืองหลวงพระบาง นานๆครั้งพระองค์จึงเสด็จมาประทับในที่แห่งนี้) ที่มีเนินเขาสูงชันเป็นปราการธรรมชาติที่สามารถใช้เป็นที่หลบภัยได้อย่างปลอดภัยที่สุด
และแล้ว...หลังจากลูกปืนใหญ่ของมัน ที่ยิงเฉียดไปเฉียดมาหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุด...ลุกฟลุคของมันก็หล่นโครมลงบนกองกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ที่วางซ้อนกันเป็นภูเขาเลากาเข้าอย่างถนัดใจ
“บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม”
สว่างยิ่งกว่าจุดพลุในงานมหกรรมใดๆ ที่ผมเคยเห็นมาทีเดียวครับ เสียงระเบิดของลูกปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ดังซ้อนๆกันจนแก้วหูแทบแตก ประกายไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสว่างโร่ไปหมด บางครั้งก้มีแฟลร์ที่บรรจุอยู่ในลูกปืนครกระเบิดตูมตามขึ้น พร้อมกับส่งร่มแฟร์ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสว่างไสว อย่างกับมีงานมหกรรมระดับชาติเลยทีเดียว
ไหนจะต้องคอยระวังสะเก็ดลูกปืนใหญ่ของฝ่ายเราที่กำลังระเบิดตูมตาม ไหนจะต้องพะวงกับอำนาจการยิงของข้าศึก ทำเอาทหารรับจ้างที่อยู่ บก.ส่วนหลังวิ่งวุ่นกันอลหม่าน
เสียงระเบิดดังรุนแรงยิ่งกว่าทุกครั้ง ประตูหน้าต่างกองบัญชาการสะเทือนสั่นโยกเยก
“คลังแสงของเราระเบิดแล้วครับ”
ทหารรับจ้างคนหนึ่งกระหืดกระหอบวิ่งข้ามสะพานเหล็กระหว่างโรงพยาบาล มุ่งหน้าเข้ามาหาพวกเราที่กองบัญชาการ
มันเป็นคราวเคราะห์อย่างช่วยอะไรไม่ได้ สะเก็ดของลูกปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ที่กำลังระเบิดตึงตังอยู่เฉือนเข้าที่บริเวณลำคอพอดี
ไม่มีเสียงร้องหรอกครับ ทหารรับจ้างที่ผมไม่รู้จักชื่อคนนั้น เซถลาหล่นวูบลงไปจากสะพาน ตกลงไปในร่องน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากอยู่เบื้องล่าง ลายวับไปกับความมืด ท่ามกลางความตกตะลึงของพวกเราที่มองเห็นเหตุการณ์อยู่แค่เอื้อม
ไม่มีใครลงไปช่วยหรอกครับ แทบทุกคนซบหน้าลงกับแนวกระสอบทราย หลบสะเก้ดระเบิดที่ปลิวออกมาไปรอบทิศ ด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
เสียงระเบิดที่ดังเหมือนกับฟ้าผ่าได้คำรามขึ้นอีกครั้ง...
อา...คลังแสงและอุปกรณ์ทุกชนิดของซี.ไอ.เอ. พินาศหมดสิ้นแล้ว เสียงระเบิดดังขึ้นซ้อนๆ กันหลายต่อหลายครั้ง แสงไฟลุกขึ้นท่วมท้องฟ้า มองเห็นสว่างโร่ไปทั่วบริเวณ
เหมือนกับนกรู้ ปืนใหญ่ของเวียดนามเหนือ ที่ระดมยิงอยู่ตลอดเวลา ยุติการยิงลงอย่างฉับพลัน แน่นอนเหลือเกิน “ตรวจการณ์หน้า” ของพวกมันที่แฝงกายอยู่ ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่งของตลาดล่องแจ้ง คงจะแจ้งผลการยิงให้ฝ่ายมันทราบว่า ขณะนี้ผลการยิงของพวกมันสัมฤทธิ์ผลแล้ว พวกมันจึงยุติการระดมยิงในทันทีทันใด
เวลาผ่านไปจนกระทั่ง 24.00 น. แรงระเบิดจากกองกระสุนที่เม็นแล้มยังคงระเบิดต่อไปอีก และเริ่มแผ่วงกว้างออกไปทุกที ส่วนคลังแสงไม่ต้องพูดถึงกันละ ป่นปี้ไม่มีชิ้นดี ร่มชูชีพที่ใช้ “ดร็อป” ของ ถูกไฟเผลาผลาญไม่มีเหลือหลอ
ผมนั่งหลับนกอยู่ที่บริเวณกระสอบทรายนั่นเอง ศูนย์บังคับการที่อุดร ติดต่อสอบถามความเสียหายมาอยู่ตลอดเวลา พวกผมที่เข้าเวรวิทยุ ไม่ต้องพักผ่อนกันละ จัดแจงเข้ารหัสแจ้งผลความเสียหายอย่างมหาศาลให้ทางอุดรทราบเป็นระยะๆ
เกือบร้อยล้านบาท คือยอดประเมินสูญเสียจากการยิงของปืนใหญ่เวียดนามเหนือ
“ไอ้ปากหมา” เครื่องบินตรวจการณ์สองที่นั่งจอดอยู่ในโรงเก็บ รอดจากกระสุนปืนใหญ่และแรงระเบิดอย่างกับปาฏิหารย์
การระเบิดของกระสุนปืนได้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งรุ่งเช้า เสียงระเบิดจึงค่อยๆห่างลง และสงบเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเวลา 09.30 น. ผมคิดว่า คงจะยังไม่มีมนุษย์หน้าไหนสะเออะเข้าไปในบริเวณสนามบินหรอกครับ
ที่ใหนได้... พอพวกผมเข้าไปเคลียร์สนามบิน
อุปกรณ์การรบที่รอดจากแรงระเบิดถูกขโมยเรียบวุธ ปืนพก .45 เท่าที่ผมทราบประมาน 100 กระบอกล่องหนไปอย่างไม่มีร่องรอย
ชุดเครื่องแบบสนาม ผ้าเต๊นท์ ถูกมือดีขโมยเกลี้ยง
ตลาดล่องแจ้ง ถูกทหารรับจ้างที่สังกัด บก.ส่วนหลังของกองพันทหารรับจ้าง กองพันต่างๆกรูกันเข้างัดแงะรื้อค้นของชาวบ้านที่พากันละทิ้งบ้านช่อง หลบภัยจากแรงระเบิดกันเป็นจ้าละหวั่น
ไม่เฉพาะทหารรับจ้างชาวไทยหรอกนะครับ ทหารลาวเองก็ตามที ทั้งพี่ไทย อ้ายลาวกอดคอกันขโมยของชาวบ้านสะเด็ดยาดไปเลย...
มันเข้าขั้นบ้านแตกสาแหรกขาดกันแล้ว นี่แหละครับ สภาพของสงคราม ใครๆอยากได้อะไรก็ยื้อแย่งเอาเป็นกรรมสิทธิ์กันอย่างหน้าด้านๆ ผมขอภาวนาอย่าให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับประเทศไทยอันเป็นที่รักของผมเลย
ทหารรับจ้างหอบข้าวของที่ขโมยมาได้ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ หัวจักรเย็บผ้า เทป ลัดเลาะสนามบินหายหัวเข้ากอง บก. ของพวกเราจนหมดสิ้น
แม้แต่ที่พักของฝรั่ง บริเวณท้ายสนามบินเองก็ยังโดนมือดีเข้าไปขนของจนเกลี้ยง “เทปชั้นดี ยี่ห้อ อาไก” ถูกทหารแม้วงัดออกมาเร่ขายให้กับทหารไทยด้วยสนนราคาเครื่องละไม่ถึง 500 บาท
ร้อนถึงนายพลวังเปา ต้องออกประกาศให้ทางทหารรับจ้างและทหารแม้วคนใดที่มีของ “ต้องห้าม” อยู่ในครอบครอง ให้เอามาคืนภายใน 3 วัน มิฉะนั้นจะมีความผิดกฏหมายสงคราม
คำสั่งของนายพลวังเปาอาจจะศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะทหารแม้ว แต่สำหรับทหารรับจ้างชาวไทยแล้ว “ยากส์ส์” ครับ อ้อยเข้าปากช้าง ใครเอาไปคืนก็โง่เต็มทน ของใหญ่ๆก็โยนทิ้ง ปืนพกเรื่องเล็ก มีกรรมวิธีหลบหลีกสารวัตรทหารเอาไปอุดรได้หลายต่อหลายวิธีหรือจะปล่อยที่ล่องแจ้ง 800-900 บาทแสนที่จะสบายและคล่องมือที่สุด
สนามบินล่องแจ้งต้องปิดตัวเองโดยปริยาย เครื่องบินที่ไหนจะกล้ามาเสี่ยงลงครับ ก็ในเมื่อสะเก็ดระเบิดขาววับเป็นชิ้นๆเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ระเกะระกะไปหมด นอกจากนั้น ควันไฟที่กำลังครุกกรุ่นอยู่ตลอดเวลาในซากกองกระสุน อาจจะระเบิดขึ้นมาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้...
เครื่องบินทุกชนิดถูกห้ามขึ้นลงโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งชอปเปอร์ก็ต้องอาศัยทิวเขาหลัง บก.ล่องแจ้ง ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นแอ่งลึก สามารถป้องกัน “ลูกยาว” ของข้าศึกได้เป็นอย่างดี ใช้เป็นที่ขึ้นลงเพื่อปฏิบัติภาระกิจประจำวันต่อไป
ทางอุดรแก้ปัญหาการขนส่งลำเลียงออกเป็นสองวิธี วิธีแรกใช้ C-123 บินตรงจากอุดรแล้ว “ดร็อป” ด้วยร่มชูชีพขนาดใหญ่ลงในบริเวณ “ศาลาไทย” (ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ บก.ล่องแจ้งนั่นเอง)
วิธีที่สองคือ ขนอุปกรณ์สงครามมาลงที่สนามบินนาซู แล้วลำเลียงด้วยเครื่องปีกหมุน (ชอปเปอร์) มายังล่องแจ้งอีกทีหนึ่ง
ปัญหาใหญ่หลวงที่ตามมาก็คือ การส่งอาหารให้แก่กองพันทหารรับจ้างกองพันต่างๆ ต้องประสพกับอุปสรรคนานาประการ อาหารจำพวก หมูเห็ดเป็ดไก่ ที่ทาง บก. สั่งซื้อมาจากอุดรก็มาตกค้างอยู่ที่สนามบินนาซู รอคิวที่จะลำเลียงมายังฐานปฏิบัติการต่างๆเมื่อใช้เวลาในการส่งนานกว่าปกติ ของสดดังกล่าวก็เลยกลายเป็นของเน่าไปโดยปริยาย
ตั้งแต่นั้นมา กองพันทหารรับจ้างก็ต้องพบกับอาหารแห้งจำพวกเนื้อเค็ม กระเทียมดอง จนกว่าเหตุการณ์จะปกติ ซึ่งก็ยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร
ทหารรับจ้างเริ่มสะสมชูชีพเป็นการใหญ่ ร่มที่ไอ้กันใช้ “ดร็อป” มักจะถูกทหารรับจ้างเม้มเอาใว้เป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัวกันเป็นทิวแถว
ตามปกติแล้ว ในประเทศไทย ร่มชูชีพเป็นของมีราคาแพงและหายากที่สุด ทหารรับจ้างทุกคนจึงอยากได้ร่มชูชีพกันจนตัวสั่น พอเครื่องบินทิ้งร่มลงมายังไม่ถึงพื้นดิน ก็ถือมีด “สปาต้า” ใส่เกียร์หมาวิ่งไล่ร่มชูชีพหวังจะถือเป็นกรรมสิทธิ์ในร่มชูชีพอันนั้น
มันก็เลยเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นอย่างช่วยเหลือไม่ได้ ปกติกล่องกระสุนมันก็หนักหลายสิบกิโลอยู่แล้ว ถึงแม้จะมีร่มคอยพยุงเอาไว้ก็ตามที เวลามันลงจวนจะถึงพื้น มันจะกระทบพื้นด้วยน้ำหนักที่น่ากลัวทีเดียว เรื่องทั้งเรื่องมันก็เลยทับเอาผู้นิยมร่มทั้งหลายจนหัวสมองติดดินแบนแต๊ดแต๋เหมือนกับเขียดโดนรถบดถนนทับยังไงยังงั้น
ตั้งแต่นั้นมา ทหารรับจ้างบางคนพอเห็นร่มชูชีพก็ถึงกับเมินหน้าหนีไปเลยก็มี
หน่วยเคลียร์สนามบินเสี่ยงอันตรายออกไปเคลียร์รันเวย์ ไม่ถึง 10 นาทีก็ต้องวิ่งกระเจิงกันออกมาอีกครั้งเนื่องจากกระสุนปืนใหญ่ เกิดระเบิดตูมตามขึ้นมาเอาดื้อๆ เล่นเอาผวากันไม่เป็นขบวน
อากาศเริ่มมืดเป็นครั้งแรกในรอบวัน กลุ่มเมฆรวมตัวกันหนาขึ้นทุกที มันปกคลุมยอดเนินสกายไลน์ทึบไปหมดและเริ่มลามเลียลงมายังตีนเขามากขึ้น จนกระทั่งครอบคลุมเนินสกายไลน์จนขาวโพลนไปหมดทั้งภูเขา
เจ้าความหนาวเหฯบที่แสนจะทรมานทับทวีเพิ่มขึ้นทุกที ถึงแม้ผมจะมีชุดอันเดอร์แวร์ที่สวมทับด้วยแจ็คเก็ตฟิลด์อันหนาเตอะก็ยังต้องห่อไหล่ คางกระทบกันด้วยความหนาวเหน็บเข้าไปถึงหัวใจ
ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ทหารรับจ้างทุกคน เมื่อผ่านกองบังคับการจะต้องถูกถามรหัสผ่าน ถ้าตอบผิด แน่นอนเหลือเกินจะต้องถูก M-16 พรุนไปทั้งร่างด้วยน้ำมือของหน่วย “สิงห์ทะเลทราย” ที่มีหน้าที่ระแวดระวังกอง บก.ล่องแจ้งโดยเฉพาะ
ยิ่งอากาศปิดมากเท่าไหร่ บรรยากาศของเมืองล่องแจ้งก็ยิ่งเงียบและวังเวงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น นายทหารเสนาธิการทุกคนอยู่ในชุดสนามพร้อม ยืนจับกลุ่มคุยกันเบาๆอยู่หลังแนวกระสอบทรายด้วยลักษณะท่าทางที่เครียดขึง
มันเงียบเสียจนกระทั่งอดสังหรณ์ใจไม่ได้ว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นในคืนนี้บ้างไหมหนอ
นึกถึงความสามารถของหน่วย “แซปเปอร์” เวียดนามเหนือ ที่กล้าฝ่าดงกับระเบิดเข้าไปเชือดคอทหารรับจ้างในฐานภูเทิงตอนทุ่งไหหินแตกแล้ว ผมอดที่จะเสียวคอหอยไม่ได้ ภาวนาขออย่าให้เจอะเจอกับมันอีกเลยในชาตินี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 776 777 778 [779] 780 781 782 ... 811
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.188 วินาที กับ 23 คำสั่ง