เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 28, 2024, 01:33:26 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 778 779 780 [781] 782 783 784 ... 811
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไลฟ์ สไตล์ ของ " สมิง วังม่วง " และพี่น้องคอปืน จังหวัด น่าน  (อ่าน 890259 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11700 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2015, 04:24:06 PM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา"

กองพันมรณะ ตอนที่ 12
ผมเผ่นพรวดเดียวออกมานอกบังเกอร์ แต่ไม่เร็วไปกว่ากองสิงห์ ซึ่งขณะนี้คว้ากล้องสนามตรวจการณ์บริเวณเนินทันเดอร์อย่างเอาใจใส่ แล้วหันมาพูดกับผมเบาๆว่า
“พวกมันลาก ปืน ค. 82 จากสนามบินซำทอง ขึ้นมาตั้งฐานยิงบนเนินทันเดอร์แล้วครับ อ่านไต๋มันไม่ออกเลยว่ามันจะเล่นงาน 604 หรือกองพันเราแน่ ผมไม่รอมันละ”
กองสิงห์หันไปออกคำสั่งกับ ผบ.หมวดอาวุธหนักที่ยืนอยู่ข้างๆทันที
“กองจันทร์ เตรียมปืน ค. 4.2 ยิงไปที่เนินทันเดอร์ ตรงบริเวณที่ตรวจการณ์หน้าของเราตรวจพบข้าศึกเดี๋ยวนี้ ปรับทางปืนด้วยตนเอง เพราะมองเห็นที่หมายชัดมาก พร้อมแล้วซัดเลย เอาลูกควันก่อนนะ”
“ปืน 4.2 ระยะยิง 4 ก.ม. ที่หมายกลุ่มข้าศึกและปืน ค.แบบ 82 พร้อมยิงได้”
กองจันทร์ออกคำสั่งให้ลูกน้องหมวดอาวุธหนักที่ขณะนี้กำลังสาละวนวัดระยะหามุมการยิงกันชุลมุนวุ่นวาย
ปืนของเรายังไม่ทันยิงเลยครับ ปืนของข้าศึกที่อยู่บนเนินทันเดอร์ก้เล่นงานพวกเราเข้าให้แล้ว มีเสียงดังตุ้งเบาๆ ต่อจากนั้นชั่วอึดใจ ก็มีเสียงวี้ดข้ามฐานของเราเลยไปตกบริเวณหุบเขาเบื้องล่าง พร้อมกับเสียงระเบิดดังก้องหุบเขา เสียงสะท้อนของมันบาดจิตรบาดใจเข้าไปในหัวสมอง
“เร็วๆเข้าโว้ย ปล่อยให้พวกมันจวกเราอยู่ได้”
กองสิงห์ ตะโกนขึ้นอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับหันไปสั่งการให้พนักงานวิทยุร้องขอปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ลช่วยยิงสนับสนุนอีกด้านหนึ่ง
มีเสียงดังตุ้งติดตามมาอีกเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ตำบลกระสุนตกเขยิบขึ้นมาอยู่บนแนวลวดหนามข้างหน้าสุด ห่างฐานปฏิบัติการของเราเพียง 100 เมตรเท่านั้น
“เฮ้ย ลงคูเหลดให้หมดโว้ย มันปรับปืนเข้าใส้ไปเลย ประเดี๋ยวเถอะมึงเอ๊ย ไม่เบิร์มใครก็เบิร์มใครต้องป่นปี้กันบ้างล่ะ ครอบยากจะลองก็เชิญตามสบาย”
รอง ผบ. 403 ตะโกนออกคำสั่งให้ลูกน้องลงหลุม
เสียงคำรามหนักแน่น ของปืน ค 4.2 ของฝ่ายเราที่เริ่มปล่อยกระสุนควันออกเป็นนัดแรก เพียงชั่วครู่ควันสีขาวก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ณ บริเวณเนินทันเดอร์มองเห็นด้วยตาเปล่าอย่างถนัดชัดเจน
“ระยะใช้ได้ แต่ต้องเพิ่มไปทางขวาอีก 400 เมตร คราวนี้เอาลูกสังหารเลย”
กองจันทร์ตะโกนสั่งลูกน้องของเขาอีกครั้ง
เสียงคำรามของลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ความดังของมันมิผิดเพี้ยนกับเสียงของลูกระเบิดที่ทิ้งจาก F-105 ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวจากทางเมืองล่องแจ้ง ชั่วอึดใจก้มีเสียงวี้ดข้ามศรีษะพวกเราไปทางเนินทันเดอร์ พร้อมกับมีควันสีขาวรวมกลุ่มกันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ณ จุดที่อยู่ห่างจากที่ตั้งข้าศึกเพียง 200 เมตร
“ศรแดงจากแคนเดิ้ล เป็นอย่างไรบ้างครับ ของขวัญจากแคนเดิ้ล ช่วยปรับให้ด้วยครับ”
กองสิงห์หันไปเอื้อมมือคว้าปากพูดหูฟังของเจ้า “ปิ๊ค 77” ที่ดังกังวานอยู่ใกล้ๆขึ้นมาทันที กดวิทช์ที่อยู่ข้างหูฟัง กรอกคำพูดไปยังฐานปืนแคลเดิ้ลอย่างรวดเร็ว
“โอเค จากศรแดง ลด 200 เมตร ขอลูกสังหาร 1 ชุดใหญ่ ช่วยโยกซ้ายโยกขวาให้ด้วยครับ”
“โอเคครับ ลด 200 เมตร ยิงแบบจังหวะหนังตะลุง รอประเดี๋ยวนะครับ”
พนักงานวิทยุขี้เล่นจากแคนเดิ้ลสวนคำพูดมาในทันทีทันใด
“เฮ้ย ไอ้พวกมือปืนขี้เท่อ พวกเองหยุดยิงได้แล้ว ยิงภาษาอะไรกันวะ ห่างตั้งเกือบครึ่งกิโล”
กองสิงห์หันไปตะโกนด่าหมวดอาวุธหนักท่ามกลางเสียงหัวเราะครืนใหญ่ของกลุ่มทหารรับจ้างที่รู้ “กำพืด” ของทหารหมวดอาวุธหนักแตละคนว่า “ติดกัญชา” กันจนงอมแงมจนทำอะไรดูอืดอาดไปหมด
“ปล่อยมาแล้วครับ โยกซ้ายโยกขวาพร้อมๆกันทั้งสองกระบอก ช่วยตรวจมาให้ด้วยคร้าบ”
คราวนี้ตำบลกระสุนตกของปืนใหญ่ตกลงกลางที่ตั้งปืนของข้าศึกพอดิบพอดี ได้ยินเสียงระเบิดดังแทรกซ้อนขึ้นมาติดๆกัน 4-5 ครั้ง
“ลูกปืน ค ของพวกมันถูกอำนาจระเบิดหมดเกลี้ยงเลยครับ แบบนี้ปืนของมันพังแน่นอน”
ตรวจการณ์หน้าซึ่งซ่อนพลางอยู่บนยอดเนิน “อานม้า” ส่งข่าวเข้า บก.พัน
“แคนเดิ้ลจากศรแดง ปืนของข้าศึกถูกทำลายแล้ว หมดภาระกิจยิง ขอบพระคุณมากครับ มีเหตุการณ์ผมจะร้องขอไปอีก”
“ศรแดงจากแคนเดิ้ล มีอะไรบอกมาเลย สวัสดีครับ”
เสียงคำพูดของพนักงานวิทยุจากแคนเดิ้ลยังไม่ขาดคำก็ปรากฎเสียง วี้ด วี้ด ดังแหลมยาวอยู่บนท้องฟ้า พอสิ้นเสียงของมัน ก็ปรากฏเสียงระเบิดกึกก้องหลังบังเกอร์วิทยุ บก.พัน
ทั้งควันระเบิดและฝุ่นกระเด็นคลุ้งไปหมด กลุ่มทหารรับจ้างที่นั่งกันหน้าสลอนอยู่บนแนวกระสอบทราย ต่างก็พากันเผ่นหัวซุกหัวซุนลงคูเหล็ดชนิดยอมเจ็บตัวกันเลยทีเดียว
กองสิงห์ ยกเท้าถีบกลางหลังผมหล่นวูบลงไปในหลุมเพาะที่ขุดไว้อยู่ข้างๆ พร้อมกับพุ่งตัวลงมาหมอบอยู่ข้างๆผม
“ปืนใหญ่ 130 มม.ของมันแน่นอน คงจะยิงมาจากซำทอง คราวนี้เห็นจะแย่ครับ เพราะเราตรวจการณ์ไม่เห็นที่ตั้งของมันเลย คุณรีบขอเครื่องบินไปก็แล้วกัน”
กองสิงห์สั่งงานรวดเร็วตามแบบฉบับของเขา
“ผมขอไปทางเบาน์เดอร์ตั้งแต่ตรวจการณ์พบที่ตั้งปืน 82 ของมันแล้ว เบาน์เดอร์ก็บอกให้รอเครื่องจากนาซู ไม่เห็นมาซักที นี่ก็เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว น่ากลัวเครื่องจะไปทำงานอยู่ทางปากเซแน่ๆ”
เสียงวี้ดของหางนำทิศปืนใหญ่ ได้ดังกังวาลแหวกอากาศเข้ามาอีก คราวนี้มันเล่นงานเสาอากาศแบบทรีท็อปที่สูงตระหง่านอยู่โค่นลงมาทันที หลังคาของบังเกอร์พนักงานวิทยุที่สร้างอย่างแข็งแรงทลายลงเหมือนกับโดนซุงขนาดใหญ่กระทุ้ง เดชะบุญที่พนักงานหิ้ววิทยุออกมาตรวจการณ์อยู่ข้างนอกกับ ผบ.พัน มิฉะนั้นแล้วจะต้องโดนฝังทั้งเป็นไปพร้อมๆกับบังเกอร์ที่ถล่มทลายไปสดๆร้อนๆ นั่นเอง
“ทหารปืนใหญ่ตาย 2 คน บาดเจ็บแขนขาดอีก 2 คน ให้แฟ็กช่วยเรียกชอปเปอร์มารับด้วยครับ”
ทหารรับจ้างชั้ย ผบ.หมวดคนหนึ่งตะโกนฝ่าเสียงระเบิดขึ้นมา
ผมติดต่อขอชอปเปอร์จาก บก.ทันที และทาง บก.ก็ย้ำมาว่าจะพยายามส่งชอปเปอร์มารับผู้บาดเจ็บทันทีที่การระดมยิงของข้าศึกเบาบางลง
ฐานแคนเดิ้ลหมดปัญญาที่จะสนับสนุนพวกเรา แล้ว เพราะที่หมายของที่ตั้งปืนใหญ่ของข้าศึกตั้งอยู่กลางถ้ำหิน มองเห็นแต่ประกายควันตอนมันพ่นกระสุนออกจากลำกล้องเพียงเบาบางเท่านั้น
ปืนของมันเริ่มซัลโวที่ตั้งฐาน บก.พันของเราถี่ยิบ จนกองสิงห์เอะใจ สั่งให้ทหารตรวจการณ์บริเวณนอกรั้วลวดหนามอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะลักษณะการยิงเช่นนี้ เป็นการยิงสนับสนุนกลุ่มทหารราบของพวกมันให้เข้าตีฐานเรานั่นเอง
“ข้าศึกประมาน 2 กองร้อย กำลังมุ่งหน้าจากพิกัด 734635 ขึ้นมาบริเวณอานม้า ช่วยให้ แคนเดิ้ลยิงทำลายด้วยครับ”
ผบ.หมวด 5 กองร้อยที่ 2 ซึ่งเป็นหมวดระวังป้องกันส่วนหน้าสุด ซึ่งอยู่ที่ต่ำจากเนินหัวช้างตรงบริเวณทางแยกขึ้นเนินสกายไลน์ส่งข่าวให้ บก.พันทราบในทันทีทันใดที่ตรวจการณ์พบข้าศึกกำลังมุ่งหน้าเข้ามา
“จากแคนเดิ้ล ผมกำลังฟังอยู่แล้วครับ ขอย้ำอีกครั้งว่าเป้าหมายคือทหารข้าศึกที่พิกัด 734635 ถูกต้องไหมครับ”
“ถูกต้องแล้วครับ รีบปล่อยมาเร็วๆหน่อยครับ พวกมันใกล้เข้ามาแล้ว”
ผบ.หมวดที่ 5 ของกองร้อยที่ 2 ที่ถูกแยกกำลังพลออกไปตั้งฐานโดดเดี่ยวละล่ำละลักขอความช่วยเหลือจากฐานปืนใหญ่ด้วยความตกอกตกใจ
“ปล่อยมาแล้ว ช่วยตรวจให้ด้วย”
“ซ้าย 300 ลด 400 โอเคมั้ยครับ”
“รับข่าวถูกต้องครับ ซ้าย 300 ลด 400 โปรดรอสักครู่ ผมจะส่งของขวัญมาให้พวกมันอีก”
“แคนเดิ้ลจากศรแดง ขณะนี้ข้าศึกเคลื่อนที่ผ่านอานม้ามุ่งหน้าขึ้น บก.พันแล้วครับ ช่วยยิงคุ้มกันกองพันให้ผมด้วย”
“ทหารทุกคนเตรียมพร้อม ยิงทันทีเมื่อเห็นตัวข้าศึก ขณะนี้ปืนจากฐานต่างๆสนับสนุนเราไม่ได้แล้ว เพราะข้าศึกเคลื่อนที่เข้าประชิดฐานของเรา จนปืนใหญ่ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะกลัวลูกกระสุนจะชอร์ทถูกพวกเดียวกัน”
กองสิงห์ออกคำสั่งอย่างเฉียบขาดพร้อมับหันมากระซิบกับผมเบาๆว่า
“อย่าหวังเลยครับเครื่องบินจากนาซู พอฐานกองพันทหารรับจ้างเข้าตาจนทีไร มักจะมีอุปสรรคอย่างนี้ทุกที ผมจะฟัดมันด้วยอาวุธเท่าที่มีอยู่ในกองพัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ บิ๊กแมนอย่าโผล่ศรีษะขึ้นมาพ้นแนวกระสอบทรายนะครับ”
กองสิงห์อดที่จะเป็นห่วงเป็นใยในความปลอดภัยของผมไม่ได้
“ค.60 ทั้งสองกระบอกตั้งทิศทางการยิงไปที่เนินอานม้า มุม 70 องศา ยิงทันทีเมื่อข้าศึกโผล่ขึ้นมาทางด้านนั้น”
เสียงสั่งการโหวกเหวกดังให้แซ่ดไปหมด ในวิทยุสนามแบบ HT-2 ที่รับฟังได้ทั้ง 3 กองร้อย
เสียงปืนอาร์ก้าเริ่มคำรามจากเนินอานม้าเข้าให้แล้ว จากกล้องสนามที่ผมยื่นออกจากช่องกระสอบทรายสามารถมองเห็นข้าศึกที่ยืนลับๆล่อๆอยู่ ณ บริเวณแมกไม้อย่างชัดเจน
“โอ้โห รูปร่างของมันไม่ใช่เล็กๆเหมือนคนญวนทั่วเลยนี่ครับ ใหญ่โตสูงขาวเหมือนกับคนจีนเลยทีเดียว ผมว่าจีนแดงแหงๆเลยครับ”
“ผมคิดว่า พวกจีนแดงคงจะส่งผู้เชี่ยวชาญทางวัตถุระเบิด หรือไม่ก็ผู้วางแผนทางยุทธวิธีมาร่วมประสานงานกับกองพันทหารเวียดนามเหนือตามโครงการช่วยเหลือที่มีต่อกัน ไอ้ตัวที่คุณบิ๊กแมนส่องกล้องมองเห็นตะกี้นี้ ต้องเป็นตัวชั้นหัวกระทิอย่างแน่นอน”
กองสิงห์เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับสั่งการทางวิทยุต่อไป
“อาวุธทุกชนิด ยิงลงไปทางรั้วลวดหนามด้านเนินอานม้า ประสานการยิงอย่าให้พวกมันเคลื่อนที่เข้ามายิงได้”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำสั่งของ ผบ.พัน เสียงระเบิดนานาชนิดก็เซ็งแซ่ขึ้นรอบด้าน ห่ากระสุนนับเป็นหมื่นๆนัด ตัดกิ่งไม้บริเวณเนินอานม้าขาดปลิวว่อนกระเด็นไปทุกทิศทุกทาง บางครั้งมีเสียงระเบิดของปืนจรวดแม็กนีโตแบบเอ็ม 72 ดังแทรกขึ้นกลบปืนเล็กกลต่างๆให้เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
ข้าศึกเคลื่อนที่เข้ามา ประสพกับการยิงต้านทานอย่างชนิดถวายหัวเข้า ก็ไม่สามารถที่จะรุกคืบหน้าเข้ามาได้ การยิงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน และทวีความเหี้ยมเกรียมยิ่งขึ้นทุกที
ผมมองเห็นประกายไฟวาบบนเนินอานม้า พร้อมกับมีเสียงระเบิดดังสนั่นเหมือนกับฟ้าผ่าตรงบริเวณรั้วลวดหนามที่อยู่ใกล้ บก.พันที่สุด อำนาจของระเบิดส่งลวดหนามทั้งแผงกระเด็นขึ้นมากองเป็นกระจุกอยู่บนคังคาบังเกอร์ของหมวดพยาบาล นอกจากนั้น แรงระเบิดของมันยังตัดสายเคโม (กับระเบิด) ที่ทหารฝ่ายเราวางดักข้าศึกเอาไว้จนขาดกระจุยกระจายไปจนหมดสิ้น
ประกายไฟวาบที่สองได้ติดตามมาอีกครั้ง คราวนี้วิถีกระสุนของมันพุ่งเข้าปะทะร่องสนามเพลาะ อำนาจทะลุทะลวงของมัน แหวกร่องสนามเพลาะออกเป็นช่องพร้อมกับระเบิดเสียงสนั่นหวั่นไหว ส่งร่างของทหารรับจ้างที่อยู่ห่างจากหลุมเพลาะของผมออกไปทางซ้ายมือประมาน 25 เมตร ลอยกระเด็นขึ้นมาพาดค้างอยู่บนแนวกระสอบทราย พระเจ้าช่วย... ท่อนบนของทหารรับจ้างคนนั้นขาดหายไปเสียแล้ว
“ผู้พันครับ พวกมันเอา ปรส. (ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง) ขึ้นมาตั้งกระหน่ำเราบนเนินอานม้าแล้ว ตัดสินใจให้ปืนใหญ่จากแคนเดิ้ลยิงเถอะครับ ผู้พัน แม้จะใกล้ฐานก็ต้องเสี่ยงกันละครับ”
รอง ผบ.ร้อย 3 ตะโกนฝ่าเสียงระเบิดเข้ามา
“ให้ทหารลงหลุมให้หมด ก้มหน้าลงให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้ อั้วจะให้แคนเดิ้ลยิงเดี๋ยวนี้”
กองสิงห์กัดกรามพูดพร้อมกับตัดสินใจ เพื่อความอยู่รอดของลูกน้อง สั่งยิงปืนใหญ่ทันที
เนื่องจากเนินอานม้า เป็นเนินที่ทหารของกองพันผมใช้เป็นที่ตรวจการณ์ พิกัดของเนินดังกล่าวขึ้น “สกอร์บอร์ด” อยู่ที่ฐานปืนใหญ่แคนเดิ้ลเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้เนินอานม้าจะอยู่ห่างจากฐานของเราเพียง 100 เมตร เพื่อความอยู่รอด ปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ลตัดสินใจยิงทันที
เหมือนกับพระเจ้าช่วย 3 นัดแรกของแคนเดิ้ลตกลงบนที่หมายพอดิบพอดี จะมีอะไรเหลือครับ แรงระเบิดของกระสุนขนาด 155 มม. ส่งทั้งปืนและพลยิงกระเด็นหายไปจากตาเหมือนกับถูกมือยักษ์กระชากออกจากกัน อีก 2 ลูกชอร์ท ตกลงข้างๆ
เดชะบุญ กระสุนด้าน ทำให้ทหารรับจ้างที่อยู่ในคูเหลดเผ่นโกยอ้าว กระโจนไปแย่งหลุมบุคคลที่เพื่อนๆทหารบางคนซุกตัวหมอบอยู่ก่อนแล้ว ด้วยความตกใจอย่างสุดขีด ท่ามกลางเสียงโวยวายของเพื่อนฝูงที่อยู่ดีๆก็มีร่างมนาญ์กระโจนทับมาบนศรีษะ เล่นเอาเพื่อนฝูงที่อยู่ข้างๆอดที่จะหัวเราะมิได้
พอ ปรส. กระบอกที่ ข่ม กองพันของเรา ถูกอำนาจปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ลยิงกระจุยกระจายพังพินาศไปต่อหน้าต่อตาของบรรดาทหารรับจ้าง ทำให้ขวัญกำลังใจที่เขม็งเกลียวเต็มที่ของทหารเหล่านั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างทันตาเห็น
เสียงรัวอย่างถี่ยิบของปืนกลเบาแบบเอ็ม. 60 จากฝีมือของ “เจ้าดำ” อดีตช่างตัดผมฝีมือเยี่ยม แต่ใจร้อนในอดีตที่มือไว ใช้มีดโกนปาดคอคู่อริในสถานอาบอบนวดจนห้อยร่องแร่ง เลยต้องเผ่นหนี ทิ้งปัตตาเลี่ยนเปลี่ยนอาชีพเป็นนักล่าหัวมนุษย์ โดยไม่ผิดกฏหมายอยู่ในสมรภูมิลาว จะว่าไปแล้ว เจ้าดำก็มีศิลปะที่มือก็เหลือเดา ฝีมือการยิงปืน เอ็ม.60 ของเจ้าดำเข้าขั้นจริงๆ หลายสิบศพทีเดียวที่ผมแลเห็นฟุบไปกับตา ณ บริเวณรั้วลวดหนาม
“ผู้พันครับ ผมขออนุญาตออกไปจวกกับมันนอกลวดหนามได้ไหมครับ ผมทนไม่ใหวแล้ว ปล่อยให้พวกมันหลอกล่อพวกเราอยู่ได้”
ส.ท. มนตรี วีระศิริ หัวหน้าหน่วยกล้าตายของกองพันทหารรับจ้างตะโกนฝ่าเสียงระเบิดขึ้นมาด้วยความโมโหสุดขีด
“ใจเย็น ไอ้ตรี ประเดี๋ยวเอ็งได้ฆ่าพวกมันแน่ๆ รอให้มันโงหัวไม่ขึ้น เพราะอำนาจปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ลสักประเดี๋ยวก่อน อั๊วจะอนุมัติให้พวกเอ็งลงไปล่าให้ชุ่มมือทีเดียว”
กองสิงห์เตือนสติลูกน้องคนโปรดของเขา ซึ่งหมอบคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางจงรักภักดีสุดชีวิต
ปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ล ตัดสินใจยิงถล่มบริเวณนอกรั้วลวดหนามของฐานปฏิบัติฝ่ายเราอีก
ตั้งแต่ผมใช้ชีวิตเป็นทหารรับจ้างอยู่ในลาวมา 3-4 ปี ก็ในวันนี้แหละครับที่ผมเห็นฝีมืออย่างแท้จริงของปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ล แต่ละนัดแต่ละชุดที่กระสุนปืนใหญ่บรรจงปล่อยมาจากฐานปืนที่ล่องแจ้งตกลงบนที่หมายเกือบ 90 เปอร์เซนต์
ข้าศึกเริ่มระส่ำระสายแล้ว บางคนเริ่มหันรีหันขวาง ทำท่าจะถอนตัวออกจากบริเวณรั้วลวดหนามท่าเดียว โผล่หัวขึ้นมาจากหลุม พอลูกปืนใหญ่กระทบพื้นก้หดหัวลงไปอีก เอาเถิดเอาล่ออยู่เช่นนี้จนกระทั่งกองสิงห์ตัดสินใจส่งหน่วยกล้าตายออกกวาดล้างทันที
ส.ท. มนตรีพร้อมด้วยลูกน้องของเขาอีก 14 คนคลานด้วยข้อศอกออกจากคูสนามเพลาะ ท่มกลางการยิงคุ้มกันของปืนกลเบาแบบเอ็ม.60 ทั้งสองกระบอกที่สาดห่ากระสุนไปยังกลุ่มทหารเวียดนามเหนือที่ซุกตัวหมอบนิ่งอยู่กับก้นหลุมเบื้องหน้า
หน่วยกล้าตายทั้ง 15 คน คลืบคลานเข้าหาหลุมบุคคลที่ทหารเวียดนามเหนือซุกซ่อนอยู่ ด้วยความบ้าดีเดือด ชนิดที่ผมตรวจการณ์อยู่ตลอดเวลาด้วยกล้องสนาม อดที่จะเสียวขนหัวแทนมิได้
ยิ่งใกล้ข้าศึกเข้าไปเท่าใด อาวุธทุกชนิดกระหน่ำยิงประสานกันลงไปอย่างหูดับตับไหม้ เป็นที่น่าสังเกตุว่า วิถีกระสุนของฝ่ายเราสูงขึ้นทุกที ทั้งนี้เป็นไปตามแผนของกองสิงห์ที่เกรงกระสุนจะถูกพวกเดียวกันนั่นเอง
จากกล้องสนามผมแลเห็นมนตรีทำสัญญาณให้ลูกน้องของเขาผุดลุกขึ้นจากท่าคืบคลาน ปลดสลักนิรภัยโยนลูกระเบิดลงไปในหลุมบุคคลที่ทหารเวียดนามเหนือซุกซ่อนอยู่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับกลิ้งตัวหลบสะเก็ดระเบิดไปคนละทิศละทาง
เสียงระเบิดของลูกระเบิดมือได้ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นพร้อมๆกัน ทหารเวียดนามบางคนที่รอดตายจากอำนาจสะเก็ดระเบิดก็เผ่นขึ้นจากหลุม ก็พอดีกับวิ่งเข้ามาในทิศทางปืนของหน่วยกล้าตายที่รอจังหวะอยู่แล้ว
ฉากการดวลระหว่างอาร์ก้ากับปืนเอ็ม.16 ก็ได้เปิดฉากขึ้นในระยะประชิดตัว ใครยิงก่อนก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ แน่นอนเหลือเกิน การสาดกระสุนเข้าหากันก็เหมือนสาดน้ำรดกัน ย่อมมีการเจ็บการตายด้วยการทั้งสองฝ่าย หน่วยกล้าตายเป็นฝ่ายได้เปรียบ ที่เปิดฉากการโจมตีขึ้นก่อน ทำให้ข้าศึกตกอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อม ยอดการสูญเสียจึงมากกว่าฝ่ายเราอย่างเทียบกันไม่ได้
ชัยชนะตกเป็นของหน่วยกล้าตายอย่างเด็ดขาด ข้าศึกเผ่นลงไปจากเนินอานม้าจนหมดสิ้น ภารกิจต่อไปของหน่วยกล้าตายก็คือรวบรวมเอกสารจากศพทหารเวียดนามเหนือ พร้อมกับยึดอุปกรณ์สื่อสารได้บางส่วนและไม่ลืมที่จะหามศพเพื่อนร่วมทีมที่ต้องเสียชีวิตในการประจัญบานเลือดท่วมไป 4 คน ขึ้นมาด้วย
กองสิงห์สั่งทหารอีก 4 หมวดลงไปคุ้มกันหน่วยทหารกล้าตายทันที ต่อจากนั้นก็ส่งข่าวการปฏิบัติให้ทาง บก.ล่องแจ้งทราบโดยด่วน
ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เวลาปาเข้าไปตั้ง 16.45 น. เข้าไปแล้ว ชอร์ปเปอร์ 3 ตัว บินลิ่วมาทางเม็นแล้มมองเห็นลิบๆอยู่เบื้องล่าง
“บอกให้คนเจ็บเตรียมตัวด้วยครับ ชอปเปอร์มารับแล้ว คนตายก็เตรียมเอาไปด้วย ประเดี๋ยวชอปเปอร์เที่ยวสุดท้ายจะนำถุงใส่ศพติดมาด้วย”
ผมตะโกนบอกทหารรับจ้างที่สาละวนดัดแปลงรั้วลวดหนามและซ่อมแซมสิ่งสลักปรักพังอยู่รอบด้าน
การขนส่งทหารผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้ผ่านพ้นไปแล้วอย่างเรียบร้อย กองสิงห์สั่งเพิ่มยามในการตรวจตราฐานปฏิบัติการเป็นสองเท่า พร้อมกับกำชับให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ
จะมีอะไรที่น่ากลัวเกิดขึ้นหรือเปล่า ภายในคืนนี้ไม่มีใครอ่านแผนยุทธวิธีของพวกมันออกหรอกครับ มีวิธีเดียวก็คือ พร้อมอยู่ตลอดเวลาที่จะรับมือพวกมันนั่นแหละ คือวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 30, 2015, 04:25:44 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11701 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2015, 04:36:39 PM »

ตลาดปืนมือ 2 วันนี้ http://2013.gun.in.th/index.php?board=6.25  (อย่าลืมสมัครสมาชิกด้วยครับ)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11702 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2015, 04:38:55 PM »

 สมิง วังม่วง สบายๆครับ เจอกันทักทายกันตามประสา ได้น่ะครับ ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 31, 2015, 10:40:04 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11703 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2015, 10:41:17 AM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือแค่ฟังคนอื่นเขามา"

กองพันมรณะ ตอนที่ 12
ผมเผ่นพรวดเดียวออกมานอกบังเกอร์ แต่ไม่เร็วไปกว่ากองสิงห์ ซึ่งขณะนี้คว้ากล้องสนามตรวจการณ์บริเวณเนินทันเดอร์อย่างเอาใจใส่ แล้วหันมาพูดกับผมเบาๆว่า
“พวกมันลาก ปืน ค. 82 จากสนามบินซำทอง ขึ้นมาตั้งฐานยิงบนเนินทันเดอร์แล้วครับ อ่านไต๋มันไม่ออกเลยว่ามันจะเล่นงาน 604 หรือกองพันเราแน่ ผมไม่รอมันละ”
กองสิงห์หันไปออกคำสั่งกับ ผบ.หมวดอาวุธหนักที่ยืนอยู่ข้างๆทันที
“กองจันทร์ เตรียมปืน ค. 4.2 ยิงไปที่เนินทันเดอร์ ตรงบริเวณที่ตรวจการณ์หน้าของเราตรวจพบข้าศึกเดี๋ยวนี้ ปรับทางปืนด้วยตนเอง เพราะมองเห็นที่หมายชัดมาก พร้อมแล้วซัดเลย เอาลูกควันก่อนนะ”
“ปืน 4.2 ระยะยิง 4 ก.ม. ที่หมายกลุ่มข้าศึกและปืน ค.แบบ 82 พร้อมยิงได้”
กองจันทร์ออกคำสั่งให้ลูกน้องหมวดอาวุธหนักที่ขณะนี้กำลังสาละวนวัดระยะหามุมการยิงกันชุลมุนวุ่นวาย
ปืนของเรายังไม่ทันยิงเลยครับ ปืนของข้าศึกที่อยู่บนเนินทันเดอร์ก้เล่นงานพวกเราเข้าให้แล้ว มีเสียงดังตุ้งเบาๆ ต่อจากนั้นชั่วอึดใจ ก็มีเสียงวี้ดข้ามฐานของเราเลยไปตกบริเวณหุบเขาเบื้องล่าง พร้อมกับเสียงระเบิดดังก้องหุบเขา เสียงสะท้อนของมันบาดจิตรบาดใจเข้าไปในหัวสมอง
“เร็วๆเข้าโว้ย ปล่อยให้พวกมันจวกเราอยู่ได้”
กองสิงห์ ตะโกนขึ้นอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับหันไปสั่งการให้พนักงานวิทยุร้องขอปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ลช่วยยิงสนับสนุนอีกด้านหนึ่ง
มีเสียงดังตุ้งติดตามมาอีกเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ตำบลกระสุนตกเขยิบขึ้นมาอยู่บนแนวลวดหนามข้างหน้าสุด ห่างฐานปฏิบัติการของเราเพียง 100 เมตรเท่านั้น
“เฮ้ย ลงคูเหลดให้หมดโว้ย มันปรับปืนเข้าใส้ไปเลย ประเดี๋ยวเถอะมึงเอ๊ย ไม่เบิร์มใครก็เบิร์มใครต้องป่นปี้กันบ้างล่ะ ครอบยากจะลองก็เชิญตามสบาย”
รอง ผบ. 403 ตะโกนออกคำสั่งให้ลูกน้องลงหลุม
เสียงคำรามหนักแน่น ของปืน ค 4.2 ของฝ่ายเราที่เริ่มปล่อยกระสุนควันออกเป็นนัดแรก เพียงชั่วครู่ควันสีขาวก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ณ บริเวณเนินทันเดอร์มองเห็นด้วยตาเปล่าอย่างถนัดชัดเจน
“ระยะใช้ได้ แต่ต้องเพิ่มไปทางขวาอีก 400 เมตร คราวนี้เอาลูกสังหารเลย”
กองจันทร์ตะโกนสั่งลูกน้องของเขาอีกครั้ง
เสียงคำรามของลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ความดังของมันมิผิดเพี้ยนกับเสียงของลูกระเบิดที่ทิ้งจาก F-105 ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวจากทางเมืองล่องแจ้ง ชั่วอึดใจก้มีเสียงวี้ดข้ามศรีษะพวกเราไปทางเนินทันเดอร์ พร้อมกับมีควันสีขาวรวมกลุ่มกันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ณ จุดที่อยู่ห่างจากที่ตั้งข้าศึกเพียง 200 เมตร
“ศรแดงจากแคนเดิ้ล เป็นอย่างไรบ้างครับ ของขวัญจากแคนเดิ้ล ช่วยปรับให้ด้วยครับ”
กองสิงห์หันไปเอื้อมมือคว้าปากพูดหูฟังของเจ้า “ปิ๊ค 77” ที่ดังกังวานอยู่ใกล้ๆขึ้นมาทันที กดวิทช์ที่อยู่ข้างหูฟัง กรอกคำพูดไปยังฐานปืนแคลเดิ้ลอย่างรวดเร็ว
“โอเค จากศรแดง ลด 200 เมตร ขอลูกสังหาร 1 ชุดใหญ่ ช่วยโยกซ้ายโยกขวาให้ด้วยครับ”
“โอเคครับ ลด 200 เมตร ยิงแบบจังหวะหนังตะลุง รอประเดี๋ยวนะครับ”
พนักงานวิทยุขี้เล่นจากแคนเดิ้ลสวนคำพูดมาในทันทีทันใด
“เฮ้ย ไอ้พวกมือปืนขี้เท่อ พวกเองหยุดยิงได้แล้ว ยิงภาษาอะไรกันวะ ห่างตั้งเกือบครึ่งกิโล”
กองสิงห์หันไปตะโกนด่าหมวดอาวุธหนักท่ามกลางเสียงหัวเราะครืนใหญ่ของกลุ่มทหารรับจ้างที่รู้ “กำพืด” ของทหารหมวดอาวุธหนักแตละคนว่า “ติดกัญชา” กันจนงอมแงมจนทำอะไรดูอืดอาดไปหมด
“ปล่อยมาแล้วครับ โยกซ้ายโยกขวาพร้อมๆกันทั้งสองกระบอก ช่วยตรวจมาให้ด้วยคร้าบ”
คราวนี้ตำบลกระสุนตกของปืนใหญ่ตกลงกลางที่ตั้งปืนของข้าศึกพอดิบพอดี ได้ยินเสียงระเบิดดังแทรกซ้อนขึ้นมาติดๆกัน 4-5 ครั้ง
“ลูกปืน ค ของพวกมันถูกอำนาจระเบิดหมดเกลี้ยงเลยครับ แบบนี้ปืนของมันพังแน่นอน”
ตรวจการณ์หน้าซึ่งซ่อนพลางอยู่บนยอดเนิน “อานม้า” ส่งข่าวเข้า บก.พัน
“แคนเดิ้ลจากศรแดง ปืนของข้าศึกถูกทำลายแล้ว หมดภาระกิจยิง ขอบพระคุณมากครับ มีเหตุการณ์ผมจะร้องขอไปอีก”
“ศรแดงจากแคนเดิ้ล มีอะไรบอกมาเลย สวัสดีครับ”
เสียงคำพูดของพนักงานวิทยุจากแคนเดิ้ลยังไม่ขาดคำก็ปรากฎเสียง วี้ด วี้ด ดังแหลมยาวอยู่บนท้องฟ้า พอสิ้นเสียงของมัน ก็ปรากฏเสียงระเบิดกึกก้องหลังบังเกอร์วิทยุ บก.พัน
ทั้งควันระเบิดและฝุ่นกระเด็นคลุ้งไปหมด กลุ่มทหารรับจ้างที่นั่งกันหน้าสลอนอยู่บนแนวกระสอบทราย ต่างก็พากันเผ่นหัวซุกหัวซุนลงคูเหล็ดชนิดยอมเจ็บตัวกันเลยทีเดียว
กองสิงห์ ยกเท้าถีบกลางหลังผมหล่นวูบลงไปในหลุมเพาะที่ขุดไว้อยู่ข้างๆ พร้อมกับพุ่งตัวลงมาหมอบอยู่ข้างๆผม
“ปืนใหญ่ 130 มม.ของมันแน่นอน คงจะยิงมาจากซำทอง คราวนี้เห็นจะแย่ครับ เพราะเราตรวจการณ์ไม่เห็นที่ตั้งของมันเลย คุณรีบขอเครื่องบินไปก็แล้วกัน”
กองสิงห์สั่งงานรวดเร็วตามแบบฉบับของเขา
“ผมขอไปทางเบาน์เดอร์ตั้งแต่ตรวจการณ์พบที่ตั้งปืน 82 ของมันแล้ว เบาน์เดอร์ก็บอกให้รอเครื่องจากนาซู ไม่เห็นมาซักที นี่ก็เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว น่ากลัวเครื่องจะไปทำงานอยู่ทางปากเซแน่ๆ”
เสียงวี้ดของหางนำทิศปืนใหญ่ ได้ดังกังวาลแหวกอากาศเข้ามาอีก คราวนี้มันเล่นงานเสาอากาศแบบทรีท็อปที่สูงตระหง่านอยู่โค่นลงมาทันที หลังคาของบังเกอร์พนักงานวิทยุที่สร้างอย่างแข็งแรงทลายลงเหมือนกับโดนซุงขนาดใหญ่กระทุ้ง เดชะบุญที่พนักงานหิ้ววิทยุออกมาตรวจการณ์อยู่ข้างนอกกับ ผบ.พัน มิฉะนั้นแล้วจะต้องโดนฝังทั้งเป็นไปพร้อมๆกับบังเกอร์ที่ถล่มทลายไปสดๆร้อนๆ นั่นเอง
“ทหารปืนใหญ่ตาย 2 คน บาดเจ็บแขนขาดอีก 2 คน ให้แฟ็กช่วยเรียกชอปเปอร์มารับด้วยครับ”
ทหารรับจ้างชั้ย ผบ.หมวดคนหนึ่งตะโกนฝ่าเสียงระเบิดขึ้นมา
ผมติดต่อขอชอปเปอร์จาก บก.ทันที และทาง บก.ก็ย้ำมาว่าจะพยายามส่งชอปเปอร์มารับผู้บาดเจ็บทันทีที่การระดมยิงของข้าศึกเบาบางลง
ฐานแคนเดิ้ลหมดปัญญาที่จะสนับสนุนพวกเรา แล้ว เพราะที่หมายของที่ตั้งปืนใหญ่ของข้าศึกตั้งอยู่กลางถ้ำหิน มองเห็นแต่ประกายควันตอนมันพ่นกระสุนออกจากลำกล้องเพียงเบาบางเท่านั้น
ปืนของมันเริ่มซัลโวที่ตั้งฐาน บก.พันของเราถี่ยิบ จนกองสิงห์เอะใจ สั่งให้ทหารตรวจการณ์บริเวณนอกรั้วลวดหนามอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะลักษณะการยิงเช่นนี้ เป็นการยิงสนับสนุนกลุ่มทหารราบของพวกมันให้เข้าตีฐานเรานั่นเอง
“ข้าศึกประมาน 2 กองร้อย กำลังมุ่งหน้าจากพิกัด 734635 ขึ้นมาบริเวณอานม้า ช่วยให้ แคนเดิ้ลยิงทำลายด้วยครับ”
ผบ.หมวด 5 กองร้อยที่ 2 ซึ่งเป็นหมวดระวังป้องกันส่วนหน้าสุด ซึ่งอยู่ที่ต่ำจากเนินหัวช้างตรงบริเวณทางแยกขึ้นเนินสกายไลน์ส่งข่าวให้ บก.พันทราบในทันทีทันใดที่ตรวจการณ์พบข้าศึกกำลังมุ่งหน้าเข้ามา
“จากแคนเดิ้ล ผมกำลังฟังอยู่แล้วครับ ขอย้ำอีกครั้งว่าเป้าหมายคือทหารข้าศึกที่พิกัด 734635 ถูกต้องไหมครับ”
“ถูกต้องแล้วครับ รีบปล่อยมาเร็วๆหน่อยครับ พวกมันใกล้เข้ามาแล้ว”
ผบ.หมวดที่ 5 ของกองร้อยที่ 2 ที่ถูกแยกกำลังพลออกไปตั้งฐานโดดเดี่ยวละล่ำละลักขอความช่วยเหลือจากฐานปืนใหญ่ด้วยความตกอกตกใจ
“ปล่อยมาแล้ว ช่วยตรวจให้ด้วย”
“ซ้าย 300 ลด 400 โอเคมั้ยครับ”
“รับข่าวถูกต้องครับ ซ้าย 300 ลด 400 โปรดรอสักครู่ ผมจะส่งของขวัญมาให้พวกมันอีก”
“แคนเดิ้ลจากศรแดง ขณะนี้ข้าศึกเคลื่อนที่ผ่านอานม้ามุ่งหน้าขึ้น บก.พันแล้วครับ ช่วยยิงคุ้มกันกองพันให้ผมด้วย”
“ทหารทุกคนเตรียมพร้อม ยิงทันทีเมื่อเห็นตัวข้าศึก ขณะนี้ปืนจากฐานต่างๆสนับสนุนเราไม่ได้แล้ว เพราะข้าศึกเคลื่อนที่เข้าประชิดฐานของเรา จนปืนใหญ่ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะกลัวลูกกระสุนจะชอร์ทถูกพวกเดียวกัน”
กองสิงห์ออกคำสั่งอย่างเฉียบขาดพร้อมับหันมากระซิบกับผมเบาๆว่า
“อย่าหวังเลยครับเครื่องบินจากนาซู พอฐานกองพันทหารรับจ้างเข้าตาจนทีไร มักจะมีอุปสรรคอย่างนี้ทุกที ผมจะฟัดมันด้วยอาวุธเท่าที่มีอยู่ในกองพัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ บิ๊กแมนอย่าโผล่ศรีษะขึ้นมาพ้นแนวกระสอบทรายนะครับ”
กองสิงห์อดที่จะเป็นห่วงเป็นใยในความปลอดภัยของผมไม่ได้
“ค.60 ทั้งสองกระบอกตั้งทิศทางการยิงไปที่เนินอานม้า มุม 70 องศา ยิงทันทีเมื่อข้าศึกโผล่ขึ้นมาทางด้านนั้น”
เสียงสั่งการโหวกเหวกดังให้แซ่ดไปหมด ในวิทยุสนามแบบ HT-2 ที่รับฟังได้ทั้ง 3 กองร้อย
เสียงปืนอาร์ก้าเริ่มคำรามจากเนินอานม้าเข้าให้แล้ว จากกล้องสนามที่ผมยื่นออกจากช่องกระสอบทรายสามารถมองเห็นข้าศึกที่ยืนลับๆล่อๆอยู่ ณ บริเวณแมกไม้อย่างชัดเจน
“โอ้โห รูปร่างของมันไม่ใช่เล็กๆเหมือนคนญวนทั่วเลยนี่ครับ ใหญ่โตสูงขาวเหมือนกับคนจีนเลยทีเดียว ผมว่าจีนแดงแหงๆเลยครับ”
“ผมคิดว่า พวกจีนแดงคงจะส่งผู้เชี่ยวชาญทางวัตถุระเบิด หรือไม่ก็ผู้วางแผนทางยุทธวิธีมาร่วมประสานงานกับกองพันทหารเวียดนามเหนือตามโครงการช่วยเหลือที่มีต่อกัน ไอ้ตัวที่คุณบิ๊กแมนส่องกล้องมองเห็นตะกี้นี้ ต้องเป็นตัวชั้นหัวกระทิอย่างแน่นอน”
กองสิงห์เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับสั่งการทางวิทยุต่อไป
“อาวุธทุกชนิด ยิงลงไปทางรั้วลวดหนามด้านเนินอานม้า ประสานการยิงอย่าให้พวกมันเคลื่อนที่เข้ามายิงได้”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำสั่งของ ผบ.พัน เสียงระเบิดนานาชนิดก็เซ็งแซ่ขึ้นรอบด้าน ห่ากระสุนนับเป็นหมื่นๆนัด ตัดกิ่งไม้บริเวณเนินอานม้าขาดปลิวว่อนกระเด็นไปทุกทิศทุกทาง บางครั้งมีเสียงระเบิดของปืนจรวดแม็กนีโตแบบเอ็ม 72 ดังแทรกขึ้นกลบปืนเล็กกลต่างๆให้เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
ข้าศึกเคลื่อนที่เข้ามา ประสพกับการยิงต้านทานอย่างชนิดถวายหัวเข้า ก็ไม่สามารถที่จะรุกคืบหน้าเข้ามาได้ การยิงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน และทวีความเหี้ยมเกรียมยิ่งขึ้นทุกที
ผมมองเห็นประกายไฟวาบบนเนินอานม้า พร้อมกับมีเสียงระเบิดดังสนั่นเหมือนกับฟ้าผ่าตรงบริเวณรั้วลวดหนามที่อยู่ใกล้ บก.พันที่สุด อำนาจของระเบิดส่งลวดหนามทั้งแผงกระเด็นขึ้นมากองเป็นกระจุกอยู่บนคังคาบังเกอร์ของหมวดพยาบาล นอกจากนั้น แรงระเบิดของมันยังตัดสายเคโม (กับระเบิด) ที่ทหารฝ่ายเราวางดักข้าศึกเอาไว้จนขาดกระจุยกระจายไปจนหมดสิ้น
ประกายไฟวาบที่สองได้ติดตามมาอีกครั้ง คราวนี้วิถีกระสุนของมันพุ่งเข้าปะทะร่องสนามเพลาะ อำนาจทะลุทะลวงของมัน แหวกร่องสนามเพลาะออกเป็นช่องพร้อมกับระเบิดเสียงสนั่นหวั่นไหว ส่งร่างของทหารรับจ้างที่อยู่ห่างจากหลุมเพลาะของผมออกไปทางซ้ายมือประมาน 25 เมตร ลอยกระเด็นขึ้นมาพาดค้างอยู่บนแนวกระสอบทราย พระเจ้าช่วย... ท่อนบนของทหารรับจ้างคนนั้นขาดหายไปเสียแล้ว
“ผู้พันครับ พวกมันเอา ปรส. (ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง) ขึ้นมาตั้งกระหน่ำเราบนเนินอานม้าแล้ว ตัดสินใจให้ปืนใหญ่จากแคนเดิ้ลยิงเถอะครับ ผู้พัน แม้จะใกล้ฐานก็ต้องเสี่ยงกันละครับ”
รอง ผบ.ร้อย 3 ตะโกนฝ่าเสียงระเบิดเข้ามา
“ให้ทหารลงหลุมให้หมด ก้มหน้าลงให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้ อั้วจะให้แคนเดิ้ลยิงเดี๋ยวนี้”
กองสิงห์กัดกรามพูดพร้อมกับตัดสินใจ เพื่อความอยู่รอดของลูกน้อง สั่งยิงปืนใหญ่ทันที
เนื่องจากเนินอานม้า เป็นเนินที่ทหารของกองพันผมใช้เป็นที่ตรวจการณ์ พิกัดของเนินดังกล่าวขึ้น “สกอร์บอร์ด” อยู่ที่ฐานปืนใหญ่แคนเดิ้ลเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้เนินอานม้าจะอยู่ห่างจากฐานของเราเพียง 100 เมตร เพื่อความอยู่รอด ปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ลตัดสินใจยิงทันที
เหมือนกับพระเจ้าช่วย 3 นัดแรกของแคนเดิ้ลตกลงบนที่หมายพอดิบพอดี จะมีอะไรเหลือครับ แรงระเบิดของกระสุนขนาด 155 มม. ส่งทั้งปืนและพลยิงกระเด็นหายไปจากตาเหมือนกับถูกมือยักษ์กระชากออกจากกัน อีก 2 ลูกชอร์ท ตกลงข้างๆ
เดชะบุญ กระสุนด้าน ทำให้ทหารรับจ้างที่อยู่ในคูเหลดเผ่นโกยอ้าว กระโจนไปแย่งหลุมบุคคลที่เพื่อนๆทหารบางคนซุกตัวหมอบอยู่ก่อนแล้ว ด้วยความตกใจอย่างสุดขีด ท่ามกลางเสียงโวยวายของเพื่อนฝูงที่อยู่ดีๆก็มีร่างมนาญ์กระโจนทับมาบนศรีษะ เล่นเอาเพื่อนฝูงที่อยู่ข้างๆอดที่จะหัวเราะมิได้
พอ ปรส. กระบอกที่ ข่ม กองพันของเรา ถูกอำนาจปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ลยิงกระจุยกระจายพังพินาศไปต่อหน้าต่อตาของบรรดาทหารรับจ้าง ทำให้ขวัญกำลังใจที่เขม็งเกลียวเต็มที่ของทหารเหล่านั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างทันตาเห็น
เสียงรัวอย่างถี่ยิบของปืนกลเบาแบบเอ็ม. 60 จากฝีมือของ “เจ้าดำ” อดีตช่างตัดผมฝีมือเยี่ยม แต่ใจร้อนในอดีตที่มือไว ใช้มีดโกนปาดคอคู่อริในสถานอาบอบนวดจนห้อยร่องแร่ง เลยต้องเผ่นหนี ทิ้งปัตตาเลี่ยนเปลี่ยนอาชีพเป็นนักล่าหัวมนุษย์ โดยไม่ผิดกฏหมายอยู่ในสมรภูมิลาว จะว่าไปแล้ว เจ้าดำก็มีศิลปะที่มือก็เหลือเดา ฝีมือการยิงปืน เอ็ม.60 ของเจ้าดำเข้าขั้นจริงๆ หลายสิบศพทีเดียวที่ผมแลเห็นฟุบไปกับตา ณ บริเวณรั้วลวดหนาม
“ผู้พันครับ ผมขออนุญาตออกไปจวกกับมันนอกลวดหนามได้ไหมครับ ผมทนไม่ใหวแล้ว ปล่อยให้พวกมันหลอกล่อพวกเราอยู่ได้”
ส.ท. มนตรี วีระศิริ หัวหน้าหน่วยกล้าตายของกองพันทหารรับจ้างตะโกนฝ่าเสียงระเบิดขึ้นมาด้วยความโมโหสุดขีด
“ใจเย็น ไอ้ตรี ประเดี๋ยวเอ็งได้ฆ่าพวกมันแน่ๆ รอให้มันโงหัวไม่ขึ้น เพราะอำนาจปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ลสักประเดี๋ยวก่อน อั๊วจะอนุมัติให้พวกเอ็งลงไปล่าให้ชุ่มมือทีเดียว”
กองสิงห์เตือนสติลูกน้องคนโปรดของเขา ซึ่งหมอบคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางจงรักภักดีสุดชีวิต
ปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ล ตัดสินใจยิงถล่มบริเวณนอกรั้วลวดหนามของฐานปฏิบัติฝ่ายเราอีก
ตั้งแต่ผมใช้ชีวิตเป็นทหารรับจ้างอยู่ในลาวมา 3-4 ปี ก็ในวันนี้แหละครับที่ผมเห็นฝีมืออย่างแท้จริงของปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ล แต่ละนัดแต่ละชุดที่กระสุนปืนใหญ่บรรจงปล่อยมาจากฐานปืนที่ล่องแจ้งตกลงบนที่หมายเกือบ 90 เปอร์เซนต์
ข้าศึกเริ่มระส่ำระสายแล้ว บางคนเริ่มหันรีหันขวาง ทำท่าจะถอนตัวออกจากบริเวณรั้วลวดหนามท่าเดียว โผล่หัวขึ้นมาจากหลุม พอลูกปืนใหญ่กระทบพื้นก้หดหัวลงไปอีก เอาเถิดเอาล่ออยู่เช่นนี้จนกระทั่งกองสิงห์ตัดสินใจส่งหน่วยกล้าตายออกกวาดล้างทันที
ส.ท. มนตรีพร้อมด้วยลูกน้องของเขาอีก 14 คนคลานด้วยข้อศอกออกจากคูสนามเพลาะ ท่มกลางการยิงคุ้มกันของปืนกลเบาแบบเอ็ม.60 ทั้งสองกระบอกที่สาดห่ากระสุนไปยังกลุ่มทหารเวียดนามเหนือที่ซุกตัวหมอบนิ่งอยู่กับก้นหลุมเบื้องหน้า
หน่วยกล้าตายทั้ง 15 คน คลืบคลานเข้าหาหลุมบุคคลที่ทหารเวียดนามเหนือซุกซ่อนอยู่ ด้วยความบ้าดีเดือด ชนิดที่ผมตรวจการณ์อยู่ตลอดเวลาด้วยกล้องสนาม อดที่จะเสียวขนหัวแทนมิได้
ยิ่งใกล้ข้าศึกเข้าไปเท่าใด อาวุธทุกชนิดกระหน่ำยิงประสานกันลงไปอย่างหูดับตับไหม้ เป็นที่น่าสังเกตุว่า วิถีกระสุนของฝ่ายเราสูงขึ้นทุกที ทั้งนี้เป็นไปตามแผนของกองสิงห์ที่เกรงกระสุนจะถูกพวกเดียวกันนั่นเอง
จากกล้องสนามผมแลเห็นมนตรีทำสัญญาณให้ลูกน้องของเขาผุดลุกขึ้นจากท่าคืบคลาน ปลดสลักนิรภัยโยนลูกระเบิดลงไปในหลุมบุคคลที่ทหารเวียดนามเหนือซุกซ่อนอยู่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับกลิ้งตัวหลบสะเก็ดระเบิดไปคนละทิศละทาง
เสียงระเบิดของลูกระเบิดมือได้ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นพร้อมๆกัน ทหารเวียดนามบางคนที่รอดตายจากอำนาจสะเก็ดระเบิดก็เผ่นขึ้นจากหลุม ก็พอดีกับวิ่งเข้ามาในทิศทางปืนของหน่วยกล้าตายที่รอจังหวะอยู่แล้ว
ฉากการดวลระหว่างอาร์ก้ากับปืนเอ็ม.16 ก็ได้เปิดฉากขึ้นในระยะประชิดตัว ใครยิงก่อนก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ แน่นอนเหลือเกิน การสาดกระสุนเข้าหากันก็เหมือนสาดน้ำรดกัน ย่อมมีการเจ็บการตายด้วยการทั้งสองฝ่าย หน่วยกล้าตายเป็นฝ่ายได้เปรียบ ที่เปิดฉากการโจมตีขึ้นก่อน ทำให้ข้าศึกตกอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อม ยอดการสูญเสียจึงมากกว่าฝ่ายเราอย่างเทียบกันไม่ได้
ชัยชนะตกเป็นของหน่วยกล้าตายอย่างเด็ดขาด ข้าศึกเผ่นลงไปจากเนินอานม้าจนหมดสิ้น ภารกิจต่อไปของหน่วยกล้าตายก็คือรวบรวมเอกสารจากศพทหารเวียดนามเหนือ พร้อมกับยึดอุปกรณ์สื่อสารได้บางส่วนและไม่ลืมที่จะหามศพเพื่อนร่วมทีมที่ต้องเสียชีวิตในการประจัญบานเลือดท่วมไป 4 คน ขึ้นมาด้วย
กองสิงห์สั่งทหารอีก 4 หมวดลงไปคุ้มกันหน่วยทหารกล้าตายทันที ต่อจากนั้นก็ส่งข่าวการปฏิบัติให้ทาง บก.ล่องแจ้งทราบโดยด่วน
ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เวลาปาเข้าไปตั้ง 16.45 น. เข้าไปแล้ว ชอร์ปเปอร์ 3 ตัว บินลิ่วมาทางเม็นแล้มมองเห็นลิบๆอยู่เบื้องล่าง
“บอกให้คนเจ็บเตรียมตัวด้วยครับ ชอปเปอร์มารับแล้ว คนตายก็เตรียมเอาไปด้วย ประเดี๋ยวชอปเปอร์เที่ยวสุดท้ายจะนำถุงใส่ศพติดมาด้วย”
ผมตะโกนบอกทหารรับจ้างที่สาละวนดัดแปลงรั้วลวดหนามและซ่อมแซมสิ่งสลักปรักพังอยู่รอบด้าน
การขนส่งทหารผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้ผ่านพ้นไปแล้วอย่างเรียบร้อย กองสิงห์สั่งเพิ่มยามในการตรวจตราฐานปฏิบัติการเป็นสองเท่า พร้อมกับกำชับให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ
จะมีอะไรที่น่ากลัวเกิดขึ้นหรือเปล่า ภายในคืนนี้ไม่มีใครอ่านแผนยุทธวิธีของพวกมันออกหรอกครับ มีวิธีเดียวก็คือ พร้อมอยู่ตลอดเวลาที่จะรับมือพวกมันนั่นแหละ คือวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้....



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 31, 2015, 03:17:25 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11704 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2015, 08:13:27 PM »

มีวิธีเดียวก็คือ พร้อมอยู่ตลอดเวลาที่จะรับมือพวกมันนั่นแหละ คือวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้....
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11705 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2015, 09:26:01 AM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา"

กองพันมรณะ ตอนที่ 13
 
เพื่อความเหมาะสม กองสิงห์ได้ออกคำสั่งให้เม้าส์แทร็ป แฟ็กประจำกองพันไปประจำอยู่ที่กองร้อยที่ 1 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ทางปีกซ้ายสุดของเนินสกายไลน์วัน ทั้งนี้เพื่อให้เม้าแทร็ปสามารถมองเห็นลักษณะภูมิประเทศรอบฐานพอที่จะแจ้งทิศทางหรือที่ตั้งของข้าศึกให้เครื่องบิน “แอร์สไตร๊ค์” ทิ้งระเบิดได้เลยโดยไม่ผิดพลาด
เม้าแทร็ปเก็บเครื่องสนามพร้อมกับบ่นออกมาเบาๆ
“ผมไม่อยากอยู่ห่างคุณเลย บิ๊กแมน สถานการณ์เช่นนี้ ผู้พันไม่น่าจะปล่อยเดี่ยวผมเลย เมื่อตอนเช้าคุณก็คงเห็นแล้ว ผมไซส์ไปหมด ขนาดพูดยังไม่เป็นภาษาคน ถ้าข้าศึกมันบุกขึ้นฐานจริงๆ ผมคงช็อคตายแน่”
ผมเอื้อมมือไปตบไหล่เม้าแทร็ปเบาๆพร้อมกับเอ่ยให้กำลังใจว่า
“ผมเห็นใจคุณครับ ผมก็เช่นเดียวกัน เวลาออกทำงานใหม่ๆตอนแรกสั่นยิ่งกว่าคุณเสียอีก แต่พอนานๆเข้ามันก็ชินไปเอง ผู้พันท่านคงเห็นว่าพื้นที่ของศรดำ (กองร้อยที่ 1) เป็นเนินลาดลงไปเบื้องล่าง ถ้าเครื่องบินมาทำงาน และเราสองคนอยู่บนชาร์ลี-ชาร์ลี มองไม่เห็นภูมิประเทสทางโน้นหรอกครับ ผมคิดว่าท่านวางแผนของท่านถูกแล้ว”
“โอเคครับ ผมถือโอกาสลาคุณเสียเลย ถ้าผมเป็นอะไรลงไป กรุณารับเงินเดือน-เดือนนี้ไปฝากให้แฟนของผมด้วย”
เม้าแทร็ปคว้าเป้ที่บรรจุ ปิ๊ค-77 ขึ้นสะพายหลังพร้อมใช้มือขวาถือคอปืน M-16 เดินออกไปจากบังเกอร์พร้อมด้วยทหารคุ้มกัน 3-4 คน มุ่งหน้าไปยังกองร้อยหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปประมาน 800 เมตรอย่างรวดเร็ว
ผมอดใจหายไม่ได้ คำพูดตอนสุดท้ายของเม้าแทร็ปยังกังวานอยู่ในสมอง มันคล้ายๆกับจะเป็นลางสังหรณ์ว่าเม้าแทร็ปจะต้องประสพเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน คงจะเป็นจิตสำนึกที่อยู่ภายในสมองของเขาบงการให้เขาพูดออกมาเช่นนั้น เหมือนกับเม้าแทร็ปจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้ายังไงยังงั้น
พาสเวิร์ด (สัญญาณผ่าน) ประจำวัน ถูกออกคำสั่งให้พลนำสารตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไป ห้ามทหารทุกคนออกเดินเพ่นพ่าน ให้อยู่ในคูเหล็ดหรือในเบิร์มเท่านั้น
ผู้มีหน้าที่เฝ้ายาม เจอะทหารรับจ้างคนใดที่ต้องเดินผ่านฐานจะต้องถามสัญญาณผ่านทันที และถ้าเกิดบังเอิญถึงคราวซวยจำรหัสไม่ได้ก็ตายฟรีเท่านั้น
ส่วนผมต้องใช้หัวนิดหน่อย เวลาปวดท้องอึจนทนไม่ใหวก็ต้องใช้วิธีตะโกนถามหายามว่าอยู่ที่ใหน
ปกติทหารรับจ้างแทบทุกคนจะต้องรู้จักยาม พอผมใด้รับคำตอบ ยามจะเดินเข้าหาผมทันที คราวนี้ผมก็นั่งอึอย่างสบายแถมมีทหารรับจ้างถือปืนคุ้มกันเป็นเพื่อนคุยซะอีก
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี “เม้าแทร็ป” ก็เช็ควิทยุมาที่ผมเป็นการยืนยันว่าขระนี้ เม้าแทร็ปเข้าฐานปฏิบัติการโดยเรียบร้อย
พระอาทิตย์เพิ่งจะลับหายไปจากสันเขาความสว่างของบรรยากาศเริ่มสลัวลงทุกขณะ ในไม่ช้าอากาศก็มืดมิดไปทั่วบริเวณ
ผมนั่งภาวนา ขออย่าให้หมอกปกคลุมสกายไลน์เหมือนอย่างทุกครั้งเลย อากาศปิดทีไรพวกข้าศึกจะฉวยโอกาสเข้ามาเกาะฐานของเราทุกที พอรุ่งเช้าอากาศเปิดพวกมันก็เต็มรั้วลวดหนามไปหมดแล้ว
“ศรแดงจากศรคีรี 5 ผมขอตะเกียง 2 ดวงครับ จะตรวจการณ์บริเวณเนินอานม้า”
ผบ.หมวดที่ 5 จากฐานชาร์ลี-เอคโค่ ซึ่งอยู่ส่วนหน้าสุด ร้องขอแฟลร์มาที่ฐาน บก.พัน
แฟลร์ที่บรรจุอยู่ในลูกปืน ค. ขนาด 81 ถูกยิงโด่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ชั่วอึดใจก็ส่องสว่างอยู่เหนือเนินอานม้าด้วยความสว่างขนาดหมื่นแรงเทียน
“ขออีกดวงหนึ่งครับ ลดซัก 300 ซ้าย 100 รับปากได้หรือปล่าวครับ”
“โอเค ลด 300 ซ้าย 100 แถมให้สองดวงติดๆกัน พยายามตรวจการณ์ให้ดีๆหน่อยเพื่อนฝูง”
พนักงานวิทยุจากหมวดอาวุธหนัก อดที่จะตอแยตามวิสัยผู้ที่ชอบเสพกัญชาไม่ได้
คราวนี้แฟลร์สองดวงถูกยิงขึ้นไปลอยฟ่องคู่กันอยู่บนท้องฟ้า แสงที่สว่างจ้าของมันสาดลงไปลามเลียภูมิประเทศเบื้องล่างสว่างไสวยังกับมีงานมหรศพ
“ข้าศึกไม่น้อยกว่า 4-5 คน กำลังลากศพพวกมันออกจากรั้วลวดหนาม แล้วเดินขึ้นไปบนเนินอานม้า ช่วยจวกให้หน่อยครับ”
ผบ.หมวด 5 รายงานขึ้นมาอีกครั้ง
“แฟลร์อีก 3 ดวงพร้อมยิงได้ ค.60 ตั้งทิศทางยิงไปที่เนินอานม้า ยิงทันทีเมื่อแฟลร์ถูกส่งขึ้นเหนือเป้าหมาย”
กองสิงห์สั่งการรวดเร็วฉับพลัน ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต่อจากนั้น ค.60 ก็เริ่มพ่นกระสุนเข้าใส่เป้าหมายเป็นชุดๆ ติดตามด้วยเสียงกราวใหญ่ของปืนกลเบา M.60 ช่วยปลุกประสาทให้กลุ่มทหารรับจ้างที่หมอบนิ่งอยู่ในแนวสนามเพลาะหูตาสว่างไสวขึ้นทันที และทหารรับจ้างบางหมวดที่อยู่ใกล้กับเนินอานม้าสามารถตรวจการณ์มองเห็นที่หมายซึ่งขณะนี้จ้าไปหมดด้วยอำนาจแฟลร์ที่ถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยไม่ขาดระยะ ก็พากันกราดปืน M-16 เข้าใส่ข้าศึกอย่างชุ่มมือ
ทหารเวียดนามเหนือได้อาศัยความมืดแฝงกายเข้ามาลากศพของพวกมัน ที่นอนระเกะระกะจากอำนาจปืนใหญ่ และจากการกวาดล้างของหน่วยกล้าตาย ซึ่งจากการสำรวจ ข้าศึกถูกสังหารถึง 38 ศพ นับเป็นการสูญเสียที่พวกมันคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
พอโดนโจมตีด้วยอาวุธหนัก พวกข้าศึกก็ผละจากบริเวณรั้วเผ่นเข้าป่าทึบทันที เสียงปืนที่เซ็งแซ่อยู่รอบทิศสงบเงียบเป็นปลิดทิ้ง
“ผู้พันครับ ไอ้แกวมันถอดเอาเคย์โมว์ (กับระเบิด) ของพวกเราไปหมดเลยครับ ผมกดสวิทช์หวังจะจวกมันปรากฏว่า พวกมันถอดเอาไปเกลี้ยง”
ทหารรับจ้างรายงานข่าวเข้า บก.พันไม่ขาดระยะ
“ส่งข่าวไปยังกองร้อยต่างๆให้ระมัดระวังด้วย อากาศทำท่าไม่ดีอีกแล้ว ถ้าอากาศปิด จะตรวจการณ์พวกมันลำบากยิ่งกว่านี้”
กองสิงห์หันไปสั่งพนักงานวิทยุให้ส่งข่าวไปยังกองร้อยต่างๆพร้อมกับกำชับให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
สายหมอกเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้นทุกที...มันเริ่มปกคลุมตั้งแต่ยอดเนินและแผ่กระจายช้าๆคลุมอาณาบริเวณเนินชาร์ลี-ชาร์ลี และบริเวณใกล้เคียงมองดูมืดทึบไปหมดทั้งภูเขา สายหมอกหนาแน่นจนกระทั่งไม่สามารถที่จะเห็นกันได้ในระยะ 10 เมตร ทำให้เพิ่มความน่ากลัวเข้าไปในหัวใจของกลุ่มทหารรับจ้างเป็นทวีคูณ
ผมนอนห่มผ้าสักหลาดสองผืนซ้อนอยู่ในบังเกอร์ที่สร้างด้วยแผ่นเหล็กหนาถึง 4 หุน แล้วนอกจากนั้นยังมีกระสอบทรายวางซ้อนอีกหลายชั้น
PRC-77 ส่งเสียงแว่วๆอยู่บริเวณหัวนอน ผมทอดสายตามองฝ่าสายหมอกลอดประตูบังเกอร์ออกไปภายนอก ก็มองเห็นแต่สีขาวโพลนไปหมดทั้งฐานปฏิบัติการ เสียงตะโกนถามรหัสผ่านจากกลุ่มทหารรับจ้างดังโหวกเหวกมาทางหมวดอาวุธหนัก ติดตามมาด้วยเสียงด่าอย่างอารมณ์เสียของทหารรับจ้างบางคนที่หิวกัญชาจนหน้ามืด
“ไอ้ห่ากระดิ่งเอาห่อเนื้อเก็บซ่อนไว้ที่ใหนโว้ย...กูเงี่ยนจนจะลงแดงตายอยู่แล้ว เฮ้ย ใครมีขอปันกูหน่อยเถอะวะ”
“มีแต่ลูกแตก...มึงจะแดกมั้ย ไอ้แทน”
ทหารรับจ้างคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างเหลือดอด
“สำหรับลูกแตกพี่ไม่ขอรับ ถ้าจะให้จั๋งหนับ...พี่ขอเปลี่ยนเป็นบ้องกัญชา”
ด้วยสำเนียงลิเกที่เล่นลูกคอพริ้วราวกับลิเกอาชีพเรียกเสียงหัวเราะคลืนใหญ่จากกลุ่มนิยมควันทั้งหลายที่รวมกลุ่มกันเวียนเทียนบ้องกัญชาไปรอบๆ คูสนามเพลาะเข้าทำนองถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน
“บิ๊กแมนหลับหรือยัง”
ผมได้ยินเสียงเม้าแทร็ปแว่วผ่านลำโพง PRC-77 ออกมา
“ใครจะหลับเข้าไปใหว ทางคุณมีอะไรผิดสังเกตุบ้างมั้ย”
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอกครับ อากาศก็ปิดขนาด ซีโร่-ซีโร่ ทีเดียว ยิงแฟร์จนเกือบหมดลังก็ตรวจการณ์อะไรไม่เห็น ตะกี้นี้มีพวกเรา กิโล-วิสกี้ (ตาย) มั่งหรือเปล่าครับ”
เม้าแทร็ปย้อนถามผมเป็นรหัส แฟ็ก มาอีก
“เนกาทีฟ (ไม่มีครับ) ขณะนี้ทางผม ซิสซูเอชั่น ไคว้ทเอ็ท (สถานการณ์เงียบ) เลิกกันนะครับ”
ผมตัดบทออกไป เพราะเกรงใจสถานีอื่นๆที่จะใช้วิทยุทำการส่งข่าวราชการในช่วงเวลานั้น
“ระวังเด้อ-บิ๊กแมน ระวังพวกแกวมันสิขึ้นมาตัดหำเจ้าเด้อ”
มีเสียงล่ามประจำกองพันใดกองพันหนึ่งที่ผมจำเสียงไม่ได้เอ่ยกระเซ้าผมขึ้นมาทางวิทยุ PRC-77
ได้ยินเสียงแว่วๆเพลงจากวิทยุทรานซิสเตอร์เล็กๆ ที่กำลังเปิดเพลงกุหลาบปากซัน ในรายการทหารแนวหน้าจากสถานีวิทยุเมืองเวียงจันทร์อย่างสบายใจ
พูดถึงเรื่องวิทยุ ผมมีข้อเปรียบเทียบที่ขอสาบานว่าไม่เคยได้ค่าโฆษณาจากบริษัทใดบริษัทหนึ่งมาก่อนเลย ผลการรับฟังวิทยุบนภูเขาในประเทสลาว วิทยุกระเป๋าหิ้วไม่ส่าจะเป็นยี่ห้อใด ที่มีราคาเป็นพันๆบาทขึ้นไปไม่ติดฝุ่น “ธานินทร์” ที่ผลิตในประเทศไทยหรอกครับ ถ้าท่านผู้อ่านไม่เชื่อก็ลองสอบถามทหารรับจ้างบางคนที่ท่านบังเอิญได้มีโอกาสสังสรรค์ดูก็แล้วกัน แล้วเขาเหล่านั้นจะบอกกับคุณเองว่า “ธานินทร์” คว้าตำแหน่งแชมป์เปี้ยนเอาไปครองอย่างชนิดเปรียบกันไม่ได้เลย ยี่ห้ออื่นๆอย่างดีก็รับสถานีเอเชียเสรีและสถานีประเทศไทยได้เป็นบางครั้งเท่านั้น พอตกกลางวันก็มีอาการจางหายจางหายจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง จนอยากจะเตะทิ้งตั้งหลายครั้งหลายครา
คงจะเนื่องจากความอ่อนเพลียที่ผจญมาตลอดวันทำให้ผมเผลอหลับไป จนกระทั่งตกใจตื่นตื่นขึ้นมาเพราะแรงกระชากตรงบริเวณแขนซ้ายจากพนักงานวิทยุประจำ บก.พัน ที่นอนอยู่ข้างๆ
“กองร้อยที่หนึ่งของเราโดนมันเข้าโจมตีแล้วครับ”
พนักงานวิทยุกระซิบกระซาบพร้อมกับเอื้อมมือหยิบไฟฉายขึ้นมาเตรียมพร้อม ที่จะรับข่าวการโจมตีจากสถานีลูกข่าย
หูของผมได้ยินเสียงอาร์ก้าคำราม เสียงแหลมเล็กผสมเผสกับเสียงหนักแน่นของปืน เอ็ม 16 ที่สาดกระสุนเข้าใส่กันเป็นพายุบุแคมจากทางด้านขวามือสุดของเนินสกายไลน์วัน จากพรายน้ำบนหน้าปัดนาฬิกา มันเกือบจะหกโมงเช้าเข้าไปแล้ว เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่หนสแน่นเริ่มจางลงไปทุกขณะ ผมเผลอตัวนอนหลับไปตั้ง 4-5 ชั่วโมงเลยเชียวหรือนี่
“บิ๊กแมนจากเม้าแทร็ป ข้าศึกประมานจำนวนไม่ถุก ตัดสายเคลย์โมว์ทะลักข้ามลวดหนามชั้นนอกเข้ามาแล้ว เสาอากาศสูงของผมหักมีแต่สายสั้น ติดต่อตรงกับเบาน์เดอร์-คอนโทรลไม่ได้ กรุณารีเลย์ให้ผมด้วย ผมต้องการให้เครื่องบินมาทำงาน บิ๊กแมนขอทางวังเวียงให้ผมด้วยครับ”
ตกลงผมก็ต้องเป็นสถานีกลาง คอยรีเลย์ข่าวให้กับเมาส์แทร็ป ซึ่งขณะนี้กำลังถูกข้าศึกไม่ปรากฏจำนวนบุกเข้าโจมตีเสียแล้ว
ทางเบาน์เดอร์ตอบให้ผมทราบว่า ได้ขอเครื่องบินไปทางวังเวียงเรียบร้อยแล้ว ถ้าสภาพอากาศดีขึ้นกว่านี้เล้กน้อย เครื่องบินจะมาทำงานทันที ผมก็ถ่ายทอดจากเบาน์เดอร์ ไปให้เม้าแทร็ป และแน่นอนเหลือเกิน ขวัญและกำลังใจของกองร้อยที่หนึ่งจะต้องดีขึ้น เมื่อรู้ว่าเครื่องบินจะมาทิ้งระเบิดใส่ข้าศึกที่กำลังประทะติดพันกันอยู่นั้น
“พายัพจากกองสิงห์ เป็นยังไงบ้างวะ ยันมันให้อยู่นะโว้ย จะให้ทาง บก.พันสนับสนุนอะไรก็ร้องขอมาได้เลย”
กองสิงห์ถามข่าวคราวจาก รองผบ. 601 ซึ่งเป็นลูกน้องคนโปรดด้วยความห่วงใยเป็นพิเศษ
“สบายมากครับ ผู้พัน ผมขึ้นมาคุม ค.60 จวกมันจนขาลากวิ่งแจวอ้าวออกไปจากรั้วลวดหนามชั้นนอกหลายต่อหลายคนแล้วครับ ขณะนี้มันซ่อนอยู่ในหลุมบุคคลซึ่งพวกมันแอบเข้ามาขุดเมื่อตอนอากาสปิดเต็มไปหมดแล้วครับ”
พายัพ พาจิตเย็น สิงห์ร้ายจากเมืองเพชรตอบเจ้านายของเขาอย่างใจเย็น
“เอาเอ็ม 72 ยิงถล่มไปตรงบริเวณปากหลุมของมันเลย ยิงประหยัดหน่อยโว้ย เหลือเอาไว้ต้อนรับรถถังของมันบ้าง”
“ผมใช้ ค.60 ค.81 และ เอ็ม 79 ยิงถล่มลงไปบริเวณหลุมของมัน แต่ไม่ค่อยจะได้ผล นอกจาก แจ็คพอร์ต จริงๆเท่านั้น”
“โชคดีโว้ย พายับ ขอให้คุณพระคุ้มครองลื้อและลูกน้องทุกคน”
อากาสแจ่มใสขึ้นทุกที ดวงอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากยอดเนินซีบร้า ประกายอันร้อนแรงของมันเริ่มเผลาผลาญสายหมอกที่ค่อนนข้างจะเบาบางอยู่นั้น จางหายไปในชั่วพริบตา
การต่อสู้ได้ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ เสียงคำรามของปืนนานาชนิดก็ยังเซ็งแซ่อยู่เหมือนเดิม ยิ่งสายเข้าท่าใด ยอดความสูญเสียของฝ่ายเราและมันก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ข้าศึกใช้ ปรส. 2 กระบอกอ้อมขึ้นไปตั้งบนเนินเล็กๆที่ทาง บก.พัน ตรวจการณ์ไม่เห็นเพราะสันเขาบัง ต่อจากนั้น ปรส. ของมันก็เริ่มบรรเลงกระสุนเข้าใส่ฐาน ชาร์ลี-กอล์ฟ อย่างเมามัน
ร่องสนามเพลาะของหมวด 5 ทะลุขาดออกเป็นช่อง แรงระเบิดของมันเฉือนศรีษะของทหารรับจ้างชาวไทยที่นั่งคุกเข่าประทับเอ็ม 16 อยู่ ณ บริเวณหลังกระสอบทรายกระเด็นแวบขึ้นไปกลิ้งอยู่หน้าบังเกอรืของเม้าส์แทร็ป ซึ่งขณะนี้ปากคอสั่น พูดวิทยุแทบไม่เป็นภาษาคน
“บิ๊กแมน เครื่องบินมาหรือยังครับ ฐานของผมเห็นทีจะต้องถอนตัวแน่ๆ ปืน ปรส.ของมัน กดหัวพวกเราจนโงหัวหัวไม่ขึ้นแล้ว”
“ใจเย็นๆ เม้าแทร็ป ขณะนี้อากาสเปิดแล้ว ประเดี๋ยวเครื่องคงมา”
ผมให้กำลังใจ พร้อมกับติดต่อไปทางเบาน์เดอร์เพื่อรายงานสถานการณ์ที่ตรึงเครียดให้หน่วยเหนือทราบ
ปรส.ของข้าศึก ดับ ค.81 ของฝ่ายเราที่สนับสนุนกองร้อยที่หนึ่งเสียแล้ว ทั้งพลยิง,พลบรรจุเผ่นหนีไปคนละทิศละทาง
สถานการณ์ของกองร้อยที่หนึ่ง ตกอยู่ในภาวะที่ถูกบีบให้ถอนตัวจากอำนาจการยิงที่รุนแรงของอาวุธหนักข้าศึกแล้ว
พายัพ พาจิตเย็น รองผบ.ร้อย สั่งทหารรับจ้างทุกคนสู้ตาย อย่างชนิดไม่ยอมถอยออกจากฐานปฏิบัติการแม้แต่ก้าวเดียว ทัศนวิศัยที่แจ่มใสจนมองเห็นทหารเวียดนามเหนือคืบคลานผ่านลวดหนามชั้นนอก เข้ามามองดูยั้วเยี้ยไปหมด
“ยิงมันเข้าไปไอ้น้อง มันจะเท่าไหร่กันวะ กว่ามันจะขึ้นมาบนฐานก็เหลือไม่กี่คนหรอก”
พายัพ ซึ่งขณะนี้เข้าไปยิง ค.60 ถล่มข้าศึกด้วยตนเอง แทนพลยิง ซึ่งนอนตาเหลือกค้างโพลงด้วยอำนาจสะเก็ดระเบิดที่ฉวัดเฉวียนอยู่รอบๆทิศ ร้องตะโกนให้กำลังใจลูกน้องของเขา ซึ่งขณะนี้กำลังระดมยิงข้าศึกอย่างชนิดลืมตาย
“เม้าแทร็ป จากบิ๊กแมน ที.28 สามเครื่องจากวังเวียงมาแล้ว...โชคดีเพื่อน”
เครื่องบิน ที-28 สามเครื่องจากวังเวียงที่ได้รับการร้องขอจากเม้าส์แทร็ปก็ได้มาถึง หลังจากบินวนเวียนอยู่ชั่วครู่ก็ติดต่อกับเม้าแทร็ป เพื่อขอทราบที่ตั้งของข้าศึกทันที...
“เม้าแทร็ปจาก ที-28 ผมจะให้สองเครื่องทางซ้ายมือแยกไปทำงาน กับที่ตั้ง ปรส.ข้าศึก ซึ่งขณะนี้ลูกหมู่ของผมตรวจการณ์พบแล้ว ส่วนผมจะทำงานให้กับคุณเดี๋ยวนี้ โปรดโชว์ควันสัญญาณ”
เม้าแทร็ปร้องตะโกนสั่งให้ทหารที่อยู่ส่วนหน้าสุดโชว์ควันสัณญาณ ทันใดนั้นเอง ควันสีแดงก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นสายมองเห็นอย่างถนัดชัดเจนในระยะทางไกลๆ
“สีแดงของคุณใช่มั้ย เม้าแทร็ป”
นักบิน ที-28 ถามลงมาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“โรเจอร์”
เม้าแทร็ปตอบเป็นรหัสขึ้นไปห้วนๆ พอขาดคำ ที-28 เครื่องนั้นก็ดำดิ่งลงมาทันที เสียงเครื่องยนต์ของมันคำรามจนแสบแก้วหูทั้งสองข้าง ลูกระเบิดขนาด 250 ปอนด์ที่อยู่ใต้ปีกถูกปลดอย่างรวดเร็วท่ามกลางความระทึกใจ ของทหารรับจ้างที่นอนตาเบิกโพลงอยู่ในหลุมเพลาะ
□□□□□□□□
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 01, 2015, 10:47:14 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11706 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2015, 10:52:09 AM »

ทดสอบ อาก้า และ เอ็ม 16 หมกโคลน https://youtu.be/9APzYqwXckw
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11707 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2015, 11:07:09 AM »

ตลาดอุปกรณ์ และส่วนควบอาวุปปืนวันนี้ แม็กกาซีนรุ่นต่างๆ http://2013.gun.in.th/index.php?board=21.0 (อย่าลืมสมัครสมาชิกด้วย)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11708 เมื่อ: สิงหาคม 02, 2015, 10:26:30 AM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือแค่ฟังคนอื่นเขามา"

 ตอนที่ 14
บึ้ม...บึ้ม
เสียงเหมือนกับฟ้าผ่าได้ดังขึ้น อย่างสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดของมันส่งรั้วลวดหนามลอยข้ามแนวสนามเพลาะขึ้นไปกองเป็นกระจุกอยู่ข้างๆ บก.ร้อย ควันไฟและเศษดินเศษหินปลิวว่อนออกไปทุกทิศทุกทาง ควันยังไม่ทันจาง ลูกระเบิดชุดอีกชุดหนึ่งก็ถูกทิ้งลงมาเป็นระลอกที่สอง
แรงสะเทือนของมัน ทำให้กระสอบทรายที่วางซ้อนกันอยู่อย่างหมิ่นเหม่ พังทลายลงทับทหารรับจ้างที่กำลังซุกตัวหมอบอยู่ในร่องคูเหล็ดจนมองไม่เห็นตัว เดือดร้อนเพื่อนฝูง ต้องรีบขุดคุ้ยออกมาอย่างปัจจุบันทันด่วน กว่าจะตลุยขนกระสอบทรายออกจากคูเหล็ดได้ ทหารเคราะห์ร้ายคนนั้นก็หมดลมเสียแล้ว
พอควันจาง ภาพที่แหลกลาญด้วยอำนาจลูกระเบิดที่บริเวณรั้วลวดหนามก็บังเกิดขึ้น
รั้วลวดหนามทั้งแถบถูกถอนรากถอนโคน หายไปจนหมดสิ้น ซากศพของข้าศึกนอนสุมกันระเกะระกะ ชิ้นส่วนบางชิ้นไม่ว่าจะเป็นแขนหรือขา ปลิวข้ามมาตกบนกึ่งกลางฐานให้เกลื่อนไปหมด ข้าศึกที่บาดเจ็บบางคนก็พยายามผงกศรีษะขึ้น แล้วก็กลับซบลงไปพื้นดินแน่นิ่งไปอีก
การเคลื่อนไหวของข้าศึกได้สะดุดลงเป็นปลิดทิ้ง และโน่น บนเนินที่ตั้ง ปรส. ไฟลุกสว่างจ้า พร้อมกับบังเกิดเสียงระเบิดรุนแรงติดตามมา 7-8 ครั้ง
อา...กระสุน ปรส. ของมันถูกอำนาจระเบิดทำลายลงหมดสิ้นแล้ว น่นอนเหลือเกิน สำหรับตัวปืน พลยิง ต่อให้มันมีปีกบินก็คงจะไปไม่รอด เพราะเท่าที่ตรวจการณ์ด้วยกล้องสนาม ยอดเนินดังกล่าวแหว่งหายไปเหมือนกับถูกของมีคมปาดเอาส่วนยอดสุดหลุดออกไปทั้งกะบิ
“เม้าแทร็ปจากที-28 ภารกิจสุดท้ายของผมจะโจมตีพื้นที่ดังกล่าวด้วยปืนกลอากาศให้ทหารระมัดระวังด้วย”
ไม่มีเสียงตอบจากเม้าแทร็ป ทำให้ผมตกใจเป็นอย่างยิ่ง รีบรายงานให้กองสิงห์ทราบทันที
“ศรดำจากกองสิงห์ ลองไปดูที่บังเกอร์ของเม้าส์แทร็ปซิ ทำไมเงียบเสียงไป”
เวลาผ่านไปชั่วอึดใจ มันเป็นเวลาที่ผมอึดอัดที่สุดในชีวิต ความห่วงใยที่มีต่อเม้าแทร็ปทำให้ผมเดินพล่านไปมาเหมือนกับเสือติดจั่น
“กองสิงห์จากพายัพ เม้าแทร็ปกำลังดื่มเป๊ปซี่อยู่ครับ”
เสียงรอง ผบ.ร้อยกล่าวตอบมาเป็นรหัสที่ผมไม่เข้าใจ
“เม้าแทร็ปเป็นอะไรไปครับ”
ผมย้อนถามไปอย่างรวดเร็ว
“เม้าแทร็ปเสียชีวิตแล้วครับ ผมยังไม่ทราบรายละเอียด ประเดี๋ยวพลนำสารจะนำรายละเอียดมาส่งที่ บก.พัน ผมเสียใจด้วยครับ แกต้องมาตายเพราะคำสั่งของผมแท้ๆ”
กองสิงห์พึมพัมออกมาด้วยความเสียใจ
ตัวของผมชาดิกไปหมดทั้งร่าง มันช่างรวดเร็วเหลือเกินคำพูดทิ้งท้ายก่อนเดินทางไป ชาร์ลี-กอล์ฟ ของเม้าแทร็ปยังก้องอยู่ในโสตประสาทของผมอยู่เสมอ เพื่อนเอ๋ย ลางสังหรณ์ของเพื่อนช่างเหมาะเหม็งอะไรเช่นนั้น ไม่มีใครฝืนดวงของตัวเองไปได้หรอก ขอให้ไปดีเถอะเพื่อนรัก
ไม่ถึงสองชั่วโมง พลนำสารก็นำรายละเอียดจากการประทะมาส่ง บก.พัน (กองสิงห์ไม่ยอมให้มีการส่งข่าวการสูญเสียยอดกำลังพลของฝ่ายเรา ทางวิทยุอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ทราบว่า ข้าศึกจะดักฟังการเคลื่อนไหวของเราอยู่ตลอดเวลาหรือไม่)
“ไอ้โค้ดลับ รหัสที่ทาง บก.ล่องแจ้งแจกให้ทุกๆครึ่งเดือน ผมไม่แน่ใจหรอกครับ จากการถามผู้หมวดสาครที่หลบหนีทหารเวียดนามเหนือมาพักอยู่กับกองพันของผมหนึ่งคืน แกเล่าว่ารหัสที่ บก.ล่องแจ้งแจกให้ รั่วไหลไปอยู่ที่มันอย่างชนิดที่ตัวแกเองแทบช็อคเอาทีเดียว ผมก็เลยต้องคิดรหัสประจำกองพันขึ้นมาเอง บางครั้งถ้าข่าวสำคัญ ก็ใช้พลนำสาร ความปลอดภัยมีมากกว่ากันครับ
กองสิงห์ พูดพร้อมกับอ่านรายละเอียดจากกองร้อยที่หนึ่งอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“เม้าแทร็ปโดนชิ้นสะเก็ดระเบิดเข้าที่หน้าผากพอดี นอนตายอยู่หน้าบังเกอร์นั่นเอง ส่วนทหารรับจ้างเสียชีวิตทั้งหมด 12 คน บาดเจ็บ 8 คน รวมทั้งเม้าแทร็ปด้วยครับ เป็นยอดจำหน่ายกำลังพลในวันนี้ 21 คนพอดีครับ”
กองสิงห์เอ่ยขึ้นมาช้าๆ พร้อมกับหันหน้ามาพูดกับผมค่อนข้างห้วนว่า
“คุณบิ๊กแมนช่วยขอชอปเปอร์ให้หน่อยครับ มีทหารอาการซีเรียสอยู่สองคน บางทีอาจจะรอด ถ้าได้รับการรักษาพยาบาลทันท่วงที”
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมติดต่อไปตั้งแต่เสียงของเม้าแทร็ปขาดหายไป ประเดี๋ยวทาง บก.ล่องแจ้งจะส่งชอปเปอร์มา 3 ตัวครับ”
ผมตอบออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อเอาใจกองสิงห์ที่กำลังเครียดอย่างหนัก เนื่องจากการสูญเสียชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชา ในการสู้รบที่ผ่านมา
“ยอดการสูญเสียอาวุธของเรามีปืน ค.81 หนึ่งกระบอก ปืนพก สองกระบอก ปืนเอ็ม.16 สี่กระบอก ส่วนข้าศึกจากการเคลียร์พื้นที่ ยึดได้วิทยุที่อยู่ในสภาพเรียบร้อย 1 เครื่อง ปืนอาร์ก้า 24 กระบอก และสามารถสังหารข้าศึกได้ 84 ศพ นอกจากนั้นยังมี ปรส.ของข้าศึกอีก 2 กระบอก ที่ถูกระเบิดพังพินาศอยู่บนเนินทางซ้ายมือสุด เอาละครับ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว มันเป็นอัตราสูญเสียที่น่าแลกกับพวกมันอย่างที่ผมพึงพอใจทีเดียวประเดี๋ยวคุณช่วยคอนโทรลชอปเปอร์ในการขนส่งผู้บาดเจ็บด้วยนะครับ”
กองสิงห์หันมากำชับผมอีกครั้ง ก่อนที่จะขอตัวกลับเข้าไปวางแผนภายในห้องยุทธการ ร่วมกับกองอินนายทหาร ฝอ.3 ต่อไป
เบาน์เดอร์-คอนโทรล เพิ่งทราบการเสียชีวิตของเม้าแทร็ปจากผมเดี๋ยวนี้เอง ทำให้ข่ายการติดต่อทางวิทยุของบรรดาล่ามประจำกองพันทหารรับจ้างเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่งด้วยความหดหู่และเสียดายเด็กหนุ่มหน้าเป็นผู้มีอัธยาศัยดีผู้นั้น
ชอปเปอร์ทั้ง 3 เครื่อง ลำเลียงทหารผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกลับลงไปล่องแจ้ง เสร็จเรียบร้อยภายใน 20 นาทีนั่นเอง
ความหิวโหยได้วิ่งเข้ามาจนปวดท้องจี้ดไปหมด ยกนาฬิกาขึ้นดู 13.40 น. เข้าไปแล้วครับ อย่าว่าแต่อาหารมื้อเที่ยงเลยครับ มัวแต่พะวงคอยเป็นสถานีกลางให้เม้าแทร็ปติดต่อกับเบาน์เดอร์จนกระทั่งลืมกินอาหารไปอย่างสนิทใจ
ชะรอยพ่อครัว บก.พัน คงจะรู้ใจ รีบตักเอาข้าวราดหน้าหมูเค็มจานเบ้อเร่อ มายัดเยียดให้ผมถึงในบังเกอร์ เพียงพริบตาอาหารจานนั้นก็เรียบวุธ
“ศรแดงจากศรคีรี5 ขอลูก ค.60 ให้ผมซัก 10 หีบได้ไหมครับ ช่วยให้ ฝอ.4 ส่งให้เดี๋ยวนี้ด้วย กระสุน ค.60 ของผมชักจะชอร์ทเต็มทีแล้ว”
หมวดป้องกันหน้าสุดที่ตั้งอิสระอยู่ ณ ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน ร้องขอกระสุนปืนขึ้นมา
“ศรคีรี5 จากศรแดง ประเดี๋ยวจะส่งข่าวให้ ฝอ.4 ทราบ กระสุนพร้อมเมื่อไหร่จะส่งมาให้ทันทีโอเค...มั้ย”
“ขอบพระคุณคร้าบ...ที่กรุณา อยู่ทางนี้หนาวเหลือเกิน ถ้าศรแดงมียาแก้หนาวยี่ห้อแม่โขง ก็ส่งมาให้ซัก 2 แบนซีครับ”
ผบ.หมวดออดอ้อนต่อไปอีกตามประสาของคนคอสุรา
“มีแต่ ส.ร.ถ. จะเอามั้ย ม้าแก่”
กองสิงห์ย้อนถามลูกน้องออกไปอีก
“ถ้าได้ก็ดีครับ ผู้พัน สุราเถื่อนของลาวนอกจากจะใช้กินแล้วยังใช้จุดตะเกียงได้ครับ ตกลงครับ ประเดี๋ยวผมจะให้ขึ้นมาเอาบน บก.พัน”
“ไอ้บ้า อย่าเสือกปล่อยทหารขึ้นมาล่ะ ประเดี๋ยวก็โดนเสียบกลางทางหรอก ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ อั๊วจะบอกให้ ฝอ.3 ใส่กล่องแพ็ครวมมากับลูกกระสุนปืน ค.60 คอยรับก็แล้วกัน พอทีโว้ย พูดกับคนขี้เมาอย่างลื้อ เรื่องมาก”
กองสิงห์ตัดบทออกมาอย่างรำคาญ
ด้วยการร้องขออย่างรีบด่วน บก.ส่วนหลังรีบส่งกระสุนขึ้นมาตามต้องการทันที
ชอปเปอร์หิ้วกล่องกระสุนบินลิ่วมาจากบริเวณท้ายสนามบิน ผ่านหมู่บ้านลาวรวมเผ่า ตีวงกว้างเพื่อหาทางลงจอดบนลานที่บริเวณฐานชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน ทันที
พอบินผ่านชอปเปอร์แพ็ด ชอปเปอร์เครื่องนั้นก็สลัดกล่องทิ้ง บินโฉบมุ่งหน้ากลับไปล่องแจ้งทันที ท่ามกลางความแปลกใจของกลุ่มทหารรับจ้างที่ยืนดูอยูภายในสนามเพลาะ
“ศรแดง จากศรคีรี 5 ลองถามนักบินมันดูสิครับ ทำไมมันทิ้งหีบกระสุนของผมลงในป่าทางโน้น แล้วเสือกบินหนีไปวะด้วย เหล้าของผมแตกหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ผบ.หมวดคอสุรา “จ้อ” ขึ้นไป บก.พันอีก
“ไอ้ม้าแก่ เตรียมพร้อมโว้ย นักบินเฮลิคอปเตอร์โดนยิงด้วยปืนอาร์ก้าบริเวณ ชอปเปอร์แพ็ด (ที่จอดเฮลิคอปเตอร์) ของฐานลื้อนั่นแหละ ป่านนี้พวกมันไปเกาะฐานลื้อเต็มไปหมดแล้วมั้ง ลองเคลียร์ด้วย เอ็ม 72 ซักนัดซิไอ้น้อง”
กองสิงห์สั่งให้ลูกน้องเคลียร์พื้นที่-ที่สงสัยตามคำบอกเล่าของนักบินที่โดนยิงทันที
ผมได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ณ บริเวณฐานอิสระเบื้องล่าง ชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงเอ็ดตะโรของ ผบ.หมวดคอสุราคนนั้นดังลั่นวิทยุ เอช-ที-ทู (HT-2)
ศรแดงจากม้าแก่ ชัดเลยครับผู้พัน คุณแกวเธอมาขุดหลุมเพลาะอยู่รอบๆ ชอปเปอร์-แพ็ด ของผมเต็มไปหมดเลยครับ ผมจวกไป 2 นัด แตกฮือขึ้นไปทาง บก.พัน มองเห็นยั้วเยี้ยเลยครับ ช่วยกรุณาสกัดด้วย เอ็ม 79 ให้ผมด้วยครับ”
ทั้งที่อยู่ในสถานะการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน อารมณ์ของผบ.หมวดเลือดทหารม้าคนนั้นก็ยังครึกครื้นเหมือนเดิม ทำให้ผมอดจะชมเชยความใจเย็นของ ผบ.หมวดคนนั้นอยู่ในใจไม่ได้
พอสิ้นเสียงร้องขอของ ผบ.หมวด ระวังป้องกันส่วนหน้าสุด ปืนเอ็ม.79 และเอ็ม.72 อันทรงอานุภาพก็ยิงถล่มลงมาจากชาร์ลี-ชาร์ลี เพื่อบีบบังคับให้ข้าศึกถอยลงไปจากเส้นทางที่มุ่งหน้าขึ้นไปบน บก.พัน
ได้ผลครับ ข้าศึก 7-8 คนหันหลังกลับวิ่งเข้าไปหมอบอยู่ในหลุมบุคคลที่พวกมันแอบเข้ามาขุดเอาไว้รอบๆชอปเปอร์แพ็ดเหมือนอย่างเดิม
ตามความคาดคะเนของผม ข้าศึกชุดนี้คงเป็นหน่วยที่ได้รับ ภารกิจพิเศษในการทำลายชอปเปอร์ที่ลำเลียงอาหารและอาวุธยุทโธปกรณ์มาส่งทหารฝ่ายเราอย่างเดียว ดังนั้นอาวุธหนักที่จะสนับสนุนพวกมันจึงไม่มี ทำให้ทหารรับจ้างที่ตั้งฐานอิสระอยู่เบื้องล่างทั้งสองหมวดถล่มทั้งอาวุธประจำกายและอาวุธหนักแบบ ค.60 เข้าใส่อย่างมันมือ
ผลการประทะทราบถึง บก.ล่องแจ้งในทันทีทันใด ทาง บก.ล่องแจ้งเห็นว่า ชอปเปอร์แพ็ด ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน เป็นพื้นที่ที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันระหว่าง กองพัน 604 และ กองพัน 616
ทหารส่วนใหญ่ของกองพัน 616 อยู่บริเวณยอดเนินและพื้นที่ที่กำลังประทะกันก็ค่อนมาทางบริเวณทางแยกขึ้นไปกองพัน 604
ฉะนั้นคำสั่งให้กองพัน 604 จัดทหาร 3 หมวดเคลื่อนที่เข้ากวาดล้างบริเวณ “ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน” จาก บก.ล่องแจ้ง โดยให้ 604 ประสานการปฏิบัติกับ ศรศรี5 (หมวดที่ 5 กองร้อยที่ 2) ก็ได้มาถึง
“ศรศรี 5 จากมะม่วง 3 ช่วยยิงตรึงให้ผมด้วยครับ ขณะนี้ลูกๆของผมกำลังเคลื่อนที่เข้าหาชาร์ลี-เอคโค่-วัน เพื่อกวาดล้างตามคำสั่งของสิงหะ กดหัวพวกมันอย่าให้โผล่ขึ้นมานะครับ”
“ขอบคุณมากมะม่วง 3 ที่รัก ศรศรี 5 จะยิงอย่างชนิดให้ปากลำกล้องทะลุเป็นไฟเลยทีเดียว”
ม้าแก่ “สรศักดิ์” สวนคำพูดออกไปอย่างรวดเร้วพร้อมกับหันไปออกคำสั่งให้เพิ่มการระดมยิงไปยังบริเวณชอปเปอร์แพดอย่างชนิดไม่กลัวเปลืองกระสุน
ผมและกองสิงห์คืบคลานไปตามคูเหล็ด จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่ใช้เป็นช่องทางลงสู่ทางแยกที่มองเห็นชัดเจนอยู่เบื้องล่าง ก็เลยใช้บริเวณดังกล่าวเป็นที่สังเกตุการณ์และสั่งงานต่อไป
จากกล้องสนามผมแลเห็นการล่าหัวมนุษย์จากกลุ่มทหารรับจ้างของกองพัน 604 อย่างถนัดชัดเจนเหมือนกับตัวเองเข้าไปร่วมกับเหตุการณ์นั้นด้วย
ด้วยการยิงอย่างชนิดประสานการยิงเป็นจุดเดียวเข้าไป ณ บริเวณเป้าหมาย ทำให้ข้าศึกตกอยู่ในภาวะที่ต้องหมอบนิ่งไม่กล้าโผล่ศรีษะขึ้นมาตรวจการณ์ได้ ทำให้ทหารรับจ้างกองพัน 604 คืบคลานเข้าใกล้ชอปเปอร์แพ็ดมากขึ้นทุกทีจนกระทั่ง ศรคีรี 5 ได้รับการติดต่อให้ยุติการยิงชั่วคราว
จากกล้องสนาม ผมแลเห็นทหารรับจ้างแยกย้ายกันคืบคลานเข้าหย่อนลุกระเบิดมือลงในหลุมบุคคลที่สงสัยจะมีทหารข้าศึกซุกซ่อนอยู่เป็นจ้าละหวั่น พอสิ้นเสียงระเบิดก็กราดปืน เอ็ม.16 ซ้ำลงไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
ทั้งเสียงระเบิดและเสียงปืน เอ็ม.16 ระงมไปทั่วบริเวณ นานๆจะมีเสียงปืนอาร์ก้าสวนตอบขึ้นมา 2-3 ชุดแล้วก็เงียบหายไปเป็นปลิดทิ้ง
รอง ผบ.หมวดคนหนึ่งของกองพัน 604 คืบคลานเข้าไปในหลุมสุดท้ายที่มองเห็นสาอากาศโผล่ขึ้นมา ไม่มีใครอ่านความคิดของรอง ผบ.หมวดคนนี้ออกหรอกครับ แกอยากจะจับเป็นข้าศึกเพื่อหวังรางวัลหรือว่าแกอยากจะยึดเครื่องมือสื่อสารของข้าศึกก็เหลือจะเดา คงจะเป็นความชะล่าใจที่คิดว่าป่านนี้ข้าศึกคงจะโดนสังหารหมดสิ้นแล้ว ทำให้รองผบ.หมวดขาดความระมัดระวังเท่าที่ควร
ข้าศึกคนสุดท้ายที่รอดชีวิตอยู่เดินขึ้นมาจากหลุมด้วยร่างกายที่แดงเถือกไปด้วยโลหิตที่ทะลักเครื่องแบบออกมาชุ่มไปหมดทั้งตัว
มันปราดเข้าประชิดร่างรองผบ.หมวดผู้ชะตาขาดคนนั้น จ้วงแทงด้วยดาบปลายปืนอาร์ก้าที่ขาววับอย่างไม่นับ จนกระทั่งแน่นิ่งซบกายกันอยู่หน้าหลุมบุคคลนั่นเอง
กลุ่มทหารรับจ้างที่อยู่ห่างออกไปพรั่งพรูเข้ามารายล้อมศพผู้เสียชีวิตทั้งสอง ทหารเวียดนามเหนือที่เครื่องหมายยศบ่งเอาใว้ว่าเป็น นายร้อยโท ถูกลากออกมาวางหายใจรวยรินอยู่ข้างร่างอันท่วมเลือดของ รอง ผบ.หมวดผู้โชคร้ายคนนั้น ซึ่งบัดนนี้ปราศจากลมหายใจเสียแล้ว
“อย่าเพิ่งให้มันตาย ฆ่ามันก็เหมือนกับฆ่าหมาตัวหนึ่งเท่านั้น เอาเงินรางวัลมากินเหล้ากันดีกว่า ไอ้น้อง เงินตั้ง 4,000 บาทบางที บก.ล่องแจ้งอาจจะได้ข่าวกรองจากเชลยศึกคนนี้ก็ได้”
ผบ.หมวดทหารรับจ้างเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับสั่งการให้ลากศพทหารเวียดนามเหนือด้วยเชือกขึ้นมาวางเรียงกันเป็นตับอยู่บนชอปเปอร์แพดนั่นเอง
18 ศพกับอีกหนึ่งชีวิตที่บาดเจ็บ คือยอดสูญเสียที่ฝ่ายข้าศึกได้รับในการปะทะกันในเย็นวันนั้น
นายทหารเวียดนามเหนือที่ได้รับบาดเจ็บ ชอปเปอร์ได้บินมารับในชั่วโมงต่อไป เพื่อนำไปพยาบาลรักษาหาทางซักถามเพื่อประเมินข่าวกรองต่อไป
ทหารรับจ้างกองพัน 604 ต้องสูญเสียกำลังพลไป 3 คน รวมทั้งรอง ผบ.หมวดผู้กล้าตายคนนั้นด้วย ทางบก.ล่องแจ้งได้ให้กำลังใจด้วยการอนุมัติเงิน 10,000 บาท จัดสรรปันส่วนให้กลุ่มทหารรับจ้างหมวดที่เข้ากวาดล้างข้าศึกจนละลายไปทั้งชุด
ด้วยน้ำใจที่มีต่อกันของทหารรับจ้าง เงิน 2,000 บาท ยอดรางวัลถูกแบ่งมาให้ศรคีรี 5 ที่มีส่วนช่วยยิงสนับสนุนจนทำให้ภาระกิจของทหารรับจ้างดังกล่าวสัมฤทธิ์ผล
“ผู้พันครับ ว่างๆผมจะเอาขนมโก๋ขึ้นไปฝากนะครับ สงสัยว่าไอ้พวกแกวพวกนี้จะเป็นพ่อค้าขายขนมโก๋ก็ไม่รู้ แทบทุกคนมีขนมโก๋เป็นตันเลย”
ม้าแก่สรศักดิ์เย้าแหย่ผู้พันของเขาขึ้นไปอีก
“ลื้ออย่าเสือกให้ทหารเอาขนมโก๋ของพวกมันกินเข้าไปเป็นอันขาดนะโว้ย...เดี๋ยวจะหาว่าอั๊วเตือน...ระวังพวกลื้อจะไม่มีน้ำยาเอาไว้สู้ อีตัว ที่เวียงอีกนะ ขนมโก๋เหล่านั้นไอ้กันมันพิสูจน์แล้ว มีตัวยาสกัดความรู้สึกทางเพศ เดี๋ยวได้ยุ่งกันตายห่า”
กองสิงห์พูดพลางหัวเราะพลางด้วยความขบขัน
“ถึงไม่มีขนมโก๋ มันก็ไม่สู้อยู่แล้วครับ ลูกปืนใหญ่ตูมตามขนาดนี้ ใครขืนมีฤทธิ์จำปีโด่ขึ้นมา มันก็ไม่ใช่คนแล้วครับ”
จสอ. สรศักดิ์สวนตอบคำพูดขึ้นมาท่ามกลางเสียงหัวเราะครืนใหญ่ของกลุ่มทหารรับจ้างที่รับฟังวิทยุอยู่ข้างๆ
“ไอ้เสือนี่มันยอดคนจริงๆ ขนาดกรมทหารม้าเอามันไม่อยู่ ต้องส่งไปสอนนายสิบอยู่ศูนย์ปราณโน่น ดันเสือกมารบในลาวร่วมกับกองพันผมเสียด้วย ดีเหมือนกันครับ ม้าพยศถ้ารู้จักใช้ มันก็อำนวยประโยชน์ให้มากเหมือนกัน”
กองสิงห์หันมาพูดถึง สรศักดิ์ ยอดนักรบขี้เมาให้ผมฟัง
กว่าจะสงบเรียบร้อย ก็ตกเข้าไปเกือบหกโมงเย็น เวลากลางคืนที่น่าสะพึงกลัวกำลังจะคลืบคลานเข้ามาอีกแล้ว สองวันที่ผ่านมา กองพันของผมสามารถป้องกันฐานเอาไว้อย่างเหนียวแน่นที่สุด แต่กาลเวลาข้างหน้าเล่าครับ ใครจะทำนายอนาคตได้ ผมรู้นิสัยของพวกเวียดนามเหนือเป็นอย่างดี พวกมันก็เหมือนกับเสือที่จ้องจะเล่นงานพวกเราอยู่ทุกขณะ การสูญเสียของมันแค่นี้ ไม่ทำให้มันยุติการเข้าตีพวกเราหรอกครับ
จังหวะและโอกาสเท่านั้น ที่พวกมันรอคอยอยู่อย่างกระหายเลือด
□□□□□□□□□□□□□□
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11709 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2015, 11:13:28 AM »

.ในห้วงวันที่ 31/7/58 คุณพ่อ  และ คุณแม่  มาทานข้าว กับ ผมและหลานๆ ที่ บ้าน ครับ

คุณพ่อ ( เอกชัย รุ่งสิทธิมงคล ข้าราชการบำนาญ อดีตหัวหน้าหน่วยงาน หลายแห่ง ภาคเหนือตอนบน) คุณแม่ (สุวลี  รุ่งสิทธิมงคล ข้าราชการบำนาญ อดีตแม่พิมพ์ของชาติ พื้นที่สีแดง )






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 03, 2015, 12:40:11 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11710 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2015, 11:36:32 AM »

  พ่อ ผมอายุ 74 ปี เล่นไลน์ เป็น ส่งรูปได้ ปักหมุดเป็น ส่งคลิปได้ ส่งต่อได้ ขับรถ suv ออกต่างจังหวัดเองได้  สมัยแก หนุ่มๆก็ใช้ สมิธ เอ็ม 36 (ไม่มีขีด ก่อนรุ่น-1 ครับ) ติดตัวตลอด ตอนรับราชการพื้นที่สีแดง เป็นหัวหน้า ศูนย์อพยพ "สบตวง"  กิ่งอำเภอแม่จริม (ชื่อเดิม กิ่ง อ.บ่อหว้า) จ.น่าน คนแรก (ศูนย์อพยพ ผู้ลี้ภัยสงคราม มีจำนวนหนึ่งเป็นนายทหารระดับสูง...ลูกน้อง ท่านนายพลวังเปา ด้วยครับ  )

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2015, 09:44:44 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11711 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2015, 11:52:42 AM »

พี่น้องคอปืนและผองเพื่อนของสมิง วังม่วง  ครับ นี่ น้องแป้ง น้องป้อง แก้วตาดวงใจและลมหายใจเข้าออก ทั้งสองของผม ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 03, 2015, 11:56:47 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11712 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2015, 12:06:38 PM »

คุณแอ๋ว ผ.บ.แคมป์ สมิงวังม่วง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 03, 2015, 12:10:24 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11713 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2015, 10:57:28 AM »

อัพเดทราคาปืนใหม่และกระสุนปืน เดือนสิงหา-กันยน 58 - ฝนมาแล้ว http://2013.gun.in.th/index.php?topic=57739.0   (อย่าลืมสมัครสมาชิก)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11714 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2015, 09:37:28 AM »

  เรื่องราวของทหารรับจ้างชาวไทย ในสมรภูมิลาว งานเขียนของสยุมภู ทศพล

ตอนที่ 15 .......

ตอนที่ 16
มีทหารบาดเจ็บหลายต่อหลายนายที่ถูกทอดทิ้งเอาใว้บนฐานชาร์ลี-ชาร์ลี ในสถานการณ์เช่นนี้ช่วยเหลือกันไม่ได้หรอกครับ สิ่งแรกที่ทหารรับจ้างคำนึงถึงก็คือการหนีเอาตัวรอดจากฐานปฏิบัติการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกได้รับบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ ก็ยังมีโอกาสคืบคลานตามพรรคพวกออกไปได้ ส่วนพวกที่บาดเจ็บสาหัสก็นอนร้องครวญครางอยู่กับพื้นรอบคูเหล็ดนั่นเอง และในจำนวนดังกล่าวก็มีพยาบาลประจำกองร้อยรวมอยู่ด้วย
กองสิงห์สั่งสำรวจยอดในทันทีทันใดที่เข้าฐานของกองร้อยที่ 2 เสร็จเรียบร้อย ปรากฏว่าจากยอดกำลังพล 130 คนเหลือทหารรับจ้างอยู่เพียง 95 คนเท่านั้นและหนึ่งใน 35 คนที่สูญหาย มี ผบ.หมวด 5 ของกองร้อยที่ 3 รวมอยู่ด้วย
“เฮ้ย ใครเห็นหมวดบุญลือบ้างวะ ไอ้พวกหมวด 5 เหลืออยู่กี่คน ลองสอบถามมันดูซิ มนู”
กองสิงห์หันไปถามรอง ผบ.หมวด 5 ด้วยความเป็นห่วงผู้ใต้บังคับบัญชาที่สูญหายไปในระหว่างการถอนตัว
“เหลืออยู่ 8 คนครับ หายไป 7 คน รวมทั้งหมวดบุญลือและหัวหน้าชุดยิง ผมสอบถามแล้วทหารบอกว่า หมวดบุญลือคลานย้อนกลับเข้าไปวิทยุ เอช-ที-ทู ที่ลืมเอาใว้ในบังเกอร์ พวกลูกน้องที่มาด้วยกันก็เลยติดตามหมวดบุญลือย้อนกลับเข้าไปอีก”
รอง ผบ.หมวดกล่าวตอบ
“ขอวิทยุ เอช-ที-ทู ให้อั๊วหน่อยสิวะ ของอั๊วเสาหักเสียแล้ว”
กองสิงห์โยนวิทยุประจำตัวซึ่งขณะนี้เสาอากาศในตัวขาดร่องแร่งเหลือติดอยู่แต่เพียงโคนเสาลงไปที่พื้นอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับเอื้อมมือรับวิทยุ รอง ผบ.ร้อย กองร้อยที่ 2 ซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆมากรอกคำพูดลงไปด้วยความห่วงใยลูกน้อง
“ศรรัก 5 จากกองสิงห์ ขณะนี่ศรรัก 5 ยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า ถ้ารับฟังอั๊วได้ให้กดคีย์ตอบมา 3 ครั้ง”
มีเสียงฟรืด...ฟรืด...ฟรืด กดตอบผ่านเข้ามาในลำโพงได้ยินอย่างถนัดหู
“ผมคิดว่าจะต้องมีเหตุการณ์อะไรบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น หมวดบุญลือจึงไม่ใช้เสียงตอบมา”
ธงชัย รอง ผบ.ร้อย กองร้อยที่ 3 ที่เพิ่งถอนตัวมาพร้อมกองสิงห์เอ่ยขึ้นอย่างเอางานเอาการ พร้อมกับส่งวิทยุย้อนถามไปอีกครั้งด้วยรหัสที่ใช้กันในระหว่างกองพัน
“บุญลือ อย่าเสียใจไปเลย ฝนถึงแม้จะตกหนักมันก็ยังมีวันหยุด บอกให้ชื่นใจสักนิดเถอะน่า ว่าคุณไม่โกรธผม”
มีเสียงกดคีย์ที่ใช้เป็นสวิทช์ตัดวงจรให้เครื่องวิทยุเปลี่ยนจากเครื่องรับฟังเป็นเครื่องส่งดัง “อืด” ยาวๆ เป็นเวลานานตอบกลับมาจากหมวดบุญลือทันที
“พวกข้าศึกขึ้นมาบนฐานชาร์ลี-ชาร์ลีแล้วครับ บุญลือคงจะอยู่ใกล้ชิดกับข้าศึกมากทีเดียว จึงไม่กล้าพูดวิทยุออกมา นอกจากกดคีย์ให้สัญญาณมาเท่านั้น”
รองธงชัย เอ่ยขึ้นมาพรอมกับสั่งให้ลูกน้องของเขาเข้าไปเสริมแนว ร่วมกับกองร้อยที่ 2 เตรียมพร้อมที่จะรับมือข้าศึก ที่อาจจะทะลักเข้ามาทางเส้นทางที่มองเห็นอยู่สลัวๆ ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดแสงนวลจ้าไปทั่วขุนเขา
“ไอ้มนตรีไปใหนวะ จัดชุดของเอ็งเลือกเอาไอ้ที่คล่องตัวหน่อย ซัก 7 คนก็พอ ออกไปให้ใกล้ฐานเก่าของเราให้มากที่สุด ตรวจการณ์และคอยช่วยเหลือบุญลือด้วย... ถ้าลื้อพิจารณาว่าได้เปรียบก็ตะลุยเข้าไปจวกมันเลย”
กองสิงห์เอ่ยขึ้นกับหัวหน้าหน่วยคอมมานโดซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ
หน่วยกล้าตายทั้ง 7 สะพาย “M 72” อันทรงอานุภาพคนละสองกระบอก รวบรวมระเบิดมือจากเพื่อนๆ บรรจุลงในถุงที่มีลักษณะคล้ายย่าม ห้อยสะพายเอาใว้ตรงบริเวณเอวด้านตะโพก เกาะขบวนกันลงจากเนินมุ่งหน้าไปยังฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี เพื่อช่วยเหลือและสังเกตุการณ์ตามคำสั่งของกองสิงห์อย่างรวดเร็ว... ด้วยการประสานงานกันด้วยวิทยุ เอ็ช-ที-ทู (HT-2) ที่เลื่อนสวิทช์ไปที่ปุ่ม “แอร์ทูกราวนด์” ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้าศึกที่อาจจะมีวิทยุความถี่ชนิดเดียวกับฝ่ายเรา ดักฟังการเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่ตลอดเวลา
หน่วยกล้าตายของกองพันผม สวนทางกับ ผบ.หมวด 5 กับลูกน้องเดนตายของเขา ณ บริเวณเขตติดต่อระหว่างฐานต่อฐานนั่นเอง
มนตรีได้วิทยุขึ้นมาให้กองสิงห์ทราบเพื่อกันความเข้าใจผิด ในขณะที่หมวดบุญลือจะกลับเข้าฐาน
โดยการประสานการปฏิบัติอย่างมีระเบียบแบบแผน ความผิดพลาดอันจะพึงมีขึ้นทุกโอกาสก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย
ด้วยสภาพเครื่องแต่งกายที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนตม ผู้หมวดบุญลือและลูกน้องของเขากลับมาถึงฐานปฏิบัติการกองร้อยที่ 2 ท่ามกลางการซักถามจากเพื่อนๆทหารรับจ้างที่รุมกันเข้ามาไต่ถามกันให้แซ่ดไปหมด
“ในขณะที่ผมกำลังถอนตัว บังเอิญผมนึกถึงวิทยุที่วางเอาใว้ที่กระสอบทรายขึ้นได้ ก็หวนกลับเข้าไปเอาทันที พวกลูกน้องผมของผมมันเป็นห่วง ก็เลยติดตามไปด้วย พอผมเจอวิทยุ ก้นึกสงสัยว่าทำไมปืนใหญ่ของมันจึงยุติการระดมยิงเอาดื้อ พอผมชะโงกศรีษะขึ้นตรวจการณ์จากแนวกระสอบทรายเท่านั้นก้มองเห้นพวกมันปีนขึ้นมาจากบริเวณหน้าแนวลวดหนามคืบคลานเข้ามาในฐานเต็มไปหมดเลยครับ ผมก็เลยต้องหมอบอยู่ในคูเหล็ดอย่างนั้นเอง หูผมได้ยินเสียงแว่วๆเป็นภาษาไทยออกมาจากเบริมรับส่งวิทยุของมัน ผมรู้ทันทีเลยว่า พวกมันมีวิทยุดักฟังการเคลื่อนไหวฝ่ายเราอยู่ตลอดเวลา ผมตัดสินใจจะพูดวิทยุรายงานให้ผู้พันทราบตั้งหลายครั้งก็กลัวมันจะได้ยิน ผมอยู่ห่างมันไม่ถึง 15 เมตร ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวเราะที่พวกมันแบ่งสิ่งของที่มันค้นมาจากบังเกอร์ของพวกเราได้ ก็พอดีได้ยินเสียงผู้พันและรองธงชัยส่งรหัสมาหาผมที่นี่แหละครับ”
“เอ้าแล้วพวกมันไม่ได้ยินเสียงของอั้วทางลำโพงวิทยุหรอกหรือ ใกล้กันขนาดนั้น”
กองสิงห์ย้อนถามออกไปอีก
“ผมใช้หูฟังต่อออกมาจากเครื่องรับครับ ถ้าไม่มีหูฟังผมโดนอาก้าพรุนไปหมดแล้ว ลูกน้องผมมันจะยิงให้ได้ ผมต้องกระซิบบอกพวกมันพร้อมกับชี้มือให้ดูกลุ่มพวกมันที่คืบคลานเพ่นพ่านอยู่ตรงหมวดอาวุธอีกเป็นฝูงๆนั่นแหละครับ ลูกน้องของผมมันจึงได้ลดความกระเหี้ยนกระหือลงบ้าง ต่อจากนั้นผมตัดสินใจเคลื่อนที่ออกทางช่องกระสอบทรายเลื้อยลงไปในกองขยะส้วมหลังบก.พัน คลานอยู่ในบ่อน้ำคลำอยู่ตั้งนาน กว่าจะหาทางลัดขึ้นมาพบมนตรีเข้ากลางทางพอดี แย่ครับ พวกมันยึดของของพวกเราไปหมดแล้ว”
“ผมคิดว่าในขณะที่ลูกยาวของพวกมันถล่มเราอย่างหนักจนพวกเราพะวักพะวงห่วงหน้าห่วงหลัง พวกมันคงสงบนิ่งอยู่ที่รั้วลวดหนามแล้ว พอตรวจการณ์หน้าของมันเห็นพวกเราถอนตัว มันก็ขึ้นฐานเราทันที เอาละครับ ขอเวลาสักพัก ผมจะไล่ให้มันกระเจิงละไปจากฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี ให้จนได้”
กองสิงห์พูดด้วยความเดือดดาลใจ
“กองสิงห์จากสลาตัน ขณะนี้ผมอยู่ห่างจากข้าศึกประมาน 40 เมตร มองเห็นไฟจากก้นบุหรี่ที่พวกมันสูบอยู่อย่างชัดเจนเลยครับ พวกมันคลานเข้าเบริมโน้นออกเบริมนี้กันให้มั่วไปหมด เบริมของผู้พันมันก็ไม่เว้นหรอกครับ จะทำยังไง สั่งการด้วยครับ”
มนตรีส่งวิทยุด้วยระบบแอร์ทูกราวนด์มาดังลั่น
“ค่อยๆหน่อยไอ้มนตรี แหกปากดังๆเดี๋ยวก็โดนซัดด้วยอาร์ก้าวิ่งแจ้นกลับมาหรอก ยังไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ลื้อกล้าเสี่ยงไหมวะ อั้วจะให้ปืนใหญ่ถล่มบริเวณบก.พัน เดี๋ยวนี้”
ต่อจากนนั้นฐานปืนแคนดั้ลก็ได้รับการร้องขอจากกองพันของผมให้สลุตกระสุนเข้าใส่ฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี ซึ่งขณะนี้ กลุ่มทหารเวียดนามเหนือกำลังกระจัดกระจายเข้าค้นสิ่งของตามบังเกอร์ต่างๆเป็นพัลวัลไปหมด
เสียงระเบิดของลูกปืนใหญ่ที่แคนดั้นประเคนเข้าใส่ฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี ผมอดที่จะหดหู่ใจไม่ได้ นอกจากป้อมสนามที่บวกเราบรรจงสร้างเอาไว้ จะพังพินาศแล้วบรรดาร่างของทหารรับจ้างของเราที่นอนระเกะระกะอยู่ก็คงจะแหลกลาญหาชิ้นดีไม่ได้ด้วย
เสียงระเบิดตึงตังที่ดังเป็นระยะๆ เริ่มถี่ขึ้นทุกที ในเมื่อฐานโกไลแอทเบนปากกระบอกเข้ามาช่วยซัลโวอีกแรงหนึ่ง
“กองสิงห์ครับ แนวกระสุนมันตกใกล้ผมเหลือเกิน ช่วยบอกแคนดั้ลให้ปรับไปที่หัวเนินโน่นซีครับ เล่นยิงแบบนี้เห็นทีจะขอลาละครับ”
มนตรีโวยวายมาดังลั่น เมื่อตำบลกระสุนตกเบียดเข้ามาใกล้ๆ
“ใจเย็น ไอ้ตรี อั๊วบอกแคนดั้ลไปแล้ว ลื้ออย่าเพิ่งถอนตัวนะโว้ย อยู่เป็นสายตาให้กองพันต่อไป ขณะนี้ก็มีแต่พวกลื้อเท่านั้น ที่จะช่วยกองพันเราตรวจการณ์”
กองสิงห์ “ยาหอม” ลูกน้องของเขาต่อไปอีก
“พวกมันเริ่มถอนตัวแล้วครับ วิ่งเผ่นกันไปลงทางเส้นทางที่ลงไปหาศรคีรี 5 ช่วยบอกหมวดศรศักดิ์เตรียมตัวด้วยครับ มันลงไปแล้ว”
มนตรีส่งข่าวมาอีก
“ศรคีรี 5 จาก กองสิงห์ ไอ้ม้าแก่ กระต่ายออกจากกรงช่วยดักจับให้ด้วย”
ยังไม่มีเสียงตอบจาก ผบ.หมวด 5 ก็มีเสียงกราวใหญ่ของปืนกลเบา เอ็ม.60 เซ็งแซ่ขึ้น ณ บริเวณที่ราบ “ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน” พร้อมกับมีแสงสว่างจากแฟร์ถูกยิงโด่งขึ้นมาลอยฟ่องอยู่เหนือบริเวณเนินหัวช้าง ยิ่งแฟร์ลอยต่ำลง มันยิ่งสาดแสงสว่างจ้าขึ้นทุกที
ทั้งปืน ค.60 และปืนกลเบา เอ็ม.60 จากฐานอิสระเบื้องล่าง ก็ประเคนเข้าใส่กลุ่มทหารเวียตนามที่ทะลักลงไป ด้วยการยิงอย่างชนิดที่ไม่ยอมให้ข้าศึกตั้งหลักเลยทีเดียว
แต่ก็เป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น พอข้าศึกตั้งหลักได้ พวกมันก็ห้อแน่บเผ่นเข้าป่าทึบ หายหัวไปจนหมดสิ้น
“กองสิงห์จากม้าแก่ กระต่ายกระโดดม้าขย้ำเผ่นป่าราบไปหมดแล้วครับ ขอให้คุณพระคุ้มครองผู้พันและเพื่อนๆของผมทุกคนด้วยครับ โชคดีครับ ผู้พัน”
ผบ0.หมวดอิสระ ส่งข่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เอางานเอาการเป็นครั้งแรก
“เช่นกันโว้ย ม้าแก่ อั๊วยังไม่อาภัสราง่ายๆหรอกวะ ถ้าดวงของอั๊วดีจริง พรุ่งนี้พบกันตอนเช้า........ เลิกกัน”
กองสิงห์ตัดบทห้วนๆ พร้อมกับหันมาสั่งให้ลูกน้องทั้งหมดเตรียมตัวเคลื่อนย้ายกำลังพลเข้ายึดฐานปฏิบัติการคืน
หลังจากปืนใหญ่ถล่มฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี อยู่พักหนึ่ง ก็ถูกกองสิงหืร้องขอเป็นรหัสให้ยุติการยิง เพื่อนำกำลังพลเคลื่อนที่เข้ายึดฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี ต่อไป
“มนตรีจากกองสิงห์ ลื้อพาลูกน้องเข้าเคลียร์ฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลีได้แล้ว ระมัดระวังตัวหน่อยนะโว้ย ไอ้น้อง ทำสำเร็จอั๊วให้ลาคนละ 15 วัน”
คงจะเป็นเพราะด้วยการอัดฉีดของ ผบ.พันนี่เอง ทำให้หน่วยกล้าตายดังกล่าว คืบคลานออกจากที่ซ่อนพรางมุ่งหน้าขึ้นไปบนที่ตั้งยิงปืน ค. 4.2 ซึ่งสลักปรักพังมองเห็นอยู่ใกล้ๆเพียง 20 เมตร
“ผมยึดหมวดอาวุธหนักได้แล้วครับ ขณะนี้กำลังให้ไอ้เล็กกับไอ้โล้นอ้อมขึ้น บก.พัน ผมยังไม่แน่ใจว่า จะมีพวกมันหลงเหลืออยู่หรือเปล่า ผู้พันเต้นระบำหรือยังครับ”
“ดีมาก ไอ้น้อง อั๊วเต้นระบำแล้วโว้ย มีอะไรติดต่อมาทันที อั๊วแสตนด์บายวิทยุอยู่ตลอดเวลา”
กองพันผมเริ่มจัดขบวน เคลื่อนย้ายเข้ายึดฐานปฏิบัติการคืนจากข้าศึก ด้วยการมอบหน่วยเข้าตีหน้าสุดให้กับหมวด 2 และหมวด 4 หมวด 1 และ หมวด 3 เป้นส่วนหนุน ส่วนหมวด 5 และหมวด 6 มีหน้าที่คุ้มกัน บก.พัน เดินปิดท้ายขบวนอยู่หลังสุด
การติดต่อกันทางวิทยุ ระหว่างหมวดต่อหมวดถูกระงับชั่วคราว ผมเดินตามหลังกองสิงห์ไปติดๆ หูก็แว่วฟังข่าวคราวจากมนตรีด้วยความสนใจ และอดที่จะนิยมชมชอบต่อความ “กล้า” ของทหารชุดนั้นไม่ได้
ส.ท.มนตรี วีระศิริ เป็นทหารรรับจ้างที่ผ่านสงครามเวียดนามอย่างโชกเลือดมาแล้ว ทั้งๆที่ฐานะครอบครัวก็อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ด้วยความที่อยากจะใช้ชีวิตในการผจญภัย มนตรีก็สมัครเข้ามาเสี่ยงโชคในสมรภูมิลาวอีกครั้ง
ผมและมนตรี วีระศิริ สนิทสนมกันเป็นพิเศษ คงเนื่องจากชะตาต้องกันนั่นเอง ไม่ว่าจะไปแห่งหนตำบลไหน มนตรีไม่เคยห่างผมและ ผบ.พัน แม่แต่ก้าวเดียว (หลังจากมนตรีได้รับอุบัติเหตุ จากน้ำมือทหารรับจ้างขี้เมาโยนระเบิดเข้าใส่ จนต้องได้รับการผ่าตัดที่ช่องท้อง ที่ รพ.น้ำพอง มนตรีก็ต้องโดนปลดออกจากอาชีพทหารรรับจ้างเนื่องจากพิการ ต่อจากนั้นทั้งผมและมนตรีก็ขาดการติดต่อกันจนกระทั่งบัดนี้ขอให้พึงทราบใว้ด้วยเถิดเพื่อนรัก ผมยังไม่เคยลืมวีรกรรมของเพื่อนเลย ในชีวิต เราจะต้องพบกันอีกครั้ง)
มีเสียงระเบิดดังตูมใหญ่ขึ้นมา บริเวณเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี ทำให้ขบวนทหารรับจ้างที่กำลังเคลื่อนที่ชงักทันที
“ผู้พันครับ พวกมันที่เหลืออยู่ตอกไอ้โล้นด้วย อาร์.พี.จี เฉียดก้นไปนิดเดียวครับ ผมคาดว่าพวกมันอย่างดีก็ไม่เกิน 5 คน เลิกกันนะครับ ผมจะลงไปสบทบกับพวกเราเดี๋ยวนี้”
กองสิงห์ยังไม่ทันจะตอบลูกน้อง ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ขึ้นพร้อมกัน 4-5 ครั้ง
“สงสัยพวเราจวกมันด้วย M-72 เข้าไปแล้ว เสียงระเบิดแน่นๆแบบนี้ M-72 แน่ๆครับ๐
ธงชัย รอง ผบ. ร้องกล่าวขึ้นพร้อมออกคำสั่งให้ทหารเคลื่อนที่ต่อไป
มีเสียงตูมใหญ่ของระเบิดมือ ดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง เงียบไปชั่วครู่ มนตรีก็เรียกวิทยุรายงานผลการปฏิบัติมาทันที
“กองสิงห์จากสลาตัน ทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้าศึก 4 คนที่พวกมันทิ้งเอาใว้บนฐาน โดน เอ็ม.72 ตายเรียบหมดแล้วครับ ขณะนี้พวกผมกำลังตรวจดูตามบังเกอร์ที่สงสัยอยู่ครับ ให้ส่วนหน้าของเราเข้ามาได้แล้วครับ ผมได้ให้ไอ้โล้นกับไอ้นวยไปรอรับอยู่ที่ปากทางแล้วครับ ใช้สัญญาณผ่านของคืนนี้”
ในที่สุดกองร้อยที่ 3 ของกองพันผมก็สามารถกลับเข้ายึดฐานปฏิบัติการได้ ภายในตอนเที่ยงคืนของคืนวันนั้นเอง บังเกอร์และอาณาบริเวณต่างๆ ถูกตรวจค้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผมมองเห็นสภาพฐานของเราแล้วอดหดหู่ใจไม่ได้
ไหนจะโดนปืนขนาด 130 ม.ม. จากข้าศึกไหนจะโดนกระหน่ำด้วยปืน 155 ม.ม. จากฝ่ายเราเข้าให้อีก มีบังเกอร์ที่รอดจากอำนาจระเบิดเหลืออยู่เพียง 2-3 แห่ง เท่านั้น
จริงอย่างที่ผมคาดเอาไว้ไม่มีผิด ร่างของทหารรับจ้างทุกคนที่นอนเกลื่อนอยู่บนฐานปฏิบัติการ มีรอยถูกซ้ำเติมด้วยของมีคมยับไปทั้งร่าง บางศพก็ถูกซ้ำเติมด้วยของมีคมยับเยินไปทั้งร่าง บางศพก็ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าเฉือนซ้ำจนแขนขาขาดห้อยร่องแร่งมองดูเอน็จอนาถใจอย่างที่สุด
กองสิงห์วางแผนป้องกันด้วยการขยายแนวออกไปจนถึงพื้นที่ที่ต่อกันระหว่างกองร้อยที่ 2 และย้าย บก.พันมาอยู่ ณ บริเวณดังกล่าวซึ่งอับกระสุนกว่าบริเวณเนินหัวช้าง
เจ้ารถถัง 2 คันที่ยิงถล่มกองพัน 604 เมื่อตอนหัวค่ำก็แล่นเข้าซ่อนพรางตัวเองไปกับความหนาทึบของภูมิประเทศรอบข้าง หายเงียบปราศจากวี่แววทั้งสองคัน
ผมและกองสิงห์ อาศัยมูลดินขนาดใหญ่เป็นที่เอนกายครึ่งนั่งครึ่งนอน พักผ่อนร่างกายด้วยเครื่องแบบเพียงชุดเดียวที่ติดกับตัวเอามาก่อนถอนตัวนั่นเอง...!




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2015, 01:49:04 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 778 779 780 [781] 782 783 784 ... 811
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.22 วินาที กับ 23 คำสั่ง