เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 28, 2024, 12:48:03 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 779 780 781 [782] 783 784 785 ... 811
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไลฟ์ สไตล์ ของ " สมิง วังม่วง " และพี่น้องคอปืน จังหวัด น่าน  (อ่าน 890230 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11715 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2015, 10:40:15 AM »

ปรส,ค.81 ไอ้ปากหมา,L-19
ปรส. ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง
หลักการทำงานของ ปรส.(ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง) ก็คือ การทำให้แรงสมดุลทั้ง 2 ด้านของปืนในขณะยิงให้เท่ากัน คือ ต้องมีแรงแก๊สที่เกิดจากการจุดตัวเผาไหม้ของดินปืนที่เป็นดินขับพุ่งออกทั้ง 2 ด้านคือ ปากลำกล้อง(แรงที่ดันหัวกระสุนออก)กับ ด้านท้ายรังเพลิง......ดังนั้นบริเวณด้านท้ายรังเพลิงของ ปรส. จึงมีรูและกรวยแก๊สสำหรับปล่อยแก๊สส่วนดังกล่าวออกมา โดยปลอกกระสุนของ ปรส.จะมีรูกลมๆกระจายอยู่ทั่วทั้งปลอกและดินปืนจะถูกห่อด้วยวัสดุอีกครั้ง(ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นวัสดุชนิดใด) ซึ่งวัสดุที่ห่อหุ้มดินปืนอีกชั้นภายในปลอกจะทำหน้าที่ไม่ให้ดินปืนภายในปลอกรั่วออกมาตามรูพรุนของปลอกกระสุนและวัสดุที่หุ้มรองอยู่ก็ต้องอ่อนกว่าปลอกกระสุนเพื่อที่เวลายิงแก๊สบางส่วนที่เกิดจากการจุดตัวของดินปืนจะได้ดันทะลุวัสดุที่ห่อนั้นออกมาตามรูของปลอกกระสุนแล้วดันพุ่งออกไปทางกรวยแก๊สทางท้ายรังเพลิงของปรส.เพื่อเป็นแรงปรับสมดุลทำให้ปืนไม่มีการสะท้อนถอยหลังครับ........บริเวณด้านท้ายรังเพลิงของ ปรส.จึงเป็นบริเวณอันตรายครับ เวลายิงห้ามใครไปอยู่บรเวณนั้นครับ ตอนผมฝึกยิง ปรส.106 ชอบเอากล่องใส่กระสุนไปวางจ่อไว้ท้ายรังเพลิงปรส.เวลายิงครับ ยิงเสร็จกล่องฉีกขาดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผิวหน้าดินบริเวณนั้นจะโดนแรงแก๊สร่วนซุยเป็นทางเป็นรูปรัศมีของกรวยแก๊สท้ายรังเพลิงครับ นี้เลยเป็นเหตุหนึ่งที่ว่าทำไมเวลา ปรส.ยิงถ้าบริเวณนั้นเป็นฝุ่นละก็ฝุ่นจะฝุ่งกระจายมากกว่าปืนแบบอื่นๆครับ.......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2015, 01:51:01 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11716 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2015, 09:37:23 AM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา"

กองพันมรณะ ตอนที่ 17
ข่าววิทยุจาก บก.สิงหะ ที่เคยเซ็งแซ่ด้วยการส่งข่าวชนิดติดต่อกันเป็นเวลานานได้สงบเงียบจนคล้ายๆ กับว่าความถี่ดังกล่าวได้ถูกประกาศยกเลิกการใช้งานไปเสียแล้ว นานๆครั้งจะมีเสียงพนักงานวิทยุจาก บก.ล่องแจ้งสอบถามสถาณการณ์กองพันทหารรับจ้างต่างๆ เป็นการปลุกประสาทมิให้เผลอหลับไปในตัว
แม้กระทั่ง การติดต่อของธรรมดาล่ามต่างๆ ที่ใช้ความถี่คนละชนิดกับ บก.สิงหะ ก็พลอยเงียบเหงาไปด้วย ชะรอยทางเบาน์เดอร์ คอนโทรลคงจะเกรงใจผมเห็นเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ดังนั้นหลังจากผมเข้ารหัสรายงานข่าวไปแล้ว ก้ไม่ได้รบกวนอะไร ผมอีกเลย
ผมเอนหลังลงนอนกับมูลดิน หยิบลำโพงชนิดพิเศษที่ต่ออกจาก “ปิ๊ค 77” ขึ้นมาเสียบห้อยเอาไว้กับกึ่งกลางเสาอากาศชนิดสั้น หรี่วอลลุ่มลงที่เลข 2 พร้อมกับยกแขนทั้งสองข้าง ขึ้นประสานกัน หนุนศรีษะนอนหลับตานิ่งด้วยความ “เซ็ง” ต่อ สภาพการณ์ในปัจจุบัน
“บิ๊กแมน ฟรอม ไฮโล โอเว่อร์ .... บิ๊กแมน ฟรอม ไฮโล โอเวอร์”
มีเสียงเรียกขานชื่อผมเป็นภาษาอังกฤษ ด้วยเสียงแผ่วเบาออกมาจากลำโพง คราวแรกผมคิดว่าตัวเองหูแว่วไป ก็เลยหลับตานอนฟังเฉยอยู่
“บิ๊กแมน ฟอร์ม ไฮโล โอเวอร์….”
คราวนี้เจ้าของเสียงลึกลับดังขึ้นกว่าเดิม ผมพยายามนึกทบทวนชื่อโค้ดของล่ามแต่ละกองพัน ก้ไม่มีชื่อดังกล่าวอยู่ในสารบบเลย หรือแม้แต่ล่ามพวกกองพันทหารแม้ว ก็ไม่มีใครใช้ชื่อพิเนรๆ เช่นนี้ คงจะมีเพื่อนขี้เล่นบางคนกระเซ้าเย้าแหย่ผมเข้าให้แล้ว ด้วยความรำคาญผมจึงตะคอกลงไปที่ปากพูดด้วยความโมโห
“ไฮโลเตี่ยไฮโลก๋งของมึงละซี อย่ากวนใจหน่อยเลยวะ เหนื่อยทั้งวันก็ขอพักบ้างซีโว้ย”
“บิ๊กแมน ฟอร์มไฮโล พลิส โก ทู ซิกตี้โฟตี้ไฟ้ว์ อาร์ ยู คอปปี้”
มีเสียงเรียกผมสวนมาอีก พร้อมทั้งขอร้องให้ผมไปที่ ฟรีเคว็นซี่ 60.45 มิหนำซ้ำยังตบท้ายรหัสวิทยุว่า รับข่าวถูกต้องไหม? มือไวเท่าความคิด ผมหมุนฟรีเควนซี่ไปตามที่เสียงลึกลับขอร้องมาทันที
“บิ๊กแมน นี่ผม ไฮโลพูด คุณไม่ต้องซักถามอะไรผมทั้งนั้น คุณมีหน้าที่รับฟังอย่างเดียว ผมมีเวลาให้คุณ 2 นาที อันดับแรกผมขอบอกให้คุณทราบว่า ผมเป็นทหารรับจ้างสัญชาติเดียวกับคุณ ขณะนี้ตกเป็นเชลยของข้าศึก โปรดอย่าถามว่า ผมติดต่อทางวิทยุได้อย่างไร ถ้ามีโอกาศดีกว่านี้ผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจ โปรดทราบ ตอน 6.00 น. ฐานของคุณจะโดนโจมตีด้วยกำลังพล 2 กองพัน ซึ่งขณะนี้มันกำลังจะเตรียมตัวเคลื่อนย้ายอยู่แล้ว ขอให้โชคดี ลาก่อน”
ประสาทของผมเขม็งเกลียวไปหมด สบตาขึ้นมาก็พบกองสิงห์นั่งตาแป๋วตะแคงหูฟังอยู่ก่อนแล้ว ผมตัดสินใจขานนามไฮโลสวนกลับไปหลายครั้ง ก้ไม่มีเสียงตอบมาอีก ผมเลยหมุนฟรีเควนซี่กลับที่เดิม
“จากคำบอกเล่าของเชลยศึกที่หนีพวกมันขึ้นมาบนฐานของผมเมื่อเดือนที่แล้ว เขาเล่าให้ผมฟังว่า วิทยุแบบ พี อาร์ ซี 77 พวกมันมีอยู่พะเรอเกวียนทีเดียว คงจะมีเชลยศึกคนใดคนหนึ่งแอบส่งข่าวมาให้พวกเราทราบก็อาจจะเป็นไปได้ หรือคุณคิดยังไง บิ๊กแมน”
กองสิงห์ย้อนถามผมขึ้นมา
“ผมคิดอะไรไม่ออกหรอกครับ บางทีอาจจะเป็นเพื่อนๆ แหกตาผมเล่นก้ได้ อย่างไรก็ดี ถ้าพรุ่งนี้ตอนเช้าเหตุการณ์เป็นจริงอย่างที่ไฮโลส่งข่าวมาให้ผมทราบมันก็เป็นปรากฏการณ์ที่แสนจะแปลกประหลาดสิ้นดี”
เพื่อความแน่ใจ ผมสอบถามไปยังกองพันต่างๆ ที่พรรคพวกประจำอยู่ทุกคนยืนยันว่า สถานการณ์เช่นนี้ไม่มีใครตลกกับผมแน่นอน มีบางคนสอบถามด้วยควงามสนใจว่า ไฮโลพูดอะไรมาบ้าง ผมก็เลยตัดบทออกไปว่ากระเซ้าเย้าแหย่ธรรมดาๆเท่านั้น
ดูเหมือนกองสิงห์จะมีความเชื่อมั่นเอามากทีเดียว รีบออกคำสั่งเป็นรหัส เรียก ผบ.หมวดทุกหมวดประชุมวางแผนการกันในทันทีทันใดเลยทีเดียว
ไม่ถึง 15 นาที กลุ่มทหารรับจ้างชั้น ผบ.หมวด และ ผบ.ร้อย ก้พร้อมที่จะรับคำสั่ง กองสิงห์ได้วางแผนให้เอาถังน้ำมันเบนซินสามถังที่เหลือตกค้างอยู่บริเวณบ่อน้ำครำขึ้นมาวางบนแนวกระสอบทรายด้านที่หันหน้าเข้าเนินอานม้า ต่อจากนั้นให้กลิ้งถังน้ำมันเบนซินขนาด 200 ลิตรลงไปทางลาดเบื้องหน้า โดยเว้นระยะต่อให้ห่างกันถังละ 20 เมตร
“ฐานของเราขณะนี้ ไม่มีรั้วลวดหนามพอที่จะกีดขวางหรือป้องกันการบุกเข้าโจมตีของพวกมันได้ ให้ ผบ.หมวดที่รับผิดชอบด้านที่มีถังน้ำมันเป็นผู้ประเมินสถานการณ์ว่า เวลาใดควรจะยิง เอ็ม.72 เข้าใส่ถังน้ำมันเบนซินอันนั้นสำหรับรหัสถอนตัวที่ใช้กันฟุ่มเฟือยจนข้าสึกมันรู้แกวก็ควรจะเปลี่ยนใหม่เสียที คราวนี้จะไม่มีคำว่า “อาภัสรา กิติยากร” อีกต่อไปแล้ว จะมีคำว่า “เลือดสุพรรณ” เข้ามาแทนที่สำหรับศรคีรี 5 และ ศรคีรี 6 ที่อยู่ข้างล่าง อั๊วเชื่อว่า “ไอ้ม้าแก่” มันคงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เอาตัวรอดได้ วิทยุเปิดกลับมาที่แอร์ทูกราวนด์ เอาละ แยกย้ายกันไปได้แล้ว อ้อ ...แล้วก็เตรียมเครื่องสนามพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายได้ทุกเวลา”
กองสิงห์กำชับอีกครั้ง
ถังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่จมอยู่บ่อน้ำครำข้างส้วม บก.พัน ถูกกลุ่มทหารรับจ้างลากขึ้นมา แล้วผลักกลิ้งลงไปบริเวณทางขึ้นตามแผนของกองสิงห์ นอกจากนั้นก็ยังมีถังน้ำมันเหลืออีกสองถัง กองสิงห์ก็เลยสั่งให้ทหารกลิ้งออกไปซ่อนเอาใว้บริเวณเส้นทางก่อนจะถึงปลายทางเข้าสู่กองร้อยที่สอง
ทุกสิ่งทุกอย่างได้เสร็จเรียบร้อยในสองชั่วโมงต่อมา ถ้าคำบอกเล่าของไฮโลเป็นความจริง ผมก็มีเวลาเหลืออยู่เพียงสามชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น แต่ให้ตายเถอะ ผมก็ยังเชื่อมั่นอยู่ว่า ไอ้เพื่อนพิเรนแกล้งกระเซ้าผมให้ตื่นเต้นอยู่นั่นเอง
เวลาแห่งการรอคอยได้ผ่านไป อย่างเชื่องช้าที่สุด ผมพยายามหลับตาข่มจิตใจให้หลับ ประสาทมันก็แข็งค้างโพลงอยู่เช่นนั้น มนตรีนั่งอยู่ใกล้ๆ งัดเอาสก็อตเทป ขึ้นมาพันแม็กกาซีน เอ็ม.16 ให้บริเวณก้นแม็กกาซีนติดกัน ด้วยประสพการณ์ของการฆ่าคนที่ผ่านมา ทำให้มนตรีสามารถดัดแปลงสิ่งเล็กๆน้อยๆให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ด้วยลักษณะดังกล่าวทำให้ความรวดเร็วในการเปลี่ยนแม็กรวดเร็วกว่าเก่าถึง 80 เปอร์เซ็นต์
ทุกวินาทีที่ผ่านไป ไม่มีใครเดาความคิดแต่ละคนที่นั่งกันหน้าสลอนอยู่ข้างๆผมได้หรอก
กองสิงห์ อาจจะคิดถึงความรับผิดชอบในฐานะผู้บังคับบัญชากองพันทหารรับจ้าง ที่บังเอิญทราบข่าวข้าศึกจะเข้าโจมตีฐานของตัวเองในชั่วโมงข้างหน้า ผู้พันคงจะวางแผนยับยั้งข้าศึกอย่างเต็มความสามารถ อย่างชนิดที่เรียกว่า พลิกตำราออกมาสู้กันเลย ความที่ขาดคู่คิด ทำให้กำลังใจของกองสิงหืไม่มดีเท่าที่ควร ตามปกติแล้ว “กองดี” (พ.ต. ประดิษฐ์ จันทร ขณะนี้ดำรงค์ตำแหน่ง ฝอ.3 กองพล 9 กาญจนบุรี) รองผบ.พัน คือมันสมองกองพัน 616 เป็นที่น่าเสียดาย กองดีครบกำหนดลาพักก่อนกองพัน 616 ถูกโจมตีเพียงไม่กี่วัน
“กองอิน” (พ.ต. เสรี ธรรมโหร ปัจจุบันสังกัด ร.พัน 3 ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา) หรือฝอ.3 ในตำแหน่งนายทหารผู้วางแผน จากอดีตเคยเป็นทหารเรือรุ่นประแสร์เกยตื้นที่เกาหลีมาแล้ว
กองอินเป็นคนอารมณ์ขัน ชอบกีฬาไก่ชนเป็นชีวิตจิตใจ แม้ขระเดินท่อมๆอยู่ในตลาดเมืองล่องแจ้งก็ยังเสาะหาไก่ชนจากชาวแม้วเป็นอาจิณ แน่นอนเหลือเกิน ในขณะนี้ ใครจะรู้ กองอินอาจจะนอนฝันถึงไก่ชนตัวของผู้กองอยู่ก็ได้
องครักษ์ของผู้พัน ส.ท.มนตรี วีระศิริ อาจจะนึกถึงอีตัวเด็ดๆที่บ้าน “ส.สงวน” ซึ่งเป็นแหล่งที่ทหารรับจ้างจะแวะเข้าเยือนเมื่อเครื่องบินแตะพื้นที่สนามบินอุดร ด้วยบำเหน็จรางวัลให้พักผ่อน 15 วัน อาจจะทำให้เพชรฆาตผู้นี้ลดความบ้าเลือดลงไปก็ได้ ใครจะรู้
ผมเหลือบมองดูนาฬิกาจากข้อมือของ กองสิงห์ที่ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ข้างๆ 04.45 น. เข้าไปแล้ว เวลาที่จะพิสูจน์คำพุดของไฮโลกระชั้นเข้ามาทุกที
มีเสียงเพลงเวียดนามเหนือ ที่ผมคาดว่า ออกมาจากเครื่องส่งวิทยุที่มีกำลังสูงสุดกังวานลั่นออกมาจากวิทยุ P.R.C. 77 ของฝ่ายเราและยิ่งทวีความดังมากขึ้นทุกที จนทำให้พนักงานวิทยุกองพันต่างๆเจี๊ยวจ๊าวสอบถามกันให้วุ่นไปหมด จนกระทั่ง บก.สิงหะสั่งเปลี่ยนความถี่ไปยังความถี่สำรองที่ตกลงกันเอาไว้
ไม่มีความถี่ไหนจะพ้นเสียงเพลงของเวียดนามเหนือไปได้หรอกครับ นี่เป็นเหตุผลที่บ่งเอาไว้ว่ารหัสลับที่ บก.ล่องแจ้งใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว บก.สิงหะไม่สามารถจะแก้ปัญหาได้ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย กลับมาใช้ความถี่เก่า ซึ่งขณะนี้นอกจากจะมีเสียงเพลงแล้ว ก็ยังมีเสียงเหล็กเคาะอลูมิเนียมดังเป็นจังหวะเพิ่มขึ้นอีก
“ผมบอกคุณแล้ว บิ๊กแมน คำพูดของไฮโลชักจะเข้าเค้าแล้วครับ ข้าศึกมันเริ่ม แจมมิ่ง วิทยุของเรา ก้เพื่อรบกวนมิให้ฝ่ายเราติดต่อกันได้ คอยดูเถอะครับ หกโมงเช้า พวกมันจะต้องแห่กันขึ้นมาบนฐานเราเป็นมดทีเดียว”
กองสิงห์ลุกขึ้นมาเอื้อมมือหรี่วอลลุ่ม จากเครื่อง ปิ๊ค 77 ให้เบาลงอีก
“ศรแดงจากศรดำ เปลี่ยน”
เสียง ไอ้แสบ พนักงานวิทยุของกองร้อยที่ 1 เรียกขานมายังกองพันด้วยน้ำเสียงเหน่อๆ แบบคนเมืองเพชร
“ศรดำจากศรแดง มีอะไรว่ามา”
พนักงานวิทยุ บก.พัน ที่อดีตเคยร่วมสถาบันเรือนจำเดียวกันมา สวนคำพูดตอบไปอย่างเบื่อหน่าย
“ศรแดง ...ไซป่อ...ซีท่อ...แซนป่อ...ซำต่อ...เสียวด่อ...ซี้หน่อ...แซ้วหล่อ...ซบหล่อ...สร้างข่อ...ซ้าหน่อ...ซ้าห่อ...รับข่าวได้หรือปล่าววะ ภาษาคนคุกที่มึงกับกูร่วมกันทำดิกชันนารี่ด้วยกันมา คราวนี้ถ้าไอ้แกวมันเข้าใจก็แสดงว่าพวกโคตรพ่อมันเคยติดคุกเมืองไทยมาแล้ว”
ด้วยรหัสที่ผมและกองสิงห์ไม่เคยได้ฟัง ณ ที่ใดมาก่อนเลย ด้วยความสงสัยจึงสอบถาม ก็ได้รับความรู้ใหม่ จากพนักงานวิทยุ บก.พันอีกว่า
“มันเป็นภาษาที่พวกมิจฉาชีพชอบพูดกันในสังคมพวกเขาง่ายๆครับ อย่างคำแรก ไอ้แสบมันส่งมาว่า “ไซป่อ” ถ้าเราผวนกลับ มันก็จะได้ “ส่อไป” ส่วนคำที่สอง “ซีท่อ” ผวนกลับอีกครั้งจะได้ความว่า “ส่อที่” คุณสังเกตุดูซีครับ ถ้าเราตัดคำว่า “ส่อ” ที่อยู่พยางค์หน้าออกความหมายที่แท้จริงจะอยู่พยางค์ รวมความที่ไอ้แสบ มันส่งข่าวมาถอดรหัสคุกออกมาแล้วครับ มันว่า ไปที่แบนด์ต่ำเดี๋ยวนี้แล้วลบข้างหน้าห้า”
ผมและกองสิงห์ก็เลยต้องหัวเราะออกมาด้วยความขบขันในความพิสดารของพนักงานเจ้าของนาม “ไอ้แสบ” ที่แสบพอๆกับชื่อของมันเลยทีเดียว
พอพนักงานวิทยุ บก.พัน หมุนความถี่ไปยังความถี่ที่ไอ้แสบบอกมา ก็ปรากฏว่าไอ้แสบไปรออยู่ตั้งนานแล้ว กำลังด่าพ่อล่อแม่อยู่พอดี
“ฉิบหาย พ่อแม่มึงตายหรือยังไงไม่รู้แหกปากร้องเพลงกันให้ลั่นไปหมด เฮ้ย ผู้พันท่านนอนหรือยังเพื่อน”
เสียงไอ้แสบ ถามหาเจ้านาย ที่มันยอมก้มหัวให้เพียงคนเดียวภายในกองพัน 616
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 06, 2015, 09:39:50 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11717 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2015, 10:36:47 AM »

  ห้วงคืนวันที่ 3 /8/58 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่   สังกัดส่วนกลางของภาคเหนือตอนบน ได้มาตรวจงาน สภ. แห่งหนึ่ง(กับคณะ..)ทางทิศใต้ของจังหวัดน่าน  ก็เลย...มีการพบป่ะ สังสรรค์ พูดความเก่าเล่าความหลัง ครั้งอดีต สมัยเรียนโรงเรียนประจำ (ตามประสาศิษย์เก่า  ปรินส์รอแยล  จ.เชียงใหม่ กันครับ)หมดตราดำ ไป 1 ลิตร บริบูรณ์  เยี่ยม

จากซ้าย โป้ ชาญวิทย์ และก็ผม(สมิง วังม่วง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 07, 2015, 01:44:40 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11718 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2015, 10:25:15 AM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือแค่ฟังคนอื่นเขามา"

กองพันมรณะ ตอนที่ 18


“สิงหะ จากมะม่วง 3 ตรวจการณ์พบแสงสองคู่พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ คาดว่าเป็นเสียงรถถังข้าศึกสองคันที่พิกัด T.G. 774635”
มีพนักงานวิทยุรายงานแทรกเสียงเพลงเวียตนามที่กำลัง “แจมมิ่ง” วิทยุของกองพันผมขึ้นมาทันที กองสิงห์หยิบแผนที่ขึ้นมาใช้ไฟฉายที่พรางด้วยพลาสติกสีแดง ส่องตรวจดูพิกัดที่กองพัน 604 พบรถถังพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาอย่างเคร่งเครียดว่า
“ปืนใหญ่ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ เพราะถ้า 401 ตรวจการณ์ไม่ผิดพลาด ขณะนี้รถถังอยู่ห่างจากทางแยก 300 เมตรเท่านั้น และบริเวณนนั้นเท่าที่ผมเคยพาทหารไปตรวจภูมิประเทศ มันเป็นเนินเขาที่มีเส้นทางพาดอยู่กึ่งกลาง ปืนใหญ่ยิงเข้าไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะมีปราการธรรมชาติคุ้มกันอยู่ข้างบนทั้งสองข้าง”
“ผู้พันครับ แสงไฟสว่างจ้าเลยครับ เสียงมันเร่งเครื่องถอยขึ้นเนินได้ยินชัดทีเดียว ผู้พันลองฟังดูซีครับ”
ผบ.หมวดที่อยู่เนินหัวช้างวิทยุเข้า บก.พัน
ผมพยายามตะแคงหูฟังก็ได้ยินเสียงหึ่งๆบริเวณเส้นทางที่ใช้เป็นทางคมนาคมจากซำทองไปยังล่องแจ้งอย่างถนัดหู ก็รีบรายงานขอเครื่องบินเข้า “เบาน์เดอร์” ทันที
“ศรแดง จากศรคีรี 5 ขณะนี้ไอ้รถถังที่มันจะขนสุราบานมาแจกพวกผมได้ใกล้เข้ามาแล้วครับ ก่อนจะถึงพวกผมก็ต้องเจอกับมะม่วง 3 เค้าก่อน ฝีมะม่วงจะแตกหรือไม่แตกก็อีตอนนี้ ผู้พันไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ M.72 เหลืออีกหนึ่งโหล ถ้าเอามันไม่อยู่ผมก็เห็นจะต้อง “โตน” ตามธรรมเนียมของเสือพรานนั่นแหละครับ”
จ.ส.อ. สรศักดิ์ พุดทรา ผบ.หมวดจอมสุรา “จ้อ” ขึ้นมาหาเจ้านายอีกครั้ง
“เต็มที่ ไอ้ม้าแก่ ลื้อก็ม้าเหล็กเก่านี่หว่า ม้าเหล็กกับม้าเหล็กย่อมรู้จุดอ่อนของมันดี ล่อให้ตีนตะขาบหลุดเป็นชิ้นๆเลย โชคดีเว้ย”
ไม่มีเสียงตอบจากม้าแก่ นอกจากเสียงสั่งงานทางวิทยุแว่วออกมาเท่านั้น
เสียงเครื่องยนต์ของมันดังฟังชัดขึ้นทุกขณะ บางครั้งก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงระเบิดของกระสุนปืนใหญ่ จากแคนเดิ้ลที่ปล่อยกระสุนข้ามตัวรถถัง ไปยังหุบเบื้องล่างเสียงก้องสนั่นไปหมดทั้งบริเวณ
เจ้าแสงมหาภัยปรากฏแสงวาบขึ้นอีกแล้ว คราวนี้มันแลบขึ้นติดๆกันสองจุดเลยทีเดียว ณ บริเวณหลังถ้ำ สนามบินซำทองพร้อมๆกับเสียงแหวกอากาศหวีดหวิวข้ามเนินทันเดอร์ ตรงลิ่วมายังเนินหัวช้างที่กองร้อยของผมตั้งฐานอยู่ทันที
เสียงกัมปนาทของมัน กึกก้องขึ้นสองครั้งซ้อนๆ วิถีกระสุนของมันตกลงบริเวณกึ่งกลางฐานปฏิบัติการพอดิบพอดี ถ้าเป็นการวางกำลังเหมือนครั้งแรก จุดที่กระสุนมันลงก็คือ บังเกอร์เก่าของ บก.พันนั่นเอง
นัดที่สามนัดที่สี่ก็ได้ทยอยติดตามมาอีกในระยะกระชั้นชิด คราวนี้ตำบลกระสุนตกเขยิบลงไปหน้าแนวสนามเพลาะด้านล่าง
ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น เจ้ารถถัง 2 คันก็พาตัวเองขึ้นมาจอดจังก้าอยู่บนเส้นทางที่เป็นเนินเล็กๆ พร้อมกับดับไฟหน้ารถที่สาดจ้าลงอย่างกระทันหัน ปืนประจำรถของมันเริ่มพ่นกระสุนขนาด 85 มม. ขึ้นมาบนฐานของเราทันทีและอีกนัดหนึ่งมุ่งทิศทางไปยังฐานชาร์ลี-กอล์ฟ ซึ่งเป็นที่ตั้งฐาน บก.ร้อย 1 ในช่วงระยะการยิงที่ติดต่อกันเป็นระยะ กองพันของผมโดนศึกหนักเสียแล้ว ไหนจะโดนกระหน่ำจากปืนใหญ่ ขนาด 130 มม. ซ้ำร้ายยังโดนปืนจากรถถังที่จอดจังก้าอยู่หน้าเนินยิงสลุตขึ้นมาอีก คำพูดของไฮโลยังก้องอยู่ในโสตประสาทของผมอยู่ตลอดเวลา อดที่จะชำเลืองดูนาฬิกาไม่ได้ อีก 20 นาทีจะครบห้านาฬิกาตรง...
อา...คำบอกเล่าของไฮโลกำลังจะเป็นความจริงขึ้นมาทุกขณะแล้ว
ความหวังของกองพันผมที่เหลืออยู่เวลานี้ก็คือ การรอคอยเครื่องบินทิ้งระเบิดที่จะมาจากวังเวียงเท่านั้น การสนับสนุนของฐานปืนใหญาแคนเดิ้ลซึ่งกำลังช่วยยิงยับยั้งรถถังข้าศึกอยู่ขณะนี้นั้น ปราศจากความหมายโดยสิ้นเชิง
ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นปราการธรรมชาติอู่เบื้องบนทั้งสองข้าง ช่วยคุ้มกันและป้องกันอำนาจการยิงของปืนใหญ่จากฝ่านเราเป็นอย่างดี
มิไยที่ปืนใหญ่ทั้ง 4 กระบอกจากล่องแจ้งจะช่วยกันซัลโวมายังที่ตั้งยิงของรถถังด้วยการยิงชนิดต่อเนื่องกัน เจ้ารถถังสองคันก็ยังคายพิษสงเข้าใส่ฐานปฏิบัติการของกองพันผมด้วยลักษณะ การยิงคลุมพื้นที่ไปทั่วเนินสกายไลน์วัน
แม้กระทั่งกองร้อยที่ 2 ซึ่งพบกับ “ดวงดี” อยู่ตลอดเวลาก็เริ่มพบกับอำนาจปืนจากรถถังของข้าศึกเข้าบ้างแล้ว
เอ็ม.72 หลายต่อหลายกระบอกที่ทหารรับจ้างประเคนเข้าใส่ อำนาจของมันเพียงแต่ทำให้ปราการธรรมชาติที่บังตัวรถอยู่พังหรือทลายลงไปเท่านั้น และเหมือนกับนกรู้ พอที่กำบังมันพังทลายลง เจ้ารถถังทั้งสองคัน ก็เขยิบเคลื่อนที่เข้าหาปราการธรรมชาติที่อยู่ถัดไปอีก เอาเถิดเอาล่อ จน เอ็ม 72 ที่มีอยู่จำกัดหมดเกลี้ยงในชั่วพริบตา
ท่านผู้อ่านครับ ลองหลับตาแล้วนึกภาพในปัจจุบันที่ผมกำลังเผชิญอยู่ซีครับ เสียงปืนใหญ่รถถังที่ดังติดๆกันไม่เว้นเลยเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม นอกจากนี้ยังจะมีเสียงลูกปืนใหญ่ขนาด 130 มม. และปืนรถถังของข้าศึกที่คำรามเป็นระยะๆ ในช่วงการยิงที่เว้นว่างไม่ถึงหนึ่งนาทีสอดแทรกขึ้นมาอีก
ให้คนประสาทแข็งแค่ไหน ก็ทนไม่ไหวหรอกครับ ผมเคยเห็นทหารรับจ้างที่ในอดีตเป็นเสือร้ายฆ่าคนเป็นว่าเล่น ติดคุกนับเป็นเวลาสิบๆปีขึ้นไป ได้รับอภัยโทษก็สมัครมารบในลาว เจอะสภาพและเหตุการณ์แบบนี้เข้า ให้แน่ขนาดไหนก็ไปไม่รอดหรอกครับ พี่แกซุกตัวนิ่งลงกับพื้นสนามเพลาะ ปลุกพระปลุกเจ้าตัวสั่นเป็นลูกนกเอาทีเดียว ขนาดพรรคพวกสะกิดให้โผล่ขึ้นมายิงประทะกับข้าศึกก้ไม่ยอม จะเอาแต่หมอบอยู่ในรูท่าเดียว
ผมเคยเจอะกับการยิงด้วยอาวุธหนัก เมื่อครั้งกองพัน 609 ละลายที่ทุ่งไหหิน ก็ยังไม่หนักเท่าสภาพของกองพัน 616 ซึ่งกำลังประสบอยู่ในขณะนี้
ถ้าเหตุการณ์ยังคงอยู่ในสภาพดังกล่าว กองพันของผมจะต้องถุกบีบบังคับให้ถอนตัวอย่างแน่นอน
06.00 น. ตรง เสียงอาร์ก้าก็เซ็งแระงมครวญครางขึ้นมารอบทิศ ปืนใหญ่และปืนรถถังของข้าศึกยุติการยิงเป็นปลิดทิ้ง
กลุ่มทหารเวียดนามเหนือที่ผมประมานกำลังพลไม่ถุก พรั่งพรูคลานยั๊วเยี๊ยขึ้นมาบนทางลาด ซึ่งขณะนี้เตียนโล่งปราศจากลวดหนามและวัตถุระเบิดที่วางดักเอาใว้อย่างสิ้นเชิง
จากกล้องสนาม ผมมองเห็นถังน้ำมันเบนซินสามถังที่ค้างอยู่ร่องสนามเพลาะ ที่ใช้สำหรับจุดซุมโจมตีเวลากลางคืนอย่างถนัดชัดเจน
ทหารรับจ้างของฝ่ายเราเริ่มตอบโต้ข้าศึกด้วยอาวุธทุกชนิดที่มีอยู่ในกองพัน
ในขณะเดียวกัน ปืนใหญ่จากล่องแจ้งก้หันทิสทางการยิงมาช่วยยับยั้งกลุ่มทหารราบข้าศึก ซึ่งขณะนี้คืบคลานใกล้ถังน้ำมันมาทุกที
เจ้าปืน 130 มม. ซึ่งสงบการยิงไปชั่วครู่เริ่มระดมการยิงอีกครั้ง คราวนี้เสียงหวีดหวิวของมันข้ามฐานของผมมุ่งหน้าไปยังเมืองล่องแจ้ง เพื่อเล่นงานฐานปืนใหญ่ของเราเข้าให้แล้ว
ฉากการดวลปืนใหญ่ก็ได้บังเกิดขึ้น แคนเดิ้ลและเฮอร์คิวลีสที่มีปืนถึง 4 กระบอก เบนทิศทางการยิงไปยังซำทองในทันทีทันใด
เสียงตึงตัง และเสียงแหวกอากาศของหางนำทิศที่ครวญครางข้ามฐานปฏิบัติการของผมไปมา เพิ่มบรรยากาศที่น่าระทึกใจยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ
“กองสิงห์จากศรดำ ข้าศึกประมานสองกองร้อย มี ค. 82 สนับสนุนเข้าประชิดฐานศรดำแล้วครับ ช่วยให้ ค 81 ที่ศรคีรีสนับสนุนผมด้วย”
พนักงานวิทยุกองร้อยที่ 1 ร้องขอความช่วยเหลือมายัง บก.พัน เมื่อตรวจการพบทหารราบข้าศึกเคลื่อนที่เข้ามา
กองสิงห์ยังไม่ทันสั่งการแต่ประการใด ศรคีรีซึ่งตั้งฐานอยู่บนเนินกลางของสกายไลน์วันก็ส่งข่าวเข้า บก.พันอีกครั้ง
“กองสิงห์ จากศรคีรี ข้าศึกประมาณ 2 กองร้อย พร้อมด้วย ปรส.82 ที่ตั้งสนับสนุนอยู่บนเนิน 274 เริ่มโจมตี ศรคีรีแล้วครับ”
“เอาล่ะ พวกมันเริ่มตะลุยพวกเราพร้อมๆกันทั้งสามกองร้อยเลยทีเดียว ผมบอกคุณแล้ว คำบอกเล่าของไฮโลมันช่างศักสิทธิ์อะไรเช่นนั้น ผมอยากรู้เหลือเกินว่า ขณะนี้ไฮโลจะรวมกลุ่มอยู่ในกลุ่มทหารราบของพวกมันหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาน่าจะติดต่อมาอีก”
กองสิงห์พึมพำพร้อมกับเอื้อมมือหยิบวิทยุขึ้นออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด
“ศรแดง ศรดำ ศรศรี ศรรัก จากกองสิงห์ ขณะนี้ สถานการณ์ของพวกเราตกอยู่ในภาวะที่จะต้องช่วยตัวเอง ขอให้ผู้บังคับบัญชาประเมินสถานการณ์ให้ละเอียดถี่ถ้วนที่สุด พยายามยันข้าศึกจนสุดความสามารถ ถ้าถูกบีบจนทนไม่ไหว อั๊วจะเป็นผู้สั่งการเอง”
ต่อจากนั้นกองสิงห์คว้า เอ็ม.16 สะกิดผมคลานออกไปสังเกตุการณ์ที่ติดกับทางลาด ที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มทหารข้าศึก ที่กำลังมุ่งหน้าขึ้นมาเป็นทิวแถว
ส่วนหน้าสุดของมันผ่านพ้นถังน้ำมันเบนซินขึ้นมาแล้ว และกำลังส่วนใหญ่ก็คืบคลานใกล้เข้ามาทุกที
“ประเดี๋ยวเถอะ มึงเอ๋ย พวกมึงจะต้องรู้รสเครื่องพ่นไฟชนิดพิเศษจากกองพันของกู”
กองสิงห์กัดกรามแน่น มองลงไปเบื้องล่างอย่างไม่กระพริบตาเลยทีเดียว
เอ็ม.72 ที่ถูกตระเตรียมเอาไว้เพื่อ “งาน” อันนี้โดยฉพาะ ถูกยิงลงไปพร้อมๆกันทั้งสามกระบอก ที่หมายก็คือถังน้ำมันที่เด่นอยู่เบื้องล่างในระยะห่างเพียง 50 เมตร
เสียงจรวดแม็กนีโตกระทบถังน้ำมันเบนซินด้วยเสียงระเบิดที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้งทุกคราว
อำนาจทะลุทะลวงของมัน ผ่านน้ำมันชนิดไวไฟที่อัดแน่นเป็นสูญากาศอยู่ภายในถังสังกะสีชนิดหนาทำให้เกิดแรงอัดอันมหาศาลพร้อมกับระเบิดขึ้นในทันทีทันใด
น้ำมันที่พุ่งทะลักออกมาแปรสภาพเป็นเปลวไฟที่มีความร้อนหลายร้อยองศา สาดกระเซ็นออกไปรอบทิศในระยะไม่น้อยกว่า 30 เมตร
กลุ่มทหารราบเวียดนามเหนือ ตกอยู่ในท่ามกลางกองไฟบรรลัยกัลป์เสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าถังน้ำมันเบนซินอีกสองถังที่อยู่ถัดออกไปก็ระเบิดขึ้นอีก ทำให้รัศมีของเปลวไฟพุ่งเข้ามาบรรจบกัน มองดูเหมือนกับกลุ่มไฟที่เกิดจากระเบิดนาปาลืมไม่มีผิด
มันเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นด้วยตามาก่อนเลย นอกจากในจอภาพยนต์เท่านั้น ทหารเวียดนามเหนือบางคนโซซัดโซเซออกมาจากกองไฟ ในสภาพที่เครื่องแต่งกายลุกโชนไปด้วยเปลวไฟที่ไหม้ลามเลียไปหมดทั้งร่าง และแล้วก็ล้มลงกับพื้นในลักษณะคว่ำหน้า ทั้งๆที่มีไฟลุกท่วมตัวอย่างนั้นเอง
กลิ่นเนื้อมนุษย์ย่างไฟ ปลิวขึ้นมาสัมผัสกับจมูกของผมถึงฐานปฏิบัติการ ความร้อนแรงของไฟนรกวาบเข้ามาถึงแนวกระสอบทราย จนกระทั่งหน้าตาของผมปวดแสบปวดร้อนไปหมด
กลุ่มทหารเวียดนามเหนือชงักการเคลื่อนที่ไปชั่วขณะ ความระส่ำระสายบังเกิดขึ้นทันที แต่ก็เป็นอยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น พออำนาจของเพลิงที่เกิดจากถังน้ำมันเจือจางลง พวกมันก็แห่แหนปีนภูเขาขึ้นมาหาเราอย่างบ้าคลั่งด้วยกำลังพลที่ทวีหนุนเนื่องเข้ามาเหมือนกับฝูงมด เอ็ม.16 ที่สาดกระสุนเข้าใส่ข้าศึกบริเวณเนินหัวช้างด้านชอร์ปเปอร์แพ็ดเงียบเสียงลง ด้วยความสงสัย กองสิงห์ตะโกนถามทันที
“ทำไมไม่ยิงมันลงไปวะ ปล่อยให้พวกมันซัดเราอยู่ได้ ยิงสิโว้ย”
“กางเกงขาดครับ ผู้พัน เหลือแต่กางเกงลิงเท่านั้น”
ผบ.หมวดตอบเป็นระหัสสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ฉิบหายแล้ว ลูกน้องผมกระสุนปืนหมด เหลือแต่เพียงระเบิดมือเท่านั้น จะไปหยุดอะไรพวกมันได้ อย่างดีจวกมันได้ 10-20 ลูกก้หมดแล้ว”
กองสิงห์อุทานขึ้นอย่างเดือดดาลใจ เขานิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก้ตัดสินใจออกคำสั่งขึ้นมาอย่างเฉียบขาด
“หมวด 3 หมวด 4 ที่อยู่หัวเนิน ถอนกำลังเข้ามาตั้งแนวอยู่ตรงบริเวณบังเกอรืเก่า บก.พันเก่า วางกำลังแนวยาวไปตามร่องคูเหล็ด ยันพวกมันเอาไว้ให้ถึงที่สุด ปฏิบัติได้”
ทหารรับจ้าง เผ่นขึ้นจากร่องสนามเพลาะทยอยกันถอยออกมาวางแนว ตามคำสั่งของกองสิงห์อย่างรวดเร็วทันอกทันใจ
“ไอ้ดำ เอาปืน เอ็ม.60 เข้าไปตั้งยิงข้าศึกที่กำลังจะขึ้นมาตรงบริเวณเนินหัวช้าง ระวังวิถีกระสุนหน่อยนะโว้ย อย่ากินซ้ายมากนัก เดี๋ยวจะไปโดนหมวด 2 เข้า
ไอ้ดำผุดลุกขึ้น ใช้มือขวาหิ้ว “คานจับ” ตรงกึ่งกลางตัวขึ้น มือซ้ายประคองขาตั้งวิ่งซิกแซ็กมุ่งหน้าไปตั้งฐานยิงหน้า บก.พัน ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 40 เมตร โดยไม่มีอาการรั้งรอใดๆทั้งสิ้น
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11719 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2015, 10:40:03 AM »

มีนางอาย มา แอบดู ด้วยครับ  

สมิง วังม่วง (+ 1 ซ่อนตัว) และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 07, 2015, 10:49:01 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11720 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2015, 12:44:26 PM »

อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือแค่ฟังคนอื่นเขามา

กองพันมรณะตอนที่ 19

ข้าศึกทะลักขึ้นมาถึงบริเวณ “ชอปเปอร์แพด” แล้ว พวกมันไม่มีอาการเกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น ส่งเสียงโห่ร้องวิ่งบุกตะลุยขึ้นมาบนแนวกระสอบทรายด้วยท่าทางกระเหี้ยนกระหือ
เสียงรัวเป็นข้าวตอกแตกจากน้ำมือของเจ้าดำส่งร่างทหารเวียดนามเหนือกระเด็นแวบหายไปจากแนวกระสอบทรายมองเห็นถนัดหูถนัดตา
พวกมันไม่ยี่หระหรอกครับ ไอ้ที่ตายก็ตายไปไอ้พวกที่อยู่ก็หนุนเนื่องเข้ามาอีก จนกระทั่งกระสุน 250 นัดของเจ้าดำเกลี้ยงเรียบวุธไปในชั่วพริบตา
“ถอนตัวเข้ามารวมที่ บก.พัน รวมทั้งหมวด 1 และหมวด 2 ด้วย”
กองสิงห์ตะโกนออกคำสั่งต่อไปอีก พร้อมกับหันมาพูดกับผมว่า
“ผมเห็นจะต้องถอนตัวแน่นอนครับ ทหารของพวกมันเกือบ 700 คน กองพันของเรายันไม่อยู่แน่ๆ ทาง บก.ล่องแจ้งจะคิดอย่างไรก็ตาม ผมจะต้องเอาความปลอดภัยของกองพันผมไว้ก่อน”
“ศรรัก 5 จาก ศรรัก 6 เป็นหน่วยตรึงกำลัง ศรรัก 1 ศรรัก 2 ศรรัก 3 ศรรัก 4 – เลือดสุพรรณ”
ด้วยรหัสถอนตัวเพียง 3 พยางค์ กลุ่มทหารรับจ้าง กองพัน 616 ก็เริ่มถอนตัวอย่างมีระเบียบแบบแผน
ด้วยอำนาจการยิงของกระสุนปืนจำนวนสุดท้ายเท่าที่มีอยู่ พากันสาดห่ากระสุนเข้าใส่ข้าศึกอย่างชนิดไม่ยั้งมือ สามารถหยุดข้าศึกให้หยุดนิ่งอยู่บนฐานบังคับการ บก.พัน ได้ชั่วคราว เป็นโอกาสให้ทหารรับจ้างกลุ่มใหญ่เคลื่อนย้ายไปเสริมกำลัง ณ กองร้อยที่ 2 ซึ่งขณะนี้ตกอยู่ในสภาพที่คล้ายคลึงกันทุกประการ
“กองสิงห์ จากศรดำ หมวด5 หมวด 6 กางเกงขาด กระต่ายไล่กัดหนู หมูป่าเขี้ยวหัก”
รหัสจากกองร้อยที่ 1 ทยอยส่งผลการปะทะเข้า บก.พันอยู่ตลอดเวลา
“กระสุนหมด ข้าศึกขึ้นมาบนฐาน ผบ.หมวด 5 บาดเจ็บสาหัส เอ... นี่ดวงของผมมันจะต้องถอนตัวลงจากเนินสกายไลน์เสียแล้วกระมัง”
กองสิงห์พึมพำออกมาเมื่อทราบข่าวการสูญเสียของผู้ไต้บังคับบัญชา
“ผู้พันครับ เครื่องบินทำงานอยู่ที่ปากเซ กว่าจะหมดภารกิจที่โน่น กองพันเราคงแหลกลาญไปหมดแล้ว ผู้พันตัดสินใจเองเถอะครับ ตามความคิดของผม ถ้าขืนอยู่ช้า ความสูญเสียก็ยิ่งจะเพิ่มเป็นทวีคูณ ผมคิดว่าผู้พันควรจะสั่งการตามที่เห็นสมควร แล้วสถานะการณ์ ผมก็รายงานให้นอร์แมนมันทราบแล้ว ขณะนี้อาการของกองพันเรา “ซีเรียส” จนอาจจะต้องถอนตัวในเวลาใดเวลาหนึ่ง”
“โอเค.ครับ ผมตัดสินใจถอนตัวเดี๋ยวนี้ เตรียมตัวได้ บิ๊กแมน”
กองสิงห์หยิบเป้สนามขึ้นสะพายหลังคว้าวิทยุขึ้นมาออกคำสั่งถอนตัวด้วยรหัสที่ซึมทราบกันดีทั้งสามกองร้อย
“ศรดำ ศรคีรี ศรรัก จาก กองสิงห์ เลือดสุพรรณโว้ย”
คำว่า “เลือดสุพรรณ” มันช่างศักดิ์สิทธิ์เสียจริงๆ กลุ่มทหารรับจ้างทั้งสามกองร้อยต่างก็สาดกระสุนชุดสุดท้ายเข้าหาข้าศึก แล้วเผ่นออกจากร่องสนามเพลาะมุ่งหน้าลงไปยังเส้นทางที่ใช้เป็นทางลาดตระเวน แฝงกายเข้าป่าทึบเพื่อรวบรวมกำลังเกาะกลุ่มเป็นขบวนต่อไป
มนตรีหิ้ว “ปิ๊ค77” วิ่งตามหลังผมมาติดๆ กระหืดกระหอบพูดขึ้นมาว่า
“รีบวิ่งมาเร็วๆหน่อยครับ ไอ้แกวควบจี๋ไล่กลุ่มของเราจวนจะถึงถังน้ำมันที่ซ่อนเอาไว้แล้ว ประเดี๋ยวผมจะฌาปนกิจพวกมันเอง บิ๊กแมนล่วงหน้าไปก่อนนะครับ ประเดี๋ยวค่อยเจอะกันข้างล่าง”
ผมยังไม่ทันอ้าปากพูด มนตรีก็ผละจากผม วิ่งย้อนกลับไปทางเดิมเสียแล้ว หูของผมได้ยินเสียงมนตรีกำชับกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มสุดท้ายที่วิ่งตามหลังผมมาให้เร่งฝีเท้าให้ห่างถังน้ำมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ผมวิ่งมาถึงเนินที่สูงที่สุดของกองร้อยที่ 2 ซึ่งขณะนี้กลุ่มทหารรับจ้างกำลังทะยอยลงจากเนิน มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่มองเห็นป่าทึบลิบๆอยู่ในหุบเขาเบื้องล่าง
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นได้ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นทางเบื้องหลังสามครั้งติดๆกัน ไม่ต้องหันไปดูผมก้พอที่จะเดาได้ว่า บัดนี้มนตรีได้จัดการกับถังน้ำมัน 3 ถังนั้นเรียบร้อยแล้ว
สักพักมนตรีก็วิ่งอกแอ่นมา กระหืดกระหอบละล่ำละลักพูดขึ้นว่า
“เละเทะไม่ต่ำกว่า 30 คนทีเดียวมึงเอ๋ย สมแค้นกูแล้ว ถ้ามีถังน้ำมันอีกซัก 4-5 ถัง กูจะเผาโคตรมึงให้หมดทั้งกองร้อยเลยทีเดียว บิ๊กแมนอยู่ไหนครับ เอาเป้สนามมาให้ผม ผมจะสะพายให้ รีบไปเถอะครับ”
มนตรียื้อแย่งเป้สนามที่ผมสะพายหนักอึ้ง อยู่บนหลังออกไปจนได้ ต่อจากนั้นผมและมนตรีก็ติดตาม ผบ.พันซึ่งเดินล่วงหน้าไปก่อนกับทหารคุ้มกันจำนวนหนึ่ง ด้วยเส้นทางที่มีความชันของมันไม่น้อยกว่า 70 องศาเลยทีเดียว
คงจะเป็นด้วยการถอนตัวของกองพันผมเป็นไปอย่างฉับพลัน จนฝ่ายข้าศึกไม่มีอกาสที่จะวางแผนจัดชุดซุ่มโจมตีอ้อมไปดักพวกเรายังเส้นทางที่กำลังใช้หลบหนีอยู่ในขณะนี้ได้
ฉะนั้น ทำให้เราหายพะวักพะวงในการเคลื่อนที่ไปมากเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี สภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเหวก็เป็นอุปสรรคแก่พวกเราอย่างเหลือคณานับ
พื้นดินที่เฉอะแฉะชั่วนาตาปี อุดมไปด้วยสัตว์มีพิษจำพวกงูจงอางที่หวงไข่ และทากที่ทำความรำคาญด้วยการดูดเลือดได้อย่างเจ็บแสบที่สุด
6 ชั่วโมงเต็มๆ ทีกองพันของผมเดินบุกลงไปในหุบลึก พอพ้นหุบขึ้นมาก็เจอะกับหน้าผาสูงชันขนาด 90 องศาขวางหน้าเข้าให้อีก
คราวนี้กองพันทหารรับจ้างของผมก้ต้องแปรสภาพเป็นกองพันลิงไปโดยปริยาย ทุกคนต่างช่วยตัวเองด้วยการห้อยโหนปีนป่ายข้ามหน้าผาสูงชันเพื่อหาทางข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามให้จงได้
กองสิงห์ตกที่นั่งลำบากมากกว่าเพื่อน ด้วยรูปร่างที่อ้วนใหญ่ น้ำหนักเกือบ 80 กิโลกรัม เป็นอุปสรรคอย่างมากในการขึ้นเขา
บรรดาลูกน้องต้องใช้เชือกมนิลามัดเอวกองสิงห์แล้วช่วยกันดึงทีละนิดทีละหน่อยกว่าจะถึงยอดหน้าผา กองสิงห์ก็นอนสลบไสลเพราะความกระหายน้ำตั้งหลายครั้งหลายครา
ส่วนผมอย่าบอกใครเลยครับ มันคงจะเนื่องจากความหิวโหยที่อาหารไม่ตกท้องเลยตลอดวัน บวกกับความเหน็ดเหนื่อยในการเดินทาง ผลลัพท์ของมันก้เลยเพิ่มความทารุณ จนกระทั่งผมหน้ามืดเกือบจะร่วงลงมาจากหน้าผาตั้งหลายครั้งหลายหน เดชะบุญมนตรีซึ่งขนาบข้างผมอยู่ตลอดเวลาช่วยค้วาเอาไว้ได้ทันท่วงที เกือบห้าโมงเย็นทหารรับจ้างของเราทุกกองร้อยจึงขึ้นมารวบรวมกำลังพลอยู่บนยอดหน้าผาซึ่งมีบริเวณกว้างขวางพอสมควร
จากยอดที่สูงที่สุดของหน้าผา ที่กองพันของผมมาพักอยู่ขนาดนี้ สามารถใช้กล้องสนามแรงสูงตรวจการณ์เห็นสภาพบนฐานปฏิบัติการบนยอดเนิน “ชาร์ลี-กอล์ฟ” ได้อย่างสบาย
มองเห็นแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของทหารราบเวียตนามเหนือที่กำลังสาละวนขุดสนามเพลาะดัดแปลงที่มั่นเพิ่มเติมกันสลอนไปหมด
กองสิงห์ให้ความเห็นว่า สถานที่ที่กองพันของเราพักอยู่ในขณะนี้ไม่ค่อยจะปลอดภัยเท่าใดนัก เพราะถ้าข้าศึกตรวจการณ์พบแล้วใช้ ปรส.เพียง 6-7 นัดยิงถล่มมา กองพันของเราก็จะพบการสูญเสียอีกมิใช่น้อย
อีกประการหนึ่ง ฐานปฏิบัติการของ ทชล. (ทหารชาติลาว) ที่กองพันของเราจะมุ่งหน้าลงไปเสริมกำลังก็ตั้งอยู่ไม่ห่างจากตีนหน้าผาเท่าใดนัก จากการประสานงานกันทางวิทยุ กองร้อยอิสระของกองพันทหารแม้ว 229 จะจัดส่งชุดต้อนรับมาคอยดักพบทหารของเราในบริเวณเส้นทางดังกล่าวอยู่แล้ว กองสิงห์จึงออกคำสั่งให้เคลื่อนย้ายกำลังทั้งหมดจากหน้าผาทันที
“มนตรีจัดชุดสลาตันของเอ็งล่วงหน้าไปก่อน หิ้ว PRC-77 ติดมือลงไปด้วย ใช้ความถี่ 42.50 ประสานการปฏิบัติกับกองร้อยของแม้วให้ดี เลือกภูมิประเทศที่จะใช้สร้างฐานปฏิบัติการแห่งใหม่ของกองพันเอาใว้ด้วย ประเดี๋ยวอั๊วจะตามลงไปทีหลัง”
กองสิงห์ออกคำสั่วงกับลูกน้องคู่ใจของเขา ที่ทำความสะอาดปืน เอ็ม.79 อยู่ใกล้ๆ
ไม่มีท่าทีที่แสดงออกถึงความอิดหนาระอาใจออกมาจากท่าทางของมนตรีแม้แต่น้อยนิด ผมเห็นมนตรีผุดลุกขึ้นยัดลูกปลายลงในลำกล้อง เอ็ม.79 กระแทกให้ลำกล้องเข้าล็อค พร้อมกับตะโกนเรียกหาลูกน้องของเขาเอ็ดอึง
“เฮ้ย ไอ้พวกที่ได้ลาพัก 15 วัน มีงานอีกแล้วโว้ย คราวนี้ไม่มีรางวัล มีแต่น้ำใจ ใครจะไปกับอั้ว ให้เวลา 10 นาที”
ไม่มีการบังคับขู่เข็ญ ไม่มีการออกคำสั่งบีบบังคับให้ปฏิบัติงานชุดสลาตันของมนตรีก็พร้อมที่จะไต่เขาลงไปยังภูมิประเทศเบื้องล่าง เพื่อพบกับชุดต้อนรับของทหารแม้วซึ่งเดินทางออกจากฐานมาคอยดักพบอยู่แล้วที่ตีนเขา
“อ้าว ไอ้นวยกับไอ้เล็กหายไปใหนวะ อั้วไม่เห็นหน้ามันเลยตั้งแต่ถอนตัว”
กองสิงห์เอ่ยขึ้นมาอย่างแปลกใจ ที่มองไม่เห็นมนุษย์บ้าดีเดือดทั้งสองคน ซึ่งตามปกติมักจะนำหน้าหน่วยสลาตันออกปฏิบัติการแทบทุกครั้ง
“ไอ้นวยกับไอ้เล็ก นอนเอวขาดอยู่หน้าบังเกอร์เก่าของผู้พันบน ชาร์ลี-ชาร์ลี โน่นแน่ะครับ ผมตะโกนบอกให้มัน “เลือดสุพรรณ” มันกลับแหกปากร้องว่า “มาด้วยกัน...ตายด้วยกัน...เลือดสุพรรณเอ๋ย” พอร้องจบ มันสองคนก็วิ่งขึ้นจากคูเหล็ดเข้าชาร์จข้าศึก ก็เลยโดนจรวดอาร์พีจีเข้าไปเต็มตัวทั้งสองคนเลยครับ ผู้พัน”
ทหารรรับจ้างคนที่เห็นเหตุการณ์ตอบออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา กองสิงห์นิ่งอึ้ง ดูท่าทางผูพันใจเพชรเสียอกเสียใจต่อการสูญเสียของทหารรับจ้างฝีมือดีทั้งสองคนนี้มากครับ
และเท่าที่ผมเคยทราบกิตติศัพท์จากกลุ่มทหารรับจ้างที่กล่าวขวัญถึงทหารกล้าตายทั้งสองคนให้ผมได้ยินอยู่เสมอว่า ทั้งอำนวยและเล็ก เป็นคนที่ชอบเครื่องรางของขลัง และมีความเชื่อมั่นในความเหนียวของเนื้อหนังของตัวเองเอาอย่างมากทีเดียว
โธ่ ผู้อ่านครับ ให้เหนียวแสนเหนียวขนาดไหนอย่าไปเที่ยวริ ลองของ กับจรวด อาร์พีจี เข้าเป็นขาดเลยนะครับ ถึงไม่ตายก็ตามทีเถอะ กระดูกกระเดี้ยวไม่มีเหลือหรอกครับ ขนาดรถยี.เอ็ม.ซี. ขนาดใหญ่โดนเข้าแต่ละครั้งยังพลิกคว่ำ แล้วนี่เนื้อหนังมังสาของมนุษย์มันจะทนทานอะไรไหว
การเคลื่อนย้ายทหารทั้งกองพันลงจากหน้าผาได้เริ่มขึ้นในชั่วโมงนั้นเอง เนื่องจากสภาพของอากาศชักจะสลัวลงทุกที ทำให้การเคลื่อนย้ายทุลักทุเลเป็นอย่างยิ่ง
บางคนถูกแง่อันแหลมคมของหินบาดมือบาดเท้าเป็นแผลลึก เสียงหม้อสนาม ปืนเอ็ม.16 เอ็ม.79 ถูกทหารรับจ้างโยนทิ้ง เสียงกระทบกับก้อนหินดังเกรียวกราวไม่ขาดระยะ
อุปกรณ์การรบยิ่งทวีความหนักมากขึ้นทุกที บางคนทิ้งแม้กระทั่งเป้สนามที่สพายอยู่บนหลัง หนักๆเข้าถึงกับถอดเสื้อ “แจ็คเก็ตฟิลด์” ที่สวมกันหนาวอยู่ออกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี
ส่วนผมโยนปืน เอ็ม.16 ทิ้งตั้งแต่ก่อนจะขึ้นหน้าผา พอถึงกลางหน้าผาก็ต้องทิ้งเป้สนามที่บรรจุผเห่มส่วนตัวอันหนักอึ้งลงไปอีก
สำหรับวิทยุ พีอาร์ซี-77 เป็นตายอย่างไรผมก็ไม่ยอมทิ้ง เพราะนอร์แมน เจ้านายของผมตีราคาเอาใว้ถึงสองหมื่นห้าพันบาท วิทยุระยำ ราคายังกะทองคำ
กว่าจะลงถึงตีนเขาได้ ก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม ทุกคนนอนแผ่หราอยู่กับพื้นด้วยความเหน็ดเหนื่อยสุดชีวิต บางคนเกิดอาการคลุ้มคลั่งร้องตะโกนโหวกเหวก กราดกระสุนปืนซึ่งพอจะมีหลงเหลืออยู่ในแม็กกาซีนออกไปรอบทิศทาง เล่นเอาเพื่อนฝูงที่นอนพังพาบอยู่ลุกขึ้นวิ่งเผ่นกันป่าราบไปคนละทาง กว่าจะเข้าใจกันได้ก็เล่นเอาชุลมุนวุ่นวายไปพักใหญ่
“ให้กองพัน 616 รวบรวมกำลังพล เพื่อเข้าตีเนินสกายไลน์คืนจากข้าศึก”
นี่คือข้อความที่พนักงานวิทยุเพิ่งจะถอดรหัสออกมาจากข่าวของ บก.ล่องแจ้ง เมื่อได้รับการติดต่อเป็นอันดับแรก
อนิจจา กองพันของผม เปรียบเสมือนกองพันมรณะอย่างแท้จริง...รอดตายมาหยกๆ บก.ล่องแจ้ง ก็ยังเสือกไสให้ขึ้นไปผจญกับความตายอีกแล้วหรือนี่?
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11721 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2015, 09:46:59 AM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามาเรื่องมันจะไม่จบเอาน่ะ"

 เลือดท่วมปฐพีที่แม่น้ำงึม ตอนที่ 3
ทหารรับจ้างในสมรภูมิลาวมีหลายชนิด หลายประเภท ความใกล้ชิดกับทหารเหล่านี้ทำให้ผมพบเห็นบุคลิก และลักษณะท่าทาง ของทหารรับจ้างขี้โอ่บางคนเข้าอย่างช่วยไม่ได้...
ทหารรับจ้างที่เก่งกล้า รบอย่างดุดันเหี้ยมเกรียม ฆ่าไอ้แกวเป็นผักปลา แต่พอเขาเหล่านั้นกลับมาพักผ่อนยังประเทศไทย อากัปกริยาท่าทางของพวกเขาเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
“เงียบขรึม” ไม่ค่อยจะสุงสิงหรือพูดคุยกับใครมากนัก... เมื่อถามถึงเหตุการณ์สู้รบในสมรภูมิลาว พวกเขาก็จะคุยถ่อมตัวอยู่ตลอดเวลา
ส่วนในทิศทางที่ตรงกันข้าม ทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่งซึ่งทำหน้าที่อยู่ส่วนหลัง ร้อยวันพันปีไม่เคยขึ้นไปแนวรบ หน้าที่ที่ผ่านไปในแต่ละวันหนึ่งๆก็คือหุงอาหาร ขนของส่งสนามบิน เป็นเจ้าหน้าที่คลัง
แต่พอได้พักผ่อน พ่อเจ้าประคุณเหล่านี้แหละครับ ที่คุยโขมงโฉงเฉงเอ็ดตะโรลั่นรถโดยสาร โอ้อวดพร้อมกับคุยถึงความเก่งกล้าที่ตัวเองเข่นฆ่าทหารเวียตนามเหนือมาอย่างเหลือคณานับ
บางครั้งก็จับกลุ่มดื่มสุรา แต่งกายกันด้วยชุดเครื่องแบบที่พิศดาร ด้วยการมีผ้าร่มชูชีพสีต่างๆพันศรีษะ แถมพกมีดดาบปลายปืน เดินยืดอวดสาวๆด้วย “มาด” ที่ผมมองดูแล้วอยากจะกระโดดถีบหน้าด้วยความ “เอียน” สุดประมาน
ทหารรับจ้าง(บางคน)ที่ขี้โอ่เหล่านี้เกิดเคราะห์หามยามร้าย แส่ไปสะดุดตีนจิ๊กโก๋อุดร ที่เหลือร้ายเข้า ก็เลยเกิดสงครามกลางเมือง ล่อกันวุ่นวายไปทั้งตลาดเมืองอุดร
ทหารรับจ้างที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่พอเห็นเพื่อนฝูงโดนกระทืบ ไอ้ความรักพวกรักพ้อง คนดีๆก็เลยต้องกระโดดเข้าไปร่วมวงกับคนนิสัยชั่วๆไปอย่างช่วยเหลือไม่ได้
ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ เรื่องจริงที่ผมนำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านทราบถึงความเป็นไปที่แท้จริงนี้ มันอาจจะกระทบกระเทือนจิตใจทหารรับจ้างบางกลุ่มที่มีนิสัยชั่วๆชอบคุยโอ้อวด ระรานชาวบ้านอยู่บ้าง...
และก็บางที “สยุมภู ทศพล” อาจจะโดนเหยียบปากเพราะความปากหมาก็อาจจะเป็นได้ แต่ สยุมภู ทสพล ก็พร้อมแล้วที่จะรับสถานะการณ์เหล่านั้น เพราะมันเป็นความจริง และเรื่องจริงใช่ไหมครับ....เพื่อนฝูง?
ผมกระโดดลงมาจากชอปเปอร์โดยลำพัง นอกจากวิทยุ HT-2 ระบบ กราวนด์-ทู-แอร์ และปืน M-16 แล้วทั่วทั้งตัวของผมก็มีเพียงสายกระสุน “หนึ่งเบสิกโหลด” ที่สะพายขวางอยู่กึ่งกลางหน้าอกเท่านั้น
ชอปเปอร์ดึงตัวเองขึ้นจากพื้นถนน แล้วบินตีวงกว้างขึ้นไปคุมเชิง อยู่เบื้องบนในลักษณะการบินที่สูงลิบ
ผมดึงสายอากาศ “เฮช-ที-ทู”ออกจนสุด เปิดสวิทช์ให้ทำงาน เสียงนักบินเรียกขานชื่อผมออกมาพอดี
“โฮเต็ล-แทงโก้ จาก บิ๊กแมน ไม่ต้องคุ้มกันผมหรอกครับ บินถ่วงเวลารอให้ผมตกลงกับทหารพวกนี้เสร็จสิ้นก่อน แล้วผมจะบอกเองว่าคุณจะต้องปฏิบัติอะไรต่อไป”
ผมเดินขึ้นไปนั่งอยู่บนก้อนหินข้างๆทาง เมื่อมองลงไปยังเส้นทางที่หักมุมข้อศอกที่อยู่เบื้องล่าง ผมก็มองเห็นกลุ่มทหารรับจ้าง 10 คนวิ่งเหยาะๆเกาะขบวนมุ่งหน้าขึ้นมาหาผม บางคนในกลุ่มส่งเสียงตระโกนโหวกเหวกโบกไม้โบกมือให้ผมด้วยอากัปกริยาที่แสดงถึงความดีอกดีใจ
ใกล้เข้ามาทุกขณะ จนกระทั่งผมสามารถจำหน้าทหารเหล่านั้นได้ คนที่วิ่งนำหน้าสุดชื่อ ส.ต.อาษา จิตต์เที่ยงตรง เป็นรองหัวหน้าชุดยิงหมวด 3 กองร้อย 1 ลูกน้องของรองพายับนั่นเอง
หมู่อาษาตระโกนเรียกชื่อผมลั่น แล้ววิ่งนำหน้าทหารรับจ้างทั้งหมดเข้ามารุมล้อมยกมือไหว้ผมด้วยอาการเคารพอย่างจริงใจ
“ขอโทษด้วยครับ บิ๊กแมน ไม่รู้จริงๆว่า คุณบิ๊กแมนมากับชอปเปอร์เครื่องนี้ด้วย เห็นมันบินวนต่ำลงมาทำท่ายังกับจะต้อนพวกเรากลับ ผมก็เลยสั่งไอ้นวยยิง M-60 ขึ้นไป...ขอโทษด้วยครับ”
ผมเอื้อมมือออกไปตบหลัง ส.ต.อาษา ค่อนข้างแรงแล้วหัวเราะออกมาดังๆ
“M-60 เล่นเอาหมวกเหล็กของทหารรับจ้างคนนึงเยินไปหมดทั้งแถบ เดชะบุญแฉลบออกไป คุณรู้มั้ย กระสุนเสียดก้นผมไปนิดเดียวเท่านั้น ...เออ... อาหารจำพวกเรชั่นพอจะเหลืออยู่อีกกี่วัน”
“โอ้ย...คุณบิ๊กแมน มันจะเอาอะไรมาเหลือ ล่อกันบนยอดเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี โน่น เรียบวุธหมดแล้ว พวกผม 105 คน ไถอาหารพวกแม้วมันกินมาตลอดทาง คุณบิ๊กแมนช่วยแก้ปัญหาให้ผมด้วยครับ”
ส.ต.อาสา จิตต์เที่ยงตรง รองหัวหน้าชุดยิงตอบผมพร้อมกับหันไปดูขบวนทหารรับจ้างที่กำลังเดินพ้นมุมข้อศอกออกมาพอดิบพอดี
“ผมได้รับคำสั่งจาก บก.ล่องแจ้ง ให้มารับพวกคุณกลับ ถ้าเราจะเดินทางกลับล่องแจ้งเดี๋ยวนี้ ผมคิดว่า ตอนค่ำๆ ก็คงจะถึง”
“ไม่มีทาง คุณบิ๊กแมน ผมตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ผมสงสารผู้พันของผม ทั้งที่ขาดอาวุธและการสนับสนุนจากหน่วยเหนือ ผู้พันก็ยังสู้...สู้ด้วยน้ำใจของชายชาตินักรบ ไอ้พวกผีห่าซาตาน บก.ล่องแจ้ง มันกำลังวางแผนที่จะต้อนพวกผมกลับไปเพื่อรวบรวมกำลังยึดยอดเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี กลับคืน มันจะมีประโยชน์อะไรครับ บิ๊กแมน ทุกชีวิตที่สูญเสียลงไปข้างบนโน้น มันเป็นบทเรียนราคาแพงของพวกเราอยู่แล้ว พวกผมจะเดินทางไปนาซู และหาหนทางบุกป่าฝ่าดงกลับเมืองไทย พอกันทีกับสงครามที่บัดซบ สงครามห่าเหวที่รบกันฆ่ากันเหมือนผักปลา พวกผมเซ็งแล้วครับ จุ๊ๆ บิ๊กแมน พวกผมกำลังสงสัยพฤติการณ์พวกแม้วกลุ่มหนึ่งที่ร่วมเดินทางมากับพวกเราด้วย มันสังหรณ์ใจพิกลๆ รูปร่างของพวกมันเหมือนๆกับไอ้แกวที่ขึ้นมาจวกกับเราบนยอดเนิน ชาร์-ชาร์ลี ไม่มีผิด โน่นพวกมันอยู่ท้ายขบวนโน่น”
ส.ต.อาษา ชี้มือให้ผมมองดูแม้วกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผมกะด้วยสายตาอย่างคร่าวๆ ไม่เกิน 15 คน สพายพะรุงพะรัง ก้มหน้าก้มตาเดินอยู่ท้ายขบวน ด้วยท่าทางเนือยๆ ไม่สนใจกับใคร
ผมละความสนใจจากสิ่งรอบด้าน พุ่งสายตามองดูขบวนแม้วกลุ่มนั้นอย่างพิจารณา จนลืมที่จะหันไปทักทายกลุ่มทหารรับจ้างที่ตะโกนเรียกชื่อผมกันให้แวดไปหมด
ประสาทลึกลับส่วนที่หก กระตุ้นจิตสำนึกของผมให้บังเกิดความสังหรณ์อีกครั้ง มันเป็นสิ่งแปลกประหลาดที่สุดในชีวิตของผมที่ยังพิสูจน์ไม่ได้มาจนกระทั่งทุกวันนี้
แทบทุกครั้งที่มีเหตุการณ์เลวร้าย ผมจะต้องบังเกิดอาการดังกล่าวขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน กล้ามเนื้อตรงบริเวณหน้าอกสั่นกระตุก เหมือนกับจะเป็นตะคริว ตาข้างซ้ายเขม่นยิบยับติดต่อกันเป็นระยะๆ
ผมพยายามสังเกตุดูสิ่งผิดปกติในร่างกายและชุดเดินทางของพวกแม้วต้องสงสัยพวกนั้น ด้วยความรอบคอบกว่าทุกครั้ง
แนบเนียนด้วยท่าทางและลักษณะของชาวแม้วทั่วๆไป จนผมมองไม่เห็นความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น
กระชุที่สะพายอยู่บนหลัง แน่นเอี๊ยดไปด้วยสัมภาระที่ห่อด้วยเศษผ้าอย่างมิดชิด
แม้กระทั่งภาษาแม้วที่พวกเขาคุยกันในขณะเดินผ่านพวกผม ก็ชัดเปรี๊ยะเหมือนกับประชาชนชาวแม้วที่ผมเคยพบเห็นทั่วๆไปในหมู่บ้านต่างๆของสมรภูมิลาว
สองสามคนในกลุ่มหลบตาผมเหมือนกับมีพิรุธ จิตสังหรณ์ดังกล่าวทำให้ผมรีบส่งวิทยุเป็นโค๊ตให้กับนักบินผู้ขับขี่ชอร์ปเปอร์ทันที
ข่าวของผมถึง นอร์แมน และ กองสิงห์โดยเฉพาะ
ด้วยความผูกพันที่ผมมีอยู่กับทหารกองพันนี้ ทำให้ผมบังอาจสร้าง “สิ่งแวดล้อมเท็จ” ขึ้นมา เพียงเพื่อจะช่วยให้สถานะการณ์อันเลวร้ายให้กับทหารกลุมนี้ เท่านั้นเอง
ขณะนี้ทหารกลุ่มดังกล่าว ต้องตกอยู่ในสภาพ “หนีทัพต่อหน้าอริราชศัตรู”
กฎของศาลอาญาศึกก็คือ “ยิงเป้า” หรือจำคุกตลอดชีวิต
ข่าวของผมที่ส่งออกไป คงจะสร้างความตื่นตลึงให้กับ “บาวเดอร์-คอนโทรล” และ บก.ล่องแจ้งอย่างมากมายเลยทีเดียว
ผมบรรยายถึงการแทรกซึมของทหารเวียตนามเหนือที่กำลังจะดำเนินการโจมตีสนามบินนาซู ด้วยการปลอมตัวเป็นประชาชนแม้ว ร่วมขบวนไปกับทหารรับจ้างชุดที่ผมกำลังติดต่อประสานงานอยู่นั้น ท้ายสุดของข่าว ผมยืนยันว่า ทหารรับจ้างชุดนี้ รู้ความลับแล้ว และกำลังย้อนสวมรอยคุมเชิงทหารเวียตนามเหนือ ด้วยการประกบตัว มุ่งหน้าไปยังสนามบินนาซู เพื่อหวังที่จะจัดการแบบล้างขุมกำลังของพวกมัน ซึ่งอาจจะเคลื่อนย้ายติดตามไปในภายหลัง
ตัวของผมเองขออนุมัติร่วใน ขบวนการทหารรับจ้างชุดนี้ด้วย นอกจากนั้น ผมยังขอการสนับสนุน “เรชั่น” ด้วยการให้ชอปเปอร์นำไปทิ้งให้ก่อนจะข้ามแม่น้ำงึม และพร้อมๆกันนั้น ให้ทาง บก.ล่องแจ้ง แพ็ค ระเบิดมือ M.26 กระสุนปืน M-16,M-60,แฟลร์กระทุ้ง,ควันสัญญาณ,ตลอดจนปืนจรวด M-72 ซุกซ่อนมากับกล่องเรชั่นดังกล่าวด้วย
ชอปเปอร์บินกลับไปแล้ว ผมกับ สต.อาษา จิตต์เที่ยงตรง เลือกทหารรับจ้างฝีมือดีอีก 5 คน ทำหน้าที่ประกบแม้วชุดดังกล่าวด้วยการถ่วงเวลาเดินอ้อยอิ่งอยู่ท้ายขบวน
ถนนที่ซี.ไอ.เอ. ลงทุนสร้างให้กับประเทศลาวตามโครงการขยายสงครามอินโดจีน เพื่อเหตุผลทางการเมืองที่ยอกย้อนได้รับการสร้างอย่างขอไปที ขอบภนนโดนพายุฝนซึ่งกระหน่ำอยู่ชั่วนาตาปี พังทะลายลงหลายต่อหลายแห่งและบางแห่งทำท่าจะหลุดขาดออกจากกันอย่างน่ากลัว
เส้นทางวกเวียนอยู่บนภุเขาอย่างน่าเวียนหัว น้ำตกขนาดใหญ่ปรากฏเห็นชัดอยู่บนหน้าผาทางขวามือสุดของยอดเขา ความรุนแรงของสายน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผาที่สูงชันทำให้บังเกิด เสียงอึกทึกครึกโครมดังสนั่นหวั่นไหว
แสงอาทิตย์ที่กระทบกับละอองน้ำ บังเกิดสีสันแพรวพราวเหมือนกับรุ้งกินน้ำที่งดงามจับตา
ทหารรับจ้างเดนตายบางคน ใช้ลูกตื๊อจีบสาวแม้วซึ่งร่วมเดินทางมาด้วย และความพยายามของเขาเหล่านั้น ก็ดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย
สาวแม้วใจถึงเหล่านั้นให้ความสนิทสนมด้วยเป็นอย่างดี บางคู่ก็เดินคลอเคลียพะยักพะเยิดบุ้ยใบ้ คุยกันด้วยท่าทางซึ่งแสดงออกถึงความสุข บางครั้งถึงกับกอดจูบกันอย่างเปิดเผย โดยไม่แคร์ต่อสายตาใดๆทั้งสิ้น
ทหารรับจ้างฉุดสาวแม้วหายแวบลงข้างทาง แทนที่สาวๆแม้วเหล่านั้นจะขัดขืน พวกเธอกลับเดินนำหน้าลิ่ว แถมบางคนยังผละจากสามีลงไปมั่วกับทหารรับจ้างอย่างไม่ละอายแก่ใจ
ผู้ชายแม้วนั่งรอเมียของตนอยู่บนขอบถนน แถมงัดบ้องฝิ่นขึ้นมาบรรจงสูบอย่างใจเย็น ชั่วอึดใจ กลิ่นหอมหวลของแม่ทองดำก็อบอวลไปทั่วบริเวณ
ซักพักใหญ่ๆ ผมก็มองเห็นสาวแม้ว หน้าระรื่นออกมาจากป่าเสือหมอบข้างๆทาง ตามติดออกมาด้วยทหารรับจ้างที่เหงื่อแตกซิกไปทั้งร่าง ตาของผมไม่ฝาดไปหรอกครับ ผมเห็นสาวแม้วยื่นธนบัตรของรัฐบาลไทย ซึ่งมีค่าไม่น้อยกว่า 30 บาท ส่งให้กับสามีของเธอที่นั่งสูบฝิ่นด้วยความใจเย็นอยู่นั้น
แม้วหนุ่มเอื้อมมือรับธนบัตรใส่กระเป๋าแล้วพะยักพะเยิดให้เมียของตัวในทำนองให้ออกทำงานต่อไปอีกครั้ง
สาวแม้วผละจากทหารรับจ้างคู่ขา เดินตรงเข้าไปหาทหารรับจ้างคนอื่นๆต่อไปอย่างไม่เคอะเขิน
สองชั่วโมงผ่านไป กระเป๋าทั้งสองข้างของแม้วขี้ยาคนนั้นก็แออัดยัดเยียดไปด้วยธนบัตรนาๆชนิด
อนิจจา สภาพบ้านของบ้านเมืองที่ประสพกับภาวะสงครามจนบ้านแตกสาแหรกขาด อดอยากยากแค้นถึงกับต้องบังคับให้เมียของตัวเองขายตัวกินเชียวหรือนี่?
แม้กระทั่งสาวแม้วที่เพิ่งจะผ่านพ้นวัยมีเมนส์ มาเพียงเล็กน้อยก็ยังต้องกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของตัวเองและครอบครัว
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11722 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2015, 09:48:59 AM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา"

 เลือดท่วมปฐพีที่แม่น้ำงึม ตอนที่ 4
เงิน เงินตัวเดียวเท่านั้น ที่มีค่าที่สุดในยามนี้ ทหารรับจ้างบางคนที่ถังแตกก็แก้ปัญหาด้วยการ ขายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในความรับผิดชอบของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นปืน M-16 อาวุธคู่มือ มีดดาบปลายปืน, เป้สนาม, เสื้อกันฝน หรือแม้กระทั่ง เสื้อแจคเก็ตฟิลด์เก่าคร่ำคร่า
ก็พ่อค้าสงครามชาวแม้วอีกนั่นแหละครับที่พากันรับซื้อของเหล่านั้น
กดราคาหยั่งกับหลงจู๊โรงจำนำ ปืน M-16 ค่อนข้างใหม่ พ่อค้าแม้วหน้าเลือดให้ราคาเพียง 300 บาทเท่านั้น ดาบปลายปืน 30 บาท เป้สนาม 20 บาท เสื้อกันฝน 20 บาท แจ็คเกตฟิลด์ 60 บาท คือราคามาตรฐานที่พ่อค้าแม้วหน้าเลือดได้กำหนดเอาใว้
ถ้าทหารรับจ้างไม่ต้องการเงินเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน พ่อค้าสงครามเหล่านี้ ก็จะบริการสาวแม้วในขบวนให้เสมือนหนึ่งอย่างจะรู้ใจซึ่งกันและกัน
ทหารรับจ้างบางคนที่บังเอิญมีเงินเหลือเฟือก็เลยรับซื้อปืนพกที่ราคาถูกอย่างน่าใจหาย จากเพื่อนๆเอาใว้ด้วยสนนราคากระบอกละไม่เกิน 700 บาท
และไอ้เงินดังกล่าวนี้ มันก็จะละลายหายวูบไปกับอีตัวแม้วเนื้อแน่นปั๋ง และวงไฮโลที่ผุดขึ้นมาเหมือนกับดอกเห็ด
ใครจะมีความสามารถยับยั้งกลุ่มทหารเดนตาย ที่มีอาวุธครบมือนี้ได้ ขืนผมเข้าไปวุ่นวายกับพวกเขามากเกินไป ดีไม่ดีจะโดนยิงทิ้งเอาเสียดื้อๆก็อาจจะเป็นได้
ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ผมไม่กล้าเข้าไปตักเตือนพวกเขาหรอกครับ แม้กระทั่งผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นของเขาเองยังสั่งไม่ได้ แล้วผมเองซึ่งตามตำแหน่งของการบังคับบัญชาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทหารรับจ้างเหล่านี้ แม้แต่นิดเดียว จะไปสั่งเขาได้อย่างไรกัน
ด้วยแผนงานที่ผมย้อนรอยทหารเวียตนามเหนือที่อยู่ในคราบของแม้วอพยพเอาใว้ ทำให้ผมต้องอดทนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง พร้อมกับทำตัวเองให้อยู่ในสภาพเดียวกับสิ่งแวดล้อมเมือนหนึ่ง”ตกบันไดพลอยโจน”
อย่างไรก็ดี ทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่งซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า 15 คน ก็ทราบแผนการของผมเป้นอย่างดี และทุกคนก็พร้อมที่จะเสี่ยงตาย เพื่องานชิ้นนี้กับผมอย่างใจจริง
หกชั่วโมงผ่านไป ดวงอาทิตย์หายลับไปจากสันเขา บรรยากาศรอบๆด้านเริ่มมัวซัวลงอย่างรวดเร็ว แม่น้ำงึม ทอดตัวเองอยู่ลิบๆที่ตีนเขาเบื้องล่าง
ผมกับทหารรับจ้างจำนวนหนึ่งเคลื่อนที่ล่วงหน้าขึ้นไปก่อนตามแผนที่วางเอาไว้กับนอร์แมน กล่องเรชั่นที่แพ็ครวมกันมากับอาวุธนานาชนิดกองระเกะระกะ อยู่ ณ บริเวณริมแม่น้ำ
อา.....นอร์แมน และกองสิงห์รับทราบและตกลงในแผนการที่ผมเสนอไปแล้วอย่างไม่มีเงื่อนไข
ชอปเปอร์คงจะบินมาดร็อปเรชั่นดักหน้าพวกผมเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่ตะวันจะตกดิน
ผมแบ่งเรชั่นออกเป็นสัดส่วน เพื่อที่จะแจกจ่ายให้กับทหารรับจ้าง และประชาชนแม้วอพยพในโอกาสต่อไป
อาวุธทุกชนิดถูกนำไปซุกซ่อนเอาใว้ตามภูมิประเทศรอบๆแม่น้ำงึมอย่างมิดชิด
“บิ๊กแมน แพข้ามแม่น้ำโดนระเบิดพังทะลายหมดเลยครับ ทั้งสองแพจมน้ำอยู่โน่น”
ทหารรับจ้างคนหนึ่งตะโกนบอกผมเสียงหลง ผมใจหายวาบ วิ่งหรวดออกจากกองเรชั่นมุ่งหน้าไปยังริมฝั่งแม่น้ำงึมซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 50 เมตร ด้วยหัวใจที่เต้นโครมครามแทบจะระเบิดออกมานอกทรวงอก
แพขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกรถยนต์ได้แพละ 3 คัน เอียงกระเท่ดเร่อยู่ห่างจากชายฝั่งแม่น้ำงึมประมาน 20 เมตร เศษไม้ไผ่ซึ่งผูกรวมกันอย่างแน่นหนาฉีกขาดกระจุยกระจายลอยเกลื่อนแม่น้ำ
เรือท้องแบน 4 ลำ ที่ใช้เป็นทุ่น สำหรับแพดังกล่าวถูกอำนาจระเบิดทะลุเป็นรูโหว่ น้ำทพลักเข้าไปเต็มปรี่ จนมองแทบไม่เห็นลำเรือ
แม่น้ำงึมตอนนั้งกว้างเกือบ 50 เมตร กระแสน้ำก็ค่อนข้างจะเชี่ยวกราก ปัญหาใหญ่หลวงที่ติดตามมาก็คือการข้ามแม่น้ำงึมในตอนกลางคืน
สำหรับทหารรับจ้างนั้น ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ หลักสูตรการข้ามแม่น้ำของทหารพรานที่ผ่านมาแล้วอย่างโชกโชนทำให้เหตุการณ์เฉพาะหน้าแบบนี้หมดความหมายลงไปอย่างสิ้นเชิง
ประชาชนชาวแม้วที่น่าสงสารเหล่านั้นสิครับ นอกจากผู้หญิง และคนชรา แล้วก็ยังมีเด็กๆร่วมขบวนมาอีกจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ผมก็เลยออกคำสั่งให้ขบวนทั้งหมด พักแรมคืนอยู่ ณ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำงึมนั่นเอง
แสงไฟวอบแวบไปทั่วชายฝั่งแม่น้ำงึม ทหารรับจ้างกับสาวแม้วจับกลุ่มกันร้องเพลงเสียงใส
แม้วหนุ่มนั่งล้อมวงสูบฝิ่นอย่างสุขารมณ์ อำนาจของยาเสพติดชนิดนี้ ทำให้ประสาทเฉื่อยชา พวกเขาจะละความสนใจจากสิ่งแวดล้อมรอบๆด้าน ลืมทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งเมียของตัวเอง สูดลมหายใจพาควันที่อิ่มเอิบเข้าไปเต็มปอด ดวงตาหรี่ซึม วิมานในฝันเจิดแจรง กำลังวังชาที่อ่อนเปรี้ยจากการเดินทางมาตลอดทั้งวันปลิวหายไปเป็นปลิดทิ้ง
จันทร์วันเพ็ญสีหมากสุกลอยเด่นอยู่เหนือลำแม่น้ำงึม รัศมีที่เรืองรองกระทบกับผิวผืนน้ำ มองดูระยิบระยับเหมือนกับเกล็ดเพชร
บรรยากาศที่โรแมนติคนี้สร้างความหรรษาให้กับทหารรับจ้างจนลืมเหตุการณ์ที่โชกเลือดไปอย่างถนัดใจ
ผมกับทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่ง ค่อยๆปลีกตัวเองออกจากค่ายพักแรมแห่งนั้น ตอจากนั้นก็แฝงตัวอยู่ในภูมิประเทสใกล้ๆกับ “แม้ว” ผู้ต้องสงสัยพักรวมกลุ่มกันอยู่อย่างเงียบเชียบ
23.00 น. เสียงเอ็ดตระโรที่ฟังไม่ได้ศัพทืก้เงียบลงเป็นปลิดทิ้ง เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งซึ่งเสียงของมันคล้ายๆกับ ซึง กังวาลขึ้นมาแทนที่ และพร้อมๆกันนั้น เสียงอันเจื้อยแจ้วของสาวแม้วคนหนึ่งก็ร้องเพลงคลอตามเสียง ซึง ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้ง
“ถึงแม้พี่ข้าจะอยู่แห่งหนตำบลไหน
ถึงแม้พี่ข้าจะอยู่บนท้องฟ้านภาลัย
ถึงอยู่ต่ำลงไปยังนรกซึ่งหมกดิน
ข้าก็ไม่สิ้นความรักซึ่งปักใจ
ข้าจะรอ ข้าจะรอ รอจนกว่าชั่วฟ้าดินสลาย”
ไม่ใช่ผมแต่งกลอนบทนี้ขึ้นมาเองนะครับ ข้อความเหล่านี้ ผมถอดออกมาจากบทเพลง ซึ่งสาวแม้วเพิ่งจะร้องจบลงไปอย่างสดๆร้อนๆนี่เอง
ฉะนั้น เมื่อมันไม่สัมผัสนอก สัมผัสในตามวิธีการแต่งกาพย์กลอนมันก็ช่วยไม่ได้ใช่ไหมครับ?
ถ้าบังเอิญท่านผู้อ่านบางท่าน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกาพย์กลอนโดยเฉพาะอ่านเจอกับ กลอนแม้ว ของผมบทนี้เข้า ก็หวังว่าคงจะเข้าใจในเจตนาของผมนะครับ
มีเสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราว ต่อจากนั้นเพียงชั่วอึดใจผมก็ได้ยินเสียง เม้าท์-ออร์แกน จากการเป่าของใครคนหนึ่งดังแทรกซ้อนขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ
“ไกลบ้าน”
เพลงฮิตของสุเทพ วงศ์กำแหง ครางขึ้นมาอย่างอ้อยสร้อย ท่วงทำนองเพลงและน้ำเสียงของทหารรับจ้างที่ร้องเพลงนี้ บีบอารมณ์จนผมน้ำตาซึมออกมาด้วยความเผลอใจ
ผมปล่อยจิตใจไปกับเนื้อเพลงที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังจนกระทั่งลืมแม้วดังกล่าวไปสนิทใจ มารู้สึกตัวอีกทีก็อีตอนถูกสะกิดค่อนข้างแรงที่หัวไหล่ด้านซ้าย
“คุณบิ๊กแมน ดูโน่น ไอ้ฉิบหายแม้วคลานออกจากกลุ่มของมันมาหมอบนิ่งอยู่ข้างๆขอนไม้ สองคน จวกแม่มันเลยไหม๊ครับ?”
ส.ต.อาษา รองหัวหน้าชุดยิง กระซิบกระซาบกับผมพร้อมกับเอื้อมมือลงไปลดเซฟปืน
“แบ่งกำลังเป็นสองส่วน อาษาคุมอยู่ที่นี่ พร้อมด้วย M-60 ที่เหลือนอกนั้นตามผมมา ถ้าเห้นพลุสัญญาณแฟลร์กระทุ้งสีแดงให้ระดมยิงพวกแม้วกลุ่มนี้ทันที”
ผมกับทหารรับจ้าง 6 คนคลานติดตามแม้วทั้งสองคนซึ่งกำลังแฝงกายออกจากจุดพักแรมลัดเลาะขึ้นไปบนถนน ด้วยลักษณะการเดินที่ระมัดระวังอย่างเต็มที่
ผมแบ่งกำลังออกเป็นสองชุด ชุดแรกให้ทำหน้าที่แกะรอยอย่างกระชั้นชิด ส่วนชุดที่สองเป็นกำลังหนุนในขณะที่ส่วนหน้าสุดเกิดการประทะขึ้น
แม้วทั้งสองคนเดินลัดเลาะห่างจากจุดพักแรมพอสมควรก้ฉากแวบเข้าไปข้างๆถนน กระชุที่สพายอยู่บนบ่าถูกปลดลงมากองที่พื้น อีกคนหนึ่งเดินย้อนกลับออกมาจากทิศทางเดิม และคราวนี้มันถือปืนกลมืออาก้า ที่เพิ่งจะประกอบเสร็จติดมือกลับมาด้วย มันหยุดอยู่ห่างจากพรรคพวกของมันประมาน 20 เมตร แล้วนั่งลงพิงกับก้อนหินอย่างสงบนิ่ง
จากลักษณะดังกล่าว เจ้าแม้วคนที่ถือปืนอาก้าก็คือหน่วยคุ้มกัน หรือยามต้นทางของมันนั่นเอง
ผมสั่งให้ทหารรับจ้าง 3 คน คอยประกบแม้วต้นทางเอาไว้ พร้อมกับกำชับให้หลีกเลี่ยงการใช้ปืนอย่างเด็ดขาด แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ให้จัดการตามความเหมาะสมกับสถานะการณ์
ต่อจากนั้น ผมพาทหารรับจ้างอีกชุดคืบคลานเข้าไปจนอยู่ห่างจากเจ้าแม้วคนแรกไม่ถึง 10 เมตร ความสว่างของแสงจันทร์ทำให้ผมมองเห็นมันอย่างถนัดถนี่ เห็นแม้กระทั่งเครื่องรับส่งวิทยุขนาดเล็กที่ถืออยู่ในมือข้างขวาของพวกมัน
มีเสียงเรียกขานเป็นภาษาเวียตนามดังเบาๆออกมาจากวิทยุเครื่องนั้น และข้อความที่พูดติดต่อกันก็เป็นภาษาพูดธรรมดาๆที่ไม่ได้เข้ารหัสแต่อย่างใด
อา ผมเจอะกับทหารเวียตนามเหนืออย่างฟลุคที่สุดเข้าให้แล้ว ถ้อยคำที่มันส่งข่าวกันทำให้ขนหัวของผมลุดชันขึ้นมาด้วยความสยองใจ
เจ้าแม้วจอมปลอม แอบส่งข่าวให้หน่วยเหนือของมันทราบ พร้อมกับแจ้งตำแหน่งที่พักแรมคืนของพวกผมอย่างละเอียดถี่ถ้วน แผนการที่บัดซบของมันก็คืออาศัยความเผลอเรอและความเลินเล่อของพวกเราเข้าจู่โจมแบบสายฟ้าแลบในเวลา 04.30 น. โดยการสนับสนุนของหน่วยกล้าตายเวียตนามเหนือ ซึ่งขณะนี้อยู่ห่างจากที่พักแรมของผมประมาน 3 ชั่วโมงเดิน
แผนการละเลงเลือดของพวกมันไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ดี ทั้งๆที่ล่วงรู้ความลับของมัน ผมก็อดหนักใจไม่ได้
อาวุธหนักเท่าที่ผมมีอยู่ก็คือ M-72 15 กระบอก M-60 พร้อมด้วยกระสุนอีก 20 สาย นอกจากนั้นก็มีระเบิด M-26 และปืน M-16 ซึ่งเพิ่งจะได้รับทดแทนมาอย่างสดๆร้อนๆ ในตอนเย็นวันนี้เอง
ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดู มันเพิ่งจะ 24.00 น เท่านั้น มันยังเหลือเวลาอีกตั้ง 4 ชั่วโมง กว่าที่จะถึงหมาย กำหนดการเข้าตีของทหารเวียตนาม
ผมสงบท่าทีรอดูมัน จนกระทั่งมันส่งข่าวเสร็จ มันเก็บวิทยุซุกซ่อนเอาไว้ในกระชุเดินออกมาสมทบกับต้นทางของมัน ต่อจากนั้นมันก็ช่วยกันถอดปืนอาก้าออกเป็นชิ้นๆห่อด้วยเศษผ้าบรรจุลงก้นกระชุยกขึ้นสะพายเอาไว้บนหลังแล้วเดินกลับจุดพักแรมอย่างระมัดระวัง
ผมกับทหารรับจ้างทั้งหมดคลานลงขอบถนนแล้วรีบเคลื่อนที่ออกไปดักตรงบริเวณทางเข้าจุดพักแรม รอจังหวะการมาของพวกมันทั้งสองคนด้วยความเครียดแค้น
ผมเลือกมือพิฆาตเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พอเจ้าแม้วจอมปลอมทั้งสองคนโผล่พรวดออกมาจากปากทางทหารรับจ้างมือดีทั้งสองคนก็ปราดเข้าประชิดตัวทางเบื้องหลัง
มือข้างหนึ่งเอื้อมไปอุดริมฝีปากแน่น มีดดาบปลายปืนอันคมกริบกระซวกเข้าไป ณ บริเวณใต้ชายโครงอ่อนจนมิดด้าม แล้วออกแรงดันมีดชำแหละขึ้นไปเบื้องบน
เจ้าแม้วจอมปลอมทั้งสองคนสะดุ้งเฮือกเสียงอึกอักที่ลอดนิ้วมือออกมาได้ยินถนัดหู
“ซ้ำ ไอ้น้อง ซ้ำให้สนิท อย่าให้มีเสียง”
ผมสำทับออกไปพร้อมกับสืบเท้าเข้าไปประชิด กระชากผมที่เป็นกระเซิงของแม้วจอมปลอมออกเต็มแรง
ร่างของแม้วเซถลาเข้ามาหาผมด้วยอาการเสียหลัก ผมสวนออกไปด้วยดาบปลายปืนสุดแรงเกิด
“สวบ”
ปลายมีดหายวูบเข้าไปในช่องท้อง ความเครียดแค้นทำให้ผลืมตัว กระชากมีดออกแล้วกระหน่ำแทงเป็นจักรผัน
มันใกล้ชิดจนผมได้กลิ่นคาวเลือด ความรู้สึกบอกกับตัวเองว่า ขณะนี้ ใบหน้าของผมเปียกชุ่มไปด้วยเลือดอันเลวระยำของแม้วจอมปลอมคนนั้นเสียแล้ว
ผมผละจากร่างที่งอก่องอขิงของมันออกมายืนหอบเป็นหมาหอบแดดอยู่ที่ขอบถนน การออกแรงฆ่าคนทำให้ประสาทตรึงเครียดขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ความตรึงเครียดทำให้บังเกิดความเหน็ดเหนื่อยเหมือนกับผ่านการออกกำลังมาอย่างสดๆร้อนๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 10, 2015, 11:32:09 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11723 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2015, 10:15:41 AM »

กระสุนโพลิเมอร์  http://2013.gun.in.th/index.php?topic=57481.0  (อย่าลืมสมัครสมาชิก)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11724 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2015, 02:17:09 PM »

สำหรับคนไทยทุกคน  https://www.facebook.com/likeHistory1/videos/583959351730815/?autoplay_reason=user_settings
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 10, 2015, 07:12:04 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11725 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2015, 10:33:03 AM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา"

เลือดท่วมปฐพีที่แม่น้ำงึม ตอนที่ 5
ผมรู้สึกเหนียวเหนอะหนะที่บริเวณริมฝีปาก เมื่อลองแลบลิ้นออกมาสัมผัสดูก็รู้สึกเค็มปะแล่มๆชอบกล ความรู้สึกบอกกับตัวเองว่า บัดนี้ผมได้รับรู้ถึงรสชาตของเลือดมนุษย์ เข้าให้แล้ว
จากคำพังเพยของคนโบราณ “ถ้าฆ่าใครตาย จงดื่มเลือดของมันเสีย เพื่อกันความอาฆาตของผีตายโหง”
จะเท็จจริงอย่างไร ผมไม่มีทางพิสูจน์หรอกครับ เพราะเท่าที่ผ่านๆมา ผมก็ไม่เคยถูกผีตายโหงของทหารเวียตนามเหนืออาฆาตซักที
ผมค้นศพเจ้าแม้วจอมปลอมทั้งสองอย่างละเอียดถี่ถ้วน วิทยุ ระเบิดสากกระเบือ ปืนอาก้า ดินระเบิดแรงสูงพร้อมด้วยสายชนวนถูกกองรวมอยู่ที่พื้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทหารรับจ้างที่ยืนล้อมวงอยู่รอบด้าน
“ถ้าไม่มีบิ๊กแมน พวกผมเห็นทีจะแหลกแน่ๆ จะเอายังไงดีครับคุณบิ๊กแมน ออกคำสั่งมาเลย พวกผมพร้อมแล้ว”
พลฯยงยุทธ หุยกระโทก คนสนิทของ ส.ต.อาษาพุดพลางใช้มีดดาบปลายปืน เช็ดเลือดกับขากางเกงอยู่ไปมา แล้วบรรจงสอดเข้าไปในซองผ้าใบ พร้อมกับหันไปพูดเบาๆกับทหารรับจ้างที่อยู่ข้างๆ
“ลากไอ้เหี้ยสองตัวนี่เข้าไปซ่อนเอาไว้ข้างทางก่อนโว้ย ไอ้สอน กูเหม็นคาวเลือดว่ะ ไอ้ห่า ใครว่าทหารแกวไม่มีเลือดวะ ของไอ้หอกสองคนนี่ไหลหยั่งกะน้ำพุวัดเลียบเชียวนะมึง”
ในขณะที่สพของแม้วจอมปลอมทั้งสองถูกลากเข้าไปซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังก้อนหินข้างๆทาง ผมก็วางแผนการณ์เก็บแม้วกลุ่มที่เหลือทันที
01.00 น. เมฆก้อนใหญ่โคจรเข้ามาปิดบังดวงจันทร์ชั่วขณะ ความสว่างไสวของจันทร์เพ็ญ 15 ค่ำเริ่มมัวซัวลงอย่างกระทันหัน
ผมพาทหารคืบคลานเข้าไปบริเวณที่พักของแม้วจอมปลอมกลุ่มนั้นอย่างเงียบเชียบ
เสียงเอ็ดตระโรของทหารรับจ้างที่แหกปากร้องเพลงเงียบเสียงลงมาแล้ว นอกจากนั้นทหารรับจ้างบางคนก็ยังจับคู่สาวแม้วที่หิวเงิน เกี่ยวก้อยกันเงียบหายไปตามสุมทุมพุ่มไม้ที่ขึ้นระเกะระกะอยู่ทั่วๆไปตามชายฝั่งแม่น้ำงึม เสียงระริกที่เต็มไปด้วยจริตแว่วมาตามลมไม่ขาดระยะ
ส.ต. อาษาคลานสี่ตีนไปที่โคนต้นมะยมป่าอันเป้นบริเวณที่ใกล้ชิดกับที่พักพักแรมของแม้วกลุ่มั้นอยู่ชั่วครู่กคลานกลับมาหาผม กระซิบกระซาบด้วยเสียงแผ่วเบา
“พวกมันยังนั่งอยู่ที่หน้ากองไฟอีก 2 คน ถ้าจะคลานเข้าไปเก็บพวกมัน ไอ้ห่าจวก 2 คนนั่นจะต้องเห็นเราแน่ๆจะเอายังไงดีครับ”
ผมนิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ ปัญหาใหญ่ๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มันไม่ใช่ของง่ายๆ เหมือนกับที่ผมคิดเอาไว้เสียแล้ว ถ้าผมใช้ปืนยิงเข้าไป มันจะต้องวุ่นวายและชุลมุนกันอย่างมากมายเลยทีเดียว
ทหารรับจ้างอีกจำนวนไม่ใช่น้อย ที่ไม่รู้แผนการณ์ของผม จะต้องบังเกิดการตกอกตกใจ ยิงกันหูดับตับไหม้ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร นอกจากนั้นประชาชนชาวแม้วผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ทั้งหลายก็ยังจะพลอยฟ้าพลอยฝนโดนลูกหลงไปอีกด้วย
ยังเหลือเวลาอีกพอสมควร ผมก็เลยสั่งให้ทหารรับจ้างมือพิฆาตสองคนย้อนกลับไปลอกคราบเสื้อผ้าและกระชุใส่ของ ของแม้วจอมปลอมที่ถูกฆ่าตายกลับมาโดยด่วน
ด้วยแผนการณ์ที่ซักซ้อมกันอย่างแนบเนียน ทหารรับจ้างทั้งสองคน ซึ่งอย่ในคราบของแม้วจอมปลอมก็พะยุงร่างกายเดินกระโผลกกะเผลกเข้าไปในบริเวณที่พักแรม ด้วยลักษณะเหมือนกับได้รับบาดเจ็บกลับมา
ก่อนจะถึงบริเวณที่พัก ผมก็มองเห็นแม้วทั้งสองคนผุดลุกขึ้นยืน ทหารรับจ้างที่กำลังพยุงกันเข้ามาเซถลาล้มลงไปกับพื้นแสดงอากัปกริยาเหมือนกับว่าได้รับบาดเจ็บมาอย่างแสนสาหัสด้วยอาการสนิทแนบเนียน
แม้วจอมปลอมทั้งสองคนหลงกลวิ่งพรวดพราดเข้ามาด้วยอาการเผลอไผล พอร่างของมันคล้อยหลังพวกผมไปเท่านั้น มือพิฆาตที่คอยท่าอยู่ก้กระโจนพรวดเข้าตะปบ มีดดาบปลายปืนไม่รู้ว่ากี่เล่มต่อกี่เล่ม จ้วงแทงเข้าไปอย่างไม่เลี้ยง
ปราศจากเสียงร้อง ตายสนิท! พวกผมผละจากร่างของพวกมัน คลานเลื้อยเข้าไปในบริเวณที่พักแรมอย่างเงียบเชียบ
มันจะไปเหลืออะไรกันละครับ กับการฆ่าคนที่กำลังนอนหลับ พวกมันที่กำลังนอนหลับสนิทอย่างสุขารมณ์ ถูกฆ่าไม่เหลือหรอเป็นจำนวน 10 คน ซึ่งถ้าจะนับอีก 4 คน ซึ่งโดนฆ่าไปก่อนแล้ว ก็รวมเป็นจำนวน 14 คนพอดิบพอดี
อีกหึ่งคนมันหายไปใหน? พวกผมพยายามตรวจค้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็ไม่พบร่องรอยของมันเลยแม้แต่น้อยนอกจากเศษผ้าห่ม และกระชุใส่ของ ของมันเท่านั้น
หมายกำหนดการณ์เข้าตีของทหารเวียตนามเหนือชุดสนับสนุนของมันกระชั้นชิดเข้ามาแล้ว กระชั้นชิดเข้ามาทั้งๆที่ผมยังค้นหาทหารเวียตนามเหนืออีกคนยังไม่พบ
บา....แผนการณ์ของผมเห็นทีจะพังเป็นแถบๆกันคราวนี้เองละกระมัง
ด้วยการปฏิบัติงานที่แข่งกับเวลา แข่งกับความตาย พวกผมพากันตรวจค้นทหารเวียตนามเหนือที่อยู่ในคราบของชาวแม้วอย่างละเอียดถี่ถ้วน ด้วยการออกคำสั่งระดมพลอย่างปัจจุบันทันด่วน
สถานที่เริงสวาท ณ บริเวณชายฝั่งแม่น้ำงึมถูกจู่โจมบุกตลุยแบบสายฟ้าแลบ ไม่มีร่องรอยของทหารเวียตนามเหนือปรากฏอยู่แม้แต่คนเดียว
คำชี้แจงของผมที่อธิบายต่อหัวหน้าแม้วอพยพทำให้พวกเขาเหล่านั้นบังเกิดความร้อนใจ และกริ่งเกรงต่อความผิดที่อาจจะบังเกิดขึ้นเนื่องจากความเข้าใจผิดของพวกผมเอง พวกแม้วอพยพเหล่านั้น พากันสำรวจยอดกำลังพลอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง
หญิงสาวแม้วผู้หนึ่งหายไปจากจุดพักแรมอย่างน่ากังขา และชั่วอึดใจต่อมาก็มีเสียงโวยวายดังลั่นมาจากชายฝั่งแม่น้ำงึม
“โว้ย ! เจอะแล้วโว้ย ผู้หญิงแม้วโดนฆ่าตายอยู่นี่เอง”
ทุกคนวิ่งพรูเข้าไปใน ณ บริเวณที่เกิดเหตุก็พบร่างของหญิงสาวแม้วผู้เคราะห์นอนหงายอยู่กับพื้นทราย ร่างกายท่อนล่างจมลงไปในน้ำเกือบครึ่งตัว เสื้อผ้าถูกเปลือยออกจากร่างจนหมดสิ้น ที่บริเวณลำคอมีมีดพกปักเด่ทิ้งเอาไว้ มองเห็นถนัดตา โลหิตทะลักออกมากระทบกับแสงจันทร์มองเห็นเป็นคราบ มือข้างขวากำวัตถุชนิดหนึ่งแน่น
ชายแม้ว 2-3 คน ค่อยๆยกร่างของสาวแม้วชะตาขาดขึ้นมาวางบนฝั่ง เมื่อหัวหน้าแม้วแกะมือหญิงสาวออกก็พบนาฬิกาของจีนแดงที่เหลือแต่เพียงตัวเรือนวางอยู่ภายในกำมือที่เกร็งเหมือนกับจะเป็นตะคริวนั้น
หัวหน้าชาวแม้วใช้ไฟฉายส่องดูนาฬิกาอยู่ชั่วครู่แล้วอุทานออกมาด้วยความเครียดแค้น
“นาฬิกาของไอ้แกว มีลายเซ็นต์ภาษาเวียตนามอยู่หลังตัวเรือน ไอ้แกวฆ่าคนของผมแน่ๆ”
ตามความคาดคะเนของผม ทหารเวียตนามเหนือผู้นี้คงจะบังเกิดอารมณ์เปลี่ยวขึ้นมาอย่างกระทันหัน ในขณะที่กำลังมีความสุขอยู่กับสาวแม้วคู่ขา ก็คงจะเป็นเวลาที่พวกผมบุกเข้าตรวจค้นพอดี
สัญชาตญาณของนักรบ ทำให้เขาทราบถึงเหตุการณ์ร้ายที่จะกำลังจะบังเกิดขึ้น ทางเดียวที่เขาทำได้ในขณะนั้นก็คือจ้วงแทงคอของหญิงสาว เพื่อเป้นการปิดปากแล้วก็หนีเอาตัวรอด ในขณะที่โดนมีด หญิงสาวคงจะทะลึ่งขึ้นสุดตัวด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัส มือที่กอดรัดทหารเวียตนามเหนืออยู่คงจะผวาไขว่คว้าอย่างสะเปะสะปะ
นาฬิกาสายหนังที่บอบบางก็เลยขาดติดมือหญิงสาวขึ้นมา ความตกใจทำให้ทหารเวียตนามเหนือผู้นั้นหลบหนีไปอย่างไม่คิดชีวิตจนกระทั่งลืมนึกถึงนาฬิกาไปอย่างสนิทใจ
เมื่อผมอธิบายถึงเหตุการณ์ที่พวกผมได้ปฏิบัติไปในตอนเที่ยงคืน ชาวแม้วทุกคนก็ส่งเสียงฮือฮาออกมาด้วยความตื่นเต้น และเมือผมบอกให้ทราบถึงหมายกำหนดการณ์ การเข้าตีของทหารเวียตนามเหนือ ชาวแม้วทุกคนก็รับอาสาพวกผมเข้าโจมตรีย้อนรอยทหารเวียตนามเหนือเป็นชุดแรกด้วยความเครียดแค้นที่ครุกกรุ่นอยู่ในหัวใจ
ทั้งๆที่ผมเคยคลางแคลงในพฤติการณ์ของแม้วมาตลอด แต่ขณะนี้ผมไม่มีทางที่ดีกว่านี้อีกแล้ว
ชาวแม้วทุกคนที่มีอาวุธประจำกายถูกระดมพลอย่างเร่งด่วน ในไม่ช้าขบวนนักรบหลายสัญชาติก็เกาะกลุ่มกันเดินย้อนกลับไปบนยอด ภูหินซับ เพื่อหาพื้นที่สังหารคอยดักโจมตีทหารเวียตนามเหนือในเวลาต่อไป
04.00 น. ในบริเวณเส้นทางที่สูงเสียดฟ้าซึ่งวกวนอยู่บนยอดเขา ภูหินซับ
ผมวางแนวทหารรับจ้างเป็นเส้นขนานขนาบถนนทั้งสองข้างด้วยการให้ทหารขึ้นไปวางตัวอยู่เหนือขอบถนนประมาน 25 เมตร
จากลักษณะดังกล่าว ทำให้เป้าหมายซึ่งเคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเราบนเส้นทางดังกล่าว ต้องตกอยู่ในวงล้อมของคีมรูปปากกาไปโดยอัตโนมัติ
ทางรอดของการโจมตีก็คือวิ่งหนีลงไปในหุบเหวข้างๆทาง ซึ่งมีความลึกจนมองดูแล้วเสียววูบเข้าไปถึงไขสันหลัง
แม้วอาสาสมัคร 150 คน ขออนุญาตจากผมลงไปตั้งแนวอยาตรงบริเวณถนนหักข้อศอกที่อยู่ห่างจากแนวของผมเกือบ 50 เมตร
จากแผนการที่วางเอาไว้ แม้วอาสาสมัครกลุ่มนี้จะตลบหลัง ด้วยการไล่ตลุยทหารเวียตนามเหนือ ให้วิ่งกระเจิงเข้ามายังพื้นที่สังหารที่ผมได้วางกับดักเอาไว้
ทั้งๆที่ผมไม่ค่อยจะเชื่อน้ำมนต์แม้วกลุ่มนี้เท่าใดนัก ตลอดระยะเวลาที่รบอยู่ในสมรภูมิลาว ผมเคยคลางแคลงอยู่เสมอว่าทหารเวียตนามเหนือเหล่านั้น รู้เห็นเป็นใจกับพวกแม้วอยู่ตลอดเวลา และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกผมจะพิสูจน์น้ำใจของพวกเขาเหล่านี้ว่าจะมีความจริงใจกับพวกผมเพียงไร
ถ้าพวกผมโดนหักหลัง ผู้หญิง เด็ก คนชรา ทั้งหมดที่พักอยู่ริมฝั่งแม่น้ำงึมจะต้องถูกทหารรับจ้างซึ่งประกบตัวอยู่สังหารเกลี้ยงทันที
อากาศอันเย็นยะเยือก ความสว่างไสวของจันทร์เพ็ญทำให้ผมตรวจการในถนนที่ทอดตัวเองอยู่เบื้องหน้าด้วยความชัดเจนพอสมควร
กลุ่มคน 3 คน ปรากฏตัวออกจากมุมหักข้อศอกเบื้องหน้า ทุกคนถือปืนเคลื่อนที่มาช้าๆด้วยอาการระมัดระวัง คนที่อยู่หลังสุดถือวิทยุสนามขนาดเล็กเดินเว้นระยะห่างกันพอสมควร
จากลักษณะดังกล่าว ทหารทั้งสามคนที่ปรากฏตัวอยู่นั้นก็คือ ชุดลาดตระเวณล่วงหน้าของทหารเวียดนามเหนือนั่นเอง
ชุดลาดตระเวณผ่านแนวอาสาสมัครแม้วเข้ามาแล้ว อาสาสมัครปฏิบัติตามคำสั่งของผมอย่างเคร่งครัด ทุกคนสงบเงียบ! ปล่อยให้ชุดลาดตระเวณทั้ง 3 คน ของทหารเวียดนามเหนือเดินผ่านไปอย่างปลอดภัย
ชุดลาดตระเวณ เดินผ่านเข้ามาจนถึงกระทั่งถึงแนวของพวกผม พวกมันอยู่ใกล้ชิดกับพวกผมจนกระทั่งได้ยินเสียงพูดวิทยุติดต่อกันอย่างถนัดชัดเจน
พนักงานวิทยุส่งข่าวเป็นรหัสที่ผมแปลไม่ออก แต่ที่แน่ๆ ถ้าผมเดาไม่ผิด พวกมันจะต้องส่งข่าวบอกถึงเหตุการณ์ที่ปลอดภัยบนเส้นทางแห่งนี้นั่นเอง
เป็นที่น่าสังเกตุว่า ชุดลาดตระเวณทั้ง 3 คนหยุดการเคลื่อนที่ชั่วคราว ทุกคนทรุดตัวลงนั่งกับขอบถนนบริเวณหน้าแนวของผมนั่นเอง
ทหารรับจ้างทุกคนหมอบนิ่ง ไม่กระดุกกระดิก นิ้วมือที่กระชับอยู่ในโกร่งไกสั่นระริก ระยะห่างขนาดนี้ ไม่ต้องยิงหรอกครับ หาก้อนหินก้อนใหญ่ๆ ทุ่มโครมลงไป ถ้าโดนจังๆ พวกมันก็หมอบเท่านั้น
เงาตะครุ่มๆของทหารเวียดนามเหนือโผล่ออกมาจากมุมข้อศอกเบื้องหน้า
พลลาดตระเวณทั้ง 3 คนรีบลุกขึ้นจากขอบถนนแล้วเริ่มเคลื่อนที่ออกลาดตระเวณต่อไปอีกด้วยลักษณะการเดินที่ระมัดระวังอย่างเต็มที่
กลุ่มทหารเวียดนามเหนือ ที่ปรากฏตัวออกมาจากมุมข้อศอกเบื้องหน้า มีจำนวนไม่น้อยกว่า 50 คน
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11726 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2015, 07:52:38 AM »

 "อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา"

เลือดท่วมปฐพีที่แม่น้ำงึม ตอนที่ 6
นอกจากพลเดินเท้าแล้ว พวกผมยังตรวจการณ์เห็น “ล่อ” 2 ตัวบรรทุกปืน ปรส. ที่ผมไม่ทราบขนาดมาอีกด้วย
ลักษณะการเคลื่อนที่ของทหารเวียดนามเหนือ เท่าที่ผมมองเห็นเป็นรูปขบวนแถวตอนเรียงสอง แต่ละแถวเดินขนาบคนละฟากถนน โดยปล่อยให้ตรงกลางเป็นช่องว่างเอาใว้ ทุกคนกระชับปืนอาร์ก้าสอดส่ายสายตาไปรอบๆด้วยอาการกริ่งเกรง
พอขบวนทหารเวียดนามเหนือคนสุดท้ายผ่านแนวของอาสาสมัครแม้ว ผมก็มองเห็นประกายสีแสดเข้มของกระสุนส่องวิถีพรุ่งปร้าดจากขอบถนนเข้าหากลุ่มขบวนดังกล่าวเป็นสาย
กระสุนปืน M-16,M-72 ครางระงมเป็นประทัดแตก แนวกระสุนวิ่งเข้าหากลุ่มขบวนเป็นจุดเดียวกัน
“บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม”
เสียงระเบิดมือแทรกซ้อนขึ้นมาดังสนั่นหวั่นไหว จากแสงสว่างของแรงระเบิดผมมองเห็น “ล่อ” ที่บรรทุกปืน ปรส. ปลิวกระเด็นไปจากจุดเดิมเกือบ 10 เมตร ศรีษะของมันหลุดหายออกไปเหมือนกับโดนขวานจาม ทั้งสองตัวตายสนิทอยู่บนขอบถนนนั่นเอง
“พรึบ...พรึบ...พรึบ”
แฟลร์กระทุ้งสีเหลือง 3 ดวง ลอยฟ่องอยู่เหนือสมรภูมิเลือด
ทหารเวียดนามเหนือบางคนฟุบตัวเองลงหมอบกับพื้นถนนแล้วสาดกระสุนออกไปรอบๆด้านอย่างสะเปะสะปะ
ด้วยการยิงแบบประชิดตัว ทำให้ทหารเวียดนามประสพกับการสูญเสียอย่างย่อยยับ บางคนเริ่มคืบคลานด้วยข้อศอก มุ่งหน้าเข้ามาหาแนวของผมเป็นจ้าละหวั่น
“แว้ด...บึ้ม”
จรวด “RPG” จากจุดใดจุดหนึ่งเบื้องหลังถนนหักมุมข้อศอก เริ่มยิงถล่มบริเวณขอบถนนที่อาสาสมัครแม้วซุกซ่อนตัวอยู่เข้าให้แล้ว
อา...ผมลืมคิดถึงชุดสนับสนุนการเข้าตีของทหารเวียดนามเหนือไปอย่างถนัดใจ
ชุดสนะบสนุนซึ่งผมยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนซึ่งเดินคุมเชิงอยู่ห่างๆ เคลื่อนที่เข้ามาแก้สถานะการณ์ให้กับหน่วยของตนในทันทีทันใด ที่มีการประทะเกิดขึ้น
ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะสายเกินการณ์ ผมก็มองเห็นอาสาสมัครแม้วทั้งหมดกรูกันขึ้นจากขอบถนน ดาบปลายปืนเปลือยสะท้อนกับแสงจันทร์เป็นประกายขาววับ
กระสุนชุดสุดท้ายสาดเข้าใส่ทหารเวียดนามเหนือแบบล้างแม็กกาซีน
ต่อจากนั้น ฉากการประจัญบานกันอย่างชนิดเลือดท่วมด้วยดาบปลายปืนก็ได้บังเกิดขึ้น บังเกิดขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์และแสงแฟลร์กระทุ้งที่ผ่องอำไพ
เสียงสบถ เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นไม่ได้ศัพท์ ทหารเวียดนามเหนือที่รอดชีวิตจากการระดมยิง ถูกกลืนหายเข้าไปในวงล้อมของอาสาสมัครแม้วจนหมดสิ้น
ชุดสนับสนุนของทหารเวียดนามเหนือระงับการยิงจรวด RPG. เป็นปลิดทิ้ง
สถานการณ์แบบนี้อย่าว่าแต่พวกมันเลยครับ แม้แต่พวกผมเองก็ตามที ทุกคนนิ่ง! ตกตะลึง! จนนิ้วชี้ที่อยู่ในโกร่งไกเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ
ผมน้ำตาซึมออกมาด้วยความตื้นตันใจ อาสาสมัครแม้วกลุ่มนี้ ได้แสดงให้ผมเห็นซึ่งถึงน้ำใจของพวกเขาแล้ว
นึกเจ็บใจตัวเองที่มองดูพวกเขาในด้านลบมาตั้งนานสองนาน
บัดนี้! บัดนี้! ผมเลิกครางแครงในพฤติการณ์ของแม้วกลุ่มนี้ลงอย่างสิ้นเชิง
หนึ่งชั่วโมงหฤโหดผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทหารเวียดนามถูกสังหารเกลี้ยง ซากศพที่ระเกะระกะอยู่บนท้องถนนทับกันเป็นภูเขาเลากา
06.00 น. แสงสุริยะเริ่มจับขอบฟ้า รัศมีที่แรงกล้าแผ่กระจายออกรอบทิศทาง สภาพที่เอน็จอนาถบนพื้นถนนก็ปรากฏขึ้นมาลางๆ ค่อยชัดเจนขึ้นมาทุกที...ทุกที...
อาสาสมัครแม้วที่รอดชีวิต จากการประจันบานนั่งซึมกระทืออยู่ที่ขอบถนน บางคนเลือดโทรมกายเหมือนกับเพิ่งจะเล่นสงกรานต์เลือดมาอย่างหยกๆ บางคนศรีษะแตกยับเยินเหมือนกับโดนฟันด้วยมีดสปาต้า
จากยอดกำลังพล 150 คน บัดนนี้อาสาสมัครชาวแม้วเหลืออยู่เพียง 50 คนเท่านั้น
อัตราการสูญเสีย หนึ่งร้อยคนต่อทหารเวียดนามเหนือ 58 คน
58 คนที่ผ่านการรบมาอย่างท่วมเลือดทั่วทุกแห่งหนของสมรภูมิอินโดจีน 58 คนที่สังกัดอยู่หน่วย “แซปเปอร์” (กล้าตาย) ที่มีชื่อเสียงที่สุดของกองพันทหารเวียตนามเหนือ
แทบไม่น่าเชื่อที่หน่วยแวปเปอร์ต้องมาสิ้นชื่อเพราะอาสาสมัครแม้วขี้ยากลุ่มนี้
พวกผมยิงเคลียร์พื้นที่บริเวณถนนหักมุมข้อศอกอีกครั้ง ต่อจากนั้นก็ปีนลงมาสมทบกับอาสาสมัครแม้วเพื่อตรวจสอบผู้รอดชีวิตจากการประจันบาญครั้งนี้ต่อไป
มีทหารเวียดนามเหนือนอนหายใจรวยรินทำท่าจะตายมิตายแหล่อยู่อีก 2 คน
ผมจัดแจงฉีดมอร์ฟีนให้คนละคนละเข็ม อีกสิบห้านาทีต่อมาคนนึงเสียชีวิตเนื่องจากโลหิตเป็นพิษ ส่วนอีกคนนึงมีเค้าว่าจะมีชีวิตรอดอยู่อีกหลายชั่วโมงเลยทีเดียว
เสียงชอปเปอร์บินหึ่งๆ อยู่บนท้องฟ้าเมื่อผมเดินไปที่วิทยุ HT-2 ที่วางอยู่ใกล้ ผมก็ได้ยินเสียงของ “นอร์แมน” เสนาธิการโจรของ ซี.ไอ.เอ. ดังขึ้นมาอย่างร้อนรน
“บิ๊กแมน จาก นอร์แมน...เปลี่ยน”
“นอร์แมน จาก บิ๊กแมน ผมได้ยินเสียงของคุณ มีอะไรหรือครับ”
“บิ๊กแมน จาก นอร์แมน...เตรียมรับข่าว”
ข่าวรหัสของนอร์แมนสั่งให้ผมนำทหารทั้งหมดหลบลงข้างทาง เนื่องจากนักบินชอปเปอร์ตรวจการณ์พบทหารเวียตนามเหนือ กำลงพลประมานหนึ่งหมวด กำลังปีนเขาอ้อมขึ้นมาทางซ้ายมือ ท้ายสุดของข่าว นอรืแมนบอกว่าขณะนี้ “T-28” จากนาซูกำลังจะบินมาทำงาน
เกือบแหลกแล้วไหมละ ในขณะที่พวกผมกำลังหลงระเริงในชัยชนะอยู่นั้น ชุดสนับสนุนของเวียดนามเหนือ ซึ่งถอนตัวหลบหนีไปในตอนเช้ามืด เริ่มรวมตัวย้อนกลับมาใหม่อีกครั้ง
พวกมันปีนอ้อมเขาขึ้นมา หวังจะแอบซุ่มโจมตีพวกผมให้ย่อยยับ
ถ้าไม่ได้ “นอร์แมน” ตรวจการพบเสียก่อน พวกผมทั้งหมด อาจจะ “เกมส์” กันหมดเลยก็ว่าได้
ชุดสนับสนุนของทหารเวียดนามเหนือที่ปีนเขาขึ้นมาทางด้านซ้ายมือสุด ปรากฏตัวขึ้นมาบนยอด “ภูหินซับ” แล้ว
การเคลื่อนที่-ที่รวดเร็วของพวกมัน ทำให้ทหารรับจ้างซึ่งกำลังตรวจค้นศพอยู่ หลบลงข้างทางไม่ทัน
ด้วยชัยภูมิที่ได้เปรียบ เนื่องจากอยู่สูงกว่าพวกผม ทหารเวียดนามเหนือเปิดฉากโจมตีทันที
“แว้ด......บึ้ม”
“ตุ๊ง...แว้ด...บึ้ม”
“ปร๊อด...ปร๊อด...ปร๊อดๆๆๆๆๆๆ”
จรวด RPG, ปรส.57, อาร์ก้า 47 ครางระงมขึ้นมาอย่างกับฟ้าพิโรธ
ตำบลกระสุนตกก็คือกลุ่มทหารรับจ้าง และกลุ่มอาสาสมัครแม้วที่นั่งระเกะระกะอยู่ที่ขอบถนน
กระสุน ปรส. 57 ลูกหนึ่งตกลงกลางถนนพอดิบพอดี... แรงระเบิดของมันส่งให้สพที่กองพะเนินเทินทึก กระเด็นปลิวว่อน ออกไปรอบทิศ
แม้วอาสาสมัครและทหารรับจ้างที่กำลังสาละวนค้นของอยู่จำนวนหนึ่ง กระเด็นขึ้นไปค้างอยู่เหนือขอบถนน
ตับไต..ไส้พุง และชิ้นส่วนของร่างกายฉีกขาดแหลกเหลวเหมือนกับหมูบ๊ะช่อ
และในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น จรวด RPG. อีกลูกหนึ่งก็ซ้ำโครมลงมา ณ. บริเวณใกล้ๆกันอีกครั้ง
พื้นถนนที่ฉีกขาดออกป็นทาง หลุมลึกขนาดควายตีแปลงสองหลุม เรียงกันอยู่มองเห็นถนัดตา
“หลบลงข้างทางให้หมด ประเดี๋ยวเครื่องบินจะมาทำงาน”
ผมร้องตะโกนแข่งกับเสียงระเบิดขึ้นมาอย่างสุดเสียง พร้อมกับพุ่งพรวดเข้าไปหมอบอยู่ในร่อง ข้างๆขอบถนน พื้นดินรอบๆตัว
ผุ่นคลุ้งเป็นทาง เนื่องจากอำนาจของกระสุนปืนอาร์ก้าที่ยิงไล่หลังผมมาอย่างหวุดหวิด
ไม่ต้องรอให้ผมสั่งเป็นครั้งที่สองหรอกครับ ทั้งอาสาสมัครแม้ว ทั้งทหารรับจ้างที่หมุนคว้างอยู่บนถนนตาลีตาเหลือก กระโดดลงร่องขอบถนนจันเป็นจ้าละหวั่น
ทหารเวียดนามเหนือระดงยิงอาวุธทุกชนิดเข้าใส่พวกผมเป็นพายุบุแคม ตำบลกระสุนตกพุ่งเข้าหาบริเวณขอบถนนเป็นจุดเดียวกัน
จรวด RPG บางนัดพลาดจากขอบถนนแล้วหลุดลงไปในหุบลึกเบื้องล่าง เสียงระเบิดของมันสะท้อนกลับไปกลับมา ดังติดต่อกันเป็นเวลา ไม่น้อยกว่าสองนาทีขึ้นไป
“บิ๊กแมน จาก นอร์แมน T-28 สามเครื่องมาแล้ว...คุณติดต่อกับนักบินโดยตรงได้เลย”
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของนอร์แมน ผมก็ได้ยินเสียงนักบินพูดสวนวิทยุเข้ามาอย่างร้อนรน
“บิ๊กแมน จาก T-28 โปรดโชว์ควันสัญญาณแสดงจุดที่ตั้งของคุณเดี๋ยวนี้”
ผมปลด “สโม๊ค” ออกมาจากสายรัดถึง 2 ชุด ถอดสลักนิรภัยข้วางมันขึ้นไปบนถนน
ควันสัญญาณสีเหลืองกับสีเขียว พุ่งขึ้นท้องฟ้าเป็นสาย ซึ่งพร้อมๆกันนั้น ผมก็มองเห็นเครื่องบิน T-28 ทั้งสามเครื่องลดเพดานบินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือยอดเขา “ภูหินซับ” เสียงเครื่องยนต์แผดคำรามดังกึกก้องไปทั่วบนเขา
“บิ๊กแมน สีเหลืองกับสีเขียวของคุณใช่ใหม๊ พรรคพวก”
“โอเค แม่นแล้ว เพื่อนฝูง ช่วยจวกไอ้แกวที่อยู่บนยอดเขาให้ด้วยก็แล้วกัน”
ผมส่งวิทยุตอบนักบินออกไปพร้อมกับค่อยๆคลานขึ้นจากร่องขอบถนน แต่พอร่างของผมพ้นจากขอบถนนขึ้นมาครึ่งตัว อาร์ก้าซึ่งหยุดระดมยิงชั่วคราวก็กระหน่ำกระสุนเข้าใส่ผมอีกครั้ง
และครั้งนี้ แนวกระสุนเฉี่ยวสีข้างของผมจนร้อนฉ่า ผมหดตัวลงไปนอนนิ่ง ไม่กล้าที่จะโผล่ศรีษะขึ้นมาดูเหตุการณ์อีกต่อไป
T-28 สองเครื่องดิ่งลงมาเป็นมุม 45 องศา แล้วปล่อยระเบิดขนาด 250 ปอนด์ มองลงมาเห็นถนัดหูถนัดตา
ลูกระเบิดลอยละลิ่วลงมาอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตา มันก็กระทบกับยอดภูหินซับ ด้วยความแม่นยำเหมือนกับผีจับยัด
ควันสีเทาอมดำ พวยพุ่งขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ตามติดๆด้วยปรกายไฟสว่างแว่บขึ้นมาสองดวงซ้อนๆกัน
บัดดลนั้นเอง ก้บังเกิดเสียงประหนึ่งอสุนียบาตฟาดเปรี้ยงลงบนยอดขุนเขา เศษดิน เศษหิน และเศษกิ่งไม้ที่ปลิวว่อนขึ้นมาคละคลุ้ง ทำให้ผมตรวจการณ์อะไรไม่เห็นไปชั่วขณะ
พอควันจาง สิ่งแรกที่ผมมองเห็นก็คือ ส่วนหนึ่งของยอดเขาที่แหลมเป็นรูปฝาชีหลุดออกไปทั้งกระบิเหมือนโดนเฉือนด้วยของมีคม
ต้นไม้นานาชนิด ที่ขึ้นแออัดยัดเยียดบัดนี้เตียนโล่งเหมือนกับโดนไฟป่าเผาราบ
“ปร๊อด...ปร๊อด...ปร๊อดๆๆๆๆๆ”
เสียงระรัวเป็นประทัดแตกของปืนกลอาร์ก้าที่ยิงแบบ “ออโต” ครางระงมขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ แนวกระสุนพุ่งขึ้นหาเครื่องบิน T-28 เป็นจุดเดียวกัน
ความลืมตัวและความมัน ทำให้ผมคลานขึ้นมาอยู่บนนถนน แหงนหน้าดูความบ้าเลือดของทหารเวียดนามเหนือ ซึ่งพากันออกจากที่กำบัง ยืนประทับปืนยิงต่อสู้เครื่องบินอย่างชนิดเลือดเข้าตา
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11727 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2015, 11:05:09 AM »

  ห้วงวันที่8/8/58  
   น้อง(เจ้า ยุ้ย ลูกของอา)มาเยี่ยม เพิ่งได้ย้ายมา สังกัด สภ.ทางทิศตะวันออก ของจังหวัดน่าน ผมในฐานะพี่ ก็เลยมีการทดสอบเครื่องเปิดขวดจากรัสเซีย   (อันนี้เป็นของฝากจากพี่ วิโรจน์ ไฟฟ้า พี่น้องคอปืนรุ่น ยังเตริร์ก)  ปรากฏว่าใช้งานได้ดีมากครับ 2 คนหมด  "สิงคำราม" ไป 9 unit  บริบูรณ์ บวก กับแหนมห่อใบตอง ของกลุ่มแม่บ้าน "ปางสีเสียด อ เวียงสา จ น่าน" ( รสชาติดีมากครับ สไตล์แหนมโบราณ ห่อใบตอง มัดด้วย ตอก แล้วใช้หนังสติกรัด ) ถั่วทอด กระเทียมโทน พริกขี้หนูสวน ขิงฝานเป็นแว่น เข้ากันได้อย่างลงตัวครับ คุยกันหลายเรื่อง ตั้งแต่ วอลเทอร์tph ไปยัน กล๊อค 30 sf  จาก  กล๊อค 30sf ไป บาเร็ต 92fs  จาก  บาเร็ตต้า92fs วก กลับมา คิมเบอร์tm2  จาก  คิมเบอร์tm2 มา กล๊อค 19 เจน4  ไปต่อ  ที่ สมิธ m36ไม่มีขีด  จาก  m 36ไม่มีขีด ไปทะลุ สมิธ m 686 และอีกหลายรุ่น 555  สนุกสนุนตามประสา ญาติพี่น้อง ชอบเหมือนกัน ครับ เยี่ยม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 12, 2015, 03:55:35 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11728 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2015, 11:47:43 AM »

สมิง วังม่วง ครับ เจอผม ที่ไหน จังหวัดใด ทักทายได้ สบายๆ ครับ ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 12, 2015, 03:57:34 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 69
ออฟไลน์

กระทู้: 7597


tel. 0861810566


« ตอบ #11729 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2015, 09:45:23 AM »

เน้นย้ำว่า "อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แต่ฟังคนอื่นเขามา"

 เลือดท่วมปฐพีที่แม่น้ำงึม ตอนที่ 7
 
เครืองบิน T-28 อีกเครื่อง ที่บินคุมเชิงอยู่ห่างๆ ดิ่งปร้าดลงมาจนแทบดูไม่ทัน
ลูกระเบิด 250 ปอนด์ ถูกกล่มซ้ำลงไปบนที่หมายเดิมอีกครั้ง
ควันยังไม่ทันจาง T-28 อีก 2 เครื่องก็ดิ่งลงมาเป็นระรอกที่ 3 ลูกระเบิดชุดสุดท้ายถูกปลดลงมาจากใต้ปีกทั้งสองข้างจนเกลี้ยงระวาง
“บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม”
เสียงสะท้อนกลับไปกลับมา จนผมประมานจำนวนลูกระเบิดไม่ถูกว่ามีกี่ลูกกันแน่ ต้องอาศัยแสงไฟ และกลุ่มควันที่พุ่งขึ้นมาตามจุดต่างๆเป็นเครื่องนับ
ต้นไม้และป่าเสือหมอบหายไปจากบริเวณเดิมเป็นแถบๆสีเขียวขจีของแมกไม้ เปลี่ยนเป็นสีหมากสุก พื้นดินถูกแรงระเบิดคุ้ยขึ้นมากระจุยกระจายไปทั่วบริเวณ
“บิ๊กแมน จาก T-28 พาทหารของคุณขึ้นมาเคลียร์พื้นที่ได้แล้วครับ”
“กรุณาเคลียร์พื้นที่ด้วยปืนกลอากาศให้ผมอีกครั้ง”
ผมตอบวิทยุขึ้นไป พร้อมกับหันไปสั่งให้ทหารรับจ้างขึ้นมาจัดรูปขบวนบนพื้นถนน
จากการสำรวจอย่างคร่าวๆ ทหารรับจ้างเสียชีวิตจากจรวด RPG และกระสุน ปรส. เป็นจำนวน 7 คน พอดี
สำหรับแม้วอาสาสมัคร ซวยอย่างมหาซวยเลยครับ นั่งอยู่ดีๆที่ขอบถนน จับพลัดจับผลูตายลงไปอีก 10 คนพอดิบพอดี
เสียงปืนกลอากาศขนาด .50 นิ้ว รัวเป็นข้าวตอกแตกอยู่เหนือภูหินซับ T-28 ทั้งสามครื่องโฉบลงมายิงในระยะไร่เรี่ยกับยอดไม้ เสียงหวีดหวิวของกระสุนที่แหวกอากาศดังครวญครางไม่ขาดระยะ
ไม่มีเสียงปืนโต้ตอบจากทหารเวียดนามเหนือแม้แต่นัดเดียว
เงียบ...เงียบเสียจนผมคิดว่า ขณะนี้พวกมันคงจะเสียชีวิตลงหมดสิ้นแล้ว
ชอปเปอร์ของนอร์แมน บินลงมารับเชลยศึกเวียดนามเหนือคนเดียวที่รอดชีวิตอยู่ แล้วบินกลับล่องแจ้งอย่างรวดเร็ว
ผมสั่งให้อาสาสมัครแม้วทั้งหมดจัดการกับศพพรรคพวกของเขาที่สูญเสียชีวิตจากการรบ ส่นทหารรับจ้างให้เคลื่อนที่ขึ้นยอดภูหินซับ เพื่อเคลียร์พื้นที่ต่อไป
T-28 เลิกระดมยิงปืนกลอากาศแล้วทั้ง 3 เครื่อง บินฉวัดเฉวียนคุ้มกันพวกผมในระยะต่ำ บางครั้งก็โฉบลงมาเหมือนกับจะทักทายทหารรับจ้างอยู่ในที
ไม่ถึง 20 นาที ผมก็พาทหารเคลื่อนที่ขึ้นไปถึงยอด “ภูหินซับ” ซึ่งขณะนี้ พื้นถนนบริเวณดังกล่าวเป็นหลุมเป็นบ่อพรุนไปหมด เนื่องจากอำนาจระเบิดขนาด 250 ปอนด์
เนื่องจากเป็นส่วนที่สูงที่สุดของยอดเขา สองข้างทางจึงเป็นพื้นที่ราบเรียบปราศจากหุบเหว ศพของทหารเวียดนามเหนืออยู่ในสภาพที่เอน็จอนาถระเกะระกะอยู่ทั่วบริเวณ
ปืน ปรส.57 เก่าคร่ำคร่าปากกระบอกฉีกขาดจนอ้าบานเหมือนปากแตรวางทับอยู่บนขาข้างหนึ่งของที่ขาดออกมาจากร่างของทหารเวียดนามเหนือพอดิบพอดี
จรวดหัวปลีที่ยังเหลืออีก 10 ลูก “ปลอด” จากอำนาจระเบิดเหมือนกับปาฏิหารย์
ผมสั่งทหารรับจ้างยิง “M-72” เคลียร์พื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง ต่อจากนั้นก็กวาดซ้ำด้วยปืน M-16 ด้วยลักษณะการยิงระบบ “ออโต” อีกคนละแมกกาซีน ต่อจากนั้นก็เคลื่อนที่เข้าตรวจค้นพื้นที่ด้วยความระมัดระวัง
ทหารเวียดนามเหนือชุดสนับสนุนเสียชีวิต 12 คนพอดิบพอดี
11.00 น. ขบวนอาสาสมัครแม้วก็หามสพพวกที่สูญเสียชีวิตเดินขึ้นมาบนยอดภูหินซับ ในสภาพที่ผมมองดูแล้วหดหู่ใจเหลือประมาน
เพียงเพื่อจะพิสูจน์ว่าพวกเขาเหล่านั้นบริสุทธิ์ พวกเขาไม่รู้เห็นเป็นใจกับทหารเวียดนามเหนือกลุ่มนั้น
ชาวแม้วที่ไม่ค่อยจะประสีประสากับยุทธวิธีการรบก็อาจหาญเข้าบุกตลุยหน่วยแซปเปอร์เวียดนามเหนืออย่างชนิดเลือดทาแผ่นดิน
หัวหน้าชาวแม้วเสียชีวิตด้วยดาบปลายปืนอาร์ก้า และในขณะเดียวกันทหารเวียดนามเหนือผู้สังหารเขาก็โดนแทงสวนด้วยดาบคาร์บิน นอนกอดก่ายกันอย่างสมศักดิ์ศรีของชายชาตินักรบบนเส้นทางนรกแห่งนั้นนั่นเอง
ชอปเปอร์ทะยอยบินมารับศพทหารรับจ้างทั้ง 7 ศพไปล่องแจ้งในตรึ่งชั่วโมงต่อมา
12.30 น. ทหารรับจ้างและอาสาสมัครแม้วที่รอดชีวิตจากการต่อสู้ เคลื่อนที่ลงจากยอด “ภูหินซับ” มุ่งหน้าไปยังจุดพักแรม ณ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำงึม
ครอบครัวของแม้วอพยพออกมารอที่ปากทาง...ทุกคนพรูเข้ากอดศพคร่ำครวญปริ่มจะขาดใจ
เสียงร่ำไห้ฟังไม่ได้ศัพท์ ชาวแม้วทุกคนอพยพหนีความตายมาจากล่องแจ้ง จุดหมายปลายทางของพวกเขาก็คือสนามบินนาซู ซึ่งอยู่ห่างจากแม่น้ำงึมเพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น
แต่ชาวแม้วผู้เคราะห์ร้ายกลุ่มนี้ก็หนีความตายไม่พ้น
ความโหดร้ายของสงครามดึงชีวิตที่น่าสงสารของพวกเขาเข้าไปพัวพันอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
เมื่อไม่มีทางหนี ไม่มีทางหลีกเลี่ยงก็ต้องสู้...สู้กันให้ยับไปข้างหนึ่ง เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
จากจำนวน 150 คน ที่อาจหาญเข้าตะลุยกับทหารเวียดนามเหนือ บัดนี้เหลืออยู่เพียง 40 คนเท่านั้น
อนิจจา ร้อยกว่าคนที่ต้องสังเวยความบ้าคลั่งของสงครามนอกแบบ ร้อยกว่าคนที่ต้องจบชีวิตลงเพราะน้ำมือของทหารเวียดนามเหนือ ร้อยกว่าคนที่ต้องสูญเสียลงไปเพียงเพื่อจะพิสูจน์ความจริงใจให้พวกผมเห็น
เออ! ความตายที่ไม่รู้จักจบสิ้น มันจะต้องตาย! ตาย! จนกระทั่งหมดแผ่นดินลาวเสียกระมัง
ณ ชายฝั่งแม่น้ำงึมอันสงบเงียบและวังเวง ร่างอันไร้วิญญาณของอาสาสมัครแม้วถูกฝังเรียงรายดูสุดลูกหูลุกตา
ทุกหลุมฝังศพมีรองเท้าของผู้ตายที่เคยสวมใส่ก่อนเสียชีวิตวางเอาไว้ที่บริเวณปลายเท้าอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ชั่วชีวิตเกิดมาด้วยความยากจนข้นแค้น ชาวแม้วมีชีวิตผ่านไปวันๆหนึ่งอย่างน่าสมเพช ความกันดารของภูมิประเทศ ทำให้พวกเขาต้องดิ้นรน ปากกัด ตีนถีบสุดชีวิต อาชีพหลักที่แน่นอนที่สุดก็คือการทำไร่ฝิ่น
ป่าทึบถูกถางเตียนโล่งเป็นแถบๆ ไร่ฝิ่นถูกปลูกขึ้นมาแทนที่ พอพื้นดินหมดปุ๋ยธรรมชาติ พวกแม้วเหล่านี้ก็จะเคลื่อนย้ายครอบครัวไปแสวงหาพื้นแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์แห่งใหม่ต่อไปอีก
ชั่วชีวิตก็มีแต่การเดินทางอยู่ชั่วนาตาปี ฉนั้น “รองเท้า” คือสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของพวกเขา ชาวแม้วมีความเชื่อว่า “ตายไปแล้วจะต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง” สิ่งที่ชาวแม้วกลัวนักกลัวหนาก็คือ กลัวว่าญาติพี่น้องของตัวเองที่ไปผุดไปเกิดใหม่จะไม่มีรองเท้าใส่ ก็เลยจัดหารองเท้าเตรียมเอาไว้ให้พร้อมเสร็จเสียเลย
ผมยืนเหม่อมองดูหลุมฝังศพอย่างเลื่อนลอย เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความหรรษา เสียงเพลงไทยและแม้วขับกล่อมเจื้อยแจ้วไพเราะเพราะพริ้ง สร้างความประทับใจ ไม่มีวันลบเลือน
“ถึงแม้พี่ข้าจะอยู่แห่งหนตำบลไหน
ถึงแม้พี่ข้าจะอยู่อยู่บนท้องฟ้านภาลัย
ถึงอยู่ต่ำลงไปยังนรกซึ่งหมกดิน
ข้าก็ไม่สิ้นความรักซึ่งปักใจ”
ข้าจะรอ! ข้าจะรอ! รอจนชั่วฟ้าดินสลาย
บทเพลงแม้วที่แสนจะอ่อนหวาน และกินใจแว่วกังวาฬขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีเสียง “ซึง” บรรเลงคลอตามเหมือนอย่างเคย เสียงที่แทรกซ้อนขึ้นมาเป็น เสียงที่แทรกซ้อนขึ้นมาเป็นเสียงสะอื้น ร่ำไห้อย่างน่าเวทนาของสาวแม้ว ผู้สูญเสียคนรัก
ผมหันหลังกลับไปช้าๆ ภาพทีปรากฏอยู่เบื้องหลัง ณ บริเวณหลุมฝังศพหลุมหนึ่ง สาวแม้วหน้าตาเศร้าสร้อย แต่ทว่ายังมีร่องรอยแห่งความงามพอที่จะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน นั่งพับเพียบร้องเพลงขึ้นมาด้วยเสียงที่บาดจิดบาดใจ ห่างออกไปเล็กน้อย กลุ่มคนชรา 3-4 ร้องไห้กระซิกๆ ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ไม่มีรองเท้าวางอยู่ ณ บริเวณหลุมฝังศพเหมือนกับคนอื่นๆ ผมเดินช้าๆ ผ่านกลุ่มสาวแม้วออกไปยังกลุ่มทหารรับจ้างที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างมีรสชาด
“ใครมีรองเท้าเหลือบ้างครับ ผมขอซื้อสักครู่นึง”
ทหารทุกคนมองหน้าผมแล้วเปลี่ยนสายตาลงไปมองที่รองเท้าคอมแบทหนาเตอะของผมด้วยสายตาที่เป็นเครื่องหมายคำถาม?
“ผมมีอยู่คู่นึง เพิ่งจะถอดออกมาจากสพของทหารเวียดนามเหนือ ผมเห็นว่ามันสวยดี สงสัยว่าจะเป็นรองเท้าจีนแดง บิ๊กแมนจะเอาไปทำไมครับ”
ทหารรับจ้างคนหนึ่งพูดพรางส่งรองเท้าหนังสีดำยาวครึ่งแข้งมาให้ผมด้วยท่าทางที่แสดงออกถึงความเต็มใจ
ผมไม่ตอบ... ล้วงกระเป๋าหยิบดอลล่าร์ชนิดใบละ 5 ดอลล์ยัดลงไปในกำมือของทหารรับจ้างผู้นั้น แล้วหิ้วรองเท้าเดินลิ่วกลับไปยังหลุมฝังศพดังกล่าวอีกครั้ง
ผมเดินเข้าไปยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพแล้วค่อยๆวางรองเท้าลงที่บริเวณปลายหลุมถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง ยกมือขวาขึ้นแตะขอบหมวกเบเรต์สีแดง กระทำความเคารพอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเป็นครั้งแรก
กลุ่มญาติของผู้ตายทั้งหมดลุกขึ้นยืนพร้อมกันเหมือนกับนัดกันเอาไว้ สาวแม้วที่ร้องเพลงโผเข้ามากอดเอวผมเอาไว้แน่น ร่ำไห้กลิ้งเกลือกใบหน้าลงกับทรวงอกของผมด้วยกริยาปริ่มว่าจะขาดใจตายตามคนรักของเธอไปด้วย
เสียงหึ่งๆของขบวนชอปเปอร์ที่บินเกาะกลุ่มกันอยู่เหนือภูหินซับ ทำให้ผมต้องผละออกมาจากบริเวณหลุมฝังสพอย่างรวดเร็ว
ชอปเปอร์ 4 ตัว บินวนเวียนอยู่เหนือชายฝั่งแม่น้ำงึมอยู่ชั่วครู่ก็ค่อยๆหย่อนตัวลงมาแตะพื้น
ทหารรับจ้างอาวุธพร้อมทะยอยกระโดดลงมาจากห้องโดยสารอย่างรวดเร็ว
ชอปเปอร์ดึงตัวขึ้นจากลานจอด อีกสามเครื่องที่บินวนเวียนอยู่ก็ทะยอยบินลงมาเป็นระยะๆ แต่ละเครื่องบรรทุกทหารพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ 6 คนพอดิบพอดี
ทหารรับจ้างผอมสูงท่าทางเอาเรื่อง เดินเข้ามาหาผม เขาเปิดปากยิ้มด้วยท่าทางเป็นกันเอง พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาด้วยสำเนียงเรียบๆเป็นการแนะนำตัวเอง
“ผม สรศักดิ์ พุทรา ผบ.หมวด 5 กองร้อยที่ 2 BC.616 คำสั่งกองสิงห์อยู่ในนี้ครับ”
ในขณะที่พูด ผบ.หมวด 5 ก็ยื่นซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่มาให้ผม
ผมนึกออกแล้วครับ “จสอ.สรศักดิ์ พุทรา” ยอดนักรบเลือดทหารม้าใจถึงที่ผมเคยได้ยินกองสิงห์กล่าวขวัญถึงบ่อยๆ ในขณะที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่บนเนิน “ชาร์ลี-ชาร์ลี” นั่นเอง
สรศักดิ์ ตั้งฐานอยู่ที่ “ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน” กับทหารรับจ้างอีก 1 หมวด ในขณะที่กองพัน 616 โดนเข้าตีระลอกแล้วระลอกเล่า สรศักดิ์ได้สนับสนุนกองพันของเขาด้วยอาวุธหนักทุกชนิดอย่างเต็มความสามารถ จนกระทั่งได้รับคำสั่งให้ถอนตัว
BC.616 ถอนตัวลงมายังฐาน “แทงโก้-วิคเตอร์” ส่วนสรศักดิ์ พุทรา พาทหารทั้งหมดเดินตบเท้าไปยังเมืองล่องแจ้งซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 8 กิโลเมตรอย่างสบายอารมณ์
ผมฉีกซองเอกสารออกมาด้วยความใจร้อน

บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 779 780 781 [782] 783 784 785 ... 811
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.185 วินาที กับ 23 คำสั่ง