"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง
ทหารรับจ้างเดนตาย
ตอนที่ 1 ทหารผี (จบในตอน) ผลงานของสยมภู ทศพล
รัตติกาลครอบคลุมฐานปฏิบัติการกองพันทหารรับจ้างที่ 616 ซึ่งตั้งฐานอยู่บนยอดเนิน เดลต้า-แยงกี้ จนมืดมิดไปหมดทั้งขุนเขา แนวสีดำที่คาดขึงอยู่อยู่รอบๆด้านมองดูเหมือนกับผ้าม่านผืนมหึมาที่โรยตัวลงมาปิดกั้นภูมิประเทศดังกล่าวเอาไว้โดยรอบ
สนามบินซำทอง ซึ่งมองเห็น และไฟวอมแวมอยู่เป็นประจำ บัดนี้...เงียบ...สนิท เหมือนกับสนามบินร้าง
ข่าวคราวของทหารเวียดนามเหนือที่กำลังจะเคลื่อนย้ายกำลังพลเข้ามาใกล้ฐานปฏิบัติการ...สร้างความระแวดระวังให้กับทหารรับจ้างเหมือนกับเป็นอัตโนมัติ
เวร...ยามที่เคยหลับเป็นประจำ ต่างก็พากันนั่งถ่างตาคอยสังเกตุความเคลื่อนไหวของสิ่งผิดปกตินอกแนวลวดหนามด้วยจิตใจเต้นระทึก
ความสามารถของทหารหน่วยแซปเปอร์ (กล้าตาย) เวียดนามเหนือที่เคยแหกกับระเบิด ขึ้นมาเชือดคอทหารรับจ้างถึงข้างบนฐานปฏิบัติการสร้างความหวาดผวาขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ
ผม,ไอ้โล้น, (รอง ผบ.หมวด) และเจ้าดำพนักงานวิทยุจอมกะล่อนครึ่งนั่งครึ่งหมอบอยู่ใน ร่องสนามเพลาะ ส่งสายตาตรวจการณ์ลงไปยังหุบลึกเบื้องล่าง อันเป็นขุมกำลังของข้าศึกด้วยความตั้งอกตั้งใจยิ่งกว่าทุกครั้ง
หมวด ถ้าข่าวกรองของซี.ไอ.เอ.แน่นอน ผมคิดว่าป่านนี้ ไอ้แกวคงจะเคลื่อนที่เข้ามาอยู่ในหุบลึกนี่กันให้คลักไปหมดแล้วก็ได้ เมื่อตอนเย็นอาวุธหนักถล่ม ค 4.2 ลงไป 5 นัด ผมสังเกตุเห็นระเบิดซ้อนขึ้นมาตั้ง 7-8 ครั้ง คงจะโดนลูกปืนครกของมันระเบิดแน่ๆ รึหมวดว่ายังไง
ไอ้โล้นหันมาถามผมเอาดื้อๆ
ผมยังไม่ทันตอบไอ้โล้น เจ้าดำ ซึ่งมองเขม็งลงไปเบื้องล่าง ไม่ยอมพูดจากับ ก็โวยวายออกมาค่อนข้างดัง
ไฟ... หมวด...โน่น ทางขวามือโน่น หนึ่ง,สอง,สาม,สี่ โอ้โห แสงของมันหยั่งกับสปอร์ตไล้ท์เลยครับ
จริงเหมือนอย่างที่เจ้าดำพูดไม่มีผิด แสงไฟสี่จุด สว่างจ้าเป็นทางยาวเหมือนกับแสงสปอร์ตไล้ท์ ความสว่างไสวของมัน สาดขึ้นท้องฟ้าเป็นมุมกว้างเหมือนกับแสงไฟจากปืนต่อสู้อากาศยานที่ส่องค้นหาเครื่องบินในเวลากลางคืนเลยทีเดียว
เป็นที่น่าสังเกตุว่า ทิศทางของไฟเคลื่อนที่เข้าหาฐานปฏิบัติการของพวกเราอยู่ตลอดเวลา
และจากลักษณะดังกล่าว ดูคล้ายๆกับพวกมันจะพากันปีนขึ้นมาจากหุบ เพื่อมาเล่นงานเราถึงยอดเนินเอาเลยทีเดียว
และสิ่งที่สำคัญที่สุด พวกมันจำเพาะเจาะจงปีนขึ้นมายังบริเวณที่ผมและลูกน้องวางแนวเอาซะด้วย
เจ้าดำหยิบปากพูดหูฟังที่เสียบอยู่ข้างๆ PRC-77 ขึ้นมาส่งวิทยุเข้า บก.พัน เพื่อรายงาน กองสิงห์ ด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ตื่นเต้น จนพูดวิทยุแทบไม่เป็นภาษาคน
กองสิงห์จาก สลาตัน ขณะนี้สลาตันตรวจการณ์พบแสงไฟ 4 จุด กำลังเคลื่อนที่ขึ้นมาจากหุบ ช่วยให้หมวดอาวุธหนักยิงสลุตให้หน่อยครับ
สลาตันจากกองสิงห์ พูดวิทยุให้มันรู้เรื่องหน่อยซีโว้ย ไอ้หอก พูดซะเร็วจี๋ หยั่งกับรถด่วนยังนี้ ใครจะไปฟังมึงรู้เรื่องวะ กูเห็นแล้ว...แล้วก็รู้สึกว่า พวกมันจะขึ้นไปหาตรงบริเวณที่มึงอยู่เสียด้วย ตายแน่มึง ไอ้ดำเอ๋ย ...เฮ้ย บอกทหารลงหลุมให้หมดด้วย ประเดี๋ยวสปุกกี้จะมาทำงาน
กองสิงห์ ผบ.พันพูดสวนวิทยุกลับมาในทันทีทันใดที่เจ้าดำรายงานเหตุการณ์จบลง
รู้สึกว่า มันจะเป็นโชคที่เข้าข้างของกองพันผมอยู่มากเลยทีเดียว ตามปกติ เครื่อง สปุกกี้ หรือเครื่องบินสองเครื่องยนต์แบบ C-47 (ดาโกต้า) ติดอาวุธปืนใหญ่อากาศเจาะเกราะ ไม่ค่อยจะบินมาสนับสนุนในตอนกลางคืนเท่าใดนัก
ฟลุ๊คอย่างมหาฟลุ๊ค เจ้าสปุ๊กกี้เกิดบินผ่านพื้นที่ของผมทันเวลาพอดี
สนุกแน่ไอ้แกว ลองแดกกระสุนเจาะเกราะดูบ้าง แล้วมึงจะรู้สึก
ไอ้โล้นแหกปากร้องออกมาค่อนข้างดัง แล้วคลานสี่ตีนเข้าไปหยิบวิทยุ PRC-77 ของเจ้าดำขึ้นมาวางเอาไว้บนแนวกระสอบทรายแล้วหันกลับมาถามผมอีกครั้ง
หมวด ฟรีเคว็นซี่ ของ สปุ๊กกี้เท่าไหร่ครับ สี่สิบหกหรือว่า ห้าสิบหก ผมชักจะลืมๆ เอาเซี๊ยแล้ว
ไอ้หอก ผิดทั้งสองอย่างโว้ย อะไรวะ จำความถี่ของสปุ๊กกี้ไม่ได้ เวลาฐานแตกคงได้แดกข้าวลิงกันเท่านั้น สี่สิบเก้าจุดหนึ่งศูนย์ แบนด์ต่ำ แล้วช่วยเร่งวอลลุ่มให้เต็มที่ด้วย อั๊วจะฟังล่ามคนใหญ่ทำงาน เห็นเขาลือกันนักว่าสำเนียงอังกฤษเอร็ดอร่อยนัก
ยังไม่ทันไอ้โล้นจะหมุนฟรีเคว็นซี่ไปยังตำแหน่งที่สปุ๊กกี้ใช้งาน เสียงของกองสิงห์ก็แว่วผ่านลำโพงอีกครั้ง
สลาตันจากกองสิงห์ คอนรับบูลเล็ตเฮดด้วย กำลังจะไปที่สลาตันเดี๋ยวนี้
ไอ้โล้นตอบรับคำสั่งจาก ผบ.พัน เสร็จแล้วก็ลุกขึ้นมานั่งยองๆอยู่บนกระสอบทรายแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า พร้อมกับเงี่ยหูฟังเสียงเครื่องบินด้วยท่าทางตื่นเต้นเอาการ
ชั่วอึดใจ ผมก็ได้ยินเสียงหึ่มๆ ของสปุ๊กกี้ดังแว่วๆอยู่ บนท้องฟ้า และพร้อมๆกันนั้น ผมก็ได้ยินเสียงกว้บก้าบออกมาจากร่องสนามเพลาะทางด้านซ้ายมือ
ไฟฉายเดินทางชนิดพรางแสงสีแดงเรื่อ ส่องกราดมาตามร่องสนามเพลาะ ร่างของทหารรับจ้าง 3 คนปรากฏออกมาจากความมืด คนหนึ่งในจำนวนนั้นขานตำแหน่งออกมาเบาๆ
หมวด ช่วยเลือกภูมิประเทศที่ตรวจการณ์มองเห็นแสงไฟให้ผมด้วยครับ ผมจะคอนโทรลให้สปุ๊กกี้ยิงถล่มพวกมันเดี๋ยวนี้
บุลเลตเฮด ล่ามประจำกองพันที่หุ่นเท่ห์หยั่งกับพระเอกหนัง สพายวิทยุ PRC-77 เดินตรงเข้ามาหาผมด้วยอากัปกริยาที่เร่งรีบ
เสียงเครื่อง สปุ๊กกี้ ที่บินหึ่งๆอยู่บนท้องฟ้า ทำให้บุลเลตเฮดไม่มีเวลาทักทายพูดคุยกับผมมมากมายนัก พอเลือกภูมิประเทศที่ตรวจการณ์ให้ บุลเลตเฮดก็เริ่มปฏิบัติงานทันที
สต๊อบ-ไลท์ ไฟให้สัญญาณตำแหน่งที่ตั้งของบุลเลตเฮดถูกเปิดสวิทช์ขึ้นในฉับพลัน
ไฟกระพริบสีเหลืองเข้มแบบตัดหมอกจากเครื่องสต๊อบ-ไลท์ พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นจังหวะต่อเนื่องกัน
สปุ๊กกี้ลดเพดานบินลงมาทุกขณะ เสียงเครื่องยนต์ของมันได้ยินถนัดหูขึ้นทุกที
บุลเลตเฮด... บุลเลตเฮด... ฟรอมสปุ๊กกี้ โอเวอร์
พนักงานวิทยุประจำเครื่องสปุ๊กกี้เรียกล่ามประจำกองพันผมด้วยภาษาอังกฤษอู้อี้ และเร็วปริ๊ดจนผมแทบฟังไม่รู้เรื่อง
ด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษที่ชัดเปรี๊ย บุลเลตเฮด เริ่มประสานงานกับเครื่องสปุ๊กกี้ในทันทีทันใดที่ได้รับการติดต่อมา
สปุกี้ลดเพดานบินลง จนกระทั่งผมมีความรู้สึกว่า ขณะนี้มันบินต่ำจากฐานปฏิบัติการของผมลงไปเกือบจะถึงตีนเขาเลยทีเดียว
พรึ๊บ
ประกายไฟจากลูกแฟลร์ขนาดยักษ์สว่างพรึบขึ้นมาในหุบลึกเบื้องล่าง
แสงสว่างขนาด 1000 แรงเทียนสาดกระจายไปรอบทิศ... หุบเขาเบื้องล่างสว่างโพลนเหมือนกับโดนแสงอาทิตย์
ลูกไฟวิ่งลงจากเครื่องสปุ๊กกี้เป็นสายเหมือนกับผีพุ่งไต้...
อา... ปืนใหญ่อากาศชนิดกระสุนเจาะเกราะจากเครื่องสปุ๊กกี้เริ่มระดมยิงแสงไฟทั้ง 4 จุดเข้าให้แล้ว...
เสียงระเบิดของกระสุนปืนแทนที่มันจะดังปึงปังเหมือนกับปืนชนิดอื่นๆ กลับปรากฏว่ามันดังปืดๆ ปืดๆ ยาวเป็นพรืดติดต่อกันด้วยเสียงพิกลหูที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา
ด้วยปืนใหญ่อากาสแบบ มินิ-กัน ที่ยิงได้นาทีละ 6000-7000 นัด เครื่องสปุ๊กกี้ยิงถล่มหุบลึกดังกล่าวเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม จนกระทั่งกระสุน 80000 นัดที่บรรทุกมาเต็มระวางหายวับไปในชั่วพริบตา
สปุ๊กกี้บินกลับอุดรไปแล้ว บุลเลตเฮด นั่งคุยกับผมอยู่ชั่วครู่ก็ขอตัวกับ บก.พัน
จากชั่วเวลาอันเล็กน้อยที่ผมกับบุลเลตเฮด ได้สังสรรค์กัน ทำให้ผมได้ทราบฉากหลังของเขาพอสมควร
บุลเลตเฮด เป็นนักเรียนนอก ชื่อจริงของเขาคือ อรินทร์ สนิทวงษ์ ณ อยุทธยา พออายุได้ 7 ขวบก็ต้องติดตามคุรพ่อ มล.ซัง สนิทวงศ์ ณ อยุทธยา ไปอยู่สหรัฐอเมริกาเกือบ 15 ปีเต็ม
ตำแหน่งของคุณพ่อซึ่งเป็นทูตไทยประจำสหรัฐทำให้บุลเล็ตเฮดไม่ค่อยจะสนใจการเรียนเท่าที่ควร พอกลับประเทศไทย ก็เลยสมัครเป็นชุดเฝ้าถนน ปฏิบัติการอยู่ ณ บริเวณเส้นทางโฮจิมินส์(ลาวเหนือ)เกือบ 4 ปีเต็ม
ต่อจากนั้น บุลเลตเฮดก็โอนมาเป็น F.A.G. (ล่ามกองพัน) รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกผมจนกระทั่งสงครามลาวต้องยุติลง (ตามข้อตกลงจอมปลอมของลาวแดง) ขณะนี้บุลเลตเฮดทำงานเป็น สจ๊วต-แอร์-สยาม สบายองค์ไปซะแล้ว
ก่อนสว่าง ผมก็ได้รับคำสั่งจากกองสิงห์ให้นำทหารหนึ่งหมวดลงไปกวาดล้างบริเวณพื้นที่ ที่เพิ่งจะโดนสปุ๊กกี้ยิงถล่มลงไปอย่างสดๆร้อนๆ ในตอน 07.00 น. ของเช้าวันเดียวกันนั่นเอง...
เส้นทางลงจากยอดเนิน ชันเกือบ 70 องศา ผมพาทหารรับจ้าง 15 คนเดินแถวเรียงเดี่ยวมุ่งหน้าลงไปยังหุบลึกเบื้องล่างด้วยจิตใจที่สับสนอลเวงยิ่งกว่าทุกครั้ง สายหมอกที่เปลี่ยนสภาพกลายเป็นหยดน้ำค้างพร่างพรมเปียกชื้นไปทั่วบริเวณ ทำให้เส้นทางเดิน ลื่น จนกระทั่งทหารรับจ้างบางคนล้มหกคะเมนไม่เป็นท่า
เจ้าดำ พนักงานวิทยุลื่นไถลลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่เบื้องล่างเป็นคนแรก และบัดซบที่สุด เสาอากาศของเครื่อง HT-2 หักสะบั้นเหลือแต่โคนเสา...ทำให้การติดต่อประสานงานกับกองพันของผมโดนตัดขาดไปโดยปริยาย
สามชั่วโมงเต็มๆที่ผมพาทหารลงไปในหุบลึก ที่ลึกเสียจนกระทั่งผมมองไม่เห็นยอดเนิน เดลต้า-แยงกี้ อันเป็นที่ตั้งฐานปฏิบัติการของพวกผมเอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมก็ถึงจุดที่สปุ๊กกี้ทำงาน
ต้นไม้ขนาดใหญ่พรุนไปหมด กิ่งไม้ขนาดเท่าโคนขาขาดกระเด็นเหมือนโดนขวานจาม สพทหารเวียดนามเหนือ 8 คน นอนระเกะระกะในสภาพที่ร่างกายขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี
ไอ้โล้นซึ่งลาดตระเวณล่วงหน้าขึ้นไปก่อน หันหลังกลับ คลานสี่ตีนเข้ามาหาผมพร้อมกับกระซิบเบาๆ ด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น
หมวด... เจอะรอยเลือด... และที่บริเวณพื้นดินมีรอยลากเป็นทาง รอยยังใหม่ๆอยู่เลย ถ้าตามเป็นได้ตัวแหงๆ จะเอายังไงดีครับ
ในฐานะผู้บังคับหมวด ผมออกคำสั่งให้ทหารรับจ้างเคลื่อนที่ออกไปยังภูมิประเทศเบื้องหน้า ด้วยรูปขบวนแถวเรียงเดี่ยวโดยเว้นระยะกันพอสมควร
จากลักษณะของป่าที่ค่อนข้างทึบเปลี่ยนสภาพเป็นป่าโปร่ง ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ห่างๆกัน ทำให้การเคลื่อนที่ของพวกผมสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
หมวด เจอะแล้ว... นอนพิงต้นมะม่วงอยู่โน่น
ลูกน้องคนหน้าหน้าสุดร้องออกมาค่อนข้างดังพร้อมกับก้าวเท้าพรวดออกไปอย่างลืมตัว
บึ้ม
เสียงประหนึ่งอสุนีบาตฟาดเปรี้ยงลงมาข้างๆตัว เศษดินและเศษใบไม้ที่ปลิวว่อน ทำให้ประสาทตาของผมมองอะไรไม่เห็นไปชั่วขณะ
สัญชาตญาณที่ผ่านการฝึกและการรบมาอย่างจำเจ ทำให้ผมฟุบตัวเองลงกับพื้นดินเหมือนกับเป็นอัตโนมัติ
พอควันจางลง เศษหมูบ๊ะช่อกองมหึมาก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วบริเวณ อนิจจา พล ณรงค์ รักชาติ รองหัวหน้าชุดยิง ลูกน้องใจถึงของผมโดนกับระเบิดเละไปหมดทั้งตัวเสียแล้ว
ภาพอันสยดสยองที่อยู่เบื้องหน้าทำให้ประสาทของทหารรับจ้างแทบจะโบยบินออกจากร่าง พลชิดชัยซึ่งหมอบอยู่ข้างหลัง พลณรงค์ ผู้เคราะห์ร้าย รีบคลานแยกออกไปทางซ้ายมืออย่างขวัญเสีย
บึ้ม
กับระเบิดของเวียดนามเหนือ ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ที่สุด ร่างของพลชิดชัยหายวับไปกับตา ชิ้นส่วนร่างกายถูกอำนาจสะเก็ดระเบิดเฉือนออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยปลิวว่อนออกไปรอบๆ... บางชิ้นปลิวมากระทบใบหน้าของผมจนรู้สึกชาไปทั้งแถบ
ยังไม่ทันที่ผมจะออกคำสั่งอะไรออกไป ก้ได้ยินเสียงรัวเป็นประทัดแตกของปืนกลอาร์ก้าดังระงมออกมาจากโคนต้นมะม่วงป่าที่มีร่างของทหารเวียดนามเหนือนอนพิงอยู่นั้น...
จะเคลื่อนที่ออกไปทางข้างๆ ก็โดนกับระเบิดของทหารเวียดนามเหนือซึ่งวางเอาไว้อย่างถี่ยิบ... ทางเดียวที่พวกผมกระทำได้ในขณะนี้ก็คือ ถอยหลังกลับออกไปจากพื้นที่สังหารดังกล่าว
อนิจจา แม้กระทั่งทางเดียวที่ผมคิดเอาไว้ก็ดูเหมือนจะไม่มีหวังเสียแล้ว
อาร์ก้าไม่น้อยกว่า 3 กระบอก คำรามขึ้นมาด้วยการยิงแบบอัตโนมัติเต็มตัว เสียงเล็กแหลมที่ดังอยู่เบื้องหลัง แนวกระสุนฉีกพื้นดินที่อยู่ข่างๆตัวผมกระจุยกระจายเป็นทางยาวจนเย้นวาบไปทุกขุมขน... อา พวกผมโดนบีบให้ตกอยู่ในพื้นที่สังหาร ผคิลลิ่งโซน) ของข้าศึกเสียแล้วรึนี่
ถอยหลังก็โดนจวกด้วยอาร์ก้า... เคลื่อนที่ไปข้างหน้าก็เจอะกับ กับระเบิดและพลซุ่มยิงที่มีฝีมือเหมือนกับผีจับยัด
พฤติการดังกล่าว ดูเหมือนข้าศึกจะจงใจบีบให้พวกผมเคลื่อนที่เข้าไปในดงกับระเบิดที่วางอยู่ทั้งสองด้าน
บึ้ม...วี้ด...บึ้ม
บึ้ม...วี้ด...บึ้ม
เสียงจรวดแม็กนีโต 2 นัดซ้อนๆ จากที่ตั้งยิงแห่งไหนไม่ปรากฏ คำรามแหวกเสียง M.16 และ อาร์ก้าดังขึ้นมาสนั่นหวั่นไหว
ตำบลกระสุนตกนัดแรก หล่นโครมลงไปบนที่หมายต้นมะม่วงป่าเบื้องหน้า... อำนาจจรวดจาก M-72 ถอนรากถอนโคนมะม่วงป่าล้มครืนลงมาเหมือนกับปาฏิหารย์
นัดที่สองกนระหึ่มขึ้นมาทางเบื้องหลัง แรงระเบิดอันมหาศาลของมันทำให้หูทั้งสองข้างของผมอื้อไปชั่วขณะ
เสียงอาร์ก้าเงียบลงเป็นปลิดทิ้ง... เงียบ... มันเงียบสงัดจนกระทั่งผมได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น วิทยุ HT-2 เสาหักซึ่งเจ้าดำสะพายอยู่ก็ดังลั่นขึ้นมาอย่างไม่มีขลุ่ย
สลาตันจากทอร์นาโด ผมได้รับการร้องขอจากกองพันของคุณ ให้ออกช่วยเหลือพวกคุณ ขณะนี้พวกคุณตกอยู่ในดงทุ่นระเบิด สิ่งแรกที่ควรดกระทำก็คือ อยู่นิ่งๆ คอยฟังคำแนะนำจากพวกผมแต่อย่างเดียวเท่านั้น อันดับแรก M-72 2 กระบอกเตรียมยิงทำลายทุ่นระเบิด ที่หมายทางซ้ามือของพวกคุณในระยะ 20 เมตร
ไอ้โล้นดูเหมือนจะสติดีกว่าเพื่อน ผมเห็นมันคลานขึ้นไปหาเพื่อนของมันที่อยู่ข้างหน้า แล้วใช้ M-72 ยิงแหวกทำลายกับระเบิดในทันทีทันใด ที่ได้รับคำสั่งจากหน่วยช่วยเหลือ ที่พวกผมยังมองไม่เห็นตัว
ไม่ถึงห้านาที ดงระเบิดอันถี่ยิบของทหารเวียดนามเหนือที่พวกผมจับพลัดจับผลูหลุดเข้ามาอยู่บริเวณใจกลางของพวกมันก็ถูกทำลายลงจนหมดสิ้น
ทหารรับจ้างเจ้าของนามสถานี ทอร์นาโด 4 คน ปรากฏตัวออกมาจากทางขวามือด้วยลักษณะการเดินที่เงียบเชียบจนแทบไม่ได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น
ชุดเครื่องแบบเก่าคร่ำคร่าขาดรุ่งริ่งจนดูแทบไม่ออก ว่าเป็นเครื่องแบบของทหารพราน หมวกเบเรต์ที่สวมอยู่บนศรีษะปรากฏรอยเลือดเป็นคราบถนัดตา
คนที่นำหน้าสุดถือวิทยุ HT-2 อยู่ในมือข้างซ้าย วิทยุเครื่องนั้นเสาอากาศหักเหลือแค่โคนเช่นเดียวกับเครื่องประจำหมวดของผมเหมือนหยั่งกับนัดเอาไว้
เหม็นชิบหายเลยหมวด... โอ้โหกลิ่นหยั่งกับผีตายซากแน่ะครับ น่ากลัวพี่แกคงจะไม่ได้อาบน้ำเป็นปีๆละกระมัง
ไอ้โล้นกระซิบกระซาบกับผมพร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดอยู่ตลอดเวลา
สวัสดีครับ ผม สอ.แฟง แสงทอง ตำแหน่งรอง ผบ.หมวด 4 ร้อย 3 BC.606 A และนี่ลูกน้องของผมทั้งนั้น พวกคุณโชคดีมากครับที่หลุดออกมาจากดงระเบิดนี้ได้
ในขณะที่แนะนำตัว สอ.แฟง แสงทอง ก็นั่งทรุดตัวลงนั่งบนขอนไม้ ส่งสายตามองดูที่กระติกน้ำของผมด้วยท่าทางกระหายจัด และถ้าประสาทจมูกของผมไม่ผิดปกติ ผมได้กลิ่นสาปสางของซากสพอบอวลอยู่ใกล้ๆ หยั่งที่เจ้าโล้นตั้งข้อสังเกตุเอาใว้ไม่มีผิด
ผมปลดกระติกน้ำส่งให้ สอ. แฟง แสงทอง เขารับไปดื่มแล้วส่งให้ลูกน้องจนครบทุกคน
ผมไปละครับ แยกกันตรงนี้เลย ขอให้พวกคุณและทหารไทยทุกคนที่อยู่บนโน้นโชคดี
ร่างของ สอ.แฟง แสงทอง และลูกน้องทั้งสามคน เดินกลับออกไปทางเก่าอย่างเงียบเชียบเหมือนกับปีศาจ ไอ้โล้นยกวิทยุชำรุดเครื่องนั้นขึ้นมาเรียกหา สอ. แฟง คลื่นวิทยุซู่ซ่า ไม่ปรากฏเสียงตอบมาเหมือนอย่างเคย
ไอ้โล้นจ้องหน้าผมนิ่งอยู่ชั่วครู่ อากัปกริยาของมันคล้ายๆ กับจะพูดออกความเห็นอะไรวักอย่างหนึ่งออกมา เพื่อขวัญและกำลังใจของลูกน้อง ผมจำเป็นต้องขยิบตาเป็นทำนองปรามมันอยู่ในที
12.00 น. หมวดลาดตระเวณของผมเริ่มตรวจค้นศพทหารเวียดนามเหนือ เอกสาร..เครื่องหมายยศถูกรวบรวมเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน
ไอ้โล้นใช้มีดเฉือนใบหูข้างขวาจากศพทหารเวียดนามเหนือจำนวน 12 คนออกมาแล้วร้อยเป็นพวงด้วยสานเคลย์โมว์ ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักฐานในการปฏิบัติงานกวาดล้างของพวกผมนั่นเอง
ทหารรับจ้างพากันรวบรวมชิ้นส่วนศพของพล.ณรงค์ และพล.ชิดชัย ห่อด้วยเสื้อกันฝน ปันโจ แล้วพากันเดินทางขึ้นจากหุบลึกในครึ่งชั่วโมงต่อมา
เกือบหกชั่วโมงเต็มๆ ที่พวกผมปีนขึ้นมาจาก หุบนรก พอเท้าสัมผัสยอดเนิน เดลต้า-แยงกี้ ลูกน้องของผมถึงกับนอนแผ่หลาด้วยความอ่อนระโหยโรยแรงไปตามๆกัน
เฮ้ย...ทำไมลื้อไม่ติดต่อวิทยุขึ้นมาวะ เสียงระเบิดตึงตังโครมครามลั่นหุบไปหมด อั๊วจะสั่งหน่วยช่วยเหลือลงไปก็กลัวจะไม่ประสานงานกัน เกิดจวกกันเองก็ป่นกันไปเท่านั้น ทำกันอีท่าไหนวะถึงหลุดเข้าไปในดงกับระเบิดของพวกมันเข้า
กองสิงห์ ผบ.พัน ซึ่งฟังคำบอกเล่าอย่างคร่าวๆจากลุกน้องคนนึงของผมเอ่ยถามขึ้นมาพร้อมกับส่งเบียร์กระป๋องมาให้ ผมส่งต่อให้ไอ้โล้นแล้วถาม กองสิงห์ ออกไปด้วยความแปลกใจ
ผู้พันแน่ใจหรือครับว่า ไม่ได้ขอร้องให้ทหารจากกองพัน 606A ลงไปช่วยเหลือผม
ไอ้ห่า ถามชอบกล ตั้งแต่พวกลื้อขาดการติดต่อทางวิทยุ อั๊วก็เดินทางมารอลื้ออยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอน 5 โมงเช้า อั๊วไม่ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากทหารกองพันใดๆทั้งสิ้น
ไอ้โล้นหันขวับมามองผม แล้วหันกลับไปเล่าเหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหุบลึกเบื้องล่างให้กองสิงห์ฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน
กองสิงห์อ้าปากหวอ ทำหน้าเหมือนกับโดนผีอำ ชั่วอึดใจท่านก็ปราดเข้าไปที่วิทยุ PRC-77 ติดต่อสอบถามกับกองพัน 606A ด้วยท่าทางตื่นเต้นอยู่ชั่วครู่ก็หิ้ววิทยุเดินมาหาพวกผม พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาด้วยคำพูดที่ผมเย็นเยือกไปทั่วขุมขน
เฮ๊ย มันยังไงกันวะ อั๊วปวดกระดหลกจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว ส.อ.แฟง แสงทอง ที่ลงไปช่วยพวกลื้อออกจากดงระเบิดนั่น อั๊วเช็คไปที่กองพัน 606A แล้วมีตัวตนจริง แต่ทว่าตายห่าไปตั้ง 3 เดือนแล้ว จากการประทะกับทหารเวียดนามเหนือตอนฐานแตกบริเวณหุบข้างล่างนั่นแหละ หมอตายพร้อมๆกับลูกน้องอีก 3 คน ไอ้ห่า... พวกลื้อแหกตาอั๊วหรือปล่าววะ?
เสียงของกองสิงห์ไม่ใช่ค่อยๆ ลูกน้องของผมที่นอนพังพาบอยู่กับพื้น เผ่นขึ้นมานั่งเบียดอยู่ข้างๆ ผมเป็นกระจุก เหมือนกับนัดกันเอาไว้ ไอ้โล้นเทเบียร์พรวดลงไปในกระเพราะ แล้วบ่นพึมพรำออกมาเบาๆ
กูว่าแล้ว... กลิ่นสาปสางหยั่งกับผีตายซาก ผีหมู่แฟงแหงๆ ผู้พัน นึกสงสัยตั้งแต่ตอนวิทยุเสาหักเสือกติดต่อได้แล้ว วิญญาณหมู่แฟงคงจะเป็นห่วงพวกเราแน่ๆ ไปผุดไปเกิดเถิดเพื่อนฝูง อย่าทนทุกข์ทรมานอยู่อีกเลย
ผมประสาทชาดิกไปทั้งร่าง ภาพของ ส.อ.แฟง แสงทอง ในสภาพที่เครื่องแต่งกายกระรุ่งกระริ่งผุดขึ้นมาในห้วงสำนึก
เพื่อนเอ๋ย เพื่อนจะเป็นผี หรือเป็นคนก็ตามที พฤติการณ์ของเพื่อนที่ช่วยชีวิตพวกผมเอาไว้ ผมจะลืมไม่ได้จนชั่วชีวิตนี้
ท่านผู้อ่านที่เคารพ สิ่งที่เหลือเชื่อและสิ่งน่าพิศวง มักจะบังเกิดขึ้นเสมอๆ โดยไม่เลือกสถานที่ ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ผมไม่เคยลืม ส.อ.แฟง แสงทอง ทหารผีกล้าตายคนนั้น