เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล
ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล
ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า
http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ
ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 14
ผู้กองอังคารก้มศีรษะลงบังพนักพิง ซอยเท้าจี๋ทุ๋มกำลังเข็นโซฟาร์ควบเข้าหาประตูห้องสุดแรงเกิด
" โครม "
ส่วนหน้าสุดของโซฟาร์กระแทกกับประตูห้องเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ประตูห้องสั่นสะเทือนเหมือนกับโดนซุงกระทุ้ง ผู้กองอังคารทิ้งตัวเองนอนราบกับพื้น ปืนเก็บเสียงที่เหน็บอยู่เบื้องหลังถูกกระตุกขึ้นมากระชับอยู่ในมือ เหมือนเป็นอัตโนมัติ
" เปรี๊ยะ...เปรี๊ยะ "
มีเสียงเนื้อไม้ตรงบริเวณเหนือลูกบิดประตูโดนทะลุทะลวงจากกระสุนปืนเก็บเสียงอย่างถนัดหู
ผู้กองอังคารขบกราม แล้วค่อย ๆ เผยอศีรษะขึ้นไปมองรอยโหว่ของเนื้อไม้ ขยับปืนจะยิง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ค่อย ๆ ลากโซฟาร์ถอยหลังกลับไปตั้งหลักอยู่มุมห้อง...
หันรีหันขวางอยู่ ก็ตรงเข้าไปหยิบหุ่นเสื้อกิโมโนมาผูกติดกับพนักพิงแล้วเข็นพุ่งเข้าหาประตูอีกครั้ง
" โครม...เอี๊ยด "
บานประตูหักสะบั้น...พร้อม ๆ กับที่โซฟาถลาแวบเข้าไปอย่างเสียหลัก
" ปึด...ปึด...ปึด...ปึด "
มีเสียงปืนเก็บเสียงรัวอย่างถี่ยิบอยู่ข้างใน ผู้กองอังคารซึ่งพุ่งตัวเองไปนอนหงายอยู่ที่พื้นตรงขอบฝาผนังด้านนอก ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบวัตถุขนาดลูกมะนาวสีเหลืองออกมากำอยู่ในมือ ต่อจากนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง ใช้มือข้างหนึ่งดึงสลักนิรภัยออก ขว้างผลุงเข้าไปในช่องประตูที่หักสะบั้นนั้นทันที
" เพลียะ "
มีเสียงระเบิดดังเบา ๆ เหมือนกับเสียงหักกิ่งไม้แห้งชั่วอึดใจก็มีควันสีเหลือง พวยพุ่งออกมาจากช่องประตูเป็นสาย และเจ้าควันดังกล่าวลามเลียออกมาปกคลุมช่องทางเข้าประตูที่หักสะบั้นนั้นจนมืดทึบไปหมด
ผู้กองอังคารคลานอย่างรวดเร็วจี๋เข้าไปในช่องประตูแล้วฉากแวบเข้าไปนั่งพิงผนังห้องสงบเงียบอยู่อย่างระมัดระวัง
ควันสีเหลืองยังคละคลุ้งเต็มห้องไปหมด สักอึดใจใหญ่ ๆ เจ้าควันดังกล่าวก็ค่อย ๆ ลามเลียออกไปนอกช่องประตูจนหมดสิ้น
" ซิลเวีย-อึ้ง " นอนฟุบหน้าอยู่บนเตียง ผ้าปูที่นอนถูกขยุ้มเป็นก้อนแล้วใช้อุดจมูก...ปืนพกเก็บเสียง " เบรานิ่ง " ของนอร์แมนที่ใช้ยิงประตูตกอยู่ที่พื้น
ผู้กองอังคารชำเลืองดูนอร์แมนที่นอนงอก่องอขิงอยู่ที่พื้นยิ้มออกมานิดนึง ต่อจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนก้าวสวบ ๆเข้าไปนั่งอยู่ปลายเตียง แล้วใช้ปลายท่อเก็บเสียงสะกิดเท้า ซิลเวีย-อึ้งเบา ๆ
" - ลุกขึ้นมาได้แล้วคนสวย ลืมหูลืมตาดูซะมั่ง...กะอีแค่ควันพรางตัวธรรมดา ๆ ก็ปอดแหกไปได้ "
ผู้กองอังคารพูดพลางใช้มืออีกข้างกระตุกปลายผ้าปูเตียงเต็มแรง
ซิลเวีย-อึ้ง ขยับตัว ผู้กองอังคารตะครุบลงไปบนข้อเท้า แล้วลากมาปลายเตียงสุดแรงเกิด
พอร่างของ ซิลเวีย - อึ้ง เลื่อนมาถึงปลายเตียง ผู้กองอังคารก็ขยุ้มปอยผม แล้วกระชากร่างของซิลเวียติดมือขึ้นมา ปากก็สำทับอย่างเฉียบขาด
" - หน้าตาของเธอก็สวยดีหรอก...เสียอยู่อย่างเดียว เสือกเข้ามาวุ่นวายอยู่ในแผ่นดินของกูทำไม "
ซิลเวีย-อึ้งไม่ตอบ เธอดิ้นอึกอัก อึกอัก มือทั้งสองพยายามยกขึ้นมาเป็นพัลวัน
ผู้กองอังคารเหน็บปืนที่ซอกเอวด้านหลัง แล้วใช้มือขวาโอบเอวซิลเวีย - อึ้ง ตวัดเข้ามาแนบอก มือข้างซ้ายกระชากปอยผมจนหน้าของหญิงสาวหงายเชิด
" - ไอ้สัตว์...ทำร้ายผู้หญิง...มึงแน่จริงลองปล่อยกูซิวะ "
ซิลเวีย อึ้ง...พูดพลางถ่มน้ำลายเข้าใส่หน้าของผู้กองอังคาร พร้อมกับออกแรงดิ้นอย่างสุดฤทธิ์
ผู้กองอังคารใช้มือขวาตบเปรี้ยงเข้าไปบนใบหน้าของซิลเวีย - อึ้ง สามทีซ้อน ๆ
" มีฤทธิ์นัก...แดกซ่นมือซะมั่ง...ขนาดมึงเป็นผู้หญิง...มึงยังล่อเจ้านายซะหมอบ "
ซิลเวีย - อึ้ง สะบัดหน้าไปตามแรงตบ...แต่ไม่ร้องซักคำ...เธอถ่มน้ำลายผสมเลือดเข้าใส่หน้าผู้กองอังคารแล้วสบถออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม
" - แรงตบแค่นี้หยุดกูไม่ได้หรอกโว้ย วันนี้พวกมึงไม่รอดแน่...ประเดี๋ยวพวกกูก็จะแห่มาสับเนื้อพวกมึงออกเป็นชิ้น ๆ "
ซิลเวีย - อึ้ง พูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงวิทยุดังแว่ว ๆ ขึ้นที่บริเวณหัวเตียง
" - ฮานอย จาก ฮานอย 10 ขณะนี้ตำรวจติดอยู่ที่กลางซอยระหว่างสะพานข้ามคลอง...พวกเราเผาสะพานทิ้งแล้วครับ "
ซิลเวีย - อึ้ง ขยับตัว...ผู้กองอังคารผลักร่างของหญิงสาวหงายหลังโครมลงไปบนเตียง แล้วใช้มือซ้ายล็อคแขนของซิลเวียเอาไว้แน่น-กอดก่ายร่างของสายลับ เค.จี.บี. ลงแนบกับที่นอน...มือขวาที่ว่างก็ควานขึ้นไปหาวิทยุที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนอย่างรวดเร็ว
วิทยุขนาดจิ๋วที่ออกแบบสร้างขึ้นมาในลักษณะของแท่งลิปสติคถูกล้วงออกมา...ผู้กองอังคารยกขึ้นมาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ปรากฏเสียงวิทยุเรียกมาอีก
" ฮานอยจากฮานอย 10...พวกเราโดนโจมตีทางด้านหมู่บ้านเสรี...กำลังหนุนของเรายังเดินทางมาไม่ถึงจะวางแผนอย่างไรตอบด่วน "
ผู้กองอังคารหัวเราะก๊าก หยิบวิทยุทิ่มเข้าไปที่หูของซิลเวีย - อึ้ง แล้วคำรามออกมาด้วยเสียงลึก ๆ อยู่ในลำคอ
" - พวกของมึงโดนล้อมหมดแล้ว...คราวนี้ต่อให้มีปีกบินก็ไปไม่รอด "
ซิลเวีย - อึ้ง ไม่ตอบ เธอออกแรงดิ้นอย่างสุดฤทธิ์ผู้กองอังคารใช้มือกระชากเสื้อสุดแรงเกิด
" คว้าก "
เสื้อชุดเดินทางขาดลุ่ยติดมือออกมาเป็นแถบ...ซิลเวียร้องเสียงหลง แล้วผงกศีรษะก้มลงใช้ปากกัดแขนผู้กองอังคารเต็มแรง
ผู้กองอังคาร กระชากผมซิลเวีย-อึ้ง จนหน้าหงายพร้อม ๆ กับฉกริมฝีปากวูบเข้าหาปากที่เต็มอิ่มนั้น...มือข้างที่ว่างเลื่อนปร๊าดลงไปเบื้องล่าง กระตุกกระโปรงชุดเดินทางลุ่ยออกไปติดอยู่ที่หัวเข่า ต่อจากนั้นก็งอขาขึ้นมา ใช้ปลายเท้าเขี่ยกระโปรงหลุดลงไปกองอยู่ที่พื้นปลายเตียง
" - เอ้า...ดิ้น...ดิ้นเข้า ถ้าเธอขืนดิ้น ฉันจะถอดเธอให้เหลือแต่ชุดวันเกิด ถ้าไม่เชื่อจะลองดูก็เอา "
ผู้กองอังคารถอนริมฝีปากจากกระจับคู่งามที่เต็มอิ่มของซิลเวีย - อึ้ง แล้วเปลี่ยนคำพูดที่กระโชกโฮกฮาก เป็นคำพูดที่ค่อนข้างจะหวานหูขึ้นเป็นครั้งแรก
ซิลเวีย - อึ้ง ยังไม่ทันจะตอบว่าอะไร ผู้กองอังคารก็กระชากยกทรงที่วอมแวมอยู่ที่หน้าอกขาดแควกติดมือออกมา แล้วฉกริมฝีปากแวบลงไปบนจุดสีชมพูที่ผงาดท้าทายแสงฟูออร์เรสเซ่นอยู่นั้น
ซิลเวีย-อึ้ง สะดุ้งเฮือก ขยับตัวดิ้นอย่างสุดฤทธิ์...ปากก็ละล่ำละลักออกมาอย่างตื่นตระหนก
"อย่าค่ะ...อย่าทำอย่างนั้น...โปรดเถิด กรุณาอย่าทำแบบนั้น"
ผู้กองอังคารถอนริมฝีปากขึ้นมาจากเนินอกที่อวบอูมและขาวผ่อง นัยน์ตาส่งประกายวาววับแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม ผิดกับเมื่อกี้เป็นคนละคน
" - ซิลเวีย-อึ้ง...เธอก็พูดเพราะ ๆ เป็นเหมือนกันหรือนี่ ?...ขออย่างอื่นผมจะให้ได้ แต่อย่างนี้เห็นจะไม่มีทาง "
พอพูดจบผู้กองอังคารก็แนบคางลง แล้วใช้เคราที่ค้างโกนไซ้ไปบนเนินพระอุมาอย่างแผ่วเบา
เจอะลูกเล่นอันพิสดารของผู้กองอังคารบทนี้เข้าพยัคฆ์สาวเจ้าเล่ห์จากองค์การ เค.จี.บี. ก็แอ่นผวาขึ้นสุดตัวมือไม้ที่ถูกล็อคอยู่ขยับไปมาศีรษะหงายเริดปากก็พึมพำเป็นภาษามาเลย์ไม่ได้ศัพท์
ผู้กองอังคารขยับตัวปล่อยแขนที่ล็อคออก ซิลเวีย-อึ้ง ตวัดมือขึ้นโอบศีรษะผู้กองแน่น คล้าย ๆ กลับจะมีอารมณ์เผลอไผลกับความพิสวาสที่พุ่งขึ้นมาเหมือนทำนบแตกนั้น แต่พอผู้กองเผลอตัวก็ค่อย ๆ ยื่นมือควานหาวิทยุซึ่งตกอยู่ข้างหลังผู้กองอังคารทันที...
ทันใดนั้นเอง ใบมีดเรียวเล็กที่ใหญ่กว่าเข็มฉีดเล็กน้อย ก็เด้งโผล่ออกมาทางก้นของแท่งลิปสติค...ซิลเวีย-อึ้ง พลิกข้อมือกลับ กำแท่งลิปสติคแน่น หวังจะจ้วงแทงแผ่นหลังของผู้กองในขณะเผลอตัว
นอร์แมน ซึ่งนอนตาแป๋วอยู่ที่พื้นข้างล่างกระโจนผึ๋งขึ้นมาบนเตียงแล้วยกเท้าขึ้นข้างหนึ่งกระทืบโครมลงไปบนข้อมือที่ถือแท่งลิปสติคเต็มแรง...
ผู้กองอังคารเอี้ยวคอขึ้นไปมองนอร์แมนแล้วหัวเราก๊าก
" - ขึ้นมาของส่วนแบ่งหรือไง...เจ้านาย "
นอร์แมนใช้เท้าข้างที่ว่างเตะเข้าไปที่เอวของอังคารแล้วสบถออกมาด้วยความฉุนเฉียว
" - จะตายห่าอยู่แล้ว ยังไม่รู้สึกตัวอีก ผมนอนดูอยู่ตั้งนาน...โน่น แหกตาดูซะ เกือบป่นแล้วผู้กอง "
ในขณะที่พูด นอร์แมนก็ก้มลงไปหยิบแท่งลิปสติคขึ้นมาให้ดู
ผู้กองอังคารชำเลืองดูแท่งลิปสติค แล้วตบเปรี้ยงเข้าไปที่ซอกแก้มเต็มเหนี่ยว ต่อจากนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับกระชากร่างของซิลเวียติดมือขึ้นมาด้วย
ยังไม่ทันจะทำอะไร ต่อไปก็ได้ยินเสียงคำรามของ "เอ็ม.72" ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ความดังและความรุนแรงของมันกลบเสียงปืนนานาชนิดที่กำลังสลุตกระสุนเข้าใส่กันระหว่างบ้านร้างกับบ้านสองชั้นให้เงียบเสียงลงโดยสิ้นเชิง
" - มัดมันทิ้งเอาไว้ในห้องนี่ก่อน...รู้สึกว่าพวกเราจะโจมตีบ้านร้างเข้าให้แล้ว"
นอร์แมนพูดพลางฉีกผ้าปูที่นอนออกเป็นชิ้น ๆ แล้วเริ่มมัดซิเวีย - อึ้ง อย่างรีบเร่ง...ผู้กองอังคารเดินเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเดินกลับเข้ามาที่ร่างของซิลเวีย ที่นอนงอก่องอขิงอยู่บนที่นอนพร้อมกับพูดออกมาเบา ๆ
" - ถ้าเธอโชคดีหลุดออกไปได้ อย่าลืมใส่เสื้อออกไปด้วย...โน่นในตู้มีเสื้อสตรีอยู่แยะ ขืนหลุดออกไปแบบนี้หมาฟัดตายห่า"
ซิลเวีย-อึ้ง ตะโกนด่าออกมาอย่างไม่นับ นอร์แมนหันมากระตุกแขนเสื้อผู้กองอังคาร แล้วกระโจนผึ๋งออกมาจากห้อง แต่ก็ไม่วายที่จะก้มลงหยิบแท่งลิปสติคมหาภัยอันนั้นติดมือออกมาด้วย...
ผู้กองอังคารปราดไปที่วิทยุ ซึ่งเปิดเครื่องทิ้งเอาไว้ และมีเสียงไอ้โล้นกำลังแหกปากร้องลั่นอยู่พอดี
" - ผู้กอง...ผู้กอง...ผมจรวกรถปิคอัพของมันพังหมดแล้ว...ทำไมไม่ตอบ...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ..."
อังคารหยิบปากพูดขึ้นมากรอกเสียงลงไปแทบไม่หายใจ
" - ไอ้โล้น...ระวังหน่วยหนุนของพวกมันกำลังเคลื่อนที่เข้ามาทางหมู่บ้านเสรีอันเป็นเส้นทางเดียวกับมึง...รีบ ๆ จวกพวกมันเร็ว ๆ เข้า ตำรวจผ่านสะพานเข้ามาแล้วโว้ย "
บัดดลนั้นเอง ห่ากระสุนนับพัน ๆ นัดก็วิ่งพรูเข้าหาบ้านร้าง...ประกายไฟจากลูกกระสุนปืนสอง สอง วิ่งสวนกันไม่ขาดระยะ หน่วยปฏิบัติการพิเศษของ ซี.ไอ.เอ. รายล้อมบ้านร้างเอาไว้ทั้ง 4 ด้าน แล้วเริ่มสลุตกระสุนเข้าใส่เป็นพายุบุแคม
มีเสียงไซเรนดังลั่นมาทางปากซอย พร้อม ๆ กับเสียงไอ้โล้นแหกปากร้องลั่นมาในวิทยุ
" - เจ้านาย...โปลิสมาแล้ว...ผมเห็นทีจะอยู่ไม่ไหวแน่...มีอะไรสั่งมาเลยครับ"
" - บอกให้พวกเราถอนตัวออกไปตามเส้นทางเดิม...ระวังหน่วยหนุนของพวกมันด้วย..."
นอร์แมน สำทับออกมาอย่างเฉียบขาด แล้วปราดเข้าไปหยิบ "เอ็ม. 72" ที่ผู้กองอังคารเพิ่งจะขนขึ้นมาจากห้องใต้ดิน...กดล็อคกางปืนจรวดแม็คนีโตออกเป็นสองท่อนต่อจากนั้นก็เดินโหย่ง ๆ เข้าไปที่ตู้เก็บเหล้า เปิดสวิทซ์ลดเกราะเหล็กด้านตรงกันข้ามบ้านร้างลงจนสุด
จากช่องหน้าต่างซึ่งเปิดโล่งอยู่นั้น มองเห็นซากรถปิคอัพมีไฟลุกโขมง...แสงสว่างจากกองไฟมองเห็นร่างตะคุ่ม ๆ นอนพาดอยู่บนตึกชั้นบนซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่อย่างถนัดชัดเจน...
นอร์แมน ยก "เอ็ม. 72" ขึ้นพาดหน้าต่าง ตาขวาแนบศูนย์เล็งเหนือลำกล้อง ส่วนผู้กองอังคารฉากแวบออกไปจากเบื้องหลังเพื่อหลบแรงสะท้อนถอยหลังที่จะพุ่งออกมาจาท้ายลำกล้อง
นอร์แมนเล็งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วบรรจงเหนี่ยวไกอย่างใจเย็น ประกายไฟเหมือนกับผีพุ่งไต้วิ่งปร๊าดออกจากช่องหน้าต่าง เป้าหมายก็คือส่วนบนของตึกรางที่สว่างโพลนอยู่ท่ามกลางแสงไฟนั้น
" พรึ้ม "
เสียงระเบิดหนักและรุนแรงกระหึ่มขึ้นมาดังสนั่นหวั่นไหว ประกายไฟสีเขียวปนส้มสว่างแวบแล้วกระจายออกไปรอบ ๆ ทิศ...ตัวตึกร้าง ไฟลุกพรึ่บขึ้นทั้งหลังเหมือนถูกอาบด้วยแสงไฟ
ผู้กองอังคารมองดูแล้วอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ
" - เอ็ม.72 แน่รึ...หัวหน้า...ผมไม่เคยเห็นจริง ๆ ไอ้แบบที่ยิงแล้วลุกเป็นไฟแบบนี้ "
" - เอ็ม.72 สเปเชี่ยน...เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อาทิตย์ที่แล้วนี่เอง...มีทั้งอำนาจการทำลายและอำนาจเผาผลาญทุกจุดที่กระสุนแม็กนีโตผ่านเข้าไปจะทำปฏิกริยาลุกไหม้ทันทีไม่ว่าจะเป็นวัสดุจำพวกไม้หรือซีเมนต์เนื้อแข็ง...ฉิบหายแล้วผู้กอง...ตำรวจมาโน่นแล้ว"
ประโยคสุดท้าย นอร์แมนลดเสียงลงกระซิบกระซาบเบา ๆ พร้อมกับโยนกระบอกไฟเบอร์ "เอ็ม.72" ที่ยิงแล้วลงบนพื้น
เสียงไซเรนมาหยุดที่กึ่งกลางระหว่างบ้านร้าง ซึ่งไฟกำลังลุกโชนกับตึกสองชั้น ที่คนทั้งสามซ่อนตัวอยู่ตามติด ๆ ด้วยรถปิคอัพหลังคาสูงอีกหนึ่งคัน
รถจอดยังไม่ทันสนิท กลุ่มตำรวจก็พากันลงมาจากรถ แล้ววิ่งเข้ามารายล้อมด้านหน้าของตัวตึกทั้งสองเอาไว้อย่างรวดเร็ว
" - ปิดห้องใต้ดิน ขนอาวุธหนักลงไปซ่อนให้หมดสถานีย่อยของเราแห่งนี้เป็นเอกเทศ ไม่มีใครเคยรู้ความตื้นลึกหนาบางขององค์การเรา...ขณะนี้เราอยู่ในคราบของโจร...ผู้กองตาดีก็ได้ ตาร้ายก็เสีย...ประเดี๋ยวผมจะแหกออกไปทางเบื้องหลัง"
นอร์แมนพูดพราง เดินเข้าไปหยิบปืนเบรานิงค์เก็บเสียงที่ลืมอยู่ในห้องของซิลเวีย - อึ้ง แล้วเดินกลับออกมาสมทบกับผู้กองอังคาร ซึ่งกำลังแหวกม่านหน้าต่างดูการเคลื่อนไหวของตำรวจอย่างระมัดระวัง
" - แล้ว ซิลเวีย-อึ้ง ล่ะ...หัวหน้า"
" - ปล่อยเธอเอาไว้ที่นี่...ผมเชื่อเหลือเกินว่าเธอจะต้องเอาตัวรอดจากการสอบสวนได้...เพราะฉากหน้าของเธอเป็นนักร้องที่เดินทางเข้ามาเพื่อประกอบอาชีพส่วนตัว"
นอร์แมนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่สายตาจ้องเขม็งไปที่ถนนสายหน้าบ้านอย่างระแวดระวัง
"โปรดทราบ ทุกคนที่อยู่ในบ้านทั้งสองโปรดออกมาพบกับเจ้าหน้าที่เดี๋ยวนี้...ยกมือขึ้นเหนือศีรษะแล้วเดินออกมาด้วยมือเปล่า เรามีเวลาให้พวกท่านเพียง 3 นาที ถ้าพวกท่านเป็นสุจริตชน...ท่านจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานโดยเคร่งครัด"
เสียงประกาศจากเครื่องกระจายเสียงขนาดกระเป๋าที่ใช้ถ่านไฟฉายดังกังวานอยู่เบื้องนอก...เสียงประกาศซ้ำอยู่ 2 เที่ยวก็หยุด ต่อจากนั้นก็มีสปร์ตไล้ท์ส่องเข้ามาในตึกสองชั้นที่คนทั้งสามซ่อนตัวอยู่ แล้วส่องกราดไปทั่วอาณาบริเวณอยู่ตลอดเวลา
" - พวกเราคงจะถอยไปหมดแล้ว และรู้สึกว่าพวกมันที่ตึกหลังโน้นคงจะสูญเสียทั้งหมด...นี่คือประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของปืน "เอ็ม.72" ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ จากนักประดิษฐ์ของฝ่ายเรา"
นอร์แมนพูดพลางเอื้อมมือหยิบ "เอ็ม - 72" อีกกระบอกที่วางอยู่บนเก้าอี้นวมขึ้นมาถือเอาไว้อยู่ในมือ
ผู้กองอังคารชำเลืองดูแว่บหนึ่ง แล้วเอ่ยปากถามอย่างเคลือบแคลงใจ
" - หัวหน้าจะใช้ "เอ็ม-72" นี่ยิงตำรวจที่อยู่ข้างนอกหรือครับ"
" - ก็เราไม่มีทางเลือกนี่...ผู้กอง ลำพังเราสองคนนี่ถ้าขืนแหวกออกไปก็พังเท่านั้น"
นอร์แมนพูดพลางกดปุ่มล็อคพร้อมกับดึงกระบอกไฟเบอร์ให้กางออกเป็นสองท่อน
ผู้กองอังคารกระชากลูกเลื่อนปืน "เบรานิง-ไฮเพาเวอร์" ดัง "แคร้ง" แล้วจี้หมับเข้าไปที่หัวขมองของนอร์แมน พลางคำรามออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม
" - วางปืนลง...หัวหน้า...ผมเป็นคนไทยทั้งเชื้อชาติและสัญชาติ...เท่าที่เข้ามาร่วมแผนการกับหัวหน้าก็เนื่องจากหน่วยเหนือเล็งเห็นความพินาศฉิบหายอันจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย เนื่องจากลัทธิคอมมิวนิสต์...ผมสามารถที่จะฆ่าอ้ายและอีทุกผู้ที่เป็ยภัยต่อประเทศชาติของผม แต่จะให้ผมเข่นฆ่าหรือดูคนอื่นเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อหน้าแบบนี้ไม่ได้...ถ้าหัวหน้าไม่เปลี่ยนใจ...ผมจะฆ่าหัวหน้าเดี๋ยวนี้"
นอร์แมนจ้องตาผู้กองอังคารเขม็ง แล้วค่อย ๆ วางปืน "เอ็ม.72" ลงบนเก้าอี้ ผู้กองอังคารยกเท้าถีบเก้าอี้ให้เลื่อนห่างออกจากตัวแล้วลดปืนลง...พูดต่อไปอีกอย่างยืดยาว
" - ผมอาจจะผิดที่กระทำกับหัวหน้าแบบนี้...เรามาสมมุติกันอย่างง่าย ๆ ลองเปลี่ยนให้หัวหน้ามาเป็นผมแล้วบังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หัวหน้าจะทำเช่นไร ?...ผมเป็นคนไทย อาชีพรับจ้างรบคืออาชีพหลักของผม แต่ถ้ามันเลยเถิดจนกระทั่งถึงกับทำร้ายเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำตามหน้าที่...ผมยอมไม่ได้...เสร็จจากงานวันนี้ หัวหน้าอาจจะฉีกสัญญาว่าจ้างของผมทิ้ง"
นอร์แมนหัวเราะก๊าก เอื้อมมือมาตบที่แขนของผู้กองอังคารเบา ๆ พร้อมพูด
" - ผู้กอง เป็นคนรักชาติ...ขอให้รักชาติแบบนี้ตลอดไปเถิด...คนเราเกิดมาถ้าไม่มีสรณะ และยิ่งที่ยึดมั่นแบบผู้กองผมเห็นเสียคนมาเยอะแล้ว...คนดี ๆ แบบนี้ ถ้าผมไม่จ้างแล้วผมจะไปสรรหาจากสวรรค์ที่ไหน...โน่น...เครื่องกระจายเสียงซ่อนอยู่ในตู้ยาโน่น...ผู้กองพูดออกไปว่า พวกเรายึดผู้หญิง นักร้องสิงคโปร์เป็นตัวประกัน...ถ้ายิงเข้ามาอาจจะถูกผู้หญิง"
ผู้กองอังคารเผ่นพรวดเข้าไปที่ตู้ยา แล้วเปิดออกยื่นมือเข้าไปสวิทช์ดึงไมโครโฟนขนาดเล็กออกมากรอกเสียงลงไปอย่างเฉียบขาด
" พวกผมยึดตัวนักร้องจากสิงคโปร์เป็นตัวประกัน...อย่ายิงเข้ามาเป็นอันขาด เมื่อครบ 3 นาที ผมจะติดต่ออีกครั้ง "
ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มีเสียงประกาศสวนกลับเข้ามาอย่างเฉียบขาด
" - เหลือเวลาอีก 2 นาที ถ้าครบกำหนดเวลาแล้วไม่ยอมจำนน เจ้าหน้าที่จะระดมยิงทันที"
" - ยกแผ่นเกราะด้านหน้าขึ้นผู้กอง...ตำรวจยิงพวกเราแน่ ๆ...เสียงปืนบ้านโน้นเงียบเสียงลงแล้ว...คราวนี้ถึงคราวเราบ้างล่ะ"
นอร์แมนพูดพลางถอดแม็กกาซีน ปืนเก็บเสียงออกมาตรวจดู แล้วล้วงมือลงไปในกระเป๋า ผู้กองอังคารซึ่งยืนมองอยู่รีบล้วงแม็กกาซีนสำรองออกมาจากซองพกพิเศษ ที่ซอกขาด้านซ้ายมือ แล้วส่งให้ทั้งสองอันต่อจากนั้นก็เดินไปที่สวิทช์เลื่อนเกราะเหล็กขึ้นปิดผนังด้านหน้าที่ติดกับถนนสายหน้าบ้านทันที...
"เหลืออีกหนึ่งนาทีครึ่ง"
เสียงประกาศเฉียบขาดดังขึ้นอีก...พร้อม ๆ กับสปอร์ตไลท์ฉายกราดเข้ามาสว่างเป็นทาง
ผู้กองอังคารขบกรามแน่น ตวัดปืนขึ้นเหนือเพดานเหนี่ยวไกอย่างนิ่มนวล
"ปึด"
ช่อไฟกลางเพดานห้องขาดสะบั้นตกลงมาแตกกระจายอยู่กับพื้น
แสงสว่างภายในห้องหายวับไปในบัดดล แต่รอบ ๆ บริเวณกลับสว่างจ้าด้วยแสงสปร์ตไลท์ที่ส่องกราดเข้ามาอย่างชนิดต่อเนื่องกัน
ตำรวจไม่มีเวลาต่อรองให้กับผู้ที่ซุกซ่อนอยู่ในตึกสองชั้นอีกแล้ว การจงใจยิงหลอดไฟเป็นการตัดสินใจของฝ่ายที่ถูกล้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าส่งระดมยิงทันที
สรรพสิ่งภายในตัวตึกนอกเกราะเหล็กพังพินาศ หลังคากระเบื้องฉีกขาดออกทั้งกะบิแล้วร่วงเกรียวกราวไม่ขาดระยะ หัวทองแดงนานชนิดกระทบแผ่นเกราะเสียงดังเฟี้ยวฟ้าว เหมือนกับเสียงเปรตทวงวิญญาณ
นอร์แมนยืนจังงังเหมือนโดนผีหลอกยังไม่ทันขยับตัว ผนังด้านข้างซึ่งยังไม่ได้เอาเกราะลงก็โดนกระสุนทะลวงเข้ามาเป็นห่าฝน...
ผู้กองอังคารกระโจนกระแทกนอร์แมนล้มคว่ำลงไปกับพื้น ลูกปืนทะลุบานหน้าต่างเข้ามาเป็นสาย...ม่าน...ผ้าบังตา ลวดฉลุ ขาดออกเป็นชิ้น ๆ เหมือนกับโดนขวานจาม
"เอาเกราะทั้งหมดลง...ผู้กอง"...
นอร์แมนตะโกนเสียงหลง...ผู้กองอังคารคลานเร็วจี๋ไปที่สวิทช์...พอจะเอื้อมมือขึ้นไปก็ต้องหดหัวลงมาแนบพื้น เนื่องจากตู้เก็บเหล้า โดนกระสุนที่ทะลุทะลวงเข้ามาขาดเหว่ออกเป็นทาง และแนวกระสุนเริ่มต่ำลงทุกนาทีจนผู้กองต้องพลิกตัวไปตามพื้นสามสี่ทอด แล้วนอนคว่ำหน้าสงบนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ
นอร์แมนคลานเข้าไปหาสวิทช์แล้วโหย่งตัวขึ้นกดแต่ปรากฏว่า แผ่นเกราะเหล็กไม่ทำงาน...เขาสบถออกมาอย่างฉุนเฉียว
" - ฉิบหายแล้ว...ผู้กอง...เกิดขัดข้องแผ่นเกราะไม่ทำงาน...ขืนอยู่บนนี้ถูกยิงพรุนแน่ "
ผู้กองอังคาร ไม่ตอบ...เขาคลานเร็วจี๋เข้าไปที่ห้อง ซิลเวีย-อึ้ง แล้วหิ้วหุ่นโชว์เสื้อกิโมโนออกมา...ต่อจากนั้นก็ใช้หมวกของนอร์แมน คลุมลงไปแล้วค่อย ๆ วางหุ่นลงบนพื้นใช้มือผลักให้หุ่นเลื่อนเข้าหาบานหน้าต่าง ๆ ด้านที่ติดกับบ้านร้างซึ่งขณะนี้ไฟกำลังลุกโชน
ชั่วพริบตา - เดียว หน้าต่างเกล็ดกระจกบานนั้นก็ถล่มแตกเกรียวกราว หมวก...หุ่นกิโมโน กระเด็นล้มกลิ้งลงกับพื้น ทั่วทั้งตัวหุ่นฉีกขาดกระจุยกระจายจนจำสภาพเดิมแทบไม่ได้
อา ! เพชฌฆาตรับจ้างและหัวหน้าข่าวกรองค่ายรามสูร ตกอยู่ในห่ากระสุนของเจ้าหน้าที่ตำรวจหัวหมากเสียแล้ว...
"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428