เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล
ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล
ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า
http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ
ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 22
ร่างของ " เต๋า-โบว์ลิ่ง" โดนหามกระร่องกระแร่งลงจากรถ แล้วถูกโยนโครมลงไปบนรถเข็นชนิดสามล้อ ที่จอดอยู่หน้าโรงเก็บรถนั่นเอง
ต่อจากนั้นสองคนในกลุ่มก็ผละเดินมุ่งหน้าเข้าไปยังเรือนพักคนงาน ซึ่งมองเห็นทะมึนอยู่เกือบจะชิดขอบรั้วด้านในสุดของโกดังข้าวสาร "ย่งเส็ง" ซึ่งกว้างใหญ่ไพศาลนั้น
ส่วนอีกคนเข็นรถอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง...ชั่วอึดใจใหญ่ ๆ ต่อมาก็หายลับเข้าไปในช่องประตูโกดังข้าวสารที่เปิดหราอยู่นั้น
โกดังข้าวสารถูกสร้างขึ้นอย่างใหญ่โตมโหฬาร พื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของโกดังแน่นเอียดไปด้วยกระสอบข้าวสารนับพัน ๆ กระสอบ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งถูกแบ่งออกเป็นห้องหับเรียงรายเหมือนกับสำนักงานธุรกิจไม่มีผิด
ยามรักษาการณ์สองคนที่ยืนอยู่ด้านในของประตูชะโงกหน้าลงไปมองดูร่างไอ้เต๋า แล้วไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้า เหมือนกับจะเป็นสัญญาณให้ผ่านเข้าไปได้...
ร่างของไอ้เต๋าถูกเข็นผ่านกองกระสอบข้าวสารไปยังห้องด้านในสุด แล้วถูกโยนโครมเข้าไปนอนฟุบอยู่กลางห้องนั้น...
ไอ้เต๋าเริ่มได้สติ มันสลัดศีรษะด้วยความมึนงงอยู่ครู่งหนึ่งก็เอื้อมมือไปจับท้ายทอย แล้วค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมานั่งอย่างลำบากยากเย็น
" - โดนอะไรมา...เพื่อน "
สำเนียงพูดแปร่ง ๆ เหมือนกับแขกพูดไทย ดังอยู่ที่มุมห้อง ไอ้เต๋าเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นบังหมุด ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่กับผนังห้อง...ข้อมือและข้อเท้าโดนมัดติดกันใบหน้าและริมฝีปากบวมเจ่อ บางส่วนแตกปริมีเลือดซึมออกมามองเห็นถนัดตา
ไอ้เต๋ายังไม่ทันจะพูด ประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง...
พร้อม ๆ กับมีใบหน้าของยามรักษาการณ์คงนีงโผล่เข้ามาดู เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ มันก็กระแทกประตูห้องปิดดังโครมใหญ่ แล้วมีเสียงลั่นกุญแจดังกริ๊ก
" - พรรคพวกของลื้อถามหาตัวลื้อให้ควั่กไปหมดมันเรื่องอะไรกันนักหนาวะไอ้บัง "
ไอ้เต๋าพูดพลางขยับเข้าไปใกล้ ๆ มือทั้งสองเอื้อมไปที่ข้อเท้าทำกริยาเสมือนหนึ่งจะช่วยแก้เชือกให้
บังหมุดขยับเท้าหนี สายตาจ้องหน้าไอ้เต๋าเขม็งแล้วค่อยเอ่ยถามห้วน ๆ
" - ลื้อยังไม่ได้ตอบอั๊ว...ลื้อเป็นใคร ทำไมถึงโดนจับมาที่นี่ "
" - อั๊วเป็นเพื่อนของไอ้โล้น และไอ้แสบ อั๊วถูกดึงเข้าไปร่วมมือในการสืบหาลื้อ...บังหมุด...ก่อนอั๊วจะถูกซิวมานี่เกิดเรื่องยิงกันเกือบตาย ที่หน้าร้านไอ้ "อ้วน-ราม่า" ...ไอ้ห่ เสียที่ผู้หญิงด๊าย "
ประโยคสุดท้าย ไอ้เต๋าบ่นพึมพำเหมือนกับจะพูดกับตัวเอง...
ต่อจากนั้น ไอ้เต๋าก็อธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง จนกระทั่งบังหมุดหายเคลือบแคลงใจ
" - เต๋า...ลื้อพอจะเดาออกมั้ยว่า ห้องที่ขังเราอยู่นี่ตั้งอยู่บริเวณไหนของเมืองโคราช "
บังหมุดเอ่ยถามขึ้นมาอีก
" - จนปัญญาว่ะ อีตอนเข้ามานี่อั๊วโดนแพ่นกบาลจนสลบ มาฟื้นอีกที่ก็ห้องนี่แหละ แล้วก็ห้องทึบ ๆ ไม่มีหน้าต่าง พอที่จะอาศัยดูภูมิประเทศด้านนอกแบบนี้ อั๊วเดาไม่ออกจริง ๆ เฮ้ย พวกไหนวะที่จับเรามา "
ประโยคสุดท้าย ไอ้เต๋าลดเสียงกระซิบถามเบา ๆ
" - ญวนทั้งนั้น...เดี๋ยวอั๊วขอถามอีกนิด อีตอนลื้อขึ้นไปบนโรงแรม ลื้อถอดรองเท้าเอาไว้นอกห้องหรือว่าในห้อง "
บังหมุดย้อนถามกลับมาอีก
" - คราวแรกอั๊วถอดวางเอาไว้ในห้อง แต่ไอ้โล้นหิ้วรองเท้าอั๊วโยนออกไปข้างนอก ลื้อถามทำไมวะ "
บังหมุดไม่ตอบ แต่ประกายดวงตาฉายแสงแห่งความหวังขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็เป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นชั่วอึดใจต่อมา บังหมุดก็สงบกริยาท่าทีนั่งนิ่งซึมกระทือเหมือนเดิม แต่ทว่าสายตาชำเลืองไปที่รองเท้าของไอ้เต๋าพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความเคลือบแคลงใจ
มีเสียงกุญแจถูกไขดังกริ๊ก...ไอ้เต๋าคลานเร็วจี๋กลับไปนอนอยู่กลางห้อง ณ ตำแหน่งเดิม พอประตูเปิดไอ้เต๋าก็หรี่ตามอง เห็นสาวลูกผสมเดินนำหน้าสมุนเข้ามา 3 คน และคนที่เดินอยู่รั้งท้ายก็คือ ยามรักษาการณ์ที่โผล่หน้าเข้ามาดูตอนแรกนั่นเอง
" - ปลุกมันให้ฟื้นขึ้นมา..."
สาวลูกผสมเอ่ยขึ้นอย่างห้วน ๆ
" - มันฟื้นแล้วครับ...นาย...เมื่อตอนแรกผมเข้ามาดูเห็นมันสองคนที่นั่งคุยกันอยู่...ไอ้หอกนี่ลูกไม้จัดนัก...ผมจัดการเอง"
ยามรักษาการณ์พูดพลางปราดเข้ามาหาไอ้เต๋าอย่างรวดเร็ว...
ไอ้เต๋าเหมือนกับนกรู้ มันกระโจนพรวดเดียวลุกขึ้นมานั่งตาแป๋ว แถมพนมมือยกขึ้นไหว้สาวลูกผสม พร้อมกับพูดอ่อย ๆ
" - ปล่อยผมไปเถอะครับ...ผมไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆ...ผม...ผม...หิว...หิว..."
ยังไม่ทันจะจบประโยคสุดท้าย ไอ้เต๋าก็ม้วนตัวลงกับพื้น...มือทั้งคู่เกร็งแน่น กระเสือกกระสนไถลร่างร้องครวญครางขึ้นมาในบัดดล
สาวลูกผสมใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบท้องของไอ้เต๋า...ปากก็สำทับอย่างเฉียบขาด
" - กูรู้ว่ามึงกำลังจะลงแดงตาย...ถ้ามึงตอบในสิ่งที่กูอยากรู้...กูจะให้มึงสูบอย่างชนิดเต็มอิ่ม...ตอบ...ไอ้เต๋า...มึงเอาฟิล์มไปซ่อนไว้ที่ไหน? "
ไอ้เต๋ากัดกรามสั่นระริก ร่างกายสั่นกระตุกคล้ายกับเป็นอัมพาต เหงื่อผุดออกมาท่วมตัว มันค่อย ๆ อ้าปากตอบสาวลูกผสมด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น
" - ผม...ผม...ผม ไม่รู้เรื่องจริง ๆ ครับ ฟิล์มอะไร ผมไม่รู้เรื่อง อยู่ดี ๆ ก็จับผมมาแบบนี้...ขอ...ขอ...ให้ผมสูบก่อนเถอะครับ "
สาวลูกผสมถอนเท้าออกจากอกของไอ้เต๋า ถอยหลังออกมานิดนึงแล้วเตะเปรี้ยงเข้าไปที่ชายโครงเต็มแรง
" - ไอ้สัตว์ พวกกูรู้ทิศทางของมึงดีไอ้เต๋า...ถ้าแผนของพวกกูไม่แตกเสียงก่อน พวกมึงกลายเป็นผีเฝ้าโรงโบว์ลิ่งไปหมดแล้ว...ลากมันขึ้นมานั่ง"
ประโยคสุดท้าย สาวลูกผสมหันไปออกคำสั่งกับสมุนที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
สองคนในกลุ่มปราดเข้ามาที่ร่างของไอ้เต๋า แล้วจับแขนพยุงขึ้น ส่วนอีกคนฉากแวบเข้ามายืนคุมอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทางระมัดระวัง
เหมือนกับปาฏิหาริย์ ร่างของไอ้เต๋าซึ่งกำลังถูกประคับประคองขึ้นมายืน เด้งผึงขึ้นทั้งตัว เด้งขึ้นมาโดยที่แขนทั้งสองถูกล็อคเอาไว้แน่น...เท้าที่ลอยวี้ดขึ้นกลางอากาศถูกดีดขึ้นเป็นแนวเส้นตรง...เป้าหมายก็คือใบหน้าของยามรักษาการณ์ที่ยืนขวางทางอยู่นั้น
" พล็อค "
รองเท้าหนังส้นสูงแบบหัวแข็ง จับพลัดจับผลูหวดเข้าไปที่ปลายคางของยามรักษาการณ์สุดแรงเกิด...ร่างอันเล็กแกรนของยามผู้เคราะห์ร้ายผงะถอยหลังไปนิดนึงแล้วเอียงล้มตะแครงลงกับพื้นหมดสติสมัปชัญญะไปในบัดดล
ไอ้เต๋าเหวี่ยงเท้ากลับเต็มเหนี่ยว เป้าหมายก็คือหน้าแข้งของชายฉกรรจ์ทั้งสองที่ขนาบข้างมันอยู่นั้น
เส้นรองเท้าแข็งปั๋งเหมือนกับเหล็ก กระแทกตูมเข้าไปที่หน้าแข้งของคนทั้งสองเต็มแรง...ผลที่ปรากฏในเวลาต่อมาก็คือ...ชายฉกรรจ์ทั้งสองร้องจ๊ากขึ้นมาสุดเสียง
พร้อม ๆ กับงอตัวลงไปนั่งกุมหน้าแข้ง หน้าตาบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ไอ้เต๋า ถอยหลังออกมานิดหนึ่ง แล้วเตะตูมเข้าไปที่กกหูของคนทางขวามือเต็มแรง
" พล็อค "
หน้าแข้งสัมผัสกับทัดดอกไม้สุดแรงเกิด ร่างที่นั่งยอง ๆ อยู่เบื้องหน้า เอียงล้มคล่ำลงกับพื้นเหมือนกับต้นไม้โดนโค่นไม่มีผิด
" หยุด...ขืนขยับกูยิงจริง ๆ ไอ้เต๋า "
สาวลูกผสมสำทับด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดพร้อมกับวาดปืนสวมท่อเก็บเสียงเข้าหาร่างของไอ้เต๋า หน้าตาที่สวยผุดผาด บึ้งตึงเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ไอ้เต๋า ขยับตัวสาวลูกสาวผสมวาดปืนลงพื้นเหนี่ยวไกสองนัดซ้อน ๆ
" ปุ๊...ปุ๊ "
กระสุนจากท่อเก็บเสียง ฉีกแผ่นกระดานห่างจากรองเท้าของไอ้เต๋าไม่ถึงคืบ ไอ้เต๋าชะงักยืนนิ่งกรามสั่นระริก
" ไอ้เต๋า ถ้ามึงขืนก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียว กูฆ่ามึงจริง ๆ ไอ้สิงห์ จับมันมัดเดี๋ยวนี้ "
ประโยคสุดท้ายสาวลูกผสมหันไปออกคำสั่งกับลูกน้อง คนที่โดนไอ้เต๋าใช้ซ่นเท้ากระแทกหน้าแข้งด้วยท่าทางฉุนเฉียว
ชั่วอึดใจ ร่างของไอ้เต๋าก็ถูกมัด นอนงอก่องอขิง อยู่ที่พื้น ต่อจากนั้นสมุนของสาวลูกผสมที่ฟื้นจากสลบก็ช่วยกันลากไอ้เต๋าขึ้นมานั่งคอพับคออ่อนอยู่บนเก้าอี้
" ม้วนฟิล์มที่มึงขโมยเอาไปอยู่ที่ไหน ?"
สาวลูกผสมพูดพลางแหย่ท่อเก็บเสียงเข้าไปที่คอหอยของไอ้เต๋า
" ขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่กู ถ้ามึงยิงกู มึงก็ไม่รู้ที่ซ่อนเอาซิวะ กูอยากตายเต็มทีแล้ว อยู่ไปวันหนึ่ง ๆ ก็เซ็งเหลือที่จะแดก...อยู่แล้ว เอ้า...ยิงเล้ย...แม่คุณ "
ไอ้เต๋าตะโกนท้าทายอย่างชนิดที่อ่านไต๋ของสาวลูกผสมออกว่า ตัวของมันมีประโยชน์เพียงพอที่ฝ่ายนั้นจะต้องสงวนชีวิตของมัน เพื่อหวังผลในผลงานในอันอับต่อไป
สาวลูกผสม ยกปืนออกจากคอหอยของไอ้เต๋าแล้วหันไปออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
"ถอดเสื้อผ้าของมันออกให้หมด ไอ้สิงห์ไปเอาเชือกข้างนอกมาด้วย "
ชั่วอึดใจ ไอ้เต๋าก็ถูกสมุนของสาวลูกผสมถอดเสื้อผ้าออกหมด จนกระทั่งเหลือกางเกงลิงสีแดงแจ๊ดอยู่เพียงตัวเดียว
" มัดข้อเท้าโยงมันขึ้นไปบนขื่อนั่น ลูกเล่นแยะนักประเดี๋ยวเถอะมึง...ไอ้เต๋า "
สาวลูกผสมคำรามออกมาด้วยท่าทางโกรธจัด
ร่างของไอ้เต๋าถูกโยงขึ้นไปบนขื่อด้วยเชือกไนล่อนขนาดใหญ่ ในลักษณะเอาหัวลง สาวลูกผสมขยับตัวเข้าไปชิดแผ่นหลังของไอ้เต๋าแล้วถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
"ฟิล์มอยู่ที่ไหน...ไอ้เต๋า "
ไอ้เต๋าจิ๊กโก๋ระดับชาติกัดกรามแน่น ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏเสธ
สาวลูกผสมเปิดกระเป๋าเสื้อ หยิบ " ไลเตอร์ รอนสัน " ชนิดใช้แก๊สออกมากดปุ่มดังแชะ
ประกายไฟสีเขียวปนส้มสุกใส พวยพุ่งออกมาจากไฟแช็กเป็นสาย สาวลูกผสมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็จ่อเปลวไฟเข้าไปที่บริเวณแผ่นหลังของไอ้เต๋าทันที
ไอ้เต๋าสะดุ้งเฮือก ร้องจ๊ากออกมาสุดเสียง ร่างกายสั่นดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัส
" ฟิล์มอยู่ที่ไหน ไอ้เต๋า ถ้ามึงไม่บอกคราวนี้กูลนไข่มึงแน่ ๆ "
สาวลูกผสมพูดพลางเอื้อมือข้างที่ว่างดึงกางเกงลิงของไอ้เต๋ารูดขึ้นไปข้างบนอย่างช้า ๆ
" โอ้ย...บอก...บอกแล้วครับ ฟิล์มอยู่ที่เลนโบว์ลิ่ง เลนซ้ายมือสุด ผมเอาเข้าไปซ่อนไว้ในห้องเครื่องที่เก็บพิน อย่าทำผมเลยครับ ผมยอมแล้ว "
ไอ้เต๋า ละล่ำละลัก พร้อมกับดิ้นไปมาอย่างน่าเวทนา
" โกหก..."
สาวลูกผสมพูด พลางจ่อไฟเข้าไปที่แผ่นหลังของไอ้เต๋าอีกครั้ง
เสียงผิวหนังไหม้ไฟดัง "ฉ่า" กลิ่นเหม็นเขียวตลบอบอวลไปทั่วห้อง ไอ้เต๋าแหกปากร้องแทบไม่เป็นภาษาคน
" - ผมยอมแล้ว ผมเอาฟิล์มใส่ถุงกระดาษซ่อนเอาไว้ในห้องเครื่องเก็บพินปลายเลนซ้ายมือสุด...พอ...พอ...เถอะครับ"
" - เอามันลงมา...แล้วก็ใส่เสื้อผ้าให้มันด้วย ว่ายังไง...จัน...เรียบร้อย"
ประโยคสุดท้าย สาวลูกผสมหันไปพูดกับ "จัน" คนที่กระโดดรถลงที่ทางข้ามรถไฟ เพื่อดักยิงรถที่แกะรอยมาซึ่งเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี...
จันสั่นหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ พร้อมพูดออกมา
" - รถของมันติดไฟเสียก่อน...ผมซุ่มดูอยู่ฝั่งตรงกันข้าม พวกมันสองคน คนนึงเป็นผู้หญิงใช้รถแท๊กซี่มีเสาวิทยุสูงที่ผมคาดว่า จะต้องมีเครื่องส่งวิทยุอยู่ภายในอย่างแน่นอน...พอขบวนรถไฟผ่าน รถของมันก็วิ่งย้อนกลับเข้าตลาดเมืองโคราช"
สาวลูกผสมพยักหน้า แล้วเดินผละออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว...ลูกสมุนที่เหลืออยู่ต่างก็ช่วยกันใส่เสื้อผ้าให้ไอ้เต๋าจนเสร็จเรียบร้อย แล้วจึงเดินตามกันออกไป
" - เป็นยังไง...พรรคพวก"
บังหมุด ซึ่งนั่งพิงผนังห้องเงียบอยู่ตลอดระยะเวลาที่ไอ้เต๋าโดนทรมาน เอ่ยปากถามขึ้นเป็นครั้งแรก
" - ฉิบ...ไม่ น่าถาม...เอาไฟแช็กเผาหลังกูยังพอทน...อีหอกเสือกจะเอาไฟลนไข่กู ใครจะทนได้วะ"
ไอ้เต๋าบ่นพึมพำ พร้อมกับสูดปากด้วยความปวดแสบปวดร้อน
" - บทบาทติดยาของลื้อเด็ดดวงเหลือเกินว่ะเต๋า...คราวแรกอั๊วนึกว่าลื้อ "เซียน" ยาจริง ๆ ซะอีก"
" - ก็เคยติดจริง ๆ นี่หว่า อั๊วเคยติดผงขาวขนาดหนัก...หนีไปอยู่ประจวบเกือบ 8 เดือนเต็ม ๆ เพื่อนไปตามมารักษาตัวที่โคราช...ไม่ยากหรอกเพื่อน...พอ "เซียน" ขึ้นมาก็เข้าห้องปิดประตูให้เพื่อนล็อคกุญแจข้างนอก ทนทรมานเอาวันสองวันก็เลิกได้ ลื้อโดนแบบอั๊วหรือเปล่าวะ บัง"
ประโยคสุดท้าย ไอ้เต๋าหันไปถามเพื่อนร่วมห้องขังด้วยท่าทางเป็นห่วง...
"โดน...แล้วก็หนักกว่าลื้อด้วย อั๊วโดนมันเอาสูบรถจักรยานดับจารบีอัดทวาร อั๊วก็เลยสารภาพมันไปเหมือนลื้อนั่นแหละ...ไอ้ห่ ใครจะไปทนได้วะ...มันไม่ใช่ในหนังนี่หว่า...เฮ้ย...เต๋าช่วยหยิบรองเท้าของลื้อมาหน่อยซิวะ"
เต๋า-โบว์ลิ่ง กลิ้งตัวไปหยิบรองเท้ามาให้บังหมุดอย่างลำบากยากเย็น
" - พลิกรองเท้าขึ้น...เต๋า"
บังหมุดสั่งห้วน ๆ ไอ้เต๋าพลิกรองเท้าทั้งสองข้างขึ้นอย่างงง ๆ
" - เอามือจับดูที่ซ่นรองเท้าด้านใน อย่าแกะวัตถุที่ติดอยู่เป็นอันขาด...มีอะไรหรือเปล่าวะ"
ประโยคสุดท้าย บังหมุดถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นไอ้เต๋าเอามือลูบซ่อนรองเท้าด้านในอย่างระมัดระวัง
" - เจอะแล้วโว้ย...ไอ้ห่ ใครเอาอะไรมาติดซ่นรองเท้าของกูวะ ทั้งสองข้างเลยนี่ มึงดูซะบังหมุด"
ไอ้เต๋าพูดพลางยื่นรองเท้าทั้งสองข้างให้นักเล่นกลระดับชาติดูด้วยท่าทางตื่นเต้นสุดระงับ
" - เอารองเท้าวางเอาไว้ที่เก่า"
" - ทางที่ดีลื้อควรจะสวมมันเดี๋ยวนี้...ไอ้เต๋า อั๊วจะอธิบายให้ลื้อฟังง่าย ๆ ขณะนี้ลื้อกำลังทำงานชิ้นหนึ่งให้กับรัฐบาลไทย...ลื้อเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งชาติที่กำลังจะห้ำหั่นกับผู้ที่คิดจะทำลายระบบการปกครองแบบเสรีประชาติปไตย ลื้อจะต้องเลือกเอาหนทางหนึ่งระหว่างคอมมิวนิสต์กับเสรีประชาธิปไตย ชีวิตที่มีอิสรภาพคือชีวิตที่มนุษย์ทุกคนใฝ่หา...ถ้าลื้อเลือกคอมมิวนิสต์ ชีวิตของลื้อก็ก้าวเข้าไปในคุกเกือบค่อนตัวเข้าไปแล้ว...จงภูมิใจเถอะเพื่อน...ที่มนุษย์เดนคนหยั่งเราทั้งสองคน มีโอกาสร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับบุคคลระดับบริหารของประเทศเข้าฟาดฟันอริราชศัตรู ไอ้เต๋าขณะนี้พวกของเรารู้แล้ว่า ลื้อถูกขังอยู่ที่ไหน"
ประโยคสุดท้าย บังหมุดลดเสียงลงจนเกือบเป็นกระซิบ และเมื่อเห็นไอ้เต๋านั่งจ้องตาเขม็งอยู่ ก็กระซิบต่อไปอีก
" - เจ้านายของเราแอบเอาวิทยุชนิดพิเศษติดซ่นรองเท้าลื้อตั้งแต่บนโรงแรมโน่นแล้ว ลื้อถูกประกบตัวอย่างชนิดไม่มีทางกระดิก ตั้งแต่ลงจากโรงแรมนั่นที่เดียว...แผนของ ซี.ไอ.เอ. ได้วางอย่างรอบคอบ ขณะนี้ฟิล์มที่ลื้อฉกเอาไปจากหน้าโรงโบว์ลิ่ง ก็ถูกคนของ ซี.ไอ.เอ. เอาไปเรียบร้อยแล้ว เชื่อขนมกินได้ อีกไม่ถึงชั่วโมงเจ้านายของเราก็จะบุกตะลุยเข้ามาภายในห้องนี้เพื่อช่วยพวกเราออกไปอย่างแน่นอน...พักผ่อนเอาแรงก่อนวะ...เพื่อนฝูง "
พอพูดประโยคสุดท้ายเสร็จ บังหมุดค่อย ๆ เลื่อนตัวลงกับพื้นแล้วตะแครงหันข้างให้ไอ้เต๋า ทำกริยาเสมือนหนึ่งจะตัดบทการสนทนาอยู่ในที
ไอ้เต๋าเหยียดขาออกไปจนสุด แล้วชำเลืองดูรองเท้าด้วยวท่าทางไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าใดนัก ชั่วครู่หนึ่งมันก็ยกมือขึ้นปิดปากหาว แล้วล้มตัวลงนอนเงียบไป
รถแท๊กซี่ป้ายเหลืองติดเสาอากาศสูง ที่ท้ายรถวิ่งปิดไฟหน้าเข้าไปจอดในสนามบินพาณิชย์อันกว้างใหญ่ไพศาล ผู้กองอังคารและหมอดาหลาซึ่งนั่งอยู่ตอนหน้าของรถส่งสายตาชำเลืองไปยังโกดังข้าวสาร "ย่งเส็ง" ที่มองเห็นทะมึ่น ๆ อยู่ห่างออกไปเกือบร้อยเมตร
กระเป๋าเจมส์บอนด์ถูกเปิดฝาออก เครื่องวิทยุประหลาดที่บรรจุอยู่ในกระเป๋าส่งสัญญาณไฟสีแดงกระพริบไม่ขาดระยะ
จากแสงไฟกระพริบ ทำให้มองเห็นแผนที่แสดงอาณาบริเวณของเมืองโคราชอย่างถนัดชัดเจน...และตำแหน่งสุดท้ายที่ไฟกระพริบก็คือ ที่ตั้งของโกดังข้าวสาร "ย่งเส็ง" ในปัจจุบันนั่นเอง
มันเป็นวิทยุแบบล่าสุดที่หน่อยข่าวกรองของ ซี.ไอ.เอ. ได้ประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างสด ๆ ร้อน ๆ หน้าปัดเป็นกร๊าฟแผนที่ ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้ กระแสคลื่นจากเครื่องส่งที่อยู่ห่างออกไปไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตร จะกระตุ้นให้เครื่องรับทำงาน และสามารถที่จะชี้ทิศทางของตำแหน่งเครื่องส่งในปัจจุบันได้อย่างแม่นยำ
" - ตำแหน่งสุดท้ายของเต๋าอยู่ที่นั่น...ถ้าเครื่องวิทยุของเราไม่ผิดพลาด ประเดี๋ยวคงจะยิงกันยับไปข้างนึง...หมอเอา "เอ็ม. 16" เก็บเสียงมาด้วยหรือเปล่าครับ"
ผู้กองอังคารพูดพลางไขกระจกด้านข้างลงจนสุดพร้อมกับใช้กล้องสนามแรงสูงส่องตรวจตราอาณาบริเวณของโกดังข้าวสาร "ย่งเส็ง" ด้วยความพินิจพิจารณา
" - เรียบร้อยค่ะ...หัวหน้านอร์แมน ยังให้ปืนกล เอ็ม. 60 มาอีกกระบอก...โล้นกับแสบมารับเอาไปเมื่อตอนจับสัญญาณของเต๋าได้...ลองติดต่อดูซิคะ ดิฉันคิดว่าป่านนี้พวกเค้าคงจะมากันแล้ว"
หมอดาหลาพูดพลางดึงปากพูดหูฟังที่แขวนอยู่ใต้พวงมาลัยยื่นส่งให้ผู้กองอังคาร
ผู้กองอังคารส่งกล้องสนามให้หมอดาหลา แล้วกรอกคำพูดลงไปห้วน ๆ
" - เอ๊กซเรย์ จาย ซีบร้า...แจ้งตำแหน่งปัจจุบันด่วนเปลี่ยน"
ชั่วอึดใจก็มีเสียงตอบอู้อี้เข้ามาในหูฟัง
" ผมนั่งอยู่บนสามล้อ...ไอ้แสบเป็นโชเฟอร์ผ่านรังของมันไปเที่ยวหนึ่งแล้ว...รั้วโกดังของมันแข็งแรงเหลือเกิน...แต่พอจะมีทาง...ลูกพี่อยู่ที่ไหนเวลานี้"
" - อยู่ที่รันเวย์...ประเดี๋ยวลื้อย้อนกลับเข้ามาสมทบกับอั๊วที่นี่...เลิกกัน "
" - โน่นคะ...อังคาร ลูกน้องตัวดีของคุณนั่งสามล้อมาโน่น "
หมอดาหลาพูดพลางส่งกล้องสนามให้ผู้กองอังคาร
ภาพจากโฟกัสของกล้องสนามแรงสูงที่มองเห็นสลัว ๆ อยู่ในความมืดนั้น เห็นไอ้แสบซึ่งอยู่ในชุดกรรมกรสามล้อ ขี่รถเอื่อย ๆ มาตามถนนลูกรัง บนเบาะนั่งด้านหลังไอ้โล้นสวมหมวกแขกนั่งห่อไหล่ด้วยความหนาวเหน็บของอากาศตอนใกล้รุ่ง...
รถสามล้อไปหยุดอยู่ที่หน้าโกดังข้าวสาร "ย่งเส็ง" ไอ้แสบลงจากอาน แล้วฉากแว่บเข้าไปยืนฉี่อยู่ที่หน้าประตูอย่างหน้าตาเฉย
ไอ้แสบยืนฉี่รดหน้าประตูโกดังอยู่ครู่หนึ่งก็เดินส่ายงอกแงก ๆ เข้ามาหาไอ้โล้นพลางกระซิบ
" - พวกมันมีสองคคน...ไอ้โล้น "
ไอ้โล้นยกมือขึ้นป้องปากไอแครก ๆ สองสามครั้งแล้วกระซิบถามด้วยน้ำเสียงพอ ๆ กัน
" - อาวุธ...ไอ้แสบ...พวกมันใช้อาวุธอะไรวะ"
" - กูเห็น เอ็ม. สิบหกวางอยู่บนเตียงผ้าใบกระบอกนึง...จะเอายังไงดีวะ...กูว่าลุยแม่มันเข้าไป วัดดวงกับพวกมันเลย รึยังไง...ไอ้โล้น "
ประโยคสุดท้าย ไอ้แสบคำรามออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงกระหายเลือด
" ใจเย็น...เพื่อนฝูง...ประเดี๋ยวมึงกลับเข้าไปฉี่รดประตูมันอีกครั้ง...พยายามยั่วโทสะพวกมันให้เปิดประตูออกมาให้ได้...อย่าเสือกไปมีเรื่องกับพวกมันเข้าล่ะ...เสียแผนหมดนะมึง"
ไอ้โล้น กำชับเพื่อนคู่หู ซึ่งอยู่ในคราบของสามล้อด้วยความเป็นห่วง
ไอ้แสบไม่ตอบ มันหันหลังกลับเดินส่ายงอกแงก ๆ เหมือนกับงูเลื้อยเข้าไปที่หน้าประตู พร้อมกับแหกปากร้องเพลงแหล่ที่พร ภิรมย์ เจ้าของเพลงแทบจำเนื้อเพลงเดิมไม่ได้
" - คนธรรพ์พลันยั้งหยุด เดือดปุด ๆ ตอนฟ้าสาง...อิงแอบแนบน้องนาง ก่อนสว่างจึงล้างหน้าได้..คนธรรพ์พลันขึ้นห้อง...ไปเจอะนวลน้อง...ชะเป็นยองใย"
พอจบเพลงแหล่ ไอ้แสบก็รูดซิบกางเกง ยืนฉี่ราดหน้าประตู ซึ่งมีแผ่นสังกะสีทับอยู่บนแผ่นกระดานอีกชั้นหนึ่งอย่างหน้าตาเฉย แถมแหกปากร้องเพลงลูกกรุงแถมท้ายอีก ด้วยน้ำเสียงที่ตัวมันเองคิดว่าเพราะพริ้งเสียเต็มประดา...
" - โธ่เราป่วยอีกแล้วหรือนี่...ยังงี้ทุกที เมื่อคราวริเที่ยวผู้หญิง"
พอร้องเสร็จ ไอ้แสบก็เอาศีรษะโขลกกับบานประตูค่อนข้างแรง กัดกรามร้องออกมาดัง ๆ
" - โอ๊ย...ปวด...กูฉี่ไม่ออก...ทำไมมันปวดหยั่งนี้โว้ย"
ได้ผล...ยามรักษาการณ์คนนึงเปิดช่องประตูบานเล็กออกมาดูไอ้แสบนิดนึง แล้วกระแทกปิดด้วยความโมโหต่อจากนั้นชั่วอึดใจก็ถอดกลอนผลักบานประตูเปิดออกเต็มแรง พร้อม ๆ กับถลาออกมาด้วยท่าทางโกรธจัด
" - ไอ้สัตว์ ที่เยี่ยวไม่มีรึยังไงวะ"
ยามคนที่ตัวสูงกว่าเพื่อนสบถออกมาพร้อมกับตะปบมือลงไปที่คอปกเสื้อของไอ้แสบ แล้วกระชากเต็มแรง
" - คาย...คายขวางทางเยี่ยวกูวะ"
พูดไม่พูดเปล่า...ไอ้แสบดันฉี่รดยามรักษากการณ์ที่พรวดพราดออกมาจากหน้าประตูเข้าอย่างเต็มเปา...
"เฮ้ย"
ยามรักษาการณ์คนที่รับเคราะห์ โดนฉี่ของไอ้แสบร้องอุทานออกมาสุดเสียง พร้อมกับดีดเท้าข้างหนึ่งหวดชายโครงไอ้แสบเต็มแรง
" พรั่บ "
เสียงหน้าแข้งสัมผัสกับชายโครงดังสนั่นหวั่นไหวร่างของไอ้แสบเอียงกระเท่เร่ ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นยามรักษาการณ์ยกเท้าข้างหนึ่งทำท่าเหมือนกับจะกระทืบลงไปบนร่างของไอ้แสบ ไอ้โล้นซึ่งนั่งสำรวมดูเหตุการณ์อยู่บนเบาะสามล้อ ร้องตะโกนห้ามเสียงหลง
" - พอครับ...เจ้านาย...ไอ้หมอนั่นมันเมามาก...ผมขอเถอะครับ"
ไอ้โล้น พูดพลางค่อย ๆ ก้าวเท้าลงจากเบาะรถ ยามรักษาการณ์คนที่ยกเท้าทำท่าจะกระทืบไอ้แสบ หันขวับกลับมามองดูไอ้โล้นด้วยความเคลือบแคลงใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็กระตุกปืนพกจากซองกางเกงด้านหลัง ซึ่งมีเสื้อฮาวายคลุมอยู่อย่างมิดชิดขึ้นมากระชับอยู่ในอุ้งมือ พร้อมกับคำรามออกมาอย่างเฉียบขาด
"หยุด...อย่าเสือกก้าวเข้ามาหาอั๊วเป็นอันขาด...เฮ้ย...พวกลื้อเป็นใครกันวะ"
"ฮีโธ่...เฮียก็...จำผมไม่ได้หรือยังไงครัย ก็ผมขับรถเมล์สายแปดที่จอดอยู่หน้าบ้านเฮียนี่ยังไง...ไอ้ห่าจิกที่โดนเฮียหวดลงไปนอนหมอบอยู่โน่นก็เป็นช่างฟิต มันฟัดสาโทมากไปหน่อย ก็เลยแอบขโมยรถสามล้อข้าง ๆ บ้านมาส่งผม คนกันเองแท้ ๆ ...ไม่น่าเลย"
ไอ้โล้นเปิดฉากอำอย่างสมจังสมจริง พร้อม ๆ กับตีหน้าตายเดินเข้าไปอุ้มไอ้แสบขึ้นมา วางบนเบาะสามล้อปากก็พึมพำต่อไปอีกไม่ขาดระยะ
" - ทั้งสาโท-เหล้าเถื่อนฟัดกันไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรมันก็เละแบบนี้ละวะ...ไอ้ห่ากูต้องปั่นรถกลับไปส่งมึงอีกจนได้ ผมไปละครับ...เจ้านาย"
ประโยคสุดท้าย ไอ้โล้นหันไปพูดกับยามรักษาการณ์ทั้งสองคน ที่กำลังพาตัวเองหายลับเข้าไปในช่องประตู ด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ...
ไอ้โล้นพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนอาน แล้วขี่เอื่อย ๆ ไปตามถนนลูกรัง พอถึงทางแยกก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปในสนามบินพาณิชย์โดยเร็ว...
" - ฟื้นซะที...ไอ้แสบ ไอ้ห่าโดนเข้าไปนิดเดียวเสือกทำแกล้งสลบประเดี๋ยวพ่อโยนมึงทิ้งให้ยุงแดกซะที่นี่เลยเป็นยังไง"
ไอ้โล้นพูด พรางเบรครถหยุดกิ๊กด้วยท่าทางฉุนเฉียว
" - กูปั่นให้มึงมาเกือบชั่วโมง...เหนื่อยแทบตายชัก หน็อยพอเป็นโชเฟอร์แทนกูนิดเดียวทำเป็นบ่น...โน่นพ่อมึงจอดรถซุ่มอยู่โน่น..เร็ว ๆ เข้าโว้ย"
ประโยคสุดท้าย ไอ้แสบพูดพลางผงกศีรษะขึ้นมาพร้อมกับชี้มือให้ไอ้โล้นมอง ไปยังรถเก๋งที่จอดทะมึนอยู่ในความมืดเบื้องหน้า...
"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน"
สมิง วังม่วง