...........ดับรามสูร............ผลงานของ สยมภู ทศพล
............เล่มที่ ๒ ตอนที่ ๒๕...........
ผู้กองอังคาร เหนี่ยวไกปืนกลเบา " เอ็ม.๖๐ " ติดต่อกันสองสามครั้ง ด้วยความเดือดดาลใจ
สายกระสุนสายสุดท้ายซึ่งเหลืออยู่ไม่ถึง ๕๐ นัด ส่ายและบิดจากรังเพลิงทำให้เกิดการ " ขัดลำ " อย่างช่วยเหลือไม่ได้
ผู้กองใจถึงเอื้อมมือไปจับปากลำกล้อง แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว
เมื่อสัมผัสกับความร้อน ที่เกิดจากการระดมยิงอย่างเ[---]้ยมเกรียม
จนกระทั่งปลายลำกล้องเปลี่ยนเป็นสีหมากสุกมองดูเหมือนกับเหล็กโดนไฟเผาไม่มีผิด
เสียงเห่ากรรโชกจากฝูงหมาสงคราม ที่วิ่งหน้าเริดอยู่หน้าโกดังข้าวสาร
ทำให้ผู้กองอังคารตัดสินใจอย่างบ้าระห่ำ
เสี่ยงชีวิตดึงกระสุนที่ขัดลำกล้องอยู่ใน " รังเพลิง " ของปืน " เอ็ม.๖๐ " ออกอย่างรวดเร็ว
ไอ้โล้น...ซึ่งคงจะจ้องสังเกตดูอากัปกริยาของลูกพี่มันอยู่ตลอดเวลา
เผ่นพราดเข้ามาที่กระถางต้นไม้แล้วกระชากแขนผู้กองอังคาร...ค่อนข้างแรง
" ผู้กอง...อย่าเอากระสุนออก ประเดี๋ยวระเบิดตายห่า...ผมเอง "
ไอ้โล้น...พูดพลางดึงผู้กองอังคาร...ลงมานอนหมอบอยู่ข้างๆ เจ้าสิงห์
ส่วนตัวมันเอง กระโจนแผล็วขึ้นไปดึง " ลูกพี่ " หวังจะงัดเอากระสุนที่ขัดลำออกมาอย่างชนิดเสี่ยงตาย
ตามปกติปืนกล " เอ็ม.๖๐ "
เมื่อทำการระดมยิงออกไปแล้ว ประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ นัด จะต้องเปลี่ยนลำกล้องเนื่องจากความร้อนจัด
และสิ่งที่จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวดก็คือ อีตอนกระสุนขัดลำ...
" ห้องรังเพลิง " ซึ่งร้อนจัดพร้อมที่จะเป็นชนวนให้กระสุนระเบิดได้ทุกวินาที
คือ ปัญหาใหญ่หลวงที่ทุกคนแก้ไม่ตก
เมื่อพลยิงดึงกระสุนที่ขัดลำออก เคยได้รับอุบัติเหตุกระสุนระเบิดใส่หน้าตาแหลกยับเยิน จนกระทั่งหูตาบอดมานักต่อนักแล้ว
" เผี้ยะ "
ประกายไฟสีเขียวสว่างแลบขึ้นมาที่ห้องลูกเลื่อน...
ไอ้โล้นยกมือทั้งสองขึ้นปิดดวงตา แล้วถีบตัวเองลงไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น
ซึ่งพร้อมๆ กับบังเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาสนั่นหวั่นไหว
" ปัง "
ความร้อนจากห้องลูกเลื่อนทำให้กระสุนที่ขัดลำ ระเบิดขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน
แรงระเบิดที่ลูกอัดแน่นอยู่ใน " ห้องลูกเลื่อน " แปรสภาพเป็นดินระเบิดแรงสูง
ทำลายปืนกลเบา " เอ็ม.๖๐ " พังพินาศจนใช้การไม่ได้
เดชะบุญไอ้โล้นอาศัยประสพการณ์จากสนามรบกระโจนหลบลงไปได้เสียก่อน
" ยิง...ยิงซีโว้ย...ฆ่าไอ้หมากลุ่มนั้นให้หมด "
ผู้กองอังคาร...ร้องตะโกนพลางคลานเข้าไปหาหมอดาหลา...
ซึ่งขณะนี้กำลังสาละวนถอดท่อเก็บเสียงออกจากปลายลำกล้องปืนด้วยท่าทางฉุนเฉียว
" มีอะไรขัดข้อง...หมอ "
" ท่อเก็บเสียง...ยิงไม่ถึงสองแม็ค แตกละเอียดหมดแล้ว...ผู้กองเหลือกระสุนอีกกี่แม็คคะ ? "
หมอดาหลา...ย้อนถามพร้อมกับคลายเกลียวท่อเก็บเสียง (ซึ่งขณะนี้ส่วนปลายสุดของมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ )
ออกโยนทิ้งแล้วหันมาจ้องตาผู้กองอังคาร...เขม็ง
" เจ็ดแม็ค หมอมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ "
ผู้กองมือเพชฌฆาตพูดพลางเอื้อมมือไปเช็ดใบหน้าอันผุดผาดของสายลับกลับใจ ซึ่งขณะนี้มอมแมมไปด้วยโคลนจนมองไม่ออก
" แม็คกาซีนไม่รู้ว่าตกหายตอนไหน ของดิฉันเหลืออยู่เพียงแม็คเดียวที่ติดอยู่ที่ปืนนี้เท่านั้น
...เอ๊ะ ทำไมหัวหน้าไม่ยิงแฟลร์มาอีก มืดๆ แบบนี้ ยิงหมาไม่ถูกแน่ "
ประโยคสุดท้ายหมอดาหลา...กระซิบกระซาบออกมา
พร้อมกับแหงนหน้าขึ้นไปมองดูลูกแฟลร์ ซึ่งลอยลับหายไปจากหลังคาโกดัง
ทำให้ความสว่างไสวที่เจิดจ้าอยู่มืดมิดลงในฉับพลัน
ผู้กองอังคาร...ยกปืนขึ้นประทับ เป้าหมายก็คือเสียงเห่าเอ็ดอึงที่กรรโชกกระชั้นอยู่ในความมืดเบื้องหน้า
เหนี่ยวไกด้วยระบบอัตโนมัติเต็มตัว ยิงสวนเข้าไปกลางกลุ่มสุนัขสงคราม มองเห็นประกายไฟแลบเป็นทาง
มองดูเหมือนกับลิ้นของพญามัจจุราชที่กราดเกี้ยว อยู่ท่ามกลางความมืดมิดของรัตติกาลที่น่าสยดสยองนั้น
การต่อสู้ได้ดำเนินต่อไปอย่างเ[---]้ยเกรียม และทวีความดุเดือดเลือดพล่านขึ้นทุกขณะ
หน่วยล่าสังหารซึ่งหมอบอยู่หลังตุ๊กตาจีนโบราณ วิ่งชาร์ทเข้าไปยึดบันไดทางขึ้นตึกสองชั้นเป็นผลสำเร็จ
ต่อจากนั้นชุดกล้าตาย ๓ คนซึ่งอยู่หน้าสุดก็ระดมยิงเบิกทางเข้าหาประตูช่องทางเข้าจนหักร่องแร่ง
แล้ววิ่งบุกตะลุยหายลับเข้าไปอย่างบ้าดีเดือด
ชั่วอึดใจ สองคนในชุดกล้าตายก็โผล่ออกมาส่งสัญญาณให้พรรคพวกตามเข้าไป
ต่อจากนั้นแทบทุกตารางนิ้วของอาณาบริเวณตัวตึกสองชั้น
ก็ตกอยู่ในความยึดครองของเพชฌฆาตรับจ้าง ซี.ไอ.เอ. อย่างสิ้นเชิง
" อังคารจากนอร์แมน...อังคารจากนอร์แมน...เปลี่ยน "
วิทยุติดต่อตัวขนาดจิ๋ว ซึ่งอยู่ในกระเป๋าเสื้อของผู้กองอังคาร...ดังกังวานขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ผู้กองอังคาร...ละมือซ้ายจากฝาครอบท่อแก๊สปืน " เอ็ม.๑๖ "
เอี้ยวตัวแล้วใช้มือข้างเดียวกันนั้น ล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบวิทยุขึ้นมา
กดสวิทช์กรอกคำพูดตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
" นอร์แมนจากอังคาร...ขอแฟลร์สนับสนุนอีกด้วยครับ...มืดๆ แบบนี้พวกเราเสร็จแน่ "
" เหลือแฟลร์อีกลูกเดี่ยว...ผมขอให้คุณแก้ปัญหาด้วยการใช้ " แฟลร์กระทุ้ง " ที่พวกคุณมีติดตัวกันอยู่แล้ว
เร่งมือเข้าหน่อย เสียงปืนดังรุนแรงเหลือเกิน ผมกลัวตำรวจจาก " กองเมือง-สอง " จะแห่กันมาที่นี่ "
" นอร์แมน " หัวหน้าข่าวกรองค่ายรามสูร ซึ่งตั้งกองบัญชาการชั่วคราวอยู่ในสนามบินพาณิชย์
แก้ปัญหาด้วยการสั่งให้หน่วยจู่โจมเริ่มใช้ " แฟลร์กระทุ้ง " ส่องสว่างภายในโกดังข้าวสาร...
" สายโทรศัพท์...หัวหน้า...อย่าลืมสายโทรศัพท์ยังไง ๆ ก็ช่วยถ่วงเวลาตำรวจให้พวกผมบ้าง "
ผู้กองอังคาร...พูดวิทยุกำชับกลับไปอีก
" ผมให้ลูกน้องตัดสายทั้งหมดแล้ว ผู้กองไม่ต้องห่วง
เวลานี้สายโทรศัพท์ในย่านหนองไผ่ล้อมทั้งหมดเป็นอัมพาตไปหมดแล้ว
...ได้ร่องรอย " บังหมุด " แล้วหรือยัง "
" ยังครับ...หัวหน้า พวกเราเพิ่งจะยึดตึกกองบัญชาการของมันได้เดี๋ยวนี้เอง กรุณาสแตนบายวิทยุเอาไว้ด้วย
เฮ้ยไอ้แสบ...เอา ' แฟลร์กระทุ้ง' สำรองกระแทกขึ้นไปที่หน้าโกดังเดี๋ยวนี้ "
ประโยคสุดท้าย ผู้กองหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องคู่ใจด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
ไอ้แสบ...คลานเร็วจี๋ เข้าไปคว้าถุงผ้าใบที่วางอยู่ข้างๆ กระถางต้นไม้ขึ้นมาเปิดออกแล้วหยิบหลอดแฟลร์กระทุ้งขึ้นมา
ถอดฝาด้านหัวออก ต่อจากนั้นก็สวมฝาด้านหัวแฟลร์เข้าไปที่บริเวณท้ายสุดของตัวแฟลร์
แล้วใช้มือทั้งสองกำตัวแฟลร์แน่น กะระยะอยู่ครู่หนึ่ง
ก็กระแทกส่วนท้ายสุดซึ่งมี " แก๊ป - ระเบิด " ซ่อนอยู่ข้างในลงกับพื้นดินเต็มแรง
" แซดส์ส์ "
แก็ปซึ่งซ่อนอยู่ท้ายสุดของตัวแฟลาร์โดนแรงกระแทกระเบิดตูมออกมา
แรงระเบิดดันร่มแฟลร์ ซึ่งบรรจุอยู่ในหลอดพุ่งขึ้นท้องฟ้าเสียงดัง แซดส์ส์เหมือนกับตะไลที่ถูกจุดในงานมหกรรม
" พึ่บ "
แฟลร์ขนาด ๕,๐๐๐ แรงเทียน สว่างพึ่บบนท้องฟ้า...
แสงสว่างซึ่งห้อยอยู่ใต้ร่มชูชีพขนาดเล็กสาดลงมากลางกลุ่มหมาสงครามพอดิบพอดี
อาวุธทุกชนิดจากน้ำมือของเพชฌฆาตรับจ้าง ประเคนเข้าใส่หมาสงครามเป็นจักรผัน ฝูงหมาล้มระเนนระนาด
ที่รอดจากห่ากระสุน ๕-๖ ตัว อาศัยระยะทางที่กระชั้นชิดกระโจนพรวดเข้าหากลุ่มของผู้กองอังคาร...ด้วยท่าทางกระหายเลือด
หมาสงครามดัวหน้าสุดกระโจนผึ๋งเข้าใส่หน่วยล่าสังหารคนหนึ่ง
ซึ่งทะลึ่งลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจสุดขีดสัญชาตญาณเอาตัวรอด
ทำให้เขาผู้นั้นหันหลังกลับทำท่าจะวิ่งหนีออกจากพื้นที่ดังกล่าว...แต่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
หมาสงครามซึ่งได้รับการฝึกมาอย่างช่ำชองกระโจนงับคอปกเสื้อด้านหลัง
แล้วใช้แรงอันมหาศาลฟัดเหวี่ยงร่างของหน่วยล่าสังหาร ซึ่งอยู่ในชุดสามล้อลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้น
ในช่วงเวลาที่ติดๆกัน ที่ฝ่ายของผู้กองอังคาร...ตั้งตัวไม่ติด
ฝูงหมาที่เหลือรอดจากห่ากระสุนปืนแยกย้ายกันเข้าตะลุมบอน หยั่งกับจะรู้ภาษามนุษย์
ไอ้โล้น...หัวเราะก๊าก มันแหกปากร้องขึ้นมาอย่างคึกคะนองเหมือนไม่มีอะไรบังเกิดขึ้น
" ไอ้แสบ...ของมึงตัวเมียทางซ้าย ของกูทางขวา...ฆ่าอย่างเดียวนะโว้ย อย่าเสือกข่มขืนด้วย ประเดี๋ยวฟ้าผ่าตายห่า "
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียง หมาสงครามเขี้ยวขาววับก็กระโจนเข้าปะทะไอ้โล้น...
มันยกท่อนแขนซ้ายยัดพรวดเข้าไปที่ปาก ซึ่งอ้าแสยะ มองเห็นน้ำลายไหลยืดอยู่นั้น
ส่วนมือขวาฉกแวบลงไปที่กระเป๋ากางเกง แล้วดึงมีดดาบปลายปืนในซองพิเศษ
ซึ่งพกอยู่ในซองข้างๆ ต้นขาขวาขึ้นมาในชั่วพริบตาเดียว
แสงสว่างจากแฟลร์กระทบใบมีดขาววับ ไอ้โล้น...ออกแรงผลักหมาสงครามให้เบี่ยงตัวออกไปทางด้านซ้าย
เจ้าหมาสงครามดูเหมือนจะรู้ตัว มันพยายามใช้แรงอันมหาศาลสะบัดกระชากอย่างรุนแรง
ไอ้โล้น...คำรามออกมาอย่างกระหายเลือด แล้วเกร็งข้อมือกระแทกใบมีดเข้าหาช่องท้องหมาสงครามเต็มเหนี่ยว
" ซวบ "
ใบมีดขนาดหกนิ้วจมวูบหายเข้าไปในช่องท้องเกือบมิด ไอ้โล้นออกแรงดันใบมีดลากผ่านขึ้นมาในลักษณะชำแหละ
เจ้าหมาสงครามดิ้นจนกระทั้งปากหลุดจากท่อนแขนของเจ้าโล้น...มันส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
ไอ้โล้น...กระชากมีดออก แล้วกระหน่ำแทงอย่างไม่ยั้งมือ
จนกระทั่งร่างของเจ้าหมาสงครามงอก่องอขิงลงไปนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น
ส่วนไอ้แสบ...กระโจนผึงขึ้นมายืนจังก้า มือซ้ายซึ่งจับอยู่ที่ครอบารางปืนเลื่อนปรู๊ดไปจับที่ปลายลำกล้อง
มือขวาละจากช่องลั่นไกขึ้นไปกำคอปืนแน่น พอร่างของหมาสงครามกระโจนผึงเข้ามา
มันก็ตีสวนด้วย " พานท้ายตั้ง " เต็มแรง
" พลั่ก "
พานท้ายปืนสัมผัสกับจมูกหมาสงครามเต็มเหนี่ยว
มันชะงัก...เลือดทะลักออกมาเป็นสาย แต่แทนที่มันจะยุติการโจมดี มันกลับตั้งหลักแล้วกระโจนเข้าใส่ไอ้แสบเป็นวาระที่สอง
ไอ้แสบ...ถอยหลังออกมานิดนึง แล้วตีสวนด้วยพานท้ายออกไปอีกครั้งหนึ่ง
คราวนี้เจ้าหมาสงครามหมุนคว้างเหมือนกับโดนช้างเตะ
ไอ้แสบอาศัยจังหวะดังกล่าว เปลี่ยนแม็คกาซีนชนิดพ่วงอย่างรวดเร็ว
พอหมาสงครามตั้งตัวติด ไอ้แสบ...ก็จ่อปากลำกล้องเข้าไปที่กลางลำตัว แล้วเหนี่ยวไกพรืดเดียวเกือบหมดแม็คฯ
ร่างของหมาสงครามดิ้นพราดเหมือนกับ ปลาดุกโดนทุบหัว
ไอ้แสบ...ผละจากร่างของหมาสงครามวิ่งปร๊าดเข้าไปที่พรรคพวกของมันอีกคน
ซึ่งขณะนี้กำลังโดนหมาสงครามอีกตัวกัดขย้ำบริเวณหัวไหล่อย่างไม่ปรานีปราศรัย
ไอ้แสบ..ยกปืนขึ้นประทับ แต่แล้วมันก็เปลี่ยนใจวิ่งเข้าไปเตะกลางลำตัวเต็มเหนี่ยว
เจ้าหมาสงครามปล่อยร่างหน่วยล่าสังหารแล้วกลับตัวกระโจนเข้าหาไอ้แสบ...ด้วยท่าทางกระหายเลือด
ไอ้แสบ...ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ปากลำกล้องถูกวาดเข้าหาร่างของไอ้หมาบ้าเลือด
มันเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนชุดสุดท้ายเข้าปะทะร่างของหมาสงครามในลักษณะที่กำลังกระโจนตัวลอยอยู่กลางอากาศ
อำนาจของกระสุนขนาด .๒๒๓ จากปืน " เอ็ม.๑๖ "
ส่งร่างของเจ้าหมาสงครามเคราะห์ร้ายกระเด็นหวือไปนอนตะแคงอยู่ที่พื้น
ใกล้ๆ กับร่างของหน่วยล่าสังหารซึ่งนอนจมกองเลือดอยู่นั่นเอง
ต่อจากนั้น ไอ้แสบ...ก็หันควับไปที่ผู้กองอังคาร...แต่ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของมันก็คือ
ทั้งผู้กองอังคารและหมอดาหลา...ต่างก็สังหารหมาสงครามสองตัวสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว
ร่างอันเละเทะที่กองเป็นเศษสวะอยู่เบื้องหน้าแสดงให้เห็นถึงอำนาจของกระสุนปืน " เอ็ม.๑๖ " ว่าทรงอานุภาพเพียงไร
" เฮ้ย...ชาร์ทเข้าไปข้างใน...ลื้อเข้าไปเอาคนเจ็บนั่นมารวมกับไอ้สิงห์ ที่กระถางต้นไม้ "...
ประโยคสุดท้ายผู้กองอังคาร...หันไปบอกกับหน่วยล่าสังหารอีกคนด้วยท่าทางรีบร้อน
แล้วหันมาพยักหน้ากับเพื่อนร่วมทีมด้วยท่าทางเ[---]้ยมเกรียม
หมอดาหลา...ยิ้มเครียด แล้ววิ่งซิกแซ็กนำหน้ากลุ่มล่าสังหารเข้าไปในช่องทางเข้าออกโกดังด้วยท่าทางระมัดระวัง
ไอ้โล้น...ไอ้แสบ...ผู้กองอังคาร..แปรแถวออกเป็นรูป " ขบวนดาว่าว "
ขนาบซ้ายขนาบขวา คุ้มกันหมอดาหลา...วิ่งผ่านศพทหารเลวของ เค.จี.บี.
เข้าไปในประตูช่องทางเข้าออกด้วยความเหิมเกริมยิ่งกว่าทุกครั้ง
" ปัง...ปัง...ปัง...ปัง... "
อาร์ก้าเสียงแหลมเล็กครางหวิดหวิวสวนออกมาจากช่องประตู
หมอดาหลา...ซึ่งวิ่งอยู่หน้าสุด ทิ้งร่างลงกับพื้นด้วยท่าทางของนักยิมนาสติคชั้นยอด.
ต่อจากนั้นเธอก็พลิกร่างแอบเข้าไปหาขอบประตูด้านข้างๆ พร้อมๆ กับร้องตะโกนขึ้นมาสุดเสียง
" ผู้กอง...หลบออกไปก่อน...อย่าพึ่งเข้ามา "
แต่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว...
ผู้กองมือเพชฌฆาตกลิ้งหลุนๆ เข้ามานอนฟุบอยู่ข้างๆ หมอดาหลา...พลางกระซิบถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
" หมอเจ็บหรือเปล่าครับ "
ในขณะที่พูดผู้กองอังคาร...ก็ใช้มือคลำไปบนร่างของหมอดาหลาด้วยท่าทางห่วงใย
" ผู้กอง...กลิ้งเข้าไป " บร็อค " ทางซ้ายมือนั่น...ไม่ต้องห่วง...เราจะใช้ระเบิดมือแหวกทางเข้าไป "
หมอดาหลา...ยกมือผลักหน้าอกผู้กองอังคาร...
แล้วขยับตัวหยิบระเบิดมะนาวขนาดจิ๋วออกมายื่นส่งให้เพชฌฆาตรับจ้าง ซี.ไอ.เอ. ปากก็พูดต่อไปอีกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
" บอกให้ลูกน้องตัวดีสองคนนั่นของผู้กอง...ด้วย ยิงโฉ่งฉางแบบนั้นระวังจะโดนพวกเดียวกันเอง... "
" อย่าห่วงหมอ...ไอ้โล้น...คือทหารเจนศึกที่ผ่านการรบจากป่าทึบในอินโดจีนและมาเลยเซียมาแล้ว
มันจะตายแทนหมอได้ทันที่...ถ้าหมอออกคำสั่งให้มันลุยเข้าไปข้างในนั่น...ช่วยคุ้มกันให้ผมด้วย...ผมจะคลานไปด้านโน้น "
สองสามประโยคสุดท้าย ผู้กองอังคาร...กระซิบเสียงเครียด
หมอดาหลา...ยกปืน " เอ็ม.๑๖ " แหย่เข้าไปในช่องประตู
แล้วเหนี่ยวไกส่ายลำกล้องด้วยระบบอัตโนมัติเต็มตัว...รวดเดียวเกือบหมดแม็ค ฯ
ในขณะที่เสียงปืนรัวเป็นประทัดแตกอยู่นั้น
ผู้กองอังคาร...ก็คลานสี่ตีนเร็วจี๋ ผ่านช่องทางเข้าออกประตูโกดังไปยังอีกด้านหนึ่งได้อย่างปลอดภัย
อาร์ก้ายังระดมยิงออกมาอย่างชนิดต่อเนื่องกันและชักจะถี่และหนาแน่นขึ้นทุกที
จนไอ้โล้น...ซึ่งหมอบอยู่ข้างหลังผู้กองอังคาร...สบถออกมาดังๆ
" ไอ้ห่ารบกันมืดๆ แบบนี้ มันจะมันอะไรวะ...ระวังผู้กองผมจะกระทุ้งแฟลร์เข้าไปในช่องประตูนั่น "
" เฮ้ยอย่าเพิ่งไอ้โล้น...เดี๋ยวๆ รอให้อั๊วโยนระเบิดเข้าไปก่อน...มึงค่อยกระทุ้งแฟลร์ "
ผู้กองอังคาร...หันมาคำราม แล้วปลดสลักนิรภัยเอี้ยวตัว ขว้างลูกระเบิดเข้าไปสุดแรงเกิด...
ชั่วอึดใจต่อมา ก็บังเกิดแสงสว่างสีเขียวปนส้มแวบขึ้นมาจนปวดนัตย์ตา
ตามติดๆ ด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว...เศษไม้และเศษสังกะสีบนหลังคาโดนสะเก็ดระเบิดร่วงเกรียวกราวดังลั่นอยู่ข้างใน
ไอ้โล้น...กระแทกแฟลร์ลูกสุดท้าย ด้วยการตั้งระยะให้ลูกแฟลร์วิ่งเข้าไปในช่องประตู
และก็ได้ผล...ลูกแฟลร์วิ่งหายเข้าไปในประตูโกดังข้าวสาร แล้วกระทบกับหลังคาดังโครมใหญ่
...ชั่วอึดใจลูกแฟลร์ก็ร่วงลงมาสว่างจ้าอยู่เหนือกองกระสอบข้าวสารที่พะเนินเทินทึกอยู่นั้น...
อาร์ก้าเงียบเสียงลงไปแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะตัดสินใจอะไรต่อไป ไอ้แสบ...ก็พรวดพราดวิ่งชาร์ทเข้าไปในช่องประตูอย่างรวดเร็ว...
เหมือนกับโชคช่วย ไม่มีเสียงปืนยิงโต้ตอบออกมาแม้แต่นัดเดียว
ไอ้โล้น...วิ่งชาร์ทเข้าไปเป็นคนที่สอง ติดตามด้วย ผู้กองอังคารและหมอดาหลาตามลำดับ...
" ฉิบหาย...แฟลร์ไหม้กระสอบข้าวสารแน่ ผู้กอง... "
ไอ้โล้น...กระซิบกระซาบพร้อมกับพุ้ยโบ๊ให้เจ้านายของมันดูลูกแฟลร์ที่สว่างจ้าอยู่เหนือกองกระสอบข้าวสารนั้น
ผู้กองอังคาร...ไม่ตอบ เขากวาดสายตาชำเลืองไปที่เสาต้นหนึ่ง แล้วยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
" ไอ้แสบ สะพานไฟอยู่โน่น...จัดการเร็ว "
ไม่ต้องสั่งเป็นคำรบสอง ไอ้แสบ...ผละจากกองกระสอบข้าวสารวิ่งปร๊าดไปที่ต้นเสา
...อึดใจต่อมา ไฟฟ้าก็สว่างพึ่บขึ้นมาทั่วบริเวณ...
แฟลร์ซึ่งสว่างไสวอยู่บนกระสอบข้าวสารสิ้นฤทธิ์ลงในเวลาเดียวกับไฟฟ้าที่เปิด
...ทำให้กระสอบข้าวสารรอดพ้นจากไฟไหม้ได้อย่างหวุดหวิด
" ปัง...ปัง...ปัง...ปัง... "
เสียงแหลมเล็กของอาร์ก้าครางระงมอยู่ด้านในสุดของกระสอบข้าวสาร
แนวกระสุนเจาะกระสอบข้าวสารที่กลุ่มของผู้กองอังคารแอบซ่อนอยู่ กระจุยกระจายไม่มีชิ้นดี
บางกระสอบฉีกขาด ข้าวสารไหลร่วงลงกับพื้นมองเห็นถนัดตา
หมอดาหลา...พลิกตัวเข้าไปในซอกกระสอบพร้อมกับชี้มือส่งสัญญาณให้ไอ้โล้น...ปีนขึ้นไปบนกองกระสอบข้าวสาร
โดยหวังที่จะให้ลูกน้องตัวดีของผู้กองอังคาร...อ้อมไปจัดการกับมือซุ่มยิงที่แอบอยู่ด้านขวามือโน่น
" อย่าเพิ่งหมอ...ดู กระสอบข้าวสารลูกที่โดนยิงโน่น "
ผู้กองอังคาร...กระซิบกระซาบพร้อมกับชี้มือให้ดูกระสอบข้าวสารลูกข้างๆ
ที่โดนยิงจนข้าวสารไหลลงกองกับพื้นเกือบครึ่งกระสอบ
ไอ้โล้น...คลานเข้าไปหากระสอบข้าวสารใบดังกล่าวอย่างรวดเร็วแทบไม่ต้องให้เจ้านายของมันสั่งการ
มันล้วงมือลงไปในกระสอบข้าวสารอยู่ชั่วอึดใจก็ตะโกนออกมาค่อนข้างดัง
" ปืนลูกพี่...ปืนครก ๘๒ พร้อมด้วยกระสุน... "
ผู้กองอังคารคลาน...พรวดเดียวเข้าไปถึงกระสอบข้าวสาร
ความรู้สึกในขณะนั้นตื่นเต้นจนสุดระงับ เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองที่มองเห็น
ไอ้โล้น...ค่อยๆ ยกปืนครก ๘๒ ของเวียดนามเหนือออกมาจากกระสอบข้าวสารที่โดนยิงจนพรุนไปหมดนั้น
" ดูกระสอบข้าง ๆ ด้วย...ไอ้โล้น "
ผู้กองอังคาร...พูดแทบไม่หายใจ พร้อมๆ กับแก้เชือกที่ปากกระสอบข้าวสารอีกลูกหนึ่งด้วยความร้อนรน
" ปืน...ปืนทั้งนั้นผู้กอง...กระสอบนี้เป็นปืนครก ๖๑ พร้อมด้วยกระสุน ๖
นัด...ฉิบหายแล้ว นี่มันคลังอาวุธของเวียดนามเหนือนี่หว่า "
ประสาทหูของผู้กองอังคาร...อื้อไปหมด
ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของเขาในขณะนี้ก็คือ กระสอบข้าวสาร
ซึ่งอาจจะเกือบทุกกระสอบแน่นเอี๊ยดไปด้วยอาวุธร้ายแรงของเวียดนามเหนือ
อา ! เวียดนามเหนือเหิมเกริมถึงกับสะสมอาวุธสงครามเอาไว้ในใจกลางเมืองโคราชเชียวหรือนี่
"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428