ไลฟ์ สไตล์ ของ " สมิง วังม่วง " และพี่น้องคอปืน จังหวัด น่าน

[สมิง วังม่วง]

วัน ว เวลา น 26/1/60/12.05

สมิง วังม่วง กับ ชอปเปอร์ ฮิวอี้  คร่าวๆ น่ะ  เฮลิคอปเตอร์ทางทหารและพลเรือน ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการการบิน กับการเป็นอากาศยานปีกหมุนรุ่นยอดนิยม ที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย กว่าจะมาถึงวันนี้ ฮ.ฮิวอี้มีที่มาอย่างไร ลองมาดูกัน...

 ในกองทัพทั่วโลกปัจจุบันนี้ หากมีใครตั้งคำถามว่าเฮลิคอปเตอร์(ฮ.)รุ่นใดถูกผลิตออกมามากและใช้งานมากที่สุด  คำตอบคือ UH-1?Iroquois?หรือที่ถูกเรียกด้วยชื่อเล่น?Huey?(ฮิวอี้)  เครื่องบินปีกหมุนเอนกประสงค์ที่เคยสร้างชื่อไว้ในสงครามเวียตนามจนกลายเป็นตำนาน  และต่อมาถึงปัจจุบันด้วยขีดความสามารถสูง  ทั้งความเร็ว ความจุผู้โดยสารและระบบขับเคลื่อนอันเป็นนวัตกรรมจากเครื่องยนต์กังหันแก๊ซหรือ?เทอร์บีน?(turbine)น้ำหนักเบา  แทนเครื่องยนต์ลูกสูบในเฮลิคอปเตอร์รุ่นก่อนซึ่งหนักกว่าและสิ้นเปลือง
   เบลล์ เฮลิคอปเตอร์ เท็กซ์ทรอนบริษัทผู้ผลิตอากาศยานคู่แข่งฮิวจ์ แอร์คราฟต์  คือผู้สร้างตำนานของฮิวอี้ขึ้นในปี1955ตามความต้องการของกองทัพบกสหรัฐ  ที่ต้องการเฮลิคอปเตอร์ทางธุรการแบบใหม่มาทดแทนแบบเดิมจากรูปแบบสงครามเย็นที่ขยายตัวกลายเป็นการปะทะกันในบางพื้นที่  ความต้องการช่วงชิงความได้เปรียบทำให้ต้องเร่งหาเฮลิคอปเตอร์ใหม่ที่สมรรถนะสูงกว่าในด้านความเร็วและความจุผู้โดยสาร  เพื่อส่งทหารลงพื้นที่สู้รบได้เร็วและมากกว่า  UH-1จึงถูกพัฒนาจากเฮลิคอปเตอร์พลเรือนเดิมของเบลล์คือ Bell 204 ที่เดิมออกแบบไว้เพื่อใช้งานพ่นยาฆ่าแมลงในไร่ ยกสัมภาระเพื่อขนส่งและอื่นๆรวมถึงงานปราบปรามของตำรวจ
   ฮิวอี้ทหารลำแรกจากโต๊ะออกแบบเริ่มบินเมื่อปี1956  มีจุดเด่นที่เห็นได้หลายตำแหน่งเช่นจมูกกลมป้าน  ห้องนักบินและห้องโดยสารกว้างขวาง ใบพัดคู่และเสียง?ปั้ดๆๆๆ...?ระหว่างบินที่ทำให้ใครก็ตามทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจฟังรู้แต่ไกลว่ามันกำลังมา  เป็นเฮลิคอปเตอร์หนึ่งในไม่กี่แบบที่มีเสียงหนวกหู  เพราะขณะบินนั้นใบพัดหลักหมุนแหวกอากาศด้วยความเร็วเท่าเสียงจึงเกิดโซนิกบูมเล็กๆ  และจากต้นกำเนิดเดิมที่ไม่ได้ออกแบบไว้เพื่อทำสงครามแต่เพื่อการพานิชย์โดยเฉพาะ  แตกต่างจากเฮลิคอปเตอร์รุ่นหลังๆเช่น?แบล็คฮอว์ค?ที่เสียงเครื่องยนต์ค่อยกว่ารวมทั้งไร้เสียงใบพัดฟันอากาศดังลั่นเหมือนฮิวอี้
   เหตุที่ฮิวอี้ถูกขึ้นบัญชีนวัตกรรมอากาศยานขณะนั้นเพราะมันแตกต่าง  ระหว่างเฮลิคอปเตอร์แบบแรกๆเช่นไซคอร์สกี้ R-4และS-51ใช้เครื่องยนต์ลูกสูบ และในช่วงต้นทศวรรษ1950นั้นเครื่องยนต์เทอร์บีนจะมีใช้ก็เฉพาะในเครื่องบินใบพัดปีกนิ่ง(fixed-wing)เพราะน้ำหนักเบาและให้แรงขับดันสูง  เบลล์พัฒนาเฮลิคอปเตอร์ใช้เครื่องยนต์เทอร์บีนสำเร็จในเบลล์47ที่ต่อมาได้รหัสเป็นXH-13F บินครั้งแรกในเดือนตุลาคม 1954  หลังจากความสำเร็จของเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้กองทัพบกได้สั่งให้เบลล์พัฒนาเครื่องยนต์เทอร์บีนรุ่นต่อไปให้เป็นเฮลิคอปเตอร์พยาบาล  โดยยังต้องเป็นเครื่องยนต์เทอร์บีนแต่ราคาต้องต่ำกว่าเดิม ผลคือXH-40ที่ต่อมาได้รหัสในแบบพานิชย์ว่าBell 204 บินครั้งแรกเมื่อวันที่22ตุลาคม 1956
   เบลล์ยังผลิตเครื่องต้นแบบออกมาอีกในปี 1957เพื่อประเมินผลก่อนจะพัฒนาให้เป็นรุ่นใช้งานจริงในกองทัพ  เครื่องทดสอบรุ่นYH-40ขึ้นบินในปี1958  เมื่อพบว่าประสิทธิภาพของเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้สูงเกินกว่าจะใช้แค่ขนคนและยุทโธปกรณ์   เบลล์จึงส่งให้กองทัพบกทดลองใช้งาน  ได้ผลเป็นที่น่าพอใจด้วยคำสั่งให้ผลิตเพิ่มเพื่อประเมินผลและทดสอบหลังจากได้รับรายงานอันน่าพอใจจากนักบิน  ที่เปรียบเทียบเครื่องยนต์เทอร์บีนของมันแล้วให้สมรรถนะน่าพอใจกว่าเครื่องยนต์ลูกสูบแบบเดิม  ทั้งด้านความนุ่มนวล ความเร็วและประหยัดเชื้อเพลิงกว่า 
เบลล์ทหารรุ่นแรกคือHU-1Aเข้าประจำการในกองพลส่งทางอากาศที่101 ณ ค่ายลิวอิส วอชิงตันในฐานะอากาศยานทดสอบและประเมินผล  ด้วยสภาพของการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังจะระเบิดเป็นสงครามเวียตนาม  มีแนวโน้มสูงว่าทหารสหรัฐต้องเข้าไปเกี่ยวข้องและอาจต้องออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพันธมิตร  กองทัพบกจึงเร่งให้เบลล์พัฒนาเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้เป็นเครื่องประจำการเพื่อสนองความต้องการด้านยุทธการ  จากสมรรถนะอันเป็นที่ประทับใจทหารในค่ายลิวอิสนี่เองที่ทำให้HU-1Aได้ชื่อเล่นว่า?Huey? อันเป็นชื่อเล่นก่อนจะถูกเปลี่ยนรหัสมาเป็นUH-1และมีชื่อเป็นทางการตามชื่อชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันว่า?Iroquois?(อิโรกัว) ตามระเบียบของกองทัพอเมริกันที่ต้องตั้งชื่อเฮลิคอปเตอร์แบบต่างๆของตนตามชื่อชนเผ่าพื้นเมือง  เช่น ซู,อะแพชี่,คายูส,คิโอวา,โคมันชี่ ฯลฯ
HU-1Aเข้าประจำการแล้วก็จริงแต่ยังไม่ได้ถูกใช้งานจริงจังเพราะแค่ใช้ประเมินผล  จนกระทั่งเบลล์ออกแบบใบพัดหลักใหม่และขยายห้องโดยสารให้ขนทหารได้14นาย  รุ่นประจำการใช้งานจริงนี้จึงถูกเปลี่ยนรหัสใหม่เป็น?UH? เริ่มด้วยUH-1AและUH-1Bตามลำดับ  ตามด้วยรุ่นUH-1Cที่เครื่องยนต์แรงกว่าเดิมในปี1962และในปีนั้นเองที่?ฮิวอี้?ได้ออกสมรภูมิเวียตนามเป็นครั้งแรก เริ่มต้นด้วยภารกิจขนส่งสัมภาระและส่งกลับทหารบาดเจ็บ 
แต่เมื่อสงครามเวียตนามขยายขอบเขตและทหารอเมริกันต้องออกรบมากขึ้น  แทนที่จะเป็นแค่?ที่ปรึกษาทางทหาร?เหมือนที่ตั้งใจไว้เริ่มแรก  เฮลิคอปเตอร์ธุรการที่ไม่ได้หุ้มเกราะหรือถูกออกแบบให้สู้รบโดยตรงอย่างฮิวอี้ก็ถูกติดอาวุธ  มีเขี้ยวเล็บหลากหลายที่นำมาใช้กับมันทั้งปืนกลM60 ปืนใหญ่อากาศวัลแคนหลายลำกล้องและกระเปาะจรวดอากาศสู่พื้น  หรือถ้าหาอะไรไม่ได้ก็ใช้ปืนเล็กยาวทั้งM16และอื่นๆของทหารที่นั่งห้อยขาอยู่ข้างลำตัว  เปรียบเทียบกับรถยนต์ฮัมวีในปัจจุบันจะพบว่าคล้ายคลึงกันด้านการใช้งาน ที่ไม่ได้ออกแบบให้เข้าสู่สนามรบโดยตรงแต่แรกแต่ถูกนำมาติดอาวุธ
การส่งทหารลงพื้นที่ด้วยเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธเป็นยุทธวิธีใหม่ของกองทัพบกสหรัฐฯ  ถึงฮิวอี้จะเสียงดังมาแต่ไกลให้ข้าศึกรู้ตัว  แต่ข้อดีที่พอหักลบกลบข้อด้อยได้คือมันเร็ว นำทหารเข้าพื้นที่ได้ทีละมากๆเป็นกลุ่มก้อนโดยไม่ต้องห่วงว่าจะพลัดหลงกระจัดกระจายเหมือนโดดร่ม  จะส่งกลับทหารบาดเจ็บหรือศพก็ได้เพียงบินให้ถึงแล้วโยนใส่ก่อนเชิดหัวขึ้นฉับพลัน  ขอเพียงให้มีที่โล่งๆพอดีรัศมีใบพัดก็ลงได้ไม่ยากเย็น
แต่ยุทธวิธีแบบใหม่นี้ใช่ว่าจะไร้ข้อเสีย  แรกๆที่ฮิวอี้ถูกนำเข้าสู้รบกับเวียตกงและทหารหลักเวียตนามเหนือ  มันได้ผลด้านจิตวิทยาเมื่อข้าศึกหวาดหวั่นจากฝุ่นคลุ้งกระจายและเสียงดังข่มขวัญ  แต่หลังจากมีเวียตกงใจกล้าไม่ยอมหลบลงรูแต่หันปากกระบอกอาก้ายิงใส่  ก็รู้ว่ามันไม่ได้อยู่ยงคงกระพันอย่างที่คิดไว้แต่แรก  ในการยุทธครั้งหนึ่งที่ตำบลอัป บัค ใกล้กรุงไซ่ง่อน(เมืองหลวงของเวียตนามใต้ขณะนั้น)เมื่อเดือนมกราคม 1963 เฮลิคอปเตอร์แบบH-21จำนวน4ลำและฮิวอี้อีก1ลำถูกยิงตกด้วยกระสุนขนาด7.62ม.ม.ของอาก้าธรรมดา  แต่ด้วยความคุ้มค่าทางยุทธการทั้งความสามารถในการลำเลียงทหารและสัมภาระกับราคาที่ไม่แพง  มันจึงถูกใช้งานในฐานะเครื่องบินลำเลียงติดปืน?กันชิป?(gunship)จนสิ้นสงครามเวียตนามในปี1975 
ภาพเจนตาที่สุดช่วงสิ้นสงครามเวียตนาม  คือฮิวอี้จอดบนหลังคาสถานทูตสหรัฐฯกับคนจำนวนมากที่อพยพหนีเวียตนามเหนือเกินเฮลิคอปเตอร์ลำเดียวจะรับไหว  และภาพตอนที่มันถูกผลักตกทะเลจากเรือบรรทุกเครื่องบินยู.เอส.เอส.แฮนค็อกเพื่อหลีกทางให้ผู้อพยพ   ฉากจบอันตราตรึงของสงครามเวียตนามที่แสดงถึงความล้มเหลวทางการทหารและการเมืองของสหรัฐฯต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประมาณว่าเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้ได้ถูกผลิตทั้งหมดจนถึงสิ้นสุดการผลิตในปี1976มีจำนวนกว่า16,000ลำ  ในจำนวนนี้7,000กว่าลำถูกใช้ในสงครามเวียตนาม  มีนักบินฮิวอี้เสียชีวิตรวม2,202นายและประมาณ2,500ลำที่สูญเสียไปในสงครามเวียตนามเพียงสงครามเดียว  ครึ่งหนึ่งตกจากการสู้รบ ส่วนที่เหลือเกิดจากอุบัติเหตุทั้งเครื่องยนต์ขัดข้องและจากการตัดสินใจผิดพลาดของนักบิน  อัตราสูญเสียอันมากของเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้แสดงให้เห็นชัดว่ามันไม่เหมาะจะใช้เข้าต่อตีโดยตรง เว้นแต่จะติดอาวุธไว้เพื่อป้องกันตัว และจากสงครามเวียตนามที่สู้รบกันมาตั้งแต่ปี1965ถึง1975 นาน10ปีนั้น  ฮิวอี้ได้เข้าสู่สมรภูมินี้มาแต่ต้นจนกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของสงครามครั้งนั้นไปแล้ว   ปรากฏในภาพยนตร์สงครามเวียตนามอีกหลายเรื่อง เช่นApocalypse Now,Platoon,Green Beret
เพราะไทยเราคือพันธมิตรเหนียวแน่นของสหรัฐที่กอดคอร่วมรบกันมาตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่2  ต่อมาถึงสงครามเกาหลี  เมื่อสงครามเวียตนามระเบิดขึ้นและอยู่ใกล้บ้าน จึงไม่พ้นต้องร่วมมือกับสหรัฐโดยปริยายทั้งการให้ใช้เป็นฐานทัพเพื่อส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดเวียตนามเหนือ  และการส่งทหารไปร่วมรบเข้าสมรภูมิเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารอเมริกันและพันธมิตร  ฮิวอี้จึงเป็นมรดกตกทอดชิ้นสำคัญที่สหรัฐมอบให้หลังถอนตัวอย่างยับเยินจากสงครามเวียตนาม  ส่วนใหญ่ได้จากการส่งมอบเป็นของมือสองและบางส่วนที่จัดหามาเพิ่มเติมจากงบประมาณ  พร้อมกับเครื่องบินขับไล่บางแบบเช่นF5ที่ยังมีประจำการอยู่
หากจะนับเวลาที่ประจำการรวมเวลาที่เคยอยู่ในกองทัพสหรัฐ  ฮิวอี้มีอายุการใช้งาน40ปีถึงปัจจุบัน  ถึงการผลิตเฮลิคอปเตอร์ทั้งลำจะหยุดลงตั้งแต่ปี1976  แต่อะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆยังมีให้ทดแทนต่อเนื่อง  สายการผลิตที่หยุดลงทำให้ต้องจัดหาเฮลิคอปเตอร์ใหม่มาทดแทนอย่างUH-60?แบล็คฮอว์ค?จากไซคอร์สกี้  กองทัพสหรัฐฯที่เคยใช้ฮิวอี้อย่างคุ้มค่าตลอดเวลาเกือบ40ปี  ได้ปลดประจำการมันเมื่อปี2004แล้วแทนที่ด้วยแบล็คฮอว์คทั้งหมด  แต่ฮิวอี้ยังรับใช้กองทัพในชาติอื่นทั่วโลกอยู่จนถึงปัจจุบันรวมทั้งกองทัพไทยซึ่งใช้เฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้อย่างคุ้มค่าในสามเหล่าทัพรวมทั้งตำรวจ  ร่วมกับเฮลิคอปเตอร์อย่างCH-47?ชินุค?และอีกหลายแบบที่มีอายุใช้งานนานพอกัน  ก่อนจะได้แบล็คฮอว์คจากอเมริกาและคาซาน-แอนแซ็ตจากรัสเซียมาใช้ใหม่สุด  แต่ฮิวอี้ที่ยังบินได้ก็ยังถูกใช้งานอยู่ตลอด ครับ

[สมิง วังม่วง]

วัน ว เวลา น 31/1/60/10.35

สมิง วังม่วง กับครอบครัว ที่ไร่จันทร์แรม รีสอร์ท ท่ี่นี้กว้างขวาง ใหญ่โต อากาศดี สะอาด วิว ใช้ได้ อาหารอร่อยขึ้นชื่อ การจัดโต๊ะอาหาร การจัดวางและอุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร  ดีมาก บริกรดูแลเอาใจใส่ดี พักที่นี่ 1 คืน

[สมิง วังม่วง]

วัน ว เวลา น 1/2/60/21.53

พ่อกับแม่ ขยับมาทาง 15 นาฬิกา  ไร่จันทร์แรม รีสอร์ท ครับ

[สมิง วังม่วง]

ขออภัยที่ห่างหายไป หลายวัน เนื่องจากติดภาระกิจ " เต่า.จาน.แหวน"

วัน ว เวลา น 7/2/60/06.15

  ที่ไร่จันแรมรีสอร์ท เขาค้อ  ผมได้พบกับ" บุ๋ม " หลายสิบปีไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เรียนจบ  ดีใจมาก ที่สุด คุยกันยาว อาหารอร่อย (โดยเฉพาะ เก้งแดดเดียว ขออนุญาติแนะนำ)  อากาศดี  เครื่องดื่มถูกใจได้เจอเพื่อนเก่า  สุขใจครับ  หลังจากที่ ผมและบุ๋ม จบ ปวส. ปี 29ที่ จังหวัดแพร่ (ถ้าจำปีไม่ผิดน่ะ ก็บอกแล้วไงเรียนหลายสถาบัน หลายจังหวัด) "รุ่นเดียวกัน ห้องเดียวกัน" นั่งเรียน ข้างๆกัน จากนั้น ต่างคนก็ ต่างแยกย้าย กันไปตามวิถีชีวิต ( แต่ผม ค่อนข้างโลดโผนเรื่องเยอะเพราะอุปนิสัยส่วนตัว เป็นคนที่ ทดแทนบุญคุณผู้มีพระคุณเมื่อมีโอกาส ) ขึ้นลงตามจังหวะเป็น ไป ปัจจุบัน "บุ๋ม" ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนการคลัง อบต เขาค้อ  ครับ::002::

[สมิง วังม่วง]

วัน ว เวลา น 8/2/60/7.12

  อีกรูปกับ "บุ๋ม" ตอนนั้นเริ่ม กรึ่ม กับ เครื่องดื่ม ที่ผมโปรดปราน (รี 1.5 ฝา+โซดาสิงห์เท่านั้น) พูดความเก่า เล่าความหลัง ดนตรีเล่นเพลง ของต้อมเรนโบว์ เบาๆ (คิดดูซิ) 30 ปี ไม่ได้เจอกัน  เนื้อเก้งแดดเดียว ทะยอยมา จานแล้ว จานเล่า ไม่นุ่ม แต่ไม่เหนียว พอเหมาะ เพลิน พูดคุยแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ถามสารทุกข์ สุกดิบของ บุ๋ม และข่าวคราวของเพื่อน คนอื่นๆ ( ส่วนตัวผม  สุขใจบอกไม่ถูก ) ส่วนมาก ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่าย หัวหน้าแผนก หัวหน้าหน่วยงาน เป็นเจ้าของธุรกิจ  กันแทบทั้งหมด ต่อไปนี้ ก็ไม่ขาดการติดต่อกัน ล่ะ ดีใจครับ

[สมิง วังม่วง]

วัน ว เวลา น 9/2/60/12.51

รูปนี้ที่หน้าห้องยอดดอย(ห้องพัก) ไร่จันแรมรีสอร์ท น้องสะใภ้ หลานๆ(น้องภีม+น้องภัทร น่ารักมาก เรียนดี ภาษาเยี่ยม เรียนโรงเรียนานาชาติ ทั้งคู่) และ แม่ ผมครับ  (เด็กๆเพิ่งตื่น ครับ)

[สมิง วังม่วง]

ว. 00

[สมิง วังม่วง]

ห่างหายไปหลายวัน เนื่องจากติดภารกิจ "เต่า จาน แหวน" ครับ

สมิง วังม่วง ที่อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ สถานที่และบรรยกาศ มันซึมเศร้าบอกไม่ถูก ครับ

[สมิง วังม่วง]

อัพเดตราคาปืนและกระสุน http://2013.gun.in.th/index.php?topic=81290.0   (สมัครสมาชิก)

[สมิง วังม่วง]

วัน ว เวลา น 19/2/60/08.14

  ที่อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ น้องแป้ง และ น้องป้อง ลูกสาว กับ ลูกชายผม "แก้วตา ดวงใจ" ของผม เรียนที่โรงเรียน ศรีสวัสดิ์วิทยาคาร  จ น่าน (ผมก็เป็นศิษย์เก่าที่นี่ ชื่อ สกุลเดิม ผม ปิยะ สิทธิมงคล)   ครับ ผมพี่น้องคอปืนทุกท่านและ ครู อาจารย์ ที่เคยสอนสั่งผมมา ยังระลึกถึง อาจารย์ ดวงทอง อาจารย์ จิรายุ อาจารย์รัตนา อยู่เสมอครับ

[สมิง วังม่วง]

วัน ว เวลา น 20/2/60/08.40

สมิง วังม่วง กับปืนใหญ่  วิถีโค้งขนาด 105  คร่าวๆ(อีกล่ะ)
ปืนใหญ่ลากจูง  ขนาด 105มม.
ใช้มาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้
น้ำหนัก   2,260 kg (5,000 lb)
ความยาวรวม 5.94 m (19 ft 6 in)
ความยาวลำกล้อง   2.31 m (7 ft 7 in) L/22
กว้าง   2.21 m (7 ft 3 in)
สูง 1.73 m (5 ft 8 in)
ระยะยิงไกลสุด 11 กม.

จำนวนประเทศที่ประจำการเกือบ 50 ประเทศทั่วโลก
ปืนใหญ่ลากจูง ยังใช้อยู่ทั่วโลกรวมทั้งสหรัฐ ไทย หรือแม้แต่อิหร่าน
น้ำหนักเบายิงได้ไกลกว่าปืนค. สามารถยกไปติดตั้งบนภูเขาสูงได้เหมือน ปืนค.
แบบกระสุนให้เลือกใช้กว่า 10 แบบ  ประมาณนี้ครับ

[สมิง วังม่วง]

ชีวิตคนก็เหมือนสะพาน มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน  (เหมาะมากที่สุด ไม่มีไรเหมาะสมไปกว่านี้แล้ว)  

[สมิง วังม่วง]

วัน ว เวลา น 21/2/60/12.50

สมิง วังม่วง กับ เครื่องบินตรวจการณ์  L 19 (ชื่อนี้เคยเป็น นามเรียกขาน ว.ของผม สมัย ปี2533-36 ในความถี่ 151.97.-151.99. )

พอสังเขป สำหรับ เจ้า L19 น่ะครับ

 สำหรับอากาศยานปีกตรึงหรือเครื่งบินนั้น O-1 Bird Dog หรือ L-19 เป็นเครื่องบินตรวการณ์ 1 เครื่องยนต์ 2 ที่นั่ง เป็นอากาศยานเพียงแบบเดียวที่ใช้ใน 3 เหล่าทัพ O-1 หากเป็นนักอ่านนวนิยายแนวสงครามคงจะไม่พลาดผลงานของนักเขียนนวนิยายสงครามเรื่องของทหารเสือพรานที่ไปรบในลาว คุณสยุมภู ทศพล(ประจิม วงศ์สุวรรณ)ผู้ล่วงลับไปแล้ว มักจะหยิบยกเจ้านกเหล็กตัวนี้มาเขียนเสมอโดยเรียกว่า”ไอ้ปากหมา”ด้วยภารกิจคือการบินตรวจการณ์และทำการยิงจรวดควันเพื่อชี้ตำแหน่งของข้าศึกให้เครื่องบินรบโจมตีด้วยปืนกล จรวดและระเบิดทำลายต่อไป

CESSNA O-1 BIRD DOG เป็นเครื่องมือที่ใช้งานแพร่หลาย และยาวนานที่สุดของทั้งกองทัพบกสหรัฐ และประทศอื่น ๆ อีกมากมาย รวมทั้งของกองทัพไทยด้วย โดยเครื่องต้นแบบ เป็นแบบ CASSNA 305 ของบริษัท CASSNA AIRCRAFT ทำการบินครั้งแรก เมื่อเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2492 และได้เปิดสายการผลิตเครื่องแรกจากโรงงาน ในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2493 บริษัท CASSNA ได้ทำการผลิตต่อมาอย่างต่อเนื่อง จนถึง พ.ศ. 2499 โดยได้ผลิตทุกรุ่นรวมกันเป็นจำนวน 3,431 เครื่อง

กองทัพบกสหรัฐ ได้นำ CESSNA 305 เข้าประจำการ และได้กำหนดสัญญลักษณ์ ให้เป็น L-19 (L-LIAISON) สมญาว่า “ BIRD DOG ” โดยได้ใช้เป็นเครื่องบินสื่อสาร / ตรวจการณ์ และควบคุมอากาศยานหน้า (FORWARD AIR CONTROL-FAC) ทำหน้าที่หลักๆ คือตรวจการณ์ทางอากาศ รายงานผลการยิงและปรับตำบลกระสุนตก โดยเฉพาะในสมรภูมิเวียดนามและลาว O-1 เป็นเครื่องบินตรวจการณ์ชั้นแนวหน้า และในสมรภูมิปราบปราม ผกค.ในประเทศไทย O-1 นอกจากจะเป็น บ.ตรวจการณ์หน้าแล้ว ยังทำหน้าที่ส่งเสบียงให้กับทหารที่กำลังปะทะผกค.ในแนวหน้าอีกด้วย โดยวิธีบินโฉบลงมาในระยะต่ำ แล้วทิ้งเสบียงอาหารที่เตรียมมาด้วย ต่อมาในปี พ.ศ. 2505 กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ได้เปลี่ยนระบบการกำหนดสัญญลักษณ์ของอากาศยานใหม่ L-19 ได้รับสัญญลักษณ์ให้เป็น O-1 (เครื่องบินตรวจการณ์ แบบที่ 1 O=Observer) และได้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลานานถึงกว่า40ปี

O-1 BIRD DOG ได้ผลิตและดัดแปลงเป็นรุ่นต่าง ๆ ทั้งหมด 8 รุ่น ใช้ในงานกองทัพบก, กองทัพอากาศ และนาวิกโยธิน ของสหรัฐ โดยส่วนใหญ่ใช้ในภารกิจการตรวจการณ์ เพื่อชี้เป้าหมายและปรับการยิงของปืนใหญ่ มีใช้งานแพร่หลายอยู่ใน 17 ประเทศทั่วโลก คือ สหรัฐ, ฝรั่งเศส, อิตาลี, นอร์เวย์, ออสเตรีย, สเปน, เบลเยี่ยม, ซิลี, เคนยา, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย , ปากีสถาน, ลาว , และไทย



กองทัพอากาศไทยได้รับเครื่องบิน O-1A ตามโครงการช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐอเมริกา เป็นเครื่องบินประเภท สื่อสาร, ตรวจการณ์, ควบคุมอากาศยานหน้า – ชี้เป้า ที่นั่งเรียงกัน และเป็นเครื่องบินฝึก นักบินด้วย ทอ.กำหนดแบบเป็น บ.ต.๒ เคยประจำการในกองบิน23 และกองบิน 53 ประจำการใน ทอ.ปี พ.ศ.2510-2533 บทบาทของ บ.ต.2 เป็นเครื่องบินที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติมาแล้วมากมายผ่านสมรภูมิการรบ มาแล้วโชกโชนโดยทำหน้าที่ในการสื่อสารตรวจการณ์ควบคุมอากาศยานหน้าและชี้เป้าให้เครื่องบิน ขับไล่ในการโจมตีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้เข้าร่วมดำเนินการถวายราชสดุดีแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาโดยทำการบินปล่อยควันสีและ โปรยข้าวตอกดอกไม้บริเวณท้องสนามหลวง ใน 5 ธ.ค.2529

ในส่วนของกองทัพบก ได้รับมอบ บ.ต. 19 จำนวน 6 เครื่องแรก ตามโครงการช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2499 โดยนำมาใช้ฝึกศิษย์การบินทหารบกและสนับสนุนหน่วยทหารภาคพื้นดิน ต่อมา กองร้อยบินเบา ร.ร.การบิน ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ได้ติดตั้งจรวด 2.75 นิ้ว กับ บ.ต. 19 ได้เป็นเครื่องแรกในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2511 และได้จัดเข้าประจำ ณ ชปบ.394 อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ (สนามบินหล่มสัก) ในเดือนมกราคม พ.ศ.2512 เพื่อปราบปราม ผกค. ในพื้นที่เขาค้อ โดยใช้คุ้มกัน ฮ.ท.1 และรถสายพานลำเลียงพล รวมทั้งการลาดตระเวณ/ตรวจการณ์ และโจมตีเป้าหมายขนาดเล็กเมื่อหน่วยภาคพื้นร้องขอ ปัจจุบันกองทัพบกได้ปลดประจำการ บต.19 เมื่อใช้ราชการครบ 40 ปี

กองทัพเรือ สหรัฐฯ ได้ทำการ ส่งมอบเครื่องบินแบบ O-1A ให้แก่กองทัพเรือ จำนวน ๓ เครื่อง เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๑ และพ.ศ.๒๕๑๘ รับเครื่องบินแบบ O-1 และ U-17 ซึ่งนักบินเวียดนามบิน อพยพ เข้ามา ในประเทศไทย และมีสภาพ ที่ใช้ราชการได้ เข้าประจำการ ในฝูงบิน ๓ กองบินทหารเรือ อีกจำนวนหนึ่ง ครับ

[สมิง วังม่วง]

วัน ว เวลา น 23/2/60/07.22

พ่อ กับ น้องภีม (หลาน ของสมิง วังม่วง หลานคนนี้เล่นกีต้าร์คลาสสิค เพราะมาก เดี๋ยวหาคลิป ก่อน) หน้า  L19  (อีกฉายา ของ L 19 ก็ "ไอ้ปากหมา" ครับ)

[สมิง วังม่วง]

อัพเดตราคา กระสุน ทั่วประเทศ ครับ  
http://2013.gun.in.th/index.php?topic=81290.0