ผมเกิดในยุคของ โคลท์, สมิท, ถัดมาจนถึง แดน เวสสัน, รูเกอร์ แล้วจึงมาถึง ลาม่า ในยุคแรก แล้วก็ เทารัส ยุคแรก เกือบทั้งหมดของปืนสั้นในเมืองไทยเป็นลูกโม่ ที่เป็นออโต้มีแต่ โคลท์ เป็นส่วนใหญ่ ขนาดก็ .38 ซุบเปอร์ และ .45 ก่อนมาถึง .45 ทะลักออกมาจากสงครามเวียตนามที่มี อิธาก้า ในร่างโคลท์ เกจิอาจารย์ทางสื่อยุคผมก็
ฉัตรไชย วิเศษสุวรรณภูมิ,
ก๊ง สุราบาล ฯลฯ แล้วผมก็ห่างหายไม่ได้ทำความรู้จักกับเรื่องปืนไปอีกนาน พอเริ่มมาอ่านมาเรียนรู้ใหม่ ทำไมมี STI, Kimber ฯลฯ เยอะไปหมด
ปืนพวกนี้มาตอนไหน เป็นปืนจากประเทศไหน ประสิทธิภาพเด่นด้านใด และได้รับความนิยมมากในบ้านเราตั้งแต่เมื่อไหร่ อยากรู้จริงๆครับ แล้วปืนพวกที่ท่านเรียกกันว่าพลาสติค คือ กล๊อค ฯลฯ มาเติบโตได้อย่างไร สมัยนี้กึ่งอัตโนนมัติน่าจะมีมากกว่ารีวอลเวอร์แค่ไหนในเมืองไทยครับ ขอบคุณครับ
ก่อนอื่นขออนุญาตเน้นชื่ออาจารย์ก่อนครับ ...
ปืนยี่ห้อใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นตามจังหวะเวลาที่เหมาะสมครับ เพราะหลังจากตลาดอเมริกาบ้าเห่อ Wonder Nine กันสักพัก มีการออกกฏหมายจำกัดจำนวนกระสุนในซองกระสุน ทำให้โลกพลิกกลับมานิยมปืนจุน้อย ลูกโต (หนีไม่พ้น 1911) ประกอบกับสิทธิบัตรคุ้มครองของ Colt Series 70 หมดลง ทำให้มีผู้ผลิตรายอื่นนำแบบมาลอก และพัฒนา ออกมาขายดิบขายดีเกินหน้าต้นตำรับไปโขครับ ...
ส่วนปืนพลาสติกก็ทำกันมานาน แต่การที่ Glock ดังขึ้นมาเนื่องจากเดิมบริษัทนี้ไม่เคยทำปืนมาก่อน พอทางออสเตรียเขาหาปืนสั้นประจำการใหม่ ก็ลองเข้าแข่งด้วย ปรากฏว่าได้รับเลือก แซงหน้าคู่แข่งอย่าง Steyr (บริษัทยักษ์ใหญ่ ทำแทบทุกอย่าง) ไป .... Glock ใช้ง่าย ใช้เหมือนลูกโม่ (ใส่ลูกแล้วยิง) มีความคุ้มค่าสูง (ประสิทธิภาพ เทียบกับราคา) ทำให้ได้รับความนิยมเรื่อยมาครับ ...
STI เขาเอา 1911 มาใส่โครงใหม่ โครงเป็นครึ่งเหล็กครึ่งพลาสติก และใส่ซองกระสุนสองแถวได้ นิยมใช้ในการแข่งขัน ... รุ่นที่เป็นรูปแบบเดิม ๆ ก็มีขายครับ
Kimber เดิมทำลูกกรดคุณภาพสูงขาย ตอนหลังทำ 1911 ขายบ้าง ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการออกแบบและผลิต ปัจจุบันมีรุ่นมากมายให้เลือกตามแต่ว่าจะต้องการใช้งานด้านใด (หรือชอบความสวยงามแบบไหน ก็มีให้เลือกด้วยครับ)