ไหนๆกระทู้นี้ก้เป็นกระทู้วิวาทะอยู่แล้ว...
ความเห็นของผมคงไม่ได้เป็นการเติมเชื้อเพลิงลงกองไฟนะครับ...
ผมเองไม่ได้เดินหลังวังทุกสัปดาห์...
แต่ก็นั่งเล่นร้านปืนอย่างน้อยเดือนละครั้งมาราวๆเจ็ดแปดปีแล้ว...
ผมเห็นด้วยกับท่าน จขกท.ในแง่ที่ราคาปืนมีทั้งขึ้นและลง...
แต่ไม่เห็นด้วยกับเหตุผลทั้งหลายที่ท่านยยกมาหรอกครับ...
เนื่องด้วยสภาพเศรฐกิจที่ย่ำแย่ของยุโรปและอเมริกาที่ยืดเยื้อยาวนานลุกลามจนสามารถเปรียบดังมะเร็งขั้นสุดท้าย
ไม่ว่าจะใช้มาตราการใดก็ไม่สาสามรถทำให้ฟื้นได้ หลังจากนี้เป็นต้นไปจะเกิดปรากฏการณ์
1.หุ้นยุโรปและอเมริกาตกอย่างหนัก
2.ค่าเงินอ่อน (เอเซียแข็ง
)
3.น้ำมันร่วง
4.ทองคำขึ้นลงรุนแรง
ด้วยเหตุดังนี้ เงินเค้าอ่อน เราแข็ง ใช้ตังค์ซื้อน้อยลง แน่นอน และยาวนาน
ปัจจัยหลักของการขึ้นลงของราคาปืนในบ้านเรานั้น...
ผมว่าเกิดจากอุปสงค์และอุปทานภายในประเทศครับ...
ขอยกตัวอย่างสักสองสามตัวอย่างนะครับ...
๑.ปี ๒๕๔๖ หลังจากประกาศนโยบายยึดปืนจากประชาชนของอดีตนายกฯทักษิณ...
ใบป.๓ ออกยากมาก ราคาปืนในตลาดลดลงจนน่าตกใจ...
ผมซื้อโคลท์โกลด์คัพโทรฟี่ ได้ในราคา ๗๘ เค...
ทั้งๆที่ปลายปี ๔๕ ราคายังอยู่ที่ ๙๐ เค ครับ...
๒.ปี ๒๕๕๑ ปืน GSG 5 เข้าตลาดบ้านเราด้วยราคา ๖๕-๗๐ เค...
แย่งกันซื้อจนวางขายไม่ทัน...
ต่อมาปี ๒๕๕๒ เมื่อมีหลายๆร้านนำเข้ามาจนเต็มตลาด...
ราคาก็ลดลงฮวบฮาบ...
ผมซื้อมาในราคาราวๆ ๔๐ เค...
ตอนที่ซื้อมีปืนเหลือให้เลือกในร้านราวๆสามสิบกระบอกครับ...
๓.ปี ๒๕๕๓ มีเหตุการณ์ไม่สงบในช่วงเดือนมีค.มาจนถึงพค.ทำให้การออกใบอนุญาตและการตรวจปืนถูกงดไปโดยปริยาย...
ทำให้ร้านปืนมียอดปืนคงค้างในสต็อคมาก...
ราคาปืนในปัจจุบันจึงลดลงมา...
ยิ่งปืนคัสต้อมที่ปีที่แล้วต้องอดตาหลับขับตานอนไปจองกัน...
ตอนนี้มีที่ร้านเลย โดยราคาลดลงมาด้วยซ้ำไป...
จากตัวอย่างที่ยกมาคงแสดงให้เห็นว่าปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาปืนบ้านเรา...
คืออุปสงค์และอุปทานภายในประเทศของเราเองครับ...
อนึ่ง...กรุณาอย่าตราหน้าว่าผมโกหกนะครับ...
ผมกลัว...