เดาว่า
1.โขลงช้างหรือสัตว์อาละวาดชาวบ้านกลัวไม่กล้าอยุ่
2.เป็นพื้นที่ชายแดนมีการสู้รบอยู่เนืองๆมีการปล้นสดมภ์เลยหนี
3.เกิดรคระบาด
4.พื้นที่แห้งแล้งปลูกพืชผลไม่ค่อยงอกงามเลยอพยพไปหาที่อยู่ใหม่
เท่านี้ครับ แฮ่ๆๆ...
ผมเห็นด้วยในข้อ ๑. สัตว์ร้ายอาละวาด.. กับข้อ ๓.เกิดโรคระบาด... น้ำหนักผมให้มาทางข้อ ๓ มากกว่าครับ... เพราะอยู่ป่าน่ะ... หนีสัตว์ยังไงก็หนีไม่พ้น...
...ส่วนข้อ ๒. เรื่องการสู้รบ... สมัยนั้นคงยังไม่มีการสู้รบของกองกำลังต่างๆ กระมังครับ... จะว่ามีโจรออกอาละวาดก็ไม่น่าถึงขั้นย้ายชมชนหนี... เพราะโจรสมัยก่อนไม่น่าจะโหดร้ายเหมือนกับสมัยนี้...
...ข้อ ๔ น่าจะตัดออกไปได้เลย... เพราะชุมชนติดแม่น้ำแบบนี้... เรื่องแห้งแล้งคนไม่มีครับ... เจอน้ำป่าพัดไปทั้งหมู่บ้านน่าจะเป็นไปได้มากกว่า...
คืนนั้นผ่านพ้นไปเหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ที่เลวร้าย
เสียงชะนีโหยหวนหาคู่ที่เชิงเขา พวกเรารีบหุงหาข้าวปลากินกันก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น
ไก่ป่าหลายตัวกระพือตีปีกโกร่งคอขันก่อนที่จะบินลงจากคอน ลมป่าโชยมา กิ่งไม้กิ่งไร่ไหวโอนตามแรงลม
หอบเอากลิ่นป่าดั่งที่เราปรารถนา น้ำค้างร่วงพลู ตีนฟ้าเริ่มเปิดไล่เอาหมอกค่อยๆคืบคลานลงต่ำ
ทำให้เสื้อผ้าชื้นหนาวกายอยู่เหมือนกัน
ในขณะที่พวกเราช่วยกันลากแพสองลำลงน้ำ เจ้ากระเหรี่ยงเงี่ยงปล่อยมือจากแพวิ่งไปคว้าปืน
ที่ข้าพเจ้าพิงไว้ที่โคนไม้ใหญ่ เสียงปลดเซฟปืนดังคลิก ประทับบ่าเตรียมจะยิง
พวกเราทุกคนหันกลับไปในทางเดียวกัน นางพังใหญ่ยืนตระหง่าน
ข้าพเจ้าร้องตระโกนห้าม...... เจ้าเงี่ยงลดปืนลงจากบ่า
สังเกตุเห็นท่าจะไม่ค่อยดี นางพังกางใบหูแผ่กว้าง งวงงอซุกเข้าปากเตรียมจะชาร์ทพวกเรา
ข้าพเจ้าคว้าฟืนท่อนที่ยังติดไฟอยู่ขว้างใส่ ท่อนฟืนกระทบพื้น ถ่ายไฟแตกกระจาย
เจ้านางพังมันเองก็ชักจะไม่แน่ใจเหมือนกัน ยืนเบื่องมองอยู่พักใหญ่
จึงเบนหัวรังเรอยู่หลายครั้งเหมือนกันก่อนที่จะเข้าดงไผ่ไป
แพลำแรกล่วงหน้าออกไปก่อน ข้าพเจ้าสั่งไว้ว่าอีกครึ่งชั่วโมงค่อยตามมา
เจ้ากระเหรี่ยงเงี่ยงถือไม้ถ่อบังคับอยู่หัวแพ ข้าพเจ้าและครูอนันต์อยู่กลาง เจ้าอ้วนคัดท้ายแพ
ผ่านพ้นไปได้ระยะหนึ่ง แม่น้ำชักจะแคบลงทุกที บางช่วงอากาศรู้สึกเย็นพิกล ต้นกุ่มน้ำ ต้นมะกอก
ขี้นครึ้มบางช่วงมองไม่เห็นลำน้ำข้างหน้า
เมื่อผ่านพ้นช่วงนี้ไปแล้วก็ออกสู่ที่โล่ง แลเห็นว่าน่าจะเป็นไร่ซากเก่าของชาวกระเหรี่ยง
ปลูกข้าวไร่ข้าวหลุม สังเกตุเห็นมีต้นมะพร้าว มะม่วง ขนุน ซึ่งบอกได้ว่าที่แห่งนี้เคยเป็นชุมชนเก่า
นกกระสาคู่หนึ่งตกใจพวกเรา กระพือปีกพรึบพรับบินหนี คุ้งน้ำข้างหน้าต้นตะเคียน ต้นไทรใหญ่
ต้นกร่าง ต้นส้าน ร่มเย็นดีนัก จึงสั่งให้หยุดพัก
ข้าพเจ้าล้วงเอาบุหรี่ที่ห่อพันด้วยถุงพลาสติกหลายชั้นขึ้นจุดสูบ
สักครู่เสียงเก้งดงเห่าร้องด้วยความตกใจมันน่าจะกระสากลิ่นจากบุหรี่ของพวกเรา .......
ถ้าให้เดา...
นายสมชายว่าทริปนี้คุณอาพรานบุญถือลูกซองครับ, เพราะเสียงปลดเซฟดังคลิกนี่มีแต่ปืนสั้นกับลูกซอง... ส่วนไรเฟิลนั้นปลดเซฟเงียบเชียบเสมอครับ...
มีอีกเรื่องนึงคือเวลาช้างจะเข้าชาร์จ นายสมชายได้ยินคนที่เข้าป่าเจอของจริงเล่าว่ามันจะม้วนงวงครับ... ซึ่งไม่เหมือนในหนังฯ(แม้แต่ท่านมุ้ยในหนังเรื่องคนเลี้ยงช้าง) ที่ชูงวงร่าไล่กระทืบครับ...
ผมว่าปืนที่คุณลุงถือในครานั้นน่าจะเป็น .๓๗๕ แม็กนั่มนะครับ... เพราะปืนคู่มือของคุณลุงพรานบุญ...
...ส่วนปืนลูกซองผมคิดว่าต้องมีติดคณะไปด้วยแน่นอน...