ช่างแสงสหรัฐฯ เป็นคนริเริ่มตัดลำกล้อง/ลำเลื่อน ปืน 1911 มาตรฐานให้สั้นลง เพื่อให้นายทหารผู้ใหญ่ใช้
(พกมาก ยิงน้อย) ซึ่งยังเป็นการพกซองนอก ถ้าสั้นเกินไปมันจะดูไม่สมส่วน
ที่ตัดเหลือ 4.25 ก็เพราะตัดสั้นลงมาเพียงเท่านี้ทุกอย่างยังทำงานเรียบร้อยดี ไม่ต้องแก้ไขอะไรมาก
ถ้าตัดสั้นกว่านี้จะเริ่มมีปัญหาต่างๆ ตามมาเยอะแยะ ดูตัวอย่างปืนรุ่นใหม่ๆ ที่ลำกล้องสั้นระดับ 4 นิ้วลงมา
มักเปลี่ยนสปริงเป็นแบบสองชั้น เป็นต้น และเมื่อตัดสั้นลงไประดับ 3 ถึง 3.5 นิ้ว ต้องแก้ไขแม็กกาซีนด้วย
สรุปว่า 4.25 นิ้วเพราะ
1. ง่าย
2. ดูสวยดีในสายตาคนทำคนแรก
นายสมชายยกตัวอย่างประกอบคำอธิบายของท่านอาจารย์ครับ... คือในคอมมานเดอร์นั้น "ขอบด้านหลังของบูชลำกล้อง" ถอยมาไม่ชนกับ"ขอบหน้าของสันบนลำกล้องบริเวณหน้าสุดของรังเพลิง" ทำให้สามารถใช้บูชไม่สั้นเกินไปนัก และใช้สปริงชั้นเดียวได้ เนื่องจากมีระยะถอยพอให้สปริงมีแรงต้าน/แรงดันพอสมควรให้ลำเลื่อนเดินหน้าถอยหลังทำงานครบวงรอบสมบูรณ์...
แต่ในโคล์ทออฟฟิสเซอร์มีลำกล้อง 3.5 นิ้ว, ทำให้ปลายหน้าสุดของลำเลื่อนขยับถอนหลังมาใกล้กับรังเพลิงมากเกินไป ในเวอร์ชั่นของโคลท์เองใช้วิธีออกแบบให้ลำกล้องปากแตร เพื่อให้บูชขยับสูงขึ้นหลบ "สันบนลำกล้องแถวหน้ารังเพลิง" แต่ก็มีข้อเสียคือบูชวงกว้าง เนื้อเหล็กมีน้อยไม่แข็งแรง ตัวบูชเองก็มีข่าวว่าเคยแตก, และวงบูชกว้างลงไปเบียดหลอดครอบสปริงลำเลื่อน ทำให้ใช้ตัวบูชกดหลอดครอบสปริงไม่ได้ เลยใช้"ติ่ง"บนหลอดครอบสปริงเกี่ยวกับคางลำเลื่อนแทน... นอกจากนี้ลำเลื่อนต้องวิ่งเดินหน้าถอยหลังเร็วในระยะสั้น เลยใช้สปริงสองชั้นทำงานซ้อนกัน(เพื่อเพิ่มความแข็ง แต่ไม่ได้ออกแบบให้ยืดระยะถอยฯ)...
สำหรับในเวอร์ชั่นยี่ห้ออื่น เช่นคิมเบอร์... เลยออกแบบให้ไม่ใช้บูช เพื่อแก้ปัญหาบูชไม่แข็งแรงกับบูชกระแทกสันหน้าลำกล้อง, และแก้ปัญหาระยะถอยสปริงน้อยลงด้วยการใช้สปริงสองตัวทำงานร่วมกันเป็นอิสระ(มีระยะถอยมากกว่าเดิม แต่อยู่บนแกนเดียวกัน)...