เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 10, 2024, 02:27:47 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระสหายในหลวง -เรื่องจริงของในหลวง ครับดูแล้ว ขออภัย  (อ่าน 8467 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sada
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: มิถุนายน 03, 2010, 07:15:10 PM »





ประวัติ

วาเด็งปูเต๊ะ หรือ "เป๊าะเด็ง" หรือที่รู้จักกันในนาม "พระสหายสายบุรี"
ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2535

ด้วยพระมหา กรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินไป โครงการพัฒนาพรุแฆ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
จึงทำให้เป๊าะเด็ง และพสกนิกรในพื้นที่ทุกคนพ้นจากความทุกข์ยาก
ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม 

นอก จากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว
การทูลเกล้าฯ ถวายข้อมูลในพื้นที่ และที่ดินผืนหนึ่งเพื่อทำโครงการพระราชดำริ
จึงทำ ให้เป๊าะเด็งได้กลายมาเป็น " พระสหาย" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ซึ่งถือเป็น เกียรติยศสูงสุดในชีวิตที่น้อยคนจะได้รับ

วันนั้นเป๊าะกำลังทำสวน อยู่กับภรรยา
คุณหญิงคนหนึ่งมาบอกว่า "ในหลวง"
ต้องการพบตัวแต่ภรรยา ไม่กล้าไปพบ จนกระทั่งเป๊าะเลี้ยงโคกลับมา
ก็มีตำรวจมาตามเป็นครั้งที่ สอง 

เป๊าะตกใจมากว่าตำรวจมาตามเรื่องอะไร
เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด จนกระทั่งสื่อสารกันเข้าใจว่าในหลวง
ต้องการมาสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำ จืดบ้านทุ่งเค็จ ต.แป้น อ.สายบุรี
เพื่อช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำแก่ชาว บ้านในการทำการเกษตร เป๊าะ ถึงกล้าไปพบ 
แต่ตอนนั้นเป๊าะ ยังไม่ค่อยเชื่อว่าพระองค์จะเข้ามาอยู่ในป่าในเขาแบบนี้
จึงคิดว่าคนที่ มาบอกโกหก ขนาดมาพบพระองค์แล้วเป๊าะ
ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นในหลวงจริงหรือ เปล่า
จึงแอบหยิบเงินใบละ 100 ใบ กับใบละ 20 บาทขึ้นมาดู
จึงแน่ใจว่า เป็นพระองค์เสด็จฯ มาจริงๆ 
ตอนแรกที่พบในหลวงเป๊าะ ไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ เพราะตอนนั้นนุ่งโสร่งตัวเดียว
เสื้อก็ไม่ได้ใส่ด้วย แต่พอเข้าไปใกล้ๆ ในหลวงก็ตรัสเป็นภาษามลายู ว่า
จะสร้างคลองชลประทานให้
หลังจากนั้น ในหลวงท่านก็ทรงสอบถามเส้นทางการขุดคลอง
และข้อมูลในพื้นที่อื่นๆ พระองค์ยังตรัสชมว่า วาเด็งเป็นคนรู้พื้นที่จริง

วันรุ่งขึ้น ข้าราชการที่มารับเสด็จก็ต้องตกตะลึงไปตามๆกัน
เมื่อพระองค์ทรงรับสั่ง ให้เป๊าะพายเรือให้พระองค์เพื่อทำการสำรวจคลองสายทุ่งเค็จ
พระองค์มีพระ ราชดำรัสถาม พร้อมเปิดแผนที่เพื่อให้รู้ว่าจะสร้างแหล่งชลประทานอย่างไร 
ตอน พายเรืออยู่ ในหลวงตรัสด้วยว่า "ให้วาเด็งทำตัวให้สบาย
มีอะไรที่ชาวบ้าน เดือดร้อนก็ให้เล่ามาตามความจริง" 

ในหลวงคงจะทรงลองใจเป๊าะจึงตรัส ถามขอที่ดิน
เพื่อทำโครงการพระราชดำริ ด้วยความปลาบปลื้ม
เป๊าะจึงขอ ยกที่ดินถวายให้พระองค์ทันที

ในหลวงจึงแย้มพระสรวล และมีพระราชดำรัสว่าให้เป๊าะเป็น
"พระสหาย"  ตั้งแต่บัดนั้น 

ในหลวง ตรัสเรื่องนี้ว่า
"วาเด็งเป็นคนซื่อตรง จึงขอแต่งตั้งให้วาเด็งเป็นเพื่อนของในหลวง"
พร้อมทรงชวนให้เป๊าะและ ภรรยาเดินทางไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ
และเมื่อพระองค์เสด็จฯ มาสามจังหวัดก็เรียกให้เข้าเฝ้าที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ทุกครั้ง 
ต่อ มาในหลวงทรงสงสารจึงมอบเงินให้เป๊าะครั้งละหลายหมื่นบาท
หากไม่ได้เสด็จฯ มาก็ทรงฝากเงินมากับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แทบทุกครั้ง 

ล่าสุด ในหลวง ตรัสว่าให้วาเด็งหยุดทำงานได้แล้ว เพราะแก่แล้ว อายุมากแล้ว
ทรง เป็นห่วงสุขภาพวาเด็ง กลัวว่าทำงานหนักจะไม่สบาย
เป๊าะก็นั่งทบทวนคำตรัส ของพระองค์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มด้วยความภาคภูมิ
กับคำว่า "พระสหายแห่งสายบุรี"
นอกจากละหมาดขอพระผู้เป็นเจ้าเป๊าะยังเดินทางจาก จ.นราธิวาส
มาเยี่ยมพระอาการประชวรของในหลวงถึง รพ.ศิริราช ด้วย

เป๊าะ เด็งเป็น "แบบอย่าง" ของคนที่ซื่อสัตย์ เจียมเนื้อเจียมตัวและใช้จ่ายอย่างประหยัด
เพราะต้องการทำตัวให้เป็นแบบ อย่างตามพระราชดำรัสของในหลวงที่รู้จักกินรู้จักใช้
ตามวิถีทางชุมชนชนบท กับเศรษฐกิจพอเพียงของชาวบ้านจนถึงทุกวันนี้

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ ชาวบ้านในพื้นที่ดีใจและปลาบปลื้มใจมากที่สุด คือ
พระสหายแห่งสายบุรีได้ มีโอกาสเดินทางไปกรุงเทพฯ
เพื่อถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทั้ง ในฐานะ "พระสหายแห่งสายบุรี" และ " ตัวแทนพี่น้องมุสลิม"
ในสามจังหวัด ชายแดนใต้ทุกๆคน
อ้างอิง จาก   http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=2585297d9910aed3

ขอต่อนะครับ  ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้
เรื่องของในหลวงที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้ )
1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
3.พระนาม 'ภูมิพล' ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
4.พระ ยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
5.ทรง มีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมา แตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า 'H.H Bhummibol Mahidol'หมายเลขประจำตัว 449
7.ทรง เรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือ สมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า 'แม่'
8.สมัยทรง พระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยง สัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต
11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า'บ๊อบบี้'
12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระ ชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำพระองค์ต้องลุก ขึ้นบ่อยๆ
13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ที มากเกินไป 2 ทีพอแล้ว
14.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก 'การให้' โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า 'กระป๋องคนจน' เอาไว้ หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก 'เก็บภาษี' หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำ อะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
16. ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า 'ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน'
17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
18.ช่วง เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง
19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก 'การเล่น' สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์

21.ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)
22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
23.ครู สอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
24.ทรงพระราชนิพนธ์ พลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ 'แสงเทียน' จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
25.ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง 'เราสู้'
26. รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5

27. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโ ปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
28. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง 'นายอินทร์' และ 'ติโต' ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่ 'พระมหาชนก' ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
29. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และ เรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น'กีฬาซีเกมส์') ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
30. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง และตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
31. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ 'กังหันชัยพัฒนา' เมื่อปี 2536
33. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็น พลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
34. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของ ประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตน
35. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
36. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า'น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง

37. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริ กิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือ37. หลังอภิเษกสมรส ทรง'ฮันนีมูน'ที่หัวหิน นคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
38. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
39. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
40. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
41. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
42. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
43. หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
44. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ เมื่อถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง
45. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
46. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่ง คือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ
47.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการ โรเนียวกระดาษที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
48. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรท่ามกลางสายฝน
49. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯ ร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
50. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้
51. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
52. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า 'ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
53. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน
54. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
55. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังฉ่าย

56. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
57. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
58. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
59. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
60. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
61. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
62. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
63. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใก ล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ
64. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว
65. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า 'นายหลวง' ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
66. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
67. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า 'ทำราชการ'
68. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
69. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้ บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า'อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก'
70. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
71. หัวใจทรงเต้นไม่ปรกติ ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
72. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
73. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน
74. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน
75. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
76. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
77. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง จึงให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด
 ไหว้ ไหว้ ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2010, 10:04:00 PM โดย ศักดา ครับ รักในหลวง » บันทึกการเข้า
amfine02 รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 142
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 402


เรียกผมว่าป้องครับ


« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2010, 08:23:48 PM »

ขอบคุณครับ อ่านแล้วรู้สึกตื้นตัน ผมรักในหลวงครับ
บันทึกการเข้า

[/url]
ban.cha
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2010, 08:25:36 PM »

ผมเคยดูรายการนำเสนอผ่านทาง ทีวี เหมือนกันครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2010, 09:51:19 PM »

ขอบคุณครับพี่ศักดา  ไหว้
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
POK104Gun รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 175
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 735



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2010, 10:03:19 PM »

ขอบคุณคุณอาศักดาครับ +1
บันทึกการเข้า
sada
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2010, 10:51:20 PM »

ขอบคุณคุณอาศักดาครับ +1
เรียกน้องจะเพราะกว่า ครับท่านพี่   หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า
POK104Gun รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 175
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 735



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2010, 11:29:24 PM »

ขอบคุณคุณอาศักดาครับ +1
เรียกน้องจะเพราะกว่า ครับท่านพี่   หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน

ครับ สงสัยต้องไล่อายุกันใหม่แล้ว
ถ้าในวงการถ่ายภาพจะเรียก"น้า" กันหมดเลยครับ
แต่ติดครับ ไปไหนเรียกเขาพี่หมด ถ้าเรียกอา นี่แสดงว่านับถือจริงๆครับ
นับถือน้ำใจที่เคยรบกวนเรื่องมือถือ ไม่เคยลืมครับ
ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
Peerapat - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 178
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1690


จะรบเป็นชาติพลี มอบวิญญาณ ดวงนี้ เพื่อผืนดินไทย


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2010, 07:13:28 AM »

ข้อมูลหลายๆอย่างผมยอมรับครับว่ายังไม่รู้ บางข้อมูลเคยอ่าน บางข้อมูลเคยรับฟังจากการบอกเล่าของผู้คนต่างๆที่รู้จัก

แต่สิ่งที่ผมรู้ และผมมั่นใจ ว่าทุกสิ่งที่พระองค์ทำนั้น เพื่อพวกเรา เพื่อประชาชนของพระองค์นั่นคือคนไทยทั้งปวง

         

                    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

                                 ไหว้





ขอบคุณบังฟีนครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า

แสนสุข
Hero Member
*****

คะแนน 171
ออฟไลน์

กระทู้: 1291



« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2010, 07:20:47 AM »

KING  OF  KING ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

sada
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2010, 07:58:57 AM »

ขอบคุณคุณอาศักดาครับ +1
เรียกน้องจะเพราะกว่า ครับท่านพี่   หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน

ครับ สงสัยต้องไล่อายุกันใหม่แล้ว
ถ้าในวงการถ่ายภาพจะเรียก"น้า" กันหมดเลยครับ
แต่ติดครับ ไปไหนเรียกเขาพี่หมด ถ้าเรียกอา นี่แสดงว่านับถือจริงๆครับ
นับถือน้ำใจที่เคยรบกวนเรื่องมือถือ ไม่เคยลืมครับ
ขอบคุณครับ
น้าก้น้าครับ ผมขอโทษ ครับ  เศร้า ไหว้ Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2010, 08:08:48 AM โดย ศักดา ครับ รักในหลวง » บันทึกการเข้า
ฅนบ้านนอก
นำแหน่พ่ออ่าว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 401
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1228


หากินซามฮ้อดมื้อตาย


« ตอบ #10 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2010, 08:07:58 AM »

                      ไหว้ ไหว้     พระองค์คือจิตวิญญาณของคนไทยทุกๆคน    ไม่ว่าจะเกิดสักกี่
                                  สิบชาติ    ก็ขอให้เกิดใต้ร่มพระบารมี        ไหว้ ไหว้ ไหว้
                               
บันทึกการเข้า


   แนวนาม เขียดอีโม่นาหน้าต่ำ มันบ่สมส่ำเซื้อเครือเจ่าซาติหงส์ ดอกตี๋
Major
ก็แค่.....?
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 255
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1636


ดวงชีวัน นั้นเรายอม พร้อมจะพลี


« ตอบ #11 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2010, 08:26:57 AM »

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน อยู่คู่ประชาชนชาวไทยตลอดกาลนานเทอญ

ขอบคุณท่าน จขกท. ครับ

ด้วยความเคารพ

บันทึกการเข้า

ผิดหวังแล้วหวังใหม่ไม่ลดละ            หวังเพื่อจะผิดหวังในครั้งใหม่
แล้วเราก็ผิดหวังสมดังใจ                 เราจึงไม่ผิดหวังสักครั้งเดียว
khwanphet_NAVY 39
Hero Member
*****

คะแนน 129
ออฟไลน์

กระทู้: 2035


« ตอบ #12 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2010, 08:15:10 PM »

........................................... หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้........ ไหว้
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.083 วินาที กับ 22 คำสั่ง