ที่บ้านลุงผม มีร้านอาหารเขาอยู่ใกล้ ๆ ติดสินบนคนงานในครัวเขาเอาไว้ เขาเอาหัวกุ้งสด เปลือกกุ้งสดมาให้ทุกวัน วันละร่วมกิโล....
เริ่มแรก ก็หมักหัวเชื้อ พด.2 ธรรมดา กับกากน้ำตาล น้ำพอประมาณ(ไม่ได้ตวง
) หมักไว้ได้สัก 2 อาทิตย์ได้มั๊ง แกก็เอาหัวกุ้งมาให้
เปิดพลาสติกคลุมฝาโอ่งก็ ใส่เลย .... (ตอนนั้น ไม่เหม็น แต่มีกลิ่นเล้ว)
สองเดือนผ่านไป มันก็ถึงปากโอ่ง เปิดดู กลิ่นไม่ดุอย่างที่คิด แต่ความเข้มข้น อื้อหือ แตะ ๆ โดนมือนี่ ล้างสิบน้ำก็ยังมีกลิ่น
หมักต่อไปอีกเดือน แล้วเอาไปใช้ แจกกันซะทั่วหมู่บ้านเลย มาตัก(ตักเอาเองนะ ทำหกถูกด่า...)ไป คนละขวดขาว เอาไปใช้
ผสมน้ำ 1 ต่อ 200 เลย ไม่งั้นเข้มเกิน ฉีดใบและโคนต้นทุก 15 วัน (ใช้ไม่เข้ม แต่ต้องขยันซ้ำ) พืชเจริญดีมาก ดึงยอดได้ดีมากเลย
กับน้ำหมักสูตรหัวกุ้ง.... ปูแดงก็ปูแดงเหอะ
วิธีนี้ หากเปลือกกุ้งเปลือกปู ดองปลาหมึก ได้สับย่อยให้ชิ้นเล็กลงมั่ง จะทำให้ให้เวลาหมักน้อยลงครับ ได้ไคโตซานแบบที่
จะช่วยให้พืชดูดซึมอาหารดีขึ้น
อย่าลืมว่าไคโตซานไม่ใช่ปุ๋ย ดินต้องมีธาตุอาหารที่พืชต้องการอยู่แล้ว ไคโตซานจะช่วยให้รากของพืชดูดซึมธาตุเหล่านั้นมากขึ้น
อีกอย่างการหมักแบบนี้ หากจะเอาไคโตซานจริงๆ ต้องล้างเปลือกกุ้งเปลือกปู ดองปลาหมึกให้สะอาดอย่าให้มีเนื้อติดมา
ไม่งั้นไคโตซานจะไม่บริสุทธิ์
ว่ากันว่าไคตินหรือไคโตซานจากดองปลาหมึก จะมีความหนืดมากกว่าไคโตซานจากเปลือกกุ้ง และกระดองปู
ที่ความเข้มข้นเดียวกัน จึงเหมาะที่จะใช้เป็นสารเพิ่มความข้น (thickener) ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง การแพทย์
และอาหารด้วยครับ
พูดถึงไคโตซานแล้ว ข้อมูลเยอะ บางทีชวนมึนๆ ขอจบแค่นี้ดีกว่า ใครอยากรู้เพิ่มเอาคำ Chitosan เข้ากูเกิ้ลเอาเองครับ
อาจจะต้องจำแนกแยกแยะเอาเอง ว่าอันไหนเชื่อถือได้ หรือไม่ได้