เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 23, 2024, 04:55:22 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วันนี้เป็นวัน "สุนทรภู่" ครับ  (อ่าน 1751 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
NAPALM
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 66
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1589



« เมื่อ: มิถุนายน 26, 2010, 08:40:05 PM »

วันนี้  ๒๖ มิถุนายน   เป็นวัน   "สุนทรภู่"  ครับ

ผมไม่ได้เตรียมตัวมา    ขอเรียนเชิญท่านสมาชิกเวปบอร์ดต่อหน่อยครับ      เป็นการระลึกถึงท่านครูกลอน  สุนทรภู่

เข้าใจว่ามีหลายท่าน....................พร้อม   ต่อ  ได้
บันทึกการเข้า

..........ขอเพียงมีความหวัง       ย่อมมีโอกาส...............
JJ-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 386
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9425


« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2010, 08:54:57 PM »

เรื่องกลอน ผมไม่ค่อยถนัด เอาเป็นว่า ขอเป็นผู้อ่านนะครับ
บันทึกการเข้า
แจ็ค
"กำบ่มีอย่าไปอู้...กำบ่ฮู้อย่าได้จ๋า"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 461
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7529


« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2010, 09:15:11 PM »


... ขอร่วมรำลึกถึงท่านด้วยครับผม  แต่ไม่มีกลอนมาขับในกระทู้นี้นะครับผม ....
บันทึกการเข้า

... เมื่อความกลัวถึงขีดสุด  มันจะเกิดเป็นความกล้าที่บ้าบิ่น ...
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2010, 11:41:57 PM »

นึกถึงเรื่องสุดสาครครับ... เมื่อก่อนโทรทัศน์หลายช่องชอบเอามาฉาย... แต่เดี๋ยวนี้ทำไมมีแต่การ์ตูนญี่ปุ่นกับซีรี่ย์เกาหลีก็ไม่รู้...


บันทึกการเข้า
JJ-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 386
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9425


« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2010, 06:20:47 AM »

นึกถึงเรื่องสุดสาครครับ... เมื่อก่อนโทรทัศน์หลายช่องชอบเอามาฉาย... แต่เดี๋ยวนี้ทำไมมีแต่การ์ตูนญี่ปุ่นกับซีรี่ย์เกาหลีก็ไม่รู้...



รัฐขาดการสนับสนุนด้วยหรือเปล่าครับ เปิดดูทีวีเสาร์-อาทิตย์ตอนเช้าทีไร มีแต่การ์ตูนย์ ไร้สาระ ทั้งนั้นเลย
บันทึกการเข้า
POK104Gun รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 175
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 735



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2010, 12:37:03 PM »



พระสุนทรโวหาร นามเดิม ภู่ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สุนทรภู่ (26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 - พ.ศ. 2398) เป็นกวีชาวไทยที่มีชื่อเสียง ได้รับยกย่องเป็น มหากวีแห่งรัตนโกสินทร์ หรือ เชกสเปียร์แห่งประเทศไทย[1] เกิดหลังจากตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ 4 ปี และได้เข้ารับราชการเป็นกวีราชสำนักในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อสิ้นรัชกาลได้ออกบวชเป็นเวลาร่วม 20 ปี ก่อนจะกลับเข้ารับราชการอีกครั้งในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเป็นอาลักษณ์ในสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น พระสุนทรโวหาร เจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวังบวร ซึ่งเป็นตำแหน่งราชการสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิต

สุนทรภู่เป็นกวีที่มีความชำนาญทางด้านกลอน ได้สร้างขนบการประพันธ์กลอนนิทานและกลอนนิราศขึ้นใหม่จนกลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางสืบเนื่องมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ผลงานที่มีชื่อเสียงของสุนทรภู่มีมากมายหลายเรื่อง เช่น นิราศภูเขาทอง นิราศสุพรรณ เพลงยาวถวายโอวาท กาพย์พระไชยสุริยา และ พระอภัยมณี เป็นต้น โดยเฉพาะเรื่อง พระอภัยมณี ได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของวรรณคดีประเภทกลอนนิทาน และเป็นผลงานที่แสดงถึงทักษะ ความรู้ และทัศนะของสุนทรภู่อย่างมากที่สุด งานประพันธ์หลายชิ้นของสุนทรภู่ได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอนนับแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เช่น กาพย์พระไชยสุริยา นิราศพระบาท และอีกหลายๆ ส่วนในเรื่อง พระอภัยมณี

ปี พ.ศ. 2529 ในโอกาสครบรอบ 200 ปีชาตกาล สุนทรภู่ได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านงานวรรณกรรม ผลงานของสุนทรภู่ยังเป็นที่นิยมในสังคมไทยอย่างต่อเนื่องตลอดมาไม่ขาดสาย และมีการนำไปดัดแปลงเป็นสื่อต่างๆ เช่น หนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ เพลง รวมถึงละคร มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ไว้ที่ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง บ้านเกิดของบิดาของสุนทรภู่ และเป็นกำเนิดผลงานนิราศเรื่องแรกของท่านคือ นิราศเมืองแกลง นอกจากนี้ยังมีอนุสาวรีย์แห่งอื่นๆ อีก เช่น ที่วัดศรีสุดาราม ที่จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดนครปฐม วันเกิดของสุนทรภู่คือวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี ถือเป็น วันสุนทรภู่ ซึ่งเป็นวันสำคัญด้านวรรณกรรมของไทย มีการจัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติคุณและส่งเสริมศิลปะการประพันธ์บทกวีจากองค์กรต่างๆ โดยทั่วไป

คัดจาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%88
บันทึกการเข้า
POK104Gun รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 175
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 735



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2010, 12:44:25 PM »

เนื่องจากไปหัวหิน และผ่านเมืองเพชรบุรีประจำ เลยชอบบทกลอนนี้ เพราะเกี่ยวข้องกับ
การเดินทางไปของเรา นั่งรถผ่าน  ให้ความรู้ และนึกถึง บุคคลสำคัญ แก่ผู้ร่วมเดินทาง
ได้อีกทางหนึ่ง ครับ
 ไหว้
นิราศเมืองเพชร
นิราศเมืองเพชร เป็นนิราศที่เป็นปริศนา สำหรับนักศึกษางานของท่านสุนทรภู่ ด้วยไม่ทราบว่าท่านแต่งนิราศเรื่องนี้เมื่อใด และท่านไปเมืองเพชรด้วยเหตุใด สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงมีความเห็นว่า ท่านสุนทรภู่แต่งนิราศเรื่องนี้เมื่อครั้งกลับเข้ารับราชการ อยู่ในพระอุปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านน่าจะออกเดินทางในหน้าหนาว ปีพ.ศ.๒๓๘๘ โดยอาสาพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้ามานั่นเอง และนิราศเรื่องนี้คงเป็นเรื่องสุดท้ายของท่าน เรื่องธุระของท่านนั้นค่อนข้างแน่ ความตอนหนึ่งในนิราศกล่าวถึงธุระของท่านเพียงสองวรรคเท่านั้น คือ
"ที่ธุระจะใคร่ได้ใจนิยม เขารับสมปรารถนาสามิภักดิ์"

นอกจากเรื่องที่ท่านจะไปเมืองเพชรด้วยเหตุใดแล้ว ยังมีกรณีที่น่าสนใจที่ท่านอาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว แห่งวิทยาลัยครูเพชรบุรี ได้นำเสนอว่า สุนทรภู่น่าจะมีบรรพบุรุษเป็นชาวเมืองเพชรอีกด้วย

การเดินทางไปเมืองเพชรครั้งนี้ คงเป็นครั้งที่สองของท่าน ตามที่ผู้จัดทำเชื่อว่า ท่านน่าจะเคยหนีความเศร้ามาจากกรุงเทพฯ เมื่อครั้งยังหนุ่ม ด้วยในคราวนี้ ท่านได้พรรณนาถึงความหลังไว้หลายแห่งด้วยกัน เช่นเมื่อเสร็จธุระแล้ว ท่านยังไม่อยากกลับกรุงเทพฯ โดยบอกว่า

"จะกลับหลังยังมิได้ดังใจชั่ว ต้องไปทั่วบ้านเรือนเพื่อนรู้จัก"
"เมื่อเป็นบ้ามาคนเดียวเที่ยวสำนัก เขารับรักรู้คุณกรุณา"

เมื่อหนีมาหลายปี สงบจิตใจได้แล้ว ท่านจึงได้กลับไปกรุงเทพฯ อีกครั้ง ดังนี้

"แต่เดือนสี่ปีระกานิราร้าง ไปอยู่บางกอกไกลกันใจหาย"

น่าจะเป็นปีระกา พ.ศ.๒๓๕๖ ก่อนท่านเข้ารับราชการสามปี ซึ่งท่านได้เข้าร่วมกับคณะละครนายบุญยัง

 

 ๏ โอ้รอนรอนอ่อนแสงพระสุริย์ฉาย   
ท้องฟ้าคล้ำน้ำค้างลงพร่างพราย พระพายชายชื่นเชยรำเพยพาน
อนาถหนาวคราวอาสาเสด็จ ไปเมืองเพชรบุรินที่ถิ่นสถาน
ลงนาวาหน้าวัดนมัสการ อธิษฐานถึงคุณกรุณา
ช่วยชุบเลี้ยงเพียงชนกที่ปกเกศ ถึงต่างเขตของประสงค์คงอาสา
จึงจดหมายรายทางกลางคงคา แต่นาวาเลี้ยวล่องเข้าคลองน้อยฯ
   
๏ ได้เห็นแต่แพแขกที่แปลกเพศ ขายเครื่องเทศเครื่องไทยได้ใช้สอย
ถึงวัดหงส์เห็นแต่หงส์เสาธงลอย เป็นหงส์ห้อยห่วงธงใช่หงส์ทอง
ถึงวัดพลับลับลี้เป็นที่สงัด เห็นแต่วัดสังข์กระจายไม่วายหมอง
เหมือนกระจายพรายพลัดกำจัดน้อง มาถึงคลองบางลำเจียกสำเหนียกนาม
ลำเจียกเอ๋ยเคยชื่นระรื่นรส ต้องจำอดออมระอาด้วยหนาหนาม
ถึงคลองเตยเตยแตกใบแฉกงาม คิดถึงยามปลูกรักมักเป็นเตย
จนไม่มีที่รักเป็นหลักแหล่ง ต้องคว้างแคว้งคว้าหานิจจาเอ๋ย
โอ้เปลี่ยวใจไร้รักที่จักเชย ชมแต่เตยแตกหนามเมื่อยามโซ
ถึงบางหลวงล่วงล่องเข้าคลองเล็ก ล้วนบ้านเจ๊กขายหมูอยู่อักโข
เมียขาวขาวสาวสวยล้วนรายโป หัวอกโอ้อายใจมิใช่เล็ก
ไทยเหมือนกันครั้นว่าขอเอาหอห้อง ต้องขัดข้องแข็งกระด้างเหมือนอย่างเหล็ก
มีเงินงัดคัดง้างเหมือนอย่างเจ๊ก ถึงลวดเหล็กลนร้อนอ่อนละไมฯ
   
๏ ถึงวัดบางนางชีมีแต่สงฆ์ ไม่เห็นองค์นางชีอยู่ที่ไหน
หรือหลวงชีมีบ้างเป็นอย่างไร คิดจะใคร่แวะหาปรึกษาชี
ก็มืดค่ำอำลาทิพาวาส เลยลีลาศล่วงทางกลางวิถี
ถึงวัดบางนางนองแม้นน้องมี มาถึงที่ก็จะต้องนองน้ำตา
ตัวคนเดียวเที่ยวเล่นไม่เป็นห่วง แต่เศร้าทรวงสุดหวังที่ฝั่งฝา
ที่เห็นเห็นเป็นแต่ปะได้ประดา ก็ลอบรักลักลาคิดอาลัย
จะแลเหลียวเปลี่ยวเนตรเป็นเขตสวน มะม่วงพรวนหมากมะพร้าวสาวสาวไสว
พฤกษาออกดอกลูกเขาปลูกไว้ หอมดอกไม้กลิ่นกลบอบละอองฯ
   
๏ โอ้รื่นรื่นชื่นเชยเช่นเคยหอม เคยถนอมนวลปรางมาหมางหมอง
ถึงบางหว้าอารามนามจอมทอง ดูเรืองรองรุ่งโรจน์ที่โบสถ์ราม
สาธุสะพระองค์มาทรงสร้าง เป็นเยี่ยงอย่างไว้ในภาษาสยาม
ในพระโกศโปรดปรานประทานนาม โอรสราชอารามงามเจริญ
มีเขื่อนรอบขอบคูดูพิลึก กุฏิตึกเก๋งกุฏิ์สุดสรรเสริญ
ที่ริมน้ำทำศาลาไว้น่าเพลิน จนเรือเดินมาถึงทางบางขุนเทียน
โอ้เทียนเอ๋ยเคยแจ้งแสงสว่าง มาหมองหมางมืดมิดตะขวิดตะเขวียน
เหมือนมืดในใจจนต้องวนเวียน ไม่ส่องเทียนให้สว่างหนทางเลยฯ
   
๏ บางประทุนเหมือนประทุนได้อุ่นจิต พอป้องปิดเป็นหลังคานิจจาเอ๋ย
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย ได้พิงเขนยนอนอุ่นประทุนบังฯ
   
๏ ถึงคลองขวางบางระแนะแวะข้างขวา ใครหนอมาแนะแหนกันแต่หลัง
ทุกวันนี้วิตกเพียงอกพัง แนะให้มั่งแล้วก็เห็นจะเป็นการฯ
   
๏ ถึงวัดไทรไทรใหญ่ใบชอุ่ม เป็นเซิงซุ้มสาขาพฤกษาศาล
ขอเดชะพระไทรซึ่งชัยชาญ ช่วยอุ้มฉานไปเช่นพระอนิรุธ
ได้ร่วมเตียงเคียงนอนแนบหมอนหนุน พออุ่นอุ่นแล้วก็ดีเป็นที่สุด
จะสังเวยหมูแนมแก้มมนุษย์ เทพบุตรจะได้ชื่นทุกคืนวันฯ
   
๏ ถึงบางบอนบอนที่นี่มีแต่ชื่อ เขาเลื่องลือบอนข้างบางยี่ขัน
อันบอนต้นบอนน้ำตาลย่อมหวานมัน แต่ปากคันแก้ไขมิใคร่ฟังฯ
   
๏ ถึงวัดกกรกร้างอยู่ข้างซ้าย เป็นรอยรายปืนพม่าที่ฝาผนัง
ถูกทะลุปรุไปแต่ไม่พัง แต่โบสถ์ยังทนปืนอยู่ยืนนาน
แม้นมั่งมีมิให้ร้างจะสร้างฉลอง ให้เรืองรองรุ่งโรจน์โบสถ์วิหาร
ด้วยที่นี่ที่เคยตั้งโขลนทวาร ได้เบิกบานประตูป่าพนาลัยฯ
   
๏ โอ้อกเอ๋ยเลยออกประตูป่า กำดัดดึกนึกน่าน้ำตาไหล
จะเหลียวหลังสั่งสาราสุดาใด ก็จนใจด้วยไม่มีไมตรีตรึง
ช่างเป็นไรไพร่ผู้ดีก็มิรู้ ใครแลดูเราก็นึกรำลึกถึง
จะปรับไหมได้หรือไม่อื้ออึง เป็นที่พึ่งพาสนาพอพาใจ
โอ้นึกนึกดึกเงียบยะเยียบอก เห็นแต่กกกอปรงเป็นพงไสว
ลดาวัลย์พันพุ่มชอุ่มใบ เรไรไพเราะร้องซ้องสำเนียง
เสียงกรอดเกรียดเขียดกบเข้าขบเขี้ยว เหมือนกรับเกรี้ยวกรอดกรีดวะหวีดเสียง
หริ่งหริ่งแร่แม่ม่ายลองไนเรียง แซ่สำเนียงหนาวในใจรำจวน
เหมือนดนตรีปี่ป่าประสายาก ทั้งสองฟากฟังให้อาลัยหวน
ดังขับขานหวานเสียงสำเนียงนวล เมื่อโอดครวญคราวฟังให้วังเวงฯ
   
๏ ถึงศีรษะกระบือเป็นชื่อบ้าน ระยะย่านยุงชุมรุมข่มเหง
ทั้งกุมภากล้าหาญเขาพานเกรง ให้วังเวงวิญญาณ์เอกากาย
ถึงศิษย์หามาตามเมื่อยามเปลี่ยว เหมือนมาเดียวแดนไพรน่าใจหาย
ถึงศีรษะละหานเป็นย่านร้าย ข้างฝั่งซ้ายแสมดำเขาทำฟืน
ถึงโคกขามคร้ามใจได้ไต่ถาม โคกมะขามดอกมิใช่อะไรอื่น
ไม่เห็นแจ้งแคลงทางเป็นกลางคืน ยิ่งหนาวชื้นช้ำใจมาในเรือ
ถึงย่านซื่อสมชื่อด้วยซื่อสุด ใจมนุษย์เหมือนกระนี้แล้วดีเหลือ
เป็นป่าปรงพงพุ่มดูครุมเครือ เหมือนซุ้มเสือซ่อนร้ายไว้ภายใน
ถึงบ้านขอมลอมฟืนดูดื่นดาษ มีอาวาสวัดวาที่อาศัย
ออกชะวากปากชลามหาชัย อโณทัยแย้มเยี่ยมเหลี่ยมพระเมรุฯ
   
๏ ข้างฝั่งซ้ายชายทะเลเป็นลมคลื่น นภางค์พื้นเผือดแดงดังแสงเสน
แม่น้ำกว้างว้างเวิ้งเป็นเชิงเลน ลำพูเอนอ่อนทอดยอดระย้า
หยุดประทับยับยั้งอยู่ฝั่งซ้าย แสนสบายบังลมร่มรุกขา
บรรดาเรือเหนือใต้ทั้งไปมา คอยคงคาเกลื่อนกลาดไม่ขาดคราว
บ้างหุงต้มงมงายทั้งชายหญิง บ้างแกงปิ้งปากเรียกกันเพรียกฉาว
เสียงแต่ตำน้ำพริกอยู่กริกกราว เหมือนเสียงส้าวเกราะโกร่งที่โรงงานฯ
   
๏ เห็นฝูงลิงวิ่งตามกันสอสอ มาคอยขอโภชนากระยาหาร
คนทั้งหลายชายหญิงทิ้งให้ทาน ต่างลนลานล้วงได้เอาไพล่พลิ้ว
เวทนาวานรอ่อนน้อยน้อย กระจ้อยร่อยกระจิริดจิดจีดจิ๋ว
บ้างเกาะแม่แลโลดกระโดดปลิว ดูหอบหิ้วมิให้ถูกตัวลูกเลยฯ
   
๏ โอ้พ่อแม่แต่ชั้นลิงไม่ทิ้งบุตร เพราะแสนสุดเสน่หานิจจาเอ๋ย
ที่ลูกอ่อนป้อนนมนั่งชมเชย กระไรเลยแลเห็นน่าเอ็นดู
แต่ลิงใหญ่อ้ายทโมนมันโลนเหลือ จนชาวเรือเมินหมดด้วยอดสู
ทั้งลิงเผือกเทือกเถามันเจ้าชู้ ใครแลดูมันนักมันยักคิ้ว
บ้างกระโดดโลดหาแต่อาหาร ได้สมานยอดแสมพอแก้หิว
เขาโห่เกรียวประเดี๋ยวใจก็ไพล่พลิ้ว กลับชี้นิ้วให้ดูอดสูตาฯ
 
บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2010, 12:52:18 PM »


ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย
ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ
สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย
ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ


บันทึกการเข้า

                
FCUK
Full Member
***

คะแนน 50
ออฟไลน์

กระทู้: 319


« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2010, 01:57:12 PM »

"แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด."

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ร้อยปี  คำสอนท่านสุนทรภู่ไม่เคยเก่า เกินกว่าจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
บันทึกการเข้า
NAPALM
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 66
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1589



« ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2010, 02:02:13 PM »

          ประนพน้อม    ครูกลอน    สุนทรภู่              

    บรมครู     เอกกวี    ศรีสยาม

    อัจฉริยะ     เอกอุ     คุรุนาม

    อารยะชาติ     เอ่ยถาม     นามกวี

         ยูเนสโก     ยกเป็นศรี     กวีโลก

    นิราศโศก      ภาษิตสม     ชมอึ่งมี่

    นิทานกลอน     ยิ่งใหญ่     อภัยมณี

    กลอนสอนหญิง     สอนสตรี     ที่ดีงาม

         ให้คนไทย    ได้ภูมิใจ     แม้ไม่ชอบ

    มีคำตอบ     ในใจ   หากใครถาม

    ว่าเรามี      กวีเอก    คู่เขตคาม

    สุนทรภู่     คือนาม     มหากวี
บันทึกการเข้า

..........ขอเพียงมีความหวัง       ย่อมมีโอกาส...............
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.088 วินาที กับ 21 คำสั่ง