ถึงแม้กระแสทีวีสามมิติกำลังมาแรง แต่..ด้วยราคาที่ยังเกินเอื้อมและคอนเท็นที่ยังมีไม่มากนักจึงยังไม่เหมาะกับการใช้งานในช่วงนี้ วันนี้ Luffy ก็เลยจัด LED TV ตัวสุดคุ้มและเอื้อมถึงไม่ยากให้ได้ชมกัน นั่นคือ LG 42LE5500 นั่นเอง เจ้า LE5500 น่าจะเป็นหนึ่งในทางเลือกของผู้ที่ชื่นชอบความคมชัดของภาพและดีไซน์ที่สวยบางของ LED TV
Brand LG Model 42LE5500 Size 42" Type EDGE LED TV
Resolution Full HD 1920 x 1080p
Contrast 5,000,000:1
Response Time 2.4 ms
Panel Type S-IPS Hard Panel
HDMI Side (1) Back (3)
Refresh rate TruMotion 120/100Hz
Internet NetCast TV
Video Processor Dual XD Engine
Price 49,990
“ดีไซน์” ของ LG 42LE5500 ด้วยการที่เป็น Edge LED TV ตัวบอดี้จึงมีความบางกว่า LCD TV เห็นได้ชัดเจน กรอบด้านหน้าสีดำเงา Glossy Black หน้าจอเป็นแบบจอแข็ง Super-IPS Hard Panel ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้บางส่วน และสีดำด้านไม่สะท้อนแสงของหน้าจอก็ทำให้นำไปตั้งที่มีแสงเข้าถึงได้แบบสบายๆ
หน้าจอดำด้าน ไม่มีสะท้อนให้เห็น ถึงภาพจะไม่ใสเท่าจอกระจกแต่ตั้งได้ทุกทีไม่ต้องกลัวสะท้อน
ปุ่มทั้งหมดเป็นแบบทัชสกรีน ดูหรูไปอีกแบบ
โลโก้ LG แบบออกไฟ เมื่อมีการเปิดเครื่อง
LE5500 LED Plus ( LED พร้อมLocal Dimming)
ลูกเล่นเยอะ เช่น NetCast, Bluetooth
ด้านหลังสีดำด้าน ให้ช่องระบายอากาศมาเยอะมาก
ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้านใน
“รีโมทคอลโทรล”
ดีไซน์สีดำเงา ลักษณะมาตรฐาน จับถนัดมือ แถวบนสุดมีปุ่มลัดที่ใช้มากน่าจะเป็น “AV Mode” กับ “Input” ถัดลงมาเป็นตัวเลขใหญ่ดีครับ ใช้ถ่าน AAA 2 ก้อน
LG LE5500 หน้าจอให้ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1920x1080 มาพร้อมชิพประมวลผลตัวใหม่ Dual XD Engine ซึ่งจะช่วยเรื่องภาพ ความดำ หรือ ความสดของสี มากกว่าชิพตัวเก่า และการที่เป็น Edge LED TV จึงให้ Contrast สูงถึง 5,000,000:1 Response Time 2.4 ms
สัดส่วนของภาพ :: Aspect Ratio
LG LE5500 ให้สัดส่วนของภาพมาครบถ้วนครับ 16:9 / Just Scan / Original / 4:3 / 14:9 / Zoom / Cinema Zoom1 โดยการใช้งานเราจะตั้งค่าไป “Just Scan” เพื่อให้ภาพที่ออกมาเก็บรายละเอียดได้ครบทุดพิกเซล แต่สัญญาณบางตัวจะไม่มี Just Scan ก็ให้ปรับเป็น “16:9” ภาพที่ออกมาจะ Overscan ไปด้านละประมาณ 2% ทั้งบน-ล่าง ซ้าย-ขวา ถึงแม้จะมีบางส่วนหายไปบ้างแต่ก็ไม่กระทบการรับชมครับ สำหรับท่านใดชอบดูหนัง แล้วรู้สึกเซ็งกับการที่มีขอบดำบน-ล่าง แนะนำให้ปรับสัดส่วนของภาพเป็น “Cinema Zoom1” จะช่วยลดขอบดำบางส่วนออกไป
แนะนำ Just Scan สำหรับช่องต่อที่สามารถเลือกได้ แต่ถ้าไม่มีเลือกเป็น 16:9 ก็โอเคครับ
โหมดภาพสำเร็จรูป :: Picture Mode
มีทั้งหมด 8 โหมดดังนี้
Intelligent :: โหมดนี้จะตั้งค่าต่างเองตามสภาพห้อง ไม่สามารถปรับอะไรได้
Vivid :: โหมดนี้ให้สีจัดจ้าน หนักแน่น
Standard :: โหมดขอบจักรวาล ภาพดีเหมาะกับคนทั่วไป
Sport :: โหมดจะจัดจ้านใกล้เคียง Vivid
Cinema :: โหมดนี้ตั้งมาให้เหมาะกับการดูหนัง โดยจะลด Backlight ลง
Game :: โหมดสำหรับคอเกมส์
Expert1/2 :: สำหรับท่านใดที่ไม่พอใจกับโหมดที่ให้มาก็ลองปรับแต่งดู
มีโหมดสำเร็จรูปให้เลือกเล่นเยอะ แต่ถ้ามือใหม่ตั้งเป็น Standard ก็ได้ภาพที่ดี
โดยรวมโหมดสำเร็จรูปก็มีให้เลือกครบ ถ้าเป็นมือใหม่ลองใช้ปุ่มสีส้ม AV Mode บนรีโมทเลือกให้พอใจ แต่สำหรับ LCDTVTHAILAND เราไม่ค่อยพอใจอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว Luffy จัดการปรับซะใหม่ได้ผลตามนี้
Backlight :: 70
Contrast :: 95
Brightness :: 52
Sharpness :: 70
Colour :: 53
โดยรวมภาพที่ได้หลังจากปรับแต่งค่าต่างๆเรียบร้อย สีโดยรวมออกโทน “อมเหลือง” เกิดจากการตั้ง White balance ของโรงงานหนักไปทาง สีแดง และ สีเขียว เราสามารถแก้ไขได้โดยไปปรับลดค่าสีทั้งสองตัวลง
ลองเซ็ตตามนี้ดูได้หรือปรับตาม Picture Wizard เพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุด
ภาพเคลื่อนไหว :: TruMotion
LG LE5500 มีระบบภาพเคลื่อนไหว TruMotion 120/100 Hz ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวดีขึ้นโดยสามารถปรับได้ 4 แบบ Off / Low / User / High หรือก็คือ ปิด / น้อย / กลาง / มาก ซึ่งเมื่อนำมาทดสอบกับภาพเคลื่อนไหวในห้องอาหารซึ่งเป็น Content ปรากฎว่าต้องใช้ TruMotion ระดับ User และ High ถึงจะผ่านฉากนี้ไปได้
ฉากปราบเซียนต้องใช้ TruMotion ระดับ User กับ High เข้าช่วยแต่การใช้งานจริงเปิด TruMotion :: Low ก็เพียงพอ
ทดสอบกับเครื่องเล่น Blu-ray
Avatar :: ก่อนอื่นลองไปดูภาพเคลื่อนไหวในฉากจบที่มี Credit เป็นตัวหนังสือวิ่งขึ้น เพื่อทดสอบ TruMotion กับการใช้งานจริง ถ้าปรับ TruMotion :: Off ตัวหนังสือจะกระตุกเห็นได้ชัด หลังจาก Luffy ลองปรับ TruMotion :: Low ปรากฎว่าตัวหนังสือที่กระตุกอยู่กลับลื่นไหลไม่มีกระตุกให้เห็น แต่ถ้าปรับค่าเป็น User และ High อาจทำให้การเคลื่อนไหวไม่เป็นธรรมชาติ โดยรวมเราเป็น TruMotion :: Low กับการใช้งานจริงกำลังดีครับ
ในส่วนเนื้อเรื่อง Avatar เป็นแผ่นบลูเรย์ที่ให้ภาพระดับเทพ เมื่อเปิดกับ 42LE5500 ภาพที่ได้ออกใสและให้รายละเอียดสีสันดีมาก (เปรียบเทียบภาพระหว่าง LE5500 กับ LD650 ถือว่า LE5500 ภาพจะแนวใสกว่าเห็นได้ชัด แต่ LD650 แนวภาพจะออกเข้มๆ กว่า)
แนวภาพ LE5500 จะออกแนว Bright ใสๆ
อีกอย่างคือมิติของภาพค่อนข้างดี
ทดสอบกับ HD MEDIA PLAYER ของ DVICO
เริ่มต้นจากฉาก “พระจันทร์ในความมืด” เพื่อทดสอบ “ความดำ” ของ 42LE5500 ซึ่งถือว่าให้ความดำดีพอสมควรครับ แต่ก็ยังมี Backlight รั่วออกมาตามขอบอยู่บ้างแต่ยังถือว่าน้อยกว่า LCD TV
หลายคนคงเกิดคำถาม LED Local Dimming ดีไหม???
คำตอบคือ ดีครับถ้าเป็นฉากมืดทั้งฉาก แต่ถ้าฉากไหนมีแสงออกมาเป็นบางส่วนจะทำให้ภาพสว่างบ้างดำบ้างดูหลอกตา
Local Dimming ช่วยให้ภาพด้านซ้ายดำสนิท แต่ด้านขวายังคงมีแสงลอดออกมา
Dynamic Contrast ของ LG จะกระโดดเป็นขั้นๆ Off/Medium และ Low/Highแนะนำให้ใช้ Off กับ Medium ภาพจะดี ที่เหลือสว่างจนรายละเอียดหายไป
สุดท้ายมาดูพวกหนัง Hidef กันดีกว่า Luffy ว่าคนส่วนใหญ่นอกจากดู True Vision หรือฟรีทีวี รองลงมาก็เป็นพวกหนัง Hidef อย่าง Full Rip และ MKV นี่แหละทีวีของเราถึงจะได้แสดงความหล่อออกมา หลังจากดูไป 2 เรื่องทั้ง Pirates of the caribbean และ Up ก็บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวัง ทั้งเรื่องภาพที่ใสกว่า LCD TV ทั่วไปและความลื่นไหลเมื่อเปิดเป็น TruMotion :: Off เข้ามาช่วย
ภาพโดยรวมจะอมเหลือง อย่างที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น ถ้าไม่ปรับลดสีแดง กับ สีเขียว ก็แก้โดยปรับ Skin Colour :: -5 จะทำให้อมเหลืองลดลง
หลังจากปรับ Skin Colour ช่วยสีสันของภาพจะดูสมบูรณ์ขึ้น
ทดสอบกับฟรีทีวี และ True Vision
ก่อนอื่นผมต่อ 42LE5500 เข้ากับ True Vision ทางสาย AV ก่อนเลย ลองเปิดดูกีฬาและภาพยนตร์ ผมรู้สึกได้ว่าภาพที่ได้ไม่ต่างจากทีวีจอแบนมากนัก ถึงแม้จะเป็นจอขนาด 42" ก็ตาม หลังจากนั้นผมเอาสายสัญญาณฟรีทีวีธรรมดาต่อเข้า 42LE5500 บ้าง ภาพที่ได้ถึงแม้จะ Drop ไปบ้างแต่ยังถือว่าไม่ขัดหูขัดตา
ทดสอบต่อคอมพิวเตอร์
โดยผมนำโน๊ตบุ๊คต่อผ่านสาย RGB และ HDMI เข้ากับ 42LE5500 เพื่อเข้าดูเว็บ LCDTVTHAILAND ซึ่งสามารถปรับภาพได้ความละเอียดสูงสุดที่ 1920 x 1080 และผมปรับ Aspect Ratio เป็น Just Scan จะได้ภาพที่เต็มจอพอดิบพอดี (สามารถปรับปุ่ม Ratio ที่รีโมทได้เลย) ลองอ่านตัวหนังสือดูถือว่าคมชัดกว่า LCD ทั่วไป
ทดสอบกับเครื่องเล่น Play Station 3
ต่อมาจัดการต่อเจ้า 42LE5500 เข้ากับ PS3 ผ่านทาง HDMI Splitter เพื่อดูสีสันและการตอบสนองเมื่อเราบังคับว่า 42LE5500 สามารถตอบได้อย่างฉับพลันหรือไม่ ว่าแล้วก็เปิดเกมส์ Street Fighter 4 เพื่อทดสอบ จากการทดสอบสีสันของภาพที่ได้ถือว่าดีและการตอบสนองก็ดีไม่แพ้กันโดยไม่มี Input Lag ถึงแม้จะต่อผ่าน Splitter อีกทีก็ตาม
สำหรับเรื่องเสียง LG 42LE5500 ให้กำลังเสียง 12 วัตต์ 2 ตัว มาพร้อมระบบเสียง Infinite Sound ให้ระบบเสียงรอบทิศทาง โดยลำโพงจะซ่อนอยู่ด้านล่าง Invisible Speaker มีโหมดเสียงอัตโนมัติมา 5 โหมด Standard / Music / Cinema / Sport / Game
Sound Mode มีให้ปรับไม่มากนัก อย่างว่าทีวีนะครับไม่ช่ายเครื่องเสียง
เสียงแหล่มกับเสียงกลางเยี่ยม แต่ถ้าอยากได้เบสหนักๆก็ต้องใช้เครื่องเสียงบเข้ามาช่วย
LG LE5500 ให้ช่องต่อมาครบ HDMI 4 ช่อง / ช่องต่อ USB2.0 เล่นไฟล์ HD ได้ 2 ช่อง / Component 2 ชุด / AV 2 ชุด RGB 1 ชุดพร้อมช่องต่อเสียง / Optical Digital Out 1 ชุด / LAN 1 ชุด และช่องต่อสำหรับเป็นไฟเลี้ยงให้อุปกรณ์ Wireless AV Link 1 ช่อง
ช่องต่อด้านหลังอัดแน่น ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง
ช่องต่อ USB 2.0
42LE5500 มี USB2.0 อยู่ 2 ช่องด้านข้าง จึงใช้งานง่าย สามารถเล่นไฟล์หนัง Hidef, รูปภาพ และเปิดเพลงได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
BBC Sport Hidef กำลังนั่งวิจารณ์ ทีมชาติอังกฤษกันอยู่ ถึงแม้จะเป็นไฟล์ Hidef เล่นผ่าน USB ก็ไม่กระตุก
รูปภาพผ่าน USB ก็ไม่มีปัญหา สามารถโชว์ได้ทีละ 27 รูป หรือเอาใหญ่ทีละรูปก็ไม่มีปัญหา
สุดท้ายเพลง อ่านและเล่นได้ทั้ง เพลงไทยและสากล
ส่วนเพิ่มเติม
1. GAME :: เกมส์ โดยทีวี LG ปี 2010 เพิ่มเกมส์เข้ามาเพื่อความสนุกแก้เครียด ตัวเกมส์จะไม่สลับซับซ้อน เป็นอะไรที่ง่ายๆ มีทั้งหมด 7 เกมส์ ตั้งแต่ เกมส์กระโดดเชือก, เกมส์ตี Golf, เกมส์ความจำ, เกมส์ Sudoku, เกมส์ทำแฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น
มี 7 เกมส์ให้เลือก พอครายเครียดได้
2. BlueTooth :: 42LE5500 เพิ่มฟังช์ชัน bluetooth มาให้ด้วยซึ่งสามารถส่งรูปภาพหรือเพลงจากมือถือหรือโน๊ตบุ๊คไปเล่นบนทีวีได้ หรือท่านใดมี หูฟัง BlueTooth ก็เชื่อมต่อได้
ส่งภาพจากมือถือไปแสดงที่ 42LE5500 ได้
ส่งเพลง MP3 ไปบ้าง เล่นได้ไม่มีปัญหา
3. NetCast :: LG LE5500 สามารถเชื่อมต่อ internet เพียงต่อสาย “LAN” หรือต่อ WIFI โดยใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง USB WiFi Dongle (ของ LG เท่านั้นซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการนำเข้ามาจัดจำหน่าย) ก็สามารถเล่น internet เว็บยอดนิยมอย่าง Youtube (วีดีโอคลิป) / Picassa (รูปภาพ) / Accuweather (พยากรณ์อากาศ) ได้ทันที
เริ่มครั้งแรก...ต้องเซ็ต IP ก่อน
4. โหมดประหยัดพลังงาน :: Smart Energy Saving Super ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้สูงสุด 76% (อันนี้ผมไป copy จากโฆษณาของ LG) โดยปุ่ม Smart Energy Saving จะมีสีเขียวอยู่บนรีโมทซึ่งสามารถปรับได้ 5 Mode คือ Off / Minimum / Medium / Maximum / Screen off / Auto สำหรับ Screen off จะเป็นโหมดที่ปิดหน้าจอภาพเหลือไว้เพียงแค่เสียงเท่านั้น เหมาะสำหรับฟังข่าวหรือฟังเพลงโดยไม่ได้ต้องการดูภาพ ส่วน Auto จะเป็นฟังก์ชันที่เชื่อมโย่งกับ Intelligent Sensor โดยปรับ Backlight ตามความสว่างของห้อง
ฉากนี้ประหยัดไฟสูงสุด 60% แต่ไม่เหมาะกับการรับชมภาพนัก
เปิด Intelligent Senser ช่วยประหยัดไฟ กินไฟเพียง 49 วัตต์เอง
5. Picture Wizard :: ฟังค์ชั่นที่ช่วยให้สามารถปรับตั้งค่าภาพต่างๆ ได้เหมือนมืออาชีพ จะมีวิธีการปรับอธิบายและภาพประกอบ หลังจากปรับเสร็จภาพที่ได้ไม่แพ้มืออาชีพเลยครับ
ข้อดี
1. Edge LED TV ทำ Local Dimming ทำให้ฉากสีดำ ดำสนิท
2. NetCast สามารถเชื่อมต่อ Internet ได้โดยไม่ต้องเปิดคอมพิวเตอร์
3. USB สามารถเล่นไฟล์ Hidef และ รองรับ External Harddisk ได้
4. หน้าจอใหญ่กว่าในรุ่น 42” และ 47” (คู่แข่งอย่าง Samsung และ Sony 40” กับ 46”)
ข้อเสีย
1. ภาพอมเหลืองมาก เกิดจากการเซ็ท White Balance จากโรงงานสีแดงและสีเขียวสูงเกินไป
2. ยังคุมแสงได้ไม่ดี ถึงแม้จะมี Local Dimming มาช่วยก็ตาม ทำให้ฉากมืดมีแสงลอดออกมา
สรุป
โดยรวม LG LE5500 เป็น LED TV รุ่นประหยัดซึ่งมีฟังก์ชั่นมาให้ครบ โดดเด่นทั้งด้าน “ดีไซน์” ที่สวยและบาง รวมทั้งลูกเล่นต่างๆ เยอะแยะมากมายไม่แพ้ใคร เช่น USB เล่นไฟล์ Hidef, BlueTooth, NetCast
เครดิต :
http://www.lcdtvthailand.com