เรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า รหัสโครงการ 877E และ 877EKM(Project 877E,877EKM) เรือดำน้ำ 877 กิโล เป็นเรือดำน้ำรุ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของวงการเรือดำน้ำที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ปลายศตวรรษที่ 20
จากความสำเร็จดังกล่าวได้นำไปสู่การพัฒนาเรือดำน้ำที่ผลิตขายให้กองทัพเรือของประเทศต่างๆ ซึ่งเรียกว่ารุ่น 877E และรุ่น 877EKM
เรือดำน้ำทั้งสองรุ่นนี้ได้สร้างขึ้นโดยใช้นวัตกรรมกรรมล่าสุดทางวิศวกรรมเรือดำน้ำของยุค อีกทั้งใช้ประสบการณ์การปฏิบัติการของเรือดำน้ำ
รุ่น 641 ฟ็อกทรอท ที่ได้ประจำการอยู่ในกองทัพเรือประเทศต่างๆทั่วโลก
จุดเด่นของเรือดำน้ำรุ่น877Eและ 877EKM คือ
ความเงียบขณะปฏิบัติการ
ความสมบูรณ์แบบของการออกแบบตัวเรือ
การใช้ระบบอัตโนมัติที่สมบูรณ์แบบ
อาวุธที่มีอานุภาพสูงและสั่งการด้วยระบบอัตโนมัติ
สภาพแวดล้อมที่ดีเอื้ออำนวยต่อการเป็นอยู่ของลูกเรือ
บำรุงรักษาง่าย
เรือดำน้ำรุ่นรหัสโครงการ 877E กิโล รุ่นแรกได้ถูกส่งมอบให้กับกองทัพเรือโปแลนด์ อินเดีย อัลจีเรียและอิหร่าน ในปีค.ศ. 1986
จนถึงปัจจุบันเรือดำน้ำรุ่นนี้มีทั้งหมด 44 ลำประจำการอยู่ในกองทัพเรือรัสเซีย 24 ลำและประจำการอยู่ในกองทัพเรือประเทศต่างๆ 6
ประเทศจำนวน 20 ลำ (ที่กองทัพเรืออินเดียประเทศเดียว 10 ลำ)
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรือดำน้ำรุ่นนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความมีประสิทธิภาพของการทำงานของเรือ ความทนทานของอุปกรณ์ต่างๆ
ความแม่นยำและอานุภาพของอาวุธ ความมีประสิทธิภาพของระบบและการทำงานโดยรวมของเรือ ความปลอดภัยและความสะดวกสบายของลูกเรือ
เมื่อออกปฏิบัติการเป็นเวลานาน
เรือดำน้ำชั้น กิโลได้ถูกออกแบบไว้เผื่อการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์และอาวุธในอนาคต ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงอายุการใช้งานของเรือที่ยาวนาน
โดยสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ ทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบสื่อสารและระบบของอาวุธนำวิถีและจรวดได้เมื่อหมดอายุการใช้งานหรือต้องการติดตั้ง
อาวุธและอุปกรณ์ใหม่ที่ทันสมัยกว่าเดิม ซึ่งเป็นการออกแบบที่ล้ำหน้ากว่าเรือดำน้ำขนาดเดียวกันที่ผลิตในประเทศอื่น จุดเด่นของเรือดำน้ำ 877E กิโล
นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วและที่เหนือกว่าเรือดำน้ำขนาดเดียวกันคือ
ชุดขีปนาวุธที่ทันสมัยสามารถทำลายเป้าหมายได้แม่นยำในระยะที่ไกลกว่าเดิม
ระบบนำร่องที่ทันสมัย สามารถเก็บบันทึกข้อมูลเป้าหมายให้กับขีปนาวุธที่ยิงจากใต้น้ำได้ในระยะไกล
ระบบจัดการข้อมูลอัตโนมัติรุ่นใหม่ รวมทั้งระบบควบคุมขีปนาวุธที่ช่วยให้ข้อมูลประกอบการสั่งการปล่อยขีปนาวุธและตอร์ปิโดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การนำระบบขีปนาวุธรุ่นใหม่มาใช้ในเรือดำน้ำรุ่นนี้ทำให้การทำลายเป้าหมายแม่นยำ ในระยะไกลและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความปลอดภัย
ของเรือในกรณีที่ถูกตอบโต้โดยฝ่ายตรงกันข้าม อีกทั้งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการปฏิบัติการใกล้ฝั่งอีกด้วย คุณสมบัติข้อนี้ของ 877E ได้ถูกกล่าวถึง
โดยเสนาธิการทหารเรือไทยท่านหนึ่งว่า รัสเซียมี เรือดำน้ำ ดีเซล-ไฟฟ้า ชั้นกิโล (Kilo class) ซึ่งเป็นเรือดำน้ำ ที่มีเสียงเงียบมากซึ่งยากแก่การตรวจจับ
จนชาติตะวันตกให้สมญานามว่า หลุมดำแห่งมหาสมุทร A Black Hole in the Ocean. และมีระบบโซน่าตรวจการณ์ (Highly-sensitive passive sonar)
ได้ไกลกว่า เรือดำน้ำของชาติตะวันตก ประกอบในการต่อสู้ประลองยุทธทางทะเล ของ ทร.อินเดีย เรือดำน้ำ ดีเซล-ไฟฟ้า ชั้นกิโล ที่มีระบบตรวจจับที่ไกลกว่า
ของอินเดีย สามารถใช้โซน่าประจำเรือตรวจจับ เรือดำน้ำ ดีเซล-ไฟฟ้า แบบ 209 (TYPE 209) ของอินเดีย ที่ผลิตจากเยอรมัน แล้วยิงตอร์ปิโดทำลายเรือดำน้ำ
ดีเซล-ไฟฟ้า แบบ 209 (TYPE 209) ได้เสียก่อนที่ เรือดำน้ำ ดีเซล-ไฟฟ้า แบบ 209 (TYPE 209) จะตรวจพบ เรือดำน้ำ ดีเซล-ไฟฟ้า ชั้นกิโล เสียอีก
ปี ค.ศ. 2000 ที่อู่ต่อเรือ "Admiralteiskiy verfi "(เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก), เรือดำน้ำรุ่น 877EKM ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับขีปนาวุธ "Club-S"
โดยติดตั้งฐานยิงไว้ที่ส่วนหัวของลำเรือ หลังจากได้ทดสอบประสิทธิภาพจนเป็นที่มั่นใจแล้วว่าเป็นเรือดำน้ำที่มีอานุภาพเหนือกว่ารุ่นเดียวกันที่ผลิต
ในต่างประเทศ (ในขณะที่ราคาอาจจะถูกกว่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)จึงได้ผลิตและส่งมอบให้กองทัพเรือของประเทศจีนและอินเดียที่สั่งจองไว้
คุณสมบัติเฉพาะตัวของขีปนาวุธรุ่น "Club-S" ของรัสเซียคือสามารถยิงจากใต้น้ำไปทำลายเป้าหมายทั้งที่เป็นเรืออยู่บนผิวน้ำและเป้าหมายบนบก
ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งถือว่าเป็นเขี้ยวเล็บที่สำคัญของเรือดำน้ำรุ่นใหม่ของรัสเซีย
ข้อมูลเฉพาะ เรือดำน้ำชั้นกิโล 877EKM
ท่อยิงตอร์ปิโด : 6
อาวุธ: ขีปนาวุธ 4, ตอร์ปิโด18, ทุ่นระเบิด 24 : 4/18/24
ขนาดท่อตอร์ปิโด 533 (ม.ม.) : 533
ระวางขับน้ำ(ตัน) : 2,300
ขนาดของเรือ:
ยาว(เมตร) : 72,6
กว้าง(เมตร) : 9,9
ความเร็วเมื่อดำน้ำ(น๊อต) : 17
พิสัยปฏิบัติการ(ไมล์) ในความเร็ว 7ไมล์ต่อชั่วโมงมีเชื้อเพลิงสำรองเต็มอัตรา : 6,000
พิสัยปฏิบัติการปกติ(ไมล์) : 400
ระดับความลึก(เมตร) : 300
จำนวนวันปฏิบัติการ(วัน) : 45
ลูกเรือประจำการ (นาย) : 52
ข้อมูลจาก
www.crs.chula.ac.th/data/pr2.doc