สมัยเด็ก ๆ ผมมีท่านผู้ใหญ่ที่นับถือเป็นลุงอยู่ท่านหนึ่ง มียศเป็นถึงนายพล ท่านมีลูกชายคนหนึ่งอายุไล่ ๆ กับผม เขามีปืนลมยี่ห้ออะไรไม่รู้ (แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็น Diana) เรามักจะออกไปยิงนกตกปลากันเป็นประจำ ด้วยที่ว่าเขาอายุเพียงราว 10 ขวบ ผมอ่อนกว่าปีเศษ เราจึงต้องใช้วิธีเอาปลายกระบอกปืนไปเสียบไว้ระหว่างกิ่งไม้ให้แน่น แล้วก็ช่วยกันดันที่พานท้ายเป็นการขึ้นลำ แรก ๆ ผมทำหน้าที่เป็นที่วางปืน คือยืนก้มหลังให้เขาเอาปืนประทับบนหลังแล้วเล็งยิง ผมเองก็ปิดหูแน่นกันเสียง แต่ไม่ได้นกสักตัว ผมเลยขอสลับตำแหน่งบ้าง นกกระเทียมมักเป็นอาหารประจำของเราในเวลาต่อมา
โตขึ้นเราแยกย้ายที่เรียนกัน โดยเขาไปเรียนที่เซนคาร์เบรียล ส่วนผมไปเรียนที่เซนปีเตอร์ เรามาเจอกันอีกครั้ง ที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ โดยที่ผมกลับเป็นรุ่นพี่ของเขา เพราะผมได้พาสชั้น ประถม 3 กับประถม 5 ถึงได้เรียนเร็วจนเกินไป จนเป็นนักเรียนตัวเล็กที่สุดตั้งแต่ชั้นประถม ถึงมัธยมฯ แต่ถึงกระนั้นผมก็ได้เป็นหัวหน้าห้องมาตลอด ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมต้องทำหน้าที่ผู้นำให้ดี และเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย ผมมีโอกาสได้ทุนไปเรียนหมอที่อินเดีย และได้ซื้อปืนลมสั้น 1 กระบอก ของอังกฤษและมีอยู่วันหนึ่งเกิดเมามันขึ้นไปนั่งบนหลังคายิงเล่น ๆ ไปเรื่อย ๆ หมดกระสุนไปราว 4000 นัด (ใช่ครับ สี่พันนัด...555) เรียนได้ 2 ปีต้องกลับเมืองไทยเพราะเกิดสงครามระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ผมเลยเปลี่ยนเส้นทางมาเป็นคอมพิวเตอร์ โดยต่อมาผมเรียนควบ 2 มหาวิทยาลัยพร้อม ๆ กัน พอเรียนจบ ผมก็เข้าเรียนต่อปริญญาโทที่นิด้า และพอถึงเทอมสุดท้าย ผมได้เข้าสอนในวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยมีลูกศิษย์ที่เป็นลูกเจ้าของร้านปืนถึง 2 คน ผมจึงตัดสินใจซื้อปืนยาวกระบอกแรกคือ Sheridan ขนาด 5.0 มม. ของอเมริกา ซึ่งนอกจากจะใช้ยิงเป้าเล่น ๆ แล้ว ยังใช้เก็บมะม่วงที่อยู่สูง ๆ ได้ดีนัก ส่วนปืนสั้นผมอยากได้ Crosman Classic 1377 ขนาด .177 แต่มีปัญหาก็คือว่า การซื้อปืนลมในเมืองไทยนั้นยากเย็นนัก โดยเฉพาะมีเหตุการณ์ที่บ้านของผมซึ่งตอนนั้น ผมย้ายมาอยู่ที่ฝั่งธนแถวถนนจรัลสนิทวงศ์ สมัยนั้นถนนยังเป็นลูกรังสีแดงแจ๋ แถมยังมีช้างม้าเดินเสียด้วย ขโมยขโจรก็เลยชุกชุม มาขโมยเอารถออสตินที่บ้านไป พ่อผมก็เลยเอาปืนที่มีมายิงขึ้นฟ้าเป็นการขู่ขวัญ และเป็นเชิงประกาศว่า บ้านเรามีอาวุธ บ่อย ๆ เขา ตำรวจก็เลยมาขอตรวจทะเบียน และก็ต้องงองู 2 ตัวเพราะแม่ผมคนเดียวมีทะเบียนปืนลูกซองอย่างถูกต้องถึง 5 กระบอก.. กลับมาถึงเจ้า Crosman Classic 1377 ซึ่งทางห้างปืน (ไม่ขอเอ่ยชื่อนะครับ) บอกว่าเจ้าตัวนี้สั่งเข้ามาได้เพียงปีละ 3 กระบอก ในราคาสองหมื่นเศษโดยต้องวางมัดจำแปดพันบาท ซึ่งผมก็จ่ายให้ทันที หลายเดือนต่อมา ทางร้านโทรมาบอกว่าปืนมาแล้วให้ผมไปรับได้ พอดีติดสอนเช้าผมจึงไปได้ในตอนบ่าย พอไปถึงทางร้านบอกว่า ขอโทษไม่มีปืนให้ขอคืนค่ามัดจำ สอบถามคาดคั้นได้ความว่า ในตอนเช้ามีผู้มีตัวอักษรสามตัวนำหน้าชื่อคนหนึ่งซึ่งก็สั่งเอาไว้ 1 กระบอกเช่นเดียวกับผม มาที่ร้านตอนเช้าแล้วขอดูทั้ง 3 กระบอก แล้วก็รวบไปหมดโดยพละการ... ผมละเซ็ง
ปีแรกของการทำงาน ผมได้รับตำแหน่งอาจารย์ยอดเยี่ยมแห่งปี (ที่เล่าหาได้เป็นการโอ้อวดเพราะผมมีเหตุผลว่า ทำไมทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการเป็นครูนั้นเงินเดือนไม่ดีและงานหนักแต่ผมก็ยังอยากเป็นครู ขอไว้โอกาสหน้าละกัน) และปีต่อมาผมก็ได้เป็นหัวหน้าคณะภาควิชา จึงได้ตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาเอกที่อเมริกา วันแรกที่ไปถึงผมขอร้องให้เพื่อนพาไปซื้อเจ้า Crosman Classic 1377 ในราคา 39 ดอลล่าร์หรือประมาณ 975 บาทในตอนนั้น (จำได้มั้ยครับว่าเมืองไทย 2 หมื่นเศษ ๆ) ปืนลมเขามีวางขายอยู่ที่แผนกเครื่องกีฬา ไม่ต้องมีทะเบียนอะไรทั้งสิ้น ต่อมาผมได้เขียนบทความไปลงวารสารปืนลมของอเมริกา จึงได้รับรางวัลเป็นการลดราคาปืนลมถึง 35 % ซึ่งนั่นเป็นจุดกำเนิดของการเริ่มสะสมปืนลมของผม
ข้างบนคือสภาพที่มาจากโรงงานของ Crosman Classic 1377
วันนี้จึงขอประเดิมด้วยเจ้า Crosman Classic 1377 ที่ผมซื้อมาแล้วก็แปลงโฉมออกมาอย่างที่เห็นนี่แหละครับ บริเวณไกใส่แผ่นทองเหลืองดัดโค้งเพิ่มพื้นผิวสัมผัส ทำให้น้ำหนักไกลดลง กล้องเป็นของยี่ปุ่นคือ Beeman 1.5 x 15 เพิ่มที่เก็บเสียง ส่วนด้ามเดิมผมถอดออก แล้วทำด้ามไม้ 6 ชิ้นใส่แทนที่ ไม้ที่ว่าคือ white pine หรือไม้ฉำฉาของบ้านเราเอง วันหน้าผมจะนำปืนลมที่ผมทำด้ามใส่เองมาให้ชมกัน มาถึงตรงนี้ขอเล่าเรื่องนิดนึงคือ ผมมีเพื่อนร่วมงานที่แฟนเขาเป็นตำรวจ และเขาอยากให้ผมทำด้ามไม้สำหรับปืนของตำรวจเป็นของขวัญแบบเซอร์ไพรส์ ผมยืนยันว่าต้องเอาแบบขนาดมือมา เขารอแฟนเขาหลับแล้วแอบเอากระดาษวาดตามรอยรูปมือมาให้ผมในวันต่อมา ผมใช้ไม้จันทร์ดงทำแบบกึ่งแข่งขัน คือมีที่รองด้านใต้แต่ปรับไม่ได้ และมีที่รองนิ้วโป้ง ใช้เวลาถึง 3 วันและก็คิดเขาไป 275 ดอลล่าร์ ไม่กี่วันต่อมา เพื่อนผมมาบอกว่า แฟนเขาไม่ชอบขอคืนและขอเงินคืนด้วย ผมเลยบอกว่า เอาอย่างนี้ให้ทดลองใช้ไปอีก 7 วันถ้ายังไม่ชอบผมก็จะคืนให้ ราว 10 วันต่อมาเพื่อนผมมาขอร้องให้ผมทำให้ทั้งกรมตำรวจ...
Crosman Classic 1377ทำในอเมริกา เป็นปืนลมสั้นแบบปั๊มลมอัดได้หลาย ๆ ครั้ง ไม่ได้ใช้สปริงในการอัดลมคือเป็นแบบ Pneumatic อัดลมเอาไว้แล้วใช้ฆ้อน ซึ่งบางทีฝรั่งเองก็เรียกว่า hammer แต่ที่ถูกต้องเรียกว่า striker กระแทกเปิดวาล์วปล่อยลมที่ถูกอัดไว้ไปดันลูกกระสุนออกไป ข้อดีคือปรับระดับความแรงได้ คือปั๊มมากแรงมาก ปกติผมปั๊มระหว่าง 2 8 ครั้ง ข้อเสียคือ วาล์วมักรั่วง่าย ดังนั้นเขาจึงแนะนำว่าปืนแบบนี้ ตอนเอาเข้าเก็บควรจะปั๊มลมใส่ไว้สัก 1 หรือ 2 ครั้ง ให้วาล์วปิดตัว ข้อดีอีกอย่างคือ ไม่มี recoil เพราะไม่มีสปริงตัวแม่ จะมีก็แต่สปริงฆ้อนตัวเล็ก ๆ รุ่นนี้ปัจจุบันยังมีขายอยู่ ดังนั้นอายุอานามก็กว่า 30 เข้าไปแล้วครับ