บอกแล้วไงครับว่าใช้ยิงแล้วจะแม่นหรือไม่แม่น กลไกการทำงานของปืนจะสามารถทำงานได้
ตามปกติหรือไม่ หรือว่าจะมีผลเสียกับปืนในระยะยาวหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ประเด็นสำคัญก็คืออาวุธ
ปืนและเครื่องกระสุนสามารถใช้ยิงร่วมกันได้หรือไม่เท่านั้นเอง ถ้าผู้เชี่ยวชาญยืนยันมาว่าใช้ยิงร่วมกันได้
ท่านจะฟังข้อเท็จจริงให้เป็นอื่นไปได้อย่างไรล่ะครับ แต่ถ้าท่านจะโต้แย้งว่ามันยิงไม่ได้เพราะเหตุนั้น
เพราะเหตุนี้ หรือผู้เชี่ยวชาญไม่มีความชำนาญจริง ( แต่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญนะ ) จึงไม่น่าเชื่อถือ อันนั้น
เป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นดุลพินิจในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาลครับ แต่ใน
ที่นี้เราโต้เถียงกันเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้นครับ ( ข้อเท็จจริงยุติแล้วว่าใช้ยิงร่วมกันได้ จากนั้นจึงนำ
ไปสู่ปัญหาว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย )
ส่วนปืนขนาด .22 แม็กนั่ม กับ .22 แอลอาร์ ผมขอยกตัวอย่างจากการทำงานจริงแล้วกันนะครับ
เคยมีผู้ต้องหาถูกจับเพราะตนเองมีอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .22 แม็กนั่ม แต่มีกระสุนปืนขนาด .22 แอลอาร์
จำนวน 5 นัด ไว้ในครอบครอง จึงถูกตำรวจจับกุมตัวดำเนินคดีข้อหามีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบ
ครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พอส่งอาวุธปืน + กระสุนปืนไปตรวจพิสูจน์ ผู้เชี่ยวชาญยืนยันมาว่าสามารถใช้ยิง
ร่วมกันได้ ผมในเจ้าของคดีเมื่อมีข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนเช่นนี้และไม่มีพยานหลักฐานใดมาหักล้างผล
การตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญจะฟังข้อเท็จจริงเป็นอื่นได้อย่างไร ก็ต้องฟังข้อเท็จจริงว่าใช้ยิงร่วมกันได้
เมื่อใช้ยิงร่วมกันได้ก็เข้าข้อยกเว้นตาม มาตรา 8 การกระทำของผู้ต้องหาย่อมไม่เป็นความผิด ซึ่งผมก็สั่ง
ไม่ฟ้องข้อหามีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตไป และคำสั่งไม่ฟ้องก็เด็ดขาด
ไปแล้วครับ
ขอบคุณพี่ Yoshiki มากครับ
แสดงว่าลักษณะกรณีแบบนี้ถือว่ากฏหมายเข้าข้างเรา ผมก็สบายใจแล้วครับ
ที่ผมกลัวจริงๆ คือเกิดผู้เชี่ยวชาญเค้ายืนยันแบบเถรตรงมาว่าใช้ร่วมกันไม่ได้ ต้องใช้ให้ถูกปืน ถูกกระสุนเท่านั้น แล้วเราจะเดือนร้อนเอาน่ะครับ
เพราะถ้าให้ถูกปืน ถูกกระสุนกันจริงๆ ปืนลูกโม่โครงเล็ก.38 รุ่นเก่าๆ ถ้าเกิดมีกระสุน +p ก็อาจจะโดนมองว่า ใช้กับปืนกระบอกนี้ไม่ได้(ยิงบ่อยๆ โม่แตก)
ขอบคุณมากครับ