เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
เมษายน 25, 2025, 11:33:51 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้หญิง...กับการป้องกันตัว  (อ่าน 3707 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kilin
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 11
ออฟไลน์

กระทู้: 141


« เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 11:45:25 AM »

 ไหว้หากหญิงสาวอยู่บ้านคนเดียว...หรือคุณแม่ยังสาวอยู่บ้านกับลูกเพียงลำพัง

หากมีการบุกรุกของบุคคลไม่พึงประสงค์เพียง1คนไม่มีอาวุธ(แต่มีจุดสองห้อย) ผู้บุกรุกถูกยิงตาย

จะเป็นป้องกันตัวเกินกว่าเหตุหรือเปล่าครับ งอน

หากถูกฟ้องว่า..เกินกว่าเหตุ..ควรสู้คดีอย่างไรครับ
บันทึกการเข้า
Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 12:08:03 PM »

          จริง ๆ การวินิจฉัยว่าเป็นการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากครับ  ต้องมีข้อเท็จจริง

และพฤติการณ์ต่าง ๆ ประกอบมากพอสมควร  ทั้งบางเรื่องเป็นดุลพินิจเฉพาะบุคคล  ยากที่จะฟันธงลงไปได้นะครับ

          แต่ในเมื่อข้อเท็จจริงมีเพียงเท่านี้  ก็ขอตอบตามข้อเท็จจริงนะครับ

          ในกรณีที่มีคนร้ายบุกรุกเข้ามาโดยไม่มีอาวุธ แล้วใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายตายนั้น  การที่คนร้ายบุกรุกเข้ามาภายใน

บ้านถือว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้ถึงแล้ว  ดังนั้นเจ้าของ

บ้านสามารถใช้อาวุธปืนป้องกันตนเองได้ซึ่งต้องพอสมควรแก่เหตุด้วย     แต่การที่เจ้าของบ้านใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายซึ่ง

ไม่มีอาวุธจนถึงแก่ความตายนั้น  รูปคดีจะออกไปทางป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ  ซึ่งยังคงถือว่าเป็นความผิดอยู่แต่ศาล

จะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ และถ้าศาลเห็นว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นจากความตื่นเต้น  ความตกใจ

หรือความกลัว  ศาลจะไม่ลงโทษผู้นั้นก็ได้  ( ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  ๖๘ ,  ๖๙ )

          ส่วนการสู้คดีก็สู้ตามข้อเท็จจริงสิครับว่าเป็นการป้องกันตัว  ส่วนจะเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้นศาลเป็นผู้วินิจฉัย  ซึ่งหาก

ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาของศาลได้ความว่าเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจริง  ทางปฏิบัติศาลก็มักจะลงโทษสถาน

เบาให้เสมอ  เพราะถือว่าผู้ตาย  ( คนร้าย )  มีส่วนผิดด้วย     

          มีคดีที่เคยผ่านตาอยู่เรื่องหนึ่ง  รูปคดีเป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านเป็นผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียวแล้วมีคนร้ายถ้าจำไม่ผิดรู้สึก

คนร้ายจะไม่มีอาวุธด้วยบุกเข้ามาภายในบ้าน  เจ้าของบ้านเลยใช้ปืนยิงคนร้ายไป  ๒ - ๓  นัด  คนร้ายถึงแก่ความตายในเขต

รั้วบ้าน  คดีถึงการพิจารณาของศาลโดยศาลวินิจฉัยว่าเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ  ลงโทษจำคุก  ๖  ปี  จำเลยให้

การในชั้นศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก  ๓  ปี  ( เรื่องนี้จำเลยต่อสู้คดีโดยรับว่าใช้อาวุธปืนยิง

คนร้ายจริงแต่กระทำไปเพื่อป้องกัน )  โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด  ๒  ปี 
         
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
คมขวาน รักในหลวง
"จากดินแดนที่ราบสูงแห่งใบขวาน ข้ามแม่น้ำ ข้ามทะเล(ถ้านั่งเครื่อง) ข้ามภูเขา สู่ดินแดนแห่งด้ามขวาน "
Hero Member
*****

คะแนน 1830
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 19896


ดนตรี คืออาภรณ์ของปราชญ์


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 12:15:48 PM »

        ถึงไม่มีอาวุธ
ผมมองว่าแค่สองมือบีบคอ
ก็ถึงตายได้ ไม่รวมถึงของใกล้ตัวที่มันจะหยิบฉวยมาทำร้าย
        ผมสั่งภรรยาไว้เสมอ  ถ้าอยู่คนเดียว
มีใครเข้ามาจะทำร้าย  เหนี่ยวไว้ก่อนเลย  เอาแค่ให้พูดไม่ได้ก็พอ คิก คิก
เรื่องคดี  ค่อยว่ากันทีหลังเสียเงินสู้คดียังพอไหว  แต่ชีวิตเรามีค่ากว่านั้น ครับ
บันทึกการเข้า

คลิ๊ก ทริปจักรยาน   "บินเดี่ยว ทางไกล ตามใจฝัน"     ลูกอิสาน พลัดถิ่น  จากแดนดิน  "ไหปลาแดก"  เร่ร่อน รอนแรม เดินทางดั้นด้น  มาสู่  "โคนต้นสะตอ"
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 01:15:23 PM »

ต้องดูที่เจตนาของผู้บุกรุกเข้ามาครับ  ถ้าเราห้ามแล้วไม่หยุดแถมยังมีท่าทีจะเข้ามาทำร้ายในเคหสถานอีก

หากอยู่คนเดียววิ่งไปเอาปืนก่อนเลยครับ  หากมันตามมาอีกก็ยิงได้เลย  ผมกลัวตายมากกว่ากลัวติดคุกครับ ........  Cheesy

เรื่องถึงศาลอย่างดีก็คิดว่ารอลงอาญา ๒ ปีครับ  เพราะเค้าบุกรุกเข้ามาทำร้ายเราในเคหสถาน  เราซึ่งเป็นผู้หญิงใช้ปืนป้องกันตัวเอง  สมควรแก่เหตุ   หลงรัก

บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
speed (LO)
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 7
ออฟไลน์

กระทู้: 349



« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 03:38:45 PM »

น่าอึดอัดและน่ากลัวมากเราท่านๆประชาชนคนธรรมดา  เวลามีเหตุการณ์แบบนี้แล้วมีปืนก็ต้องป้องกันไว้ก่อน

คงไม่มีเวลามาคิดว่าจะต้องยิงยังไง  เห็นว่ามีตนแปลกหน้ามาในบ้านก็ขนหัวลุกแล้ว
บันทึกการเข้า
binlaart @ รักในหลวงด้วยคนครับ
Full Member
***

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 148


« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 03:46:29 PM »

        ถึงไม่มีอาวุธ
ผมมองว่าแค่สองมือบีบคอ
ก็ถึงตายได้ ไม่รวมถึงของใกล้ตัวที่มันจะหยิบฉวยมาทำร้าย
        ผมสั่งภรรยาไว้เสมอ  ถ้าอยู่คนเดียว
มีใครเข้ามาจะทำร้าย  เหนี่ยวไว้ก่อนเลย  เอาแค่ให้พูดไม่ได้ก็พอ คิก คิก
เรื่องคดี  ค่อยว่ากันทีหลังเสียเงินสู้คดียังพอไหว  แต่ชีวิตเรามีค่ากว่านั้น ครับ

สั่งเมียไว้เหมือนกันเลย  ให้ปลดเซฟ แล้วยิงเลย ห้ามถือปืนขู่เด็ดขาด
พลาดพลังเค้าแย่งปืนไปได้ ซวยกันพอดี
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 04:05:15 PM »

คุณ Yoshiki_Silencer - รักในหลวง  ให้ความเห็นไว้ชัดเจนแล้ว ครับ  เยี่ยม

สำหรับผม ได้บอกกับคนที่ผมรัก และห่วงใยว่า ปืนต้องอยู่ใกล้ตัว  ให้ใช้ปืนขู่ ถ้าไม่หยุด ก็ตอนมันซะ

ถ้าจะยิงให้ตาย นั้นง่ายดายนัก  แต่ให้ยิงในระดับเชิงกราน  เพื่อหยุดยั้งมันไว้

การณ์อาจเข้าเป็นการป้องกันที่พอสมควรแก่เหตุ..  เพื่อไม่ให้มันเข้ามาแย่งอาวุธปืน และใช้อาวุธปืนมาทำร้ายตัวเรา. 
บันทึกการเข้า

ปาล์มๆ...ซุ่มโป่ง
Hero Member
*****

คะแนน 57
ออฟไลน์

กระทู้: 1891


ทำความดีเพื่อชาติ


« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 04:50:38 PM »

ผมไม่อยู่บ้านเตรียมปืนไว้ให้คุณเธอ แต่เธอไม่ค่อยจะสนใจเลยครับ ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกันที่จะทำให้เธอไม่ประมาท
บันทึกการเข้า
Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 05:31:04 PM »

คุณ Yoshiki_Silencer - รักในหลวง  ให้ความเห็นไว้ชัดเจนแล้ว ครับ  เยี่ยม

สำหรับผม ได้บอกกับคนที่ผมรัก และห่วงใยว่า ปืนต้องอยู่ใกล้ตัว  ให้ใช้ปืนขู่ ถ้าไม่หยุด ก็ตอนมันซะ

ถ้าจะยิงให้ตาย นั้นง่ายดายนัก  แต่ให้ยิงในระดับเชิงกราน  เพื่อหยุดยั้งมันไว้

การณ์อาจเข้าเป็นการป้องกันที่พอสมควรแก่เหตุ..  เพื่อไม่ให้มันเข้ามาแย่งอาวุธปืน และใช้อาวุธปืนมาทำร้ายตัวเรา. 


          ใช่ครับพี่ Ro@d  สำหรับผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องอาวุธปืนและยิ่งในสถานการณ์ที่กดดันอย่างนี้

การที่ถูกคนร้ายแย่งอาวุธปืนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุด  แทนที่จะใช้อาวุธปืนป้องกัน

ตนเองกลับให้ปืนคนร้ายไปเสียอย่างนั้น  ครั้นจะบอกให้เลือกยิงตรงจุดที่ไม่ตายก็กลัวว่าจะพะวงแต่การเลือก

จุดยิงจนคนร้ายเข้ามาประชิดตัวได้  ทุกวันนี้ผมก็บอกกับแฟนว่าถ้ามีคนร้ายเข้ามาในบ้านไม่ว่าจะมีอาวุธ

หรือไม่ถ้าเห็นท่าไม่ดีให้ซัดก่อนเลย  พฤติการณ์อย่างนี้ถ้าไปสู้คดีในศาลโอกาสรอการลงโทษมีสูงมาก

ดีกว่าต้องไปงานศพที่วัด

บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 05:54:28 PM »

ขอบคุณครับท่านโยชิกิ  Cheesy

ตามหัวข้อกระทู้ ผมขออนุญาตอีกนิด
มาตรา ๖๙  เรื่องการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุนั้น มีบัญญัติไว้ตอนหนึ่งซึ่งค่อนข้างจะสนับสนุนตามกระทู้นี้ครับ
คือ หากการกระทำนั้นเกิดขึ้นจากความตื่นเต้น ความตกใจหรือความกลัว ศาลจะไม่ลงโทษผู้กระทำก็ได้

ผู้หญิงส่วนใหญ่ ธรรมดาเมื่อเจอเหตุร้าย
ย่อมต้องตกใจ หรือกลัว พลาดพลั้ง จนถึงขั้นนั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก

เมื่อเจอคนร้ายเข้ามารุกรานถึงในบ้านทั้งที่ตนอยู่คนเดียว
สติ อารมณ์ ความรู้สึกกลัว  เมื่อบวกกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน
ผลลัพท์ ที่ออกมา มีสองส่วนคือ ทำอะไรไม่ถูกนั่งนิ่ง หรือทำถูกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอด

แน่นอนในจังหวะดังกล่าว คงไม่มีทางหรอกครับที่จะมองดูว่า คนร้ายถือปืนหรืออาวุธมาหรือไม่

การที่แม่บ้านพบคนร้ายในทันทีทันใด หยิบปืนและซัลโวไปในทันทีนั้น
ย่อมเป็นการป้องกันตามกฎหมาย เพียงแต่ว่าจะเกินกว่าเหตุหรือไม่

แต่อย่างไรก็ดี หากในกรณีที่ข้อเท็จจริงยุติแล้วว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุขึ้นมา
แต่การยิงดังกล่าว เกิดเพราะความกลัว หรือตกใจ ของหญิงสาวแล้ว ( ตรงนี้หากต้องว่ากันในชั้นศาล ต้องนำสืบประกอบไปด้วย )
ตรงนี้ ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจไม่ลงโทษผู้กระทำก็ได้
บันทึกการเข้า
cadet38 -รักในหลวง-
God of games
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 54
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 571


I believe I can fly.


« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 06:01:40 PM »

ผมสอนเมียว่ายิงต้องยิงให้ตาย เรื่องคดีไว้ว่ากันทีหลัง เมืองไทยเคลียร์กันได้อยู่แล้ว
บันทึกการเข้า

I love Doraemon.
Daimyo
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 924
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9042



« ตอบ #11 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 06:52:29 PM »

          จริง ๆ การวินิจฉัยว่าเป็นการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากครับ  ต้องมีข้อเท็จจริง

และพฤติการณ์ต่าง ๆ ประกอบมากพอสมควร  ทั้งบางเรื่องเป็นดุลพินิจเฉพาะบุคคล  ยากที่จะฟันธงลงไปได้นะครับ

          แต่ในเมื่อข้อเท็จจริงมีเพียงเท่านี้  ก็ขอตอบตามข้อเท็จจริงนะครับ

          ในกรณีที่มีคนร้ายบุกรุกเข้ามาโดยไม่มีอาวุธ แล้วใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายตายนั้น  การที่คนร้ายบุกรุกเข้ามาภายใน

บ้านถือว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้ถึงแล้ว  ดังนั้นเจ้าของ

บ้านสามารถใช้อาวุธปืนป้องกันตนเองได้ซึ่งต้องพอสมควรแก่เหตุด้วย     แต่การที่เจ้าของบ้านใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายซึ่ง

ไม่มีอาวุธจนถึงแก่ความตายนั้น  รูปคดีจะออกไปทางป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ  ซึ่งยังคงถือว่าเป็นความผิดอยู่แต่ศาล

จะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ และถ้าศาลเห็นว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นจากความตื่นเต้น  ความตกใจ

หรือความกลัว  ศาลจะไม่ลงโทษผู้นั้นก็ได้  ( ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  ๖๘ ,  ๖๙ )

          ส่วนการสู้คดีก็สู้ตามข้อเท็จจริงสิครับว่าเป็นการป้องกันตัว  ส่วนจะเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้นศาลเป็นผู้วินิจฉัย  ซึ่งหาก

ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาของศาลได้ความว่าเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจริง  ทางปฏิบัติศาลก็มักจะลงโทษสถาน

เบาให้เสมอ  เพราะถือว่าผู้ตาย  ( คนร้าย )  มีส่วนผิดด้วย     

          มีคดีที่เคยผ่านตาอยู่เรื่องหนึ่ง  รูปคดีเป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านเป็นผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียวแล้วมีคนร้ายถ้าจำไม่ผิดรู้สึก

คนร้ายจะไม่มีอาวุธด้วยบุกเข้ามาภายในบ้าน  เจ้าของบ้านเลยใช้ปืนยิงคนร้ายไป  ๒ - ๓  นัด  คนร้ายถึงแก่ความตายในเขต

รั้วบ้าน  คดีถึงการพิจารณาของศาลโดยศาลวินิจฉัยว่าเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ  ลงโทษจำคุก  ๖  ปี  จำเลยให้

การในชั้นศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก  ๓  ปี  ( เรื่องนี้จำเลยต่อสู้คดีโดยรับว่าใช้อาวุธปืนยิง

คนร้ายจริงแต่กระทำไปเพื่อป้องกัน )  โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด  ๒  ปี 
         


ในกรณีแบบที่จขกท.ยกตัวอย่างมา.....ทนายจําเลยต้องเก่งด้วยใช่มั๊ยครับ...เพื่อพิสูจน์สภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นรวมทั้งชี้ให้เห็นความน่าจะเป็นของเหตุการณ์.....
บันทึกการเข้า

ดังสายลมที่พัดผ่านลานป่า..พาใบไม้พลัดถิ่น..ดั่งสายน้ำที่ไหลรินพัดพา..นำดวงใจฉันมาใกล้เธอ..
"ความหวังดีที่เธอให้สังคม ฉันชื่นชมเธอเสมอ"
kilin
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 11
ออฟไลน์

กระทู้: 141


« ตอบ #12 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 07:38:27 PM »

 เยี่ยมผมเองก็สอนภรรยาไว้ว่าหากมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น ไหว้ซัดไปเลยไม่ต้องเลี้ยงแต่ที่ถามเพราะต้องการทราบว่าสิ่งที่เราสอนเค้าไปไม่ใช่สิ่งที่ผิดๆ ตกใจ

เพราะผมมองเหตุการณ์ลักษณะนี้ว่าหากตัดสินใจช้ามีผลถึงชีวิตค่อนข้างสูง ที่ผ่านมาก็พยายามสอนการใช้ ลูกโม่ เพื่อยิงจริงๆว่าต้องทำอย่างไรบ้าง(ไปสนามยิงปืน)

ขอถามต่อสักนิดนะครับ ต่อเนื่องจากคำถามแรก หากยิงผู้บุกรุกตายแล้ว ขั้นตอนคงเป็นแจ้งตำรวจและรับทราบข้อกล่าวหา  ฆ่าโดยเจตนา   แล้วจากนั้นจะต้องมีการ

ไปโรงพัก ประกันตัว เหมือนคดีอื่นๆหรือเปล่าเพราะคดีแบบนี้ เจ้าทุกข์กลายเป็นจำเลยไปซะแล้วครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #13 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 09:33:35 PM »

          จริง ๆ การวินิจฉัยว่าเป็นการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากครับ  ต้องมีข้อเท็จจริง

และพฤติการณ์ต่าง ๆ ประกอบมากพอสมควร  ทั้งบางเรื่องเป็นดุลพินิจเฉพาะบุคคล  ยากที่จะฟันธงลงไปได้นะครับ

          แต่ในเมื่อข้อเท็จจริงมีเพียงเท่านี้  ก็ขอตอบตามข้อเท็จจริงนะครับ

          ในกรณีที่มีคนร้ายบุกรุกเข้ามาโดยไม่มีอาวุธ แล้วใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายตายนั้น  การที่คนร้ายบุกรุกเข้ามาภายใน

บ้านถือว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้ถึงแล้ว  ดังนั้นเจ้าของ

บ้านสามารถใช้อาวุธปืนป้องกันตนเองได้ซึ่งต้องพอสมควรแก่เหตุด้วย     แต่การที่เจ้าของบ้านใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายซึ่ง

ไม่มีอาวุธจนถึงแก่ความตายนั้น  รูปคดีจะออกไปทางป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ  ซึ่งยังคงถือว่าเป็นความผิดอยู่แต่ศาล

จะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ และถ้าศาลเห็นว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นจากความตื่นเต้น  ความตกใจ

หรือความกลัว  ศาลจะไม่ลงโทษผู้นั้นก็ได้  ( ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  ๖๘ ,  ๖๙ )

          ส่วนการสู้คดีก็สู้ตามข้อเท็จจริงสิครับว่าเป็นการป้องกันตัว  ส่วนจะเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้นศาลเป็นผู้วินิจฉัย  ซึ่งหาก

ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาของศาลได้ความว่าเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจริง  ทางปฏิบัติศาลก็มักจะลงโทษสถาน

เบาให้เสมอ  เพราะถือว่าผู้ตาย  ( คนร้าย )  มีส่วนผิดด้วย     

          มีคดีที่เคยผ่านตาอยู่เรื่องหนึ่ง  รูปคดีเป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านเป็นผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียวแล้วมีคนร้ายถ้าจำไม่ผิดรู้สึก

คนร้ายจะไม่มีอาวุธด้วยบุกเข้ามาภายในบ้าน  เจ้าของบ้านเลยใช้ปืนยิงคนร้ายไป  ๒ - ๓  นัด  คนร้ายถึงแก่ความตายในเขต

รั้วบ้าน  คดีถึงการพิจารณาของศาลโดยศาลวินิจฉัยว่าเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ  ลงโทษจำคุก  ๖  ปี  จำเลยให้

การในชั้นศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก  ๓  ปี  ( เรื่องนี้จำเลยต่อสู้คดีโดยรับว่าใช้อาวุธปืนยิง

คนร้ายจริงแต่กระทำไปเพื่อป้องกัน )  โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด  ๒  ปี 
         


ในกรณีแบบที่จขกท.ยกตัวอย่างมา.....ทนายจําเลยต้องเก่งด้วยใช่มั๊ยครับ...เพื่อพิสูจน์สภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นรวมทั้งชี้ให้เห็นความน่าจะเป็นของเหตุการณ์.....

          อยู่ที่ทนายจำเลยด้วยส่วนหนึ่งครับที่ต้องถามพยานโจทก์เพื่อให้ศาลเห็นข้อเท็จจริงในคดีชัดเจนทุกมุม

เสมือนให้ศาลอยู่ในเหตุการณ์ด้วย  แต่คดีลักษณะนี้ส่วนมากทนายจำเลยจะทำงานไม่ค่อยหนักหรอกครับ  เพราะ

พยาน  ตำรวจ  อัยการ  และผู้พิพากษา  ก็มักจะเอาใจช่วยอยู่แล้ว

          ถามหน่อยถ้าท่านเป็นผู้พิพากษา  ท่านอยากเอาเจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิงเข้าคุกไหม ?
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 09:52:18 PM »


          อยู่ที่ทนายจำเลยด้วยส่วนหนึ่งครับที่ต้องถามพยานโจทก์เพื่อให้ศาลเห็นข้อเท็จจริงในคดีชัดเจนทุกมุม

เสมือนให้ศาลอยู่ในเหตุการณ์ด้วย  แต่คดีลักษณะนี้ส่วนมากทนายจำเลยจะทำงานไม่ค่อยหนักหรอกครับ  เพราะ

พยาน  ตำรวจ  อัยการ  และผู้พิพากษา  ก็มักจะเอาใจช่วยอยู่แล้ว

          ถามหน่อยถ้าท่านเป็นผู้พิพากษา  ท่านอยากเอาเจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิงเข้าคุกไหม ?


ปัญหามันอยู่ที่ว่า ข้อเท็จจริงแบบนี้ รวมทั้ง พยาน หลักฐาน จะอยู่ในกระบวนการตั้งแต่ต้นหรือไม่
และบุคคลในกระบวนการ กล้าที่จะวินิจฉัยให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือเปล่า

เพราะความเป็นจริง หากกระบวนการ ไม่ทำหน้าที่ และไม่มองมุมของทั้งฝ่ายผู้เสียหาย และจำเลยแล้ว
ข้อเท็จจริงตรงนี้ ก็กลายเป็นเพียงคำเบิกความ.......ของจำเลยเท่านั้น  Cheesy


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 09, 2010, 10:08:49 PM โดย นายสิงห์กลิ้ง » บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.101 วินาที กับ 21 คำสั่ง