เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 30, 2024, 05:50:44 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์  (อ่าน 5873 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
krajong
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2875



« ตอบ #15 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 09:55:09 PM »

ความเห็นส่วนตัวนะครับ

อันที่จริงตำรวจไม่น่าไปเอาผิดเจ้าของบ้านครับ บ้านของเขาเขามีสิทธิป้องกัน
เหตุที่เกิดขึ้นเพราะว่าตำรวจทำหน้าที่ไม่ดีพอมากกว่าไหมครับ ทุกงานเลยตำรวจเอะอะจะจับไปทั่ว
บันทึกการเข้า

ความจริงไม่มีวันตาย แต่คนพูดความจริงตายไปหลายแล้ว
depp40
Jr. Member
**

คะแนน 21
ออฟไลน์

กระทู้: 82


« ตอบ #16 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 09:59:15 PM »

เรื่องรูปคดี  .....  

ผมขอเอาใจช่วยครับ  

เฮียตี๋เป็นคนดี  ทางตำรวจคงเข้าใจความจำเป็นเฉพาะหน้า
.
.
.
.
.

เรื่องฝีมือ  ......   เยี่ยม






บันทึกการเข้า
-Joke-
Vive la liberté de parole et d'opinion!
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -459
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4225


^_^


« ตอบ #17 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 10:04:28 PM »

แถวๆบ้านผมอีกแล้วครับ...อาทิตย์ก่อนก็เด็กแว้นถูกสอยหน้าไปรษณีย์ตลิ่งชัน วันนี้ก็เอาอีกแล้ว..ว่าแต่อย่าเข้ามาบ้านผมก็แล้วกัน..ไม่อยากเป็นข่าวน่ะครับ.. Cool

บ้านใกล้กันเลยครับ บ้านอยู่แถวไหนครับ ผมอยู่ตรง รพ ธนบุรี 2 ปีก่อนโดนงัดไปครับ
บันทึกการเข้า

A la volonté du peuple
Et à la santé du progrès,
Remplis ton cœur d'un vin rebelle
Et à demain, ami fidèle.
Nous voulons faire la lumière
Malgré le masque de la nuit
Pour illuminer notre terre
Et changer la vie.
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #18 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 10:15:35 PM »

เกินกว่าเหตุ   อีกแล้ว   จริงๆ น่าจะเอาน้ำร้อนสาด มากกว่า  ขำก๊าก

กรณีนี้คิดว่าไม่เกินกว่าเหตุครับ  เพราะจากข่าวบอกว่า  ...ตนบอกให้หยุด แต่คนร้ายพยายามถือไขควงปลายแหลม จะเข้ามาทำร้าย จึงใช้ปืนที่นำมาด้วย ยิงคนร้ายเข้าไป 1 นัด....
  แต่นัดเดียวจอด เนี้ยไม่ถือว่าเกินกว่าเหตุหรือครับ พี่พงษ์  ไหว้

ไม่ใช่อยู่ที่นัดเดียวครับ  แต่อยู่ที่ ...ตนบอกให้หยุด แต่คนร้ายพยายามถือไขควงปลายแหลม จะเข้ามาทำร้าย... ครับ

แต่ถ้าคนร้ายวิ่งหนีแล้วเราไปยิงนี่สิถึงเรียกว่าทำเกินกว่าเหตุ  แต่จากเหตุการณ์นี้น่าจะยิงที่พื้นอีกซักนัดนะครับ  จะได้อ้างว่ายิงเตือนแล้วแต่ไม่หยุด ...... ไหว้
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
Wachira1973
"กระบี่อยู่ที่ใจ...ปืนก็อยู่ที่ใจเช่นกัน"
Sr. Member
****

คะแนน 81
ออฟไลน์

กระทู้: 724



« ตอบ #19 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 10:29:55 PM »

แถวๆบ้านผมอีกแล้วครับ...อาทิตย์ก่อนก็เด็กแว้นถูกสอยหน้าไปรษณีย์ตลิ่งชัน วันนี้ก็เอาอีกแล้ว..ว่าแต่อย่าเข้ามาบ้านผมก็แล้วกัน..ไม่อยากเป็นข่าวน่ะครับ.. Cool

บ้านใกล้กันเลยครับ บ้านอยู่แถวไหนครับ ผมอยู่ตรง รพ ธนบุรี 2 ปีก่อนโดนงัดไปครับ

  ผมอยู่ซอยวัดมะกอกก่อนถึงสายใต้ใหม่(ล่าสุด)ครับท่าน Joke...บ้านผมก็เคยโดนงัดครับ แต่ตอนนั้นเพิ่งจะสร้างเสร็จใหม่ๆยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่...
  ถ้ามาตอนนี้ล่ะก็...ผมรอต้อนรับอยู่ในที่ตั้งอยู่แล้วครับ... ยิ้มีเลศนัย
บันทึกการเข้า

"...แล้วสอนว่าอย่าใว้ใจมนุษย์   มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
 ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด   ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน.."
                                                                                            ...สุนทรภู่...
ko_kloy212
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 148
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1164


คนพ่นไฟ


« ตอบ #20 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 10:58:55 PM »

ความเห็นส่วนตัวนะครับ

อันที่จริงตำรวจไม่น่าไปเอาผิดเจ้าของบ้านครับ บ้านของเขาเขามีสิทธิป้องกัน
เหตุที่เกิดขึ้นเพราะว่าตำรวจทำหน้าที่ไม่ดีพอมากกว่าไหมครับ ทุกงานเลยตำรวจเอะอะจะจับไปทั่ว

มีคดีแบบนี้ตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ของเขาครับ ส่่วนการแก้ข้อกล่าวหาก็ว่าไปตามประจักษ์พยานหลักฐาน

ถ้าไม่ให้ตำรวจจับจะให้เขาทำอย่างไรครับ ผู้ที่ยิงคนร้ายตายเขาก็ไม่ได้หนีไปไหนยอมมอบตัวแต่โดยดี

ตำรวจทำแบบนี้ก็โดนดำเนินคดีเหมือนกัน

ดักชิงทองเมียตร. โดนจ่ายิงดับคาที่


--------------------------------------------------------------------------------





ปล้นผิด - นางเครือฟ้า ศรีแสง โชว์บาดแผลหลังถูก 2 โจรดักจี้ชิงสร้อยคอทองคำ ระหว่างซ้อนท้ายจยย.มากับจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง สามี บริเวณใกล้นิคมฯ บางปะอิน ก่อนที่จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ จะใช้อาวุธปืนยิงใส่คนร้ายเสียชีวิตไป 1 ราย

 
โจรดวงซวยดักกระชากสร้อยเมียตร. ขณะนั่งซ้อนท้ายผัวมาซื้อกับข้าว ใช้ปืนดักจี้หน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.ส.ต.สบจังหวะจึงชักปืนยิงใส่ โดนโจรที่ซ้อนท้ายดับสยอง ส่วนคนขี่เพื่อนร่วมแก๊งหลบหนีไปได้ แฉคนตายมีประวัติติดยาเสพติด อยู่ระหว่างคุมประพฤติ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 19 ก.พ. พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ แสงครุฑ พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระ นครศรีอยุธยา รับแจ้งจากจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง อายุ 37 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.บางปะอิน ว่ามีคนร้ายได้กระชากสร้อยนางเครือฟ้า ศรีแสง อายุ 36 ปี ภรรยา และได้ใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายเสียชีวิต ที่บริเวณริมถนนสายอุดมสรยุทธ์ ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ม.2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย สายไหม ผกก. พ.ต.ท.ธนพณ โพธิสุข รองผกก.สส. พ.ต.ท.นฤนาท พุทไธสง รองผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังชุดสืบสวนไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ

พบศพนายกำพล โซ๊ะมีเลาะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.9 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์สีดำ สวมหมวกกันน็อก แบบปิดหน้าสีดำ สภาพศพนอนหงาย ถูกยิงเข้าที่ชายโครงขวาด้านหลังจำนวน 1 นัด กระสุนทะลุหน้าอก ห่างจากศพประมาณ 30 เมตร พบสร้อยคอทองคำขาดพร้อมพระหลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี เลี่ยมทองหนัก 1 บาท ตกอยู่ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า แอร์เบลด สีดำหมายเลขทะเบียน ชกพ-197 พระนครศรีอยุธยา เป็นรถของจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ

จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ กล่าวว่า หลังจากออกเวรขับรถของพนักงานสอบสวนได้เปลี่ยนชุดที่บ้านพัก ในขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพร้อมภรรยา โดยนำสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลติดตามมาด้วย โดยจะไปซื้อกับข้าวที่ตลาด จังหวะที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาถึงหน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้าให้จอด จากนั้นคนร้ายที่เป็นคนขับ สวมหมวกกันน็อกสีดำชักอาวุธปืนออกมาจ่อที่ตนบอกว่าให้อยู่เฉยๆ ส่วนคนซ้อนท้ายกระชากสร้อยคอของภรรยาจนขาด ทำให้ที่ลำคอด้านขวามีบาดแผลถลอกเลือดไหลซิบๆ สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลเห่าส่งเสียงดังตลอดเวลา ระหว่างนั้นพยายามตั้งสติ รอจังหวะให้คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ออกไป คนร้ายยังใช้อาวุธปืนจ่อมาทางตนบอกไม่ให้ติดตามมา จากนั้นจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ที่พกติดตัวมายิงใส่คนร้ายไป 1 นัด จนคนร้ายที่ซ้อนท้ายตกลงจากรถ ส่วนคนร้ายอีกคนได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตนพยายามขี่รถติดตามแต่ไม่ทัน

พ.ต.อ.ธงชัย กล่าวว่าจากการตรวจสอบประวัติของผู้ตาย ทราบว่าเคยต้องโทษในคดียาเสพติด ซึ่งในวันเดียวกันนี้จะต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนอย่างละเอียดพร้อมทั้งจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ในเบื้องต้นตั้งข้อหาจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ในข้อหาฆ่าคนตายเอาไว้ก่อนhttp://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREl3TURJMU1nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TUE9PQ==
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 09, 2010, 11:01:07 PM โดย ko_kloy212 » บันทึกการเข้า

แมวบ้า(น)
Sky is the limit, so do with it what you can
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 84
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15900


เช้าไดร์ฟ บ่ายชิพท์ เย็นพัตท์ สักวันเราจะเป็นโปร


« ตอบ #21 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 12:02:55 AM »

ความเห็นส่วนตัวนะครับ

อันที่จริงตำรวจไม่น่าไปเอาผิดเจ้าของบ้านครับ บ้านของเขาเขามีสิทธิป้องกัน
เหตุที่เกิดขึ้นเพราะว่าตำรวจทำหน้าที่ไม่ดีพอมากกว่าไหมครับ ทุกงานเลยตำรวจเอะอะจะจับไปทั่ว

มีคดีแบบนี้ตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ของเขาครับ ส่่วนการแก้ข้อกล่าวหาก็ว่าไปตามประจักษ์พยานหลักฐาน

ถ้าไม่ให้ตำรวจจับจะให้เขาทำอย่างไรครับ ผู้ที่ยิงคนร้ายตายเขาก็ไม่ได้หนีไปไหนยอมมอบตัวแต่โดยดี

ตำรวจทำแบบนี้ก็โดนดำเนินคดีเหมือนกัน

ดักชิงทองเมียตร. โดนจ่ายิงดับคาที่


--------------------------------------------------------------------------------





ปล้นผิด - นางเครือฟ้า ศรีแสง โชว์บาดแผลหลังถูก 2 โจรดักจี้ชิงสร้อยคอทองคำ ระหว่างซ้อนท้ายจยย.มากับจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง สามี บริเวณใกล้นิคมฯ บางปะอิน ก่อนที่จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ จะใช้อาวุธปืนยิงใส่คนร้ายเสียชีวิตไป 1 ราย

 
โจรดวงซวยดักกระชากสร้อยเมียตร. ขณะนั่งซ้อนท้ายผัวมาซื้อกับข้าว ใช้ปืนดักจี้หน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.ส.ต.สบจังหวะจึงชักปืนยิงใส่ โดนโจรที่ซ้อนท้ายดับสยอง ส่วนคนขี่เพื่อนร่วมแก๊งหลบหนีไปได้ แฉคนตายมีประวัติติดยาเสพติด อยู่ระหว่างคุมประพฤติ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 19 ก.พ. พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ แสงครุฑ พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระ นครศรีอยุธยา รับแจ้งจากจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง อายุ 37 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.บางปะอิน ว่ามีคนร้ายได้กระชากสร้อยนางเครือฟ้า ศรีแสง อายุ 36 ปี ภรรยา และได้ใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายเสียชีวิต ที่บริเวณริมถนนสายอุดมสรยุทธ์ ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ม.2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย สายไหม ผกก. พ.ต.ท.ธนพณ โพธิสุข รองผกก.สส. พ.ต.ท.นฤนาท พุทไธสง รองผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังชุดสืบสวนไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ

พบศพนายกำพล โซ๊ะมีเลาะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.9 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์สีดำ สวมหมวกกันน็อก แบบปิดหน้าสีดำ สภาพศพนอนหงาย ถูกยิงเข้าที่ชายโครงขวาด้านหลังจำนวน 1 นัด กระสุนทะลุหน้าอก ห่างจากศพประมาณ 30 เมตร พบสร้อยคอทองคำขาดพร้อมพระหลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี เลี่ยมทองหนัก 1 บาท ตกอยู่ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า แอร์เบลด สีดำหมายเลขทะเบียน ชกพ-197 พระนครศรีอยุธยา เป็นรถของจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ

จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ กล่าวว่า หลังจากออกเวรขับรถของพนักงานสอบสวนได้เปลี่ยนชุดที่บ้านพัก ในขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพร้อมภรรยา โดยนำสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลติดตามมาด้วย โดยจะไปซื้อกับข้าวที่ตลาด จังหวะที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาถึงหน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้าให้จอด จากนั้นคนร้ายที่เป็นคนขับ สวมหมวกกันน็อกสีดำชักอาวุธปืนออกมาจ่อที่ตนบอกว่าให้อยู่เฉยๆ ส่วนคนซ้อนท้ายกระชากสร้อยคอของภรรยาจนขาด ทำให้ที่ลำคอด้านขวามีบาดแผลถลอกเลือดไหลซิบๆ สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลเห่าส่งเสียงดังตลอดเวลา ระหว่างนั้นพยายามตั้งสติ รอจังหวะให้คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ออกไป คนร้ายยังใช้อาวุธปืนจ่อมาทางตนบอกไม่ให้ติดตามมา จากนั้นจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ที่พกติดตัวมายิงใส่คนร้ายไป 1 นัด จนคนร้ายที่ซ้อนท้ายตกลงจากรถ ส่วนคนร้ายอีกคนได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตนพยายามขี่รถติดตามแต่ไม่ทัน

พ.ต.อ.ธงชัย กล่าวว่าจากการตรวจสอบประวัติของผู้ตาย ทราบว่าเคยต้องโทษในคดียาเสพติด ซึ่งในวันเดียวกันนี้จะต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนอย่างละเอียดพร้อมทั้งจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ในเบื้องต้นตั้งข้อหาจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ในข้อหาฆ่าคนตายเอาไว้ก่อนhttp://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREl3TURJMU1nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TUE9PQ==

แบบนี้คนปกติคงโดนข้อหา"ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" เพราะเข้าข่ายเกินกว่าเหตุ เพราะไม่ใช่ภัยเฉพาะหน้าที่จะมาถึงตัว แต่โจรกำลังหนีไปและยิงไล่หลัง
บันทึกการเข้า

CrazyCat CrazyGlock CrazyDog ^v^
แมว 084-128-9257

V for Vendetta
CT_Pro4
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 537
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4869



« ตอบ #22 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 12:08:02 AM »

...ผมว่า "สมควร" แล้วล่ะครับ...
บันทึกการเข้า

Every problem contains the seeds of its own solution.- Stanley Arnold
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 01:35:37 AM »

เกินกว่าเหตุ   อีกแล้ว   จริงๆ น่าจะเอาน้ำร้อนสาด มากกว่า  ขำก๊าก

กรณีนี้คิดว่าไม่เกินกว่าเหตุครับ  เพราะจากข่าวบอกว่า  ...ตนบอกให้หยุด แต่คนร้ายพยายามถือไขควงปลายแหลม จะเข้ามาทำร้าย จึงใช้ปืนที่นำมาด้วย ยิงคนร้ายเข้าไป 1 นัด....
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๗ ผู้ใดกระทำความผิดด้วยความจำเป็น
(๑) เพราะอยู่ในที่บังคับหรือภายใต้อำนาจ ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ หรือ
(๒) เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใด ได้เมื่อภยันตรายนั้น ตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน
ถ้าการกระทำนั้น ไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุแล้ว ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายผู้นั้นไม่มีความผิด

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๗ และ ๖๘ เป็นกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันตัว กล่าวคือ บุคคลที่จะป้องกันตัวนั้น ต้องกระทำโดยไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุแล้ว บุคคลนั้น ไม่ต้องรับโทษ และต้องเป็นการป้องกันตัวโดยที่ภยันตรายใกล้จะถึง หรือ เพื่อป้องกันสิทธิของตนและผู้อื่นให้พ้นจากภยันตรายนั้นๆ
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 01:45:22 AM »

ปรากฏว่าได้ยินเสียงสัญญาณกันโขมยดังขึ้น จึงรีบเดินออกจากบ้านมาดู พร้อมถืออาวุธปืนลูกโม่ .38 มม. มาด้วย ขณะนั้นสังเกตเห็นรถยนต์โตโยต้า วีออส สีขาว จำทะเบียนไม่ได้ จอดติดเครื่องยนต์อยู่บริเวณหน้าบ้านน้องชาย หันหัวรถยนต์เตรียมออกด้านปากซอย เปิดแง้มกระจกทำให้เห็นภายในมีคนนั่งอยู่ลักษณะคล้ายแขกขาว 3 คน เมื่อเห็นตนเองก็รีบขับรถยนต์ออกไป เมื่อหันมาสังเกตประตูรั้วพบว่ามีร่องรอยถูกงัด จึงรีบเข้าไปเดินดูภายในบริเวณรอบๆ บ้าน ก่อนได้ยินเสียงคนร้ายซึ่งปีนเข้าไปในบ้านจากหน้าต่างด้านข้างกระโดดออกมา ตนบอกให้หยุด แต่คนร้ายพยายามถือไขควงปลายแหลม จะเข้ามาทำร้าย จึงใช้ปืนที่นำมาด้วย ยิงคนร้ายเข้าไป 1 นัด ก่อนล้มคว่ำแน่นิ่งไป จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

ตรงที่ขีดเส้นสีแดง ผมกลัวว่าจะโดนถามว่าแล้วทำไมไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะรู้ก่อนแล้วว่าคนบุกรุกเข้าไปในบ้าน   แต่ผมเชื่อว่าน่าจะแก้ต่างได้ ตรงที่ไม่ได้เจอแล้วยิงขโมยเลย แต่ที่ยิงเพราะขโมยแทนที่จะหนีกลับวิ่งเข้าใส่แล้วเอาไขควงจะเข้ามาแทงก็เลยต้องยิงป้องกันตัว
ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้


ยังไงรบกวนพี่ๆที่ทราบกฎหมาย ช่วยมาเฉลยด้วยนะครับ ไหว้ ไหว้ ไหว้  แฮ่ๆๆไม่ได้กวนนะครับ ถามเพราะอยากทราบจริงๆ เป็นเจ้าหนูจังไม เกินไปป่ะหว่า  กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« ตอบ #25 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 07:59:59 AM »

...ผมว่า "สมควร" แล้วล่ะครับ...

ใช่ครับ....
บันทึกการเข้า
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #26 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 08:06:20 AM »

ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้

คำว่า "และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้" ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีก่อนนะครับ
แต่หมายความว่า ผู้เสียหายไม่สามารถใช้วิธีอื่นใดได้เพื่อป้องกันชีวิตของตน นอกจากที่จะใช้ปืนยิงอย่างเดียว (ตามคดีนี้)

การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้กำหนดว่าผู้ประสบภัย จะต้องหนีภยันตรายนั้นก่อน จึงสามารถใช้สิทธิป้องกันได้
เมื่อมีเหตุอันละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงตัวแล้ว
ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิปกป้องทรัพย์สิน ชีวิตของตนได้ทันที โดยไม่จำต้องหนีภยันตรายนั้น

ในคดีนี้ ปัญหาในเรื่องป้องกัน ไม่ใช่กับกลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง
แต่เรื่องนี้ คือ เหตุการณ์ที่มาพบกับคนร้าย แต่เป็นคนร้ายอีกคน ที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน พบกับผู้เสียหายพอดี

ตรงนี้จึงต้องดูว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น เกิดขึ้นตอนไหน กับใคร และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงหรือไม่

กลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง แน่นอนต้องถือว่าภยันตรายสำหรับคนร้ายในรถนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แต่เรื่องนี้ ผู้เสียหายกลับมาพบภยันตรายจากคนร้ายอีกคนที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน
เมื่อคนร้ายพบกับผู้เสียหาย แทนที่จะยอมมอบตัว กลับวิ่่งเข้าหาพร้อมด้วยไขขวงปลายแหลม
ภยันตรายตรงนี้จึงจะเกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายแล้ว และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงด้วย

เมื่อผู้เสียหายร้องตะโกนบอกให้หยุด แต่คนร้ายกลับไม่หยุด จึงใช้อาวุธของตนยิงไปหนึ่งนัด ประมาณยิงน่ะเพราะฉันเตือนแล้ว

ในการลงความเห็นว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงคงเหลือข้อที่ต้องดูอีกประการ ก็คือ อนุภาพของอาวุธแต่ละฝ่าย กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง
แน่นอนหากพิจารณาถึงอาวุธของแต่ละฝ่าย ไขควงกับปืน ต้องถือว่ากระดูกคนละเบอร์ จึงมองว่าเกินกว่าเหตุได้

แต่ข้อสำคัญในการพิจารณาแท้จริงแล้ว การที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปหนึ่งนัด เพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง (คนร้ายวิ่งมาพร้อมไขควง)
 และจังหวะในขณะนั้น ทั้งที่ตะโกนห้ามแล้ว คนร้ายก็ยังวิ่งเข้าใส่พร้อมไขควง สถาณการณ์ดังกล่าวคงไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหยุดคนร้ายได้
ทั้งการที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปเพียงนัดเดียว ทั้งที่สามารถยิงได้อีก แสดงให้เห็นว่าในสถาณการณ์ดังกล่าว
ผู้เสียหายประสงค์ที่จะใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อหยุดยั้งคนร้าย ไม่ให้เข้ามาถึงตัวเรานั้นเอง
ตรงนี้จึงคาบลูกคาบดอกกันพอสมควร ระหว่างความพอดีของอาวุธ กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง (เกิน ไม่เกินกว่าเหตุ)

แต่อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยตายตัวว่าขนาดไหน อย่างไรเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และขนาดไหน อย่างไร เกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นเรื่องยากครับ
ต้องพิจารณาเป็นรายเรื่องและข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งหมดครับ  และเปรียบเทียบจากแนวคำพิพากษาฎีกา ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอควรครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2010, 08:15:25 AM โดย นายสิงห์กลิ้ง » บันทึกการเข้า
เขาใหญ่
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 83
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 766


« ตอบ #27 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:09:11 AM »

ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้

คำว่า "และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้" ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีก่อนนะครับ
แต่หมายความว่า ผู้เสียหายไม่สามารถใช้วิธีอื่นใดได้เพื่อป้องกันชีวิตของตน นอกจากที่จะใช้ปืนยิงอย่างเดียว (ตามคดีนี้)

การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้กำหนดว่าผู้ประสบภัย จะต้องหนีภยันตรายนั้นก่อน จึงสามารถใช้สิทธิป้องกันได้
เมื่อมีเหตุอันละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงตัวแล้ว
ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิปกป้องทรัพย์สิน ชีวิตของตนได้ทันที โดยไม่จำต้องหนีภยันตรายนั้น

ในคดีนี้ ปัญหาในเรื่องป้องกัน ไม่ใช่กับกลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง
แต่เรื่องนี้ คือ เหตุการณ์ที่มาพบกับคนร้าย แต่เป็นคนร้ายอีกคน ที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน พบกับผู้เสียหายพอดี

ตรงนี้จึงต้องดูว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น เกิดขึ้นตอนไหน กับใคร และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงหรือไม่

กลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง แน่นอนต้องถือว่าภยันตรายสำหรับคนร้ายในรถนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แต่เรื่องนี้ ผู้เสียหายกลับมาพบภยันตรายจากคนร้ายอีกคนที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน
เมื่อคนร้ายพบกับผู้เสียหาย แทนที่จะยอมมอบตัว กลับวิ่่งเข้าหาพร้อมด้วยไขขวงปลายแหลม
ภยันตรายตรงนี้จึงจะเกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายแล้ว และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงด้วย

เมื่อผู้เสียหายร้องตะโกนบอกให้หยุด แต่คนร้ายกลับไม่หยุด จึงใช้อาวุธของตนยิงไปหนึ่งนัด ประมาณยิงน่ะเพราะฉันเตือนแล้ว

ในการลงความเห็นว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงคงเหลือข้อที่ต้องดูอีกประการ ก็คือ อนุภาพของอาวุธแต่ละฝ่าย กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง
แน่นอนหากพิจารณาถึงอาวุธของแต่ละฝ่าย ไขควงกับปืน ต้องถือว่ากระดูกคนละเบอร์ จึงมองว่าเกินกว่าเหตุได้

แต่ข้อสำคัญในการพิจารณาแท้จริงแล้ว การที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปหนึ่งนัด เพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง (คนร้ายวิ่งมาพร้อมไขควง)
 และจังหวะในขณะนั้น ทั้งที่ตะโกนห้ามแล้ว คนร้ายก็ยังวิ่งเข้าใส่พร้อมไขควง สถาณการณ์ดังกล่าวคงไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหยุดคนร้ายได้
ทั้งการที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปเพียงนัดเดียว ทั้งที่สามารถยิงได้อีก แสดงให้เห็นว่าในสถาณการณ์ดังกล่าว
ผู้เสียหายประสงค์ที่จะใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อหยุดยั้งคนร้าย ไม่ให้เข้ามาถึงตัวเรานั้นเอง
ตรงนี้จึงคาบลูกคาบดอกกันพอสมควร ระหว่างความพอดีของอาวุธ กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง (เกิน ไม่เกินกว่าเหตุ)

แต่อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยตายตัวว่าขนาดไหน อย่างไรเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และขนาดไหน อย่างไร เกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นเรื่องยากครับ
ต้องพิจารณาเป็นรายเรื่องและข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งหมดครับ  และเปรียบเทียบจากแนวคำพิพากษาฎีกา ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอควรครับ



ทำให้ผู้อื่นตายไม่ว่ากรณีใดใด

โดนตั้งข้อหาก่อน ผิดถูก อยู่ในชั้นศาลครับ แต่ในกรณีนี้น่าจะรอดครับ

พนักงานสอบสวนคงทำเรื่อง ตามข้อเท็จจริง
บันทึกการเข้า

"เป้าหมาย...มีไว้เเล่นตำ"
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #28 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:12:36 AM »

ไอ้โจร GTH ครับ... Go To Hell...
บันทึกการเข้า
araki-รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน -561
ออฟไลน์

กระทู้: 699



« ตอบ #29 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:33:48 AM »

           ไหว้เอาใจช่วยครับขอให้คุณไพรัช ผู้ยิงผ่านคดีความในชั้นศาลอย่างราบรื่นปลอดภัยเหมือนกับตอนยิงป้องกันตัวครับ
เจ้าแขกขาวคงฟังภาษาไทยไม่ออก ว่าให้หยุด เห็นปืนก็เลยคิดสู้เลยต้องตายไปตามกรรมชั่วของมัน 
                                                                        araki
บันทึกการเข้า

"อำนาจ"
 มันเป็นเช่นนี้เอง
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.086 วินาที กับ 22 คำสั่ง