เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 30, 2024, 05:39:58 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เป่าดับแก๊งแขกขาวปืนบ้านลักทรัพย์  (อ่าน 5863 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #30 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:35:24 AM »

ไอ้โจร GTH ครับ... Go To Hell...

นึกว่า Go To Heaven  Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
นายรัก-รักในหลวง-
เลือด สี น้ำ เงิน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 203
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1646


จงภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง


« ตอบ #31 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 10:23:56 AM »

คิก คิก คิก คิก คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า

"สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป"
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #32 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 10:53:33 AM »

ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้

คำว่า "และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้" ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีก่อนนะครับ
แต่หมายความว่า ผู้เสียหายไม่สามารถใช้วิธีอื่นใดได้เพื่อป้องกันชีวิตของตน นอกจากที่จะใช้ปืนยิงอย่างเดียว (ตามคดีนี้)

การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้กำหนดว่าผู้ประสบภัย จะต้องหนีภยันตรายนั้นก่อน จึงสามารถใช้สิทธิป้องกันได้
เมื่อมีเหตุอันละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงตัวแล้ว
ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิปกป้องทรัพย์สิน ชีวิตของตนได้ทันที โดยไม่จำต้องหนีภยันตรายนั้น

ในคดีนี้ ปัญหาในเรื่องป้องกัน ไม่ใช่กับกลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง
แต่เรื่องนี้ คือ เหตุการณ์ที่มาพบกับคนร้าย แต่เป็นคนร้ายอีกคน ที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน พบกับผู้เสียหายพอดี

ตรงนี้จึงต้องดูว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น เกิดขึ้นตอนไหน กับใคร และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงหรือไม่

กลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง แน่นอนต้องถือว่าภยันตรายสำหรับคนร้ายในรถนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แต่เรื่องนี้ ผู้เสียหายกลับมาพบภยันตรายจากคนร้ายอีกคนที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน
เมื่อคนร้ายพบกับผู้เสียหาย แทนที่จะยอมมอบตัว กลับวิ่่งเข้าหาพร้อมด้วยไขขวงปลายแหลม
ภยันตรายตรงนี้จึงจะเกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายแล้ว และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงด้วย

เมื่อผู้เสียหายร้องตะโกนบอกให้หยุด แต่คนร้ายกลับไม่หยุด จึงใช้อาวุธของตนยิงไปหนึ่งนัด ประมาณยิงน่ะเพราะฉันเตือนแล้ว

ในการลงความเห็นว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงคงเหลือข้อที่ต้องดูอีกประการ ก็คือ อนุภาพของอาวุธแต่ละฝ่าย กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง
แน่นอนหากพิจารณาถึงอาวุธของแต่ละฝ่าย ไขควงกับปืน ต้องถือว่ากระดูกคนละเบอร์ จึงมองว่าเกินกว่าเหตุได้

แต่ข้อสำคัญในการพิจารณาแท้จริงแล้ว การที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปหนึ่งนัด เพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง (คนร้ายวิ่งมาพร้อมไขควง)
 และจังหวะในขณะนั้น ทั้งที่ตะโกนห้ามแล้ว คนร้ายก็ยังวิ่งเข้าใส่พร้อมไขควง สถาณการณ์ดังกล่าวคงไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหยุดคนร้ายได้
ทั้งการที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปเพียงนัดเดียว ทั้งที่สามารถยิงได้อีก แสดงให้เห็นว่าในสถาณการณ์ดังกล่าว
ผู้เสียหายประสงค์ที่จะใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อหยุดยั้งคนร้าย ไม่ให้เข้ามาถึงตัวเรานั้นเอง
ตรงนี้จึงคาบลูกคาบดอกกันพอสมควร ระหว่างความพอดีของอาวุธ กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง (เกิน ไม่เกินกว่าเหตุ)

แต่อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยตายตัวว่าขนาดไหน อย่างไรเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และขนาดไหน อย่างไร เกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นเรื่องยากครับ
ต้องพิจารณาเป็นรายเรื่องและข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งหมดครับ  และเปรียบเทียบจากแนวคำพิพากษาฎีกา ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอควรครับ



ตามที่น้องทนายสิงห์  ให้ความเห็นนี้ละครับ.  เยี่ยม

สิ่งของที่อยู่ในมือ โจร - คนร้าย ถ้าสามารถประทุษร้ายได้ ก็ถือเป็นอาวุธ  และไขควง เสียบเข้าร่างกาย ก็เหมือนโดนลูกธนู  ไป ๑ ดอก  ตกใจ

กรณีนี้ ผู้เสียหายมีสิทธิป้องกันตัว แต่จะพอสมควรแก่เหตุ หรือไม่  อยู่ที่ระยะห่างของคนทั้งสอง  ซึ่งพนักงานสอบสวน
ต้องฟังจากปากคนยิง และตรวจดูที่เกิดเหตุว่าเจือสมกันหรือไม่
ดูจากพฤติการณ์ ของผู้ยิง ซึ่งยิงเพียง ๑ นัด ก็พอให้เห็นถึงเจตนายิงเพื่อป้องกันตัว ไม่ให้โจรเข้ามาทำร้าย ไม่ใช่ยิงให้ตาย

ไอ้โจร GTH ครับ... Go To Hell...  อย่างที่ นายสมชาย(ฮา)  บอกครับ

ถ้าซัด ไป ๒ นัด อย่างนี้ละมีปัญหา เพราะอาวุธที่โจรใช้ไม่ใช่ปืน

ส่วนรถยนต์ที่ขับหนีไป ถ้ายิงตามหลัง โดนคนในรถ และโจรไปถูกจับ พวกโจร ก็โดนข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน ส่วนผู้ยิง ก็จะโดนกระทำเกินกว่าเหตุ ครับ  Grin



บันทึกการเข้า

ko_kloy212
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 148
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1164


คนพ่นไฟ


« ตอบ #33 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 11:23:50 AM »

ดักชิงทองเมียตร. โดนจ่ายิงดับคาที่


--------------------------------------------------------------------------------





ปล้นผิด - นางเครือฟ้า ศรีแสง โชว์บาดแผลหลังถูก 2 โจรดักจี้ชิงสร้อยคอทองคำ ระหว่างซ้อนท้ายจยย.มากับจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง สามี บริเวณใกล้นิคมฯ บางปะอิน ก่อนที่จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ จะใช้อาวุธปืนยิงใส่คนร้ายเสียชีวิตไป 1 ราย

 
โจรดวงซวยดักกระชากสร้อยเมียตร. ขณะนั่งซ้อนท้ายผัวมาซื้อกับข้าว ใช้ปืนดักจี้หน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.ส.ต.สบจังหวะจึงชักปืนยิงใส่ โดนโจรที่ซ้อนท้ายดับสยอง ส่วนคนขี่เพื่อนร่วมแก๊งหลบหนีไปได้ แฉคนตายมีประวัติติดยาเสพติด อยู่ระหว่างคุมประพฤติ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 19 ก.พ. พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ แสงครุฑ พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระ นครศรีอยุธยา รับแจ้งจากจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ศรีแสง อายุ 37 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.บางปะอิน ว่ามีคนร้ายได้กระชากสร้อยนางเครือฟ้า ศรีแสง อายุ 36 ปี ภรรยา และได้ใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายเสียชีวิต ที่บริเวณริมถนนสายอุดมสรยุทธ์ ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ม.2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย สายไหม ผกก. พ.ต.ท.ธนพณ โพธิสุข รองผกก.สส. พ.ต.ท.นฤนาท พุทไธสง รองผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังชุดสืบสวนไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ

พบศพนายกำพล โซ๊ะมีเลาะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.9 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์สีดำ สวมหมวกกันน็อก แบบปิดหน้าสีดำ สภาพศพนอนหงาย ถูกยิงเข้าที่ชายโครงขวาด้านหลังจำนวน 1 นัด กระสุนทะลุหน้าอก ห่างจากศพประมาณ 30 เมตร พบสร้อยคอทองคำขาดพร้อมพระหลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี เลี่ยมทองหนัก 1 บาท ตกอยู่ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า แอร์เบลด สีดำหมายเลขทะเบียน ชกพ-197 พระนครศรีอยุธยา เป็นรถของจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ

จ.ส.ต.ศักดิ์สิริ กล่าวว่า หลังจากออกเวรขับรถของพนักงานสอบสวนได้เปลี่ยนชุดที่บ้านพัก ในขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพร้อมภรรยา โดยนำสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลติดตามมาด้วย โดยจะไปซื้อกับข้าวที่ตลาด จังหวะที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาถึงหน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้าให้จอด จากนั้นคนร้ายที่เป็นคนขับ สวมหมวกกันน็อกสีดำชักอาวุธปืนออกมาจ่อที่ตนบอกว่าให้อยู่เฉยๆ ส่วนคนซ้อนท้ายกระชากสร้อยคอของภรรยาจนขาด ทำให้ที่ลำคอด้านขวามีบาดแผลถลอกเลือดไหลซิบๆ สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลเห่าส่งเสียงดังตลอดเวลา ระหว่างนั้นพยายามตั้งสติ รอจังหวะให้คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ออกไป คนร้ายยังใช้อาวุธปืนจ่อมาทางตนบอกไม่ให้ติดตามมา จากนั้นจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ที่พกติดตัวมายิงใส่คนร้ายไป 1 นัด จนคนร้ายที่ซ้อนท้ายตกลงจากรถ ส่วนคนร้ายอีกคนได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตนพยายามขี่รถติดตามแต่ไม่ทัน

พ.ต.อ.ธงชัย กล่าวว่าจากการตรวจสอบประวัติของผู้ตาย ทราบว่าเคยต้องโทษในคดียาเสพติด ซึ่งในวันเดียวกันนี้จะต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนอย่างละเอียดพร้อมทั้งจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ในเบื้องต้นตั้งข้อหาจ.ส.ต.ศักดิ์สิริ ในข้อหาฆ่าคนตายเอาไว้ก่อนhttp://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREl3TURJMU1nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TUE9PQ==
[/quote]

แบบนี้คนปกติคงโดนข้อหา"ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" เพราะเข้าข่ายเกินกว่าเหตุ เพราะไม่ใช่ภัยเฉพาะหน้าที่จะมาถึงตัว แต่โจรกำลังหนีไปและยิงไล่หลัง
[/quote]

ผมเห็นด้วยกับคุณแมวบ้า(น)ครับ แต่เนื้อเรื่องคงมีการตกแต่งมาหน่อยแล้วครับ ต้องดูที่ว่ามีประัจักษ์พยานอื่นด้วยหรือเปล่า  หลงรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2010, 11:26:52 AM โดย ko_kloy212 » บันทึกการเข้า

ลุมพินี08
Hero Member
*****

คะแนน 167
ออฟไลน์

กระทู้: 1438


« ตอบ #34 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 12:19:44 PM »

ช่วยๆกันเป่าไปทีละ 1 พวกนี้คงจะลดลงบ้างแต่คงสูญพันธ์ยาก เอาใจช่วยด้วยคนครับ ผลคดีจบเป็นอย่างไรก็นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
บันทึกการเข้า
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #35 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 03:41:40 PM »

 ไหว้ ไหว้ ขอบพระคุณพี่ๆมากเลยครับที่ช่วยไขข้อข้องใจเรื่องกฎหมายให้
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #36 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 04:02:25 PM »

ถ้าคุณตำรวจนายนั้นบอกว่า "โจรกำลังเอาปืนจี้ พอเห็นว่า ตำรวจคนดังกล่าวมีปืนจึงหันมากำลังจะยิง แต่ตำรวจนายนั้นยิงก่อน ส่วนไอ้คนที่ขับจึงลงมาหยิบปืน แล้วขับรถหนีไปทันที "ขำก๊าก อย่างนี้เป็นการป้องกันตัวได้ไหมครับ(อยู่ที่คำให้การ)
บันทึกการเข้า
ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #37 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 06:11:05 PM »

ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้

คำว่า "และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้" ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีก่อนนะครับ
แต่หมายความว่า ผู้เสียหายไม่สามารถใช้วิธีอื่นใดได้เพื่อป้องกันชีวิตของตน นอกจากที่จะใช้ปืนยิงอย่างเดียว (ตามคดีนี้)

การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้กำหนดว่าผู้ประสบภัย จะต้องหนีภยันตรายนั้นก่อน จึงสามารถใช้สิทธิป้องกันได้
เมื่อมีเหตุอันละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงตัวแล้ว
ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิปกป้องทรัพย์สิน ชีวิตของตนได้ทันที โดยไม่จำต้องหนีภยันตรายนั้น

ในคดีนี้ ปัญหาในเรื่องป้องกัน ไม่ใช่กับกลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง
แต่เรื่องนี้ คือ เหตุการณ์ที่มาพบกับคนร้าย แต่เป็นคนร้ายอีกคน ที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน พบกับผู้เสียหายพอดี

ตรงนี้จึงต้องดูว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น เกิดขึ้นตอนไหน กับใคร และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงหรือไม่

กลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง แน่นอนต้องถือว่าภยันตรายสำหรับคนร้ายในรถนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แต่เรื่องนี้ ผู้เสียหายกลับมาพบภยันตรายจากคนร้ายอีกคนที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน
เมื่อคนร้ายพบกับผู้เสียหาย แทนที่จะยอมมอบตัว กลับวิ่่งเข้าหาพร้อมด้วยไขขวงปลายแหลม
ภยันตรายตรงนี้จึงจะเกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายแล้ว และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงด้วย

เมื่อผู้เสียหายร้องตะโกนบอกให้หยุด แต่คนร้ายกลับไม่หยุด จึงใช้อาวุธของตนยิงไปหนึ่งนัด ประมาณยิงน่ะเพราะฉันเตือนแล้ว

ในการลงความเห็นว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงคงเหลือข้อที่ต้องดูอีกประการ ก็คือ อนุภาพของอาวุธแต่ละฝ่าย กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง
แน่นอนหากพิจารณาถึงอาวุธของแต่ละฝ่าย ไขควงกับปืน ต้องถือว่ากระดูกคนละเบอร์ จึงมองว่าเกินกว่าเหตุได้

แต่ข้อสำคัญในการพิจารณาแท้จริงแล้ว การที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปหนึ่งนัด เพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง (คนร้ายวิ่งมาพร้อมไขควง)
 และจังหวะในขณะนั้น ทั้งที่ตะโกนห้ามแล้ว คนร้ายก็ยังวิ่งเข้าใส่พร้อมไขควง สถาณการณ์ดังกล่าวคงไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหยุดคนร้ายได้
ทั้งการที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปเพียงนัดเดียว ทั้งที่สามารถยิงได้อีก แสดงให้เห็นว่าในสถาณการณ์ดังกล่าว
ผู้เสียหายประสงค์ที่จะใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อหยุดยั้งคนร้าย ไม่ให้เข้ามาถึงตัวเรานั้นเอง
ตรงนี้จึงคาบลูกคาบดอกกันพอสมควร ระหว่างความพอดีของอาวุธ กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง (เกิน ไม่เกินกว่าเหตุ)

แต่อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยตายตัวว่าขนาดไหน อย่างไรเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และขนาดไหน อย่างไร เกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นเรื่องยากครับ
ต้องพิจารณาเป็นรายเรื่องและข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งหมดครับ  และเปรียบเทียบจากแนวคำพิพากษาฎีกา ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอควรครับ



ตามที่น้องทนายสิงห์  ให้ความเห็นนี้ละครับ.  เยี่ยม

สิ่งของที่อยู่ในมือ โจร - คนร้าย ถ้าสามารถประทุษร้ายได้ ก็ถือเป็นอาวุธ  และไขควง เสียบเข้าร่างกาย ก็เหมือนโดนลูกธนู  ไป ๑ ดอก  ตกใจ

กรณีนี้ ผู้เสียหายมีสิทธิป้องกันตัว แต่จะพอสมควรแก่เหตุ หรือไม่  อยู่ที่ระยะห่างของคนทั้งสอง  ซึ่งพนักงานสอบสวน
ต้องฟังจากปากคนยิง และตรวจดูที่เกิดเหตุว่าเจือสมกันหรือไม่
ดูจากพฤติการณ์ ของผู้ยิง ซึ่งยิงเพียง ๑ นัด ก็พอให้เห็นถึงเจตนายิงเพื่อป้องกันตัว ไม่ให้โจรเข้ามาทำร้าย ไม่ใช่ยิงให้ตาย

ไอ้โจร GTH ครับ... Go To Hell...  อย่างที่ นายสมชาย(ฮา)  บอกครับ

ถ้าซัด ไป ๒ นัด อย่างนี้ละมีปัญหา เพราะอาวุธที่โจรใช้ไม่ใช่ปืน

ส่วนรถยนต์ที่ขับหนีไป ถ้ายิงตามหลัง โดนคนในรถ และโจรไปถูกจับ พวกโจร ก็โดนข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน ส่วนผู้ยิง ก็จะโดนกระทำเกินกว่าเหตุ ครับ  Grin





ขอบคุณคุณ Ro@d คุณสิงกลิ้ง ที่ให้ความรู้ และ จขกท. ที่เปิดประเด็นให้เป็นความรู้ครับ +1  ไหว้
รบกวนถามเพิ่มอีกหน่อยครับ ในกรณีที่คุณ Ro@d พูดถึงการยิงตามหลังคนร้าย หากเราตั้งใจยิงยางเพื่อหยุดรถ จะเสี่ยงต่อข้อหาพยายามฆ่ามั้ยครับ ตั้งใจยิงยางจริงๆครับ ขอบคุณครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #38 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 06:16:27 PM »

ตรงนี้จากข่าวไม่ได้บอกว่าเจอขโมยแบบจังๆระยะประชิดหรือเปล่าถึงได้ยิง   แต่ถ้าขโมยอยู่ไกลจากเราไปซัก10เมตร น่าจะต้องโดนถามต่อว่า  ทำไมถึงไม่วิ่งหนี เพราะไม่ใช่ระยะที่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้

คำว่า "และไม่สามารหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้" ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีก่อนนะครับ
แต่หมายความว่า ผู้เสียหายไม่สามารถใช้วิธีอื่นใดได้เพื่อป้องกันชีวิตของตน นอกจากที่จะใช้ปืนยิงอย่างเดียว (ตามคดีนี้)

การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้กำหนดว่าผู้ประสบภัย จะต้องหนีภยันตรายนั้นก่อน จึงสามารถใช้สิทธิป้องกันได้
เมื่อมีเหตุอันละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงตัวแล้ว
ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิปกป้องทรัพย์สิน ชีวิตของตนได้ทันที โดยไม่จำต้องหนีภยันตรายนั้น

ในคดีนี้ ปัญหาในเรื่องป้องกัน ไม่ใช่กับกลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง
แต่เรื่องนี้ คือ เหตุการณ์ที่มาพบกับคนร้าย แต่เป็นคนร้ายอีกคน ที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน พบกับผู้เสียหายพอดี

ตรงนี้จึงต้องดูว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น เกิดขึ้นตอนไหน กับใคร และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงหรือไม่

กลุ่มของคนร้ายอื่นซึ่งอยู่ด้านนอกบ้าน ขับรถหลบหนีไปเพราะสัญญาณเตือนภัยดัง แน่นอนต้องถือว่าภยันตรายสำหรับคนร้ายในรถนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แต่เรื่องนี้ ผู้เสียหายกลับมาพบภยันตรายจากคนร้ายอีกคนที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างในบ้าน
เมื่อคนร้ายพบกับผู้เสียหาย แทนที่จะยอมมอบตัว กลับวิ่่งเข้าหาพร้อมด้วยไขขวงปลายแหลม
ภยันตรายตรงนี้จึงจะเกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายแล้ว และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงด้วย

เมื่อผู้เสียหายร้องตะโกนบอกให้หยุด แต่คนร้ายกลับไม่หยุด จึงใช้อาวุธของตนยิงไปหนึ่งนัด ประมาณยิงน่ะเพราะฉันเตือนแล้ว

ในการลงความเห็นว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงคงเหลือข้อที่ต้องดูอีกประการ ก็คือ อนุภาพของอาวุธแต่ละฝ่าย กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง
แน่นอนหากพิจารณาถึงอาวุธของแต่ละฝ่าย ไขควงกับปืน ต้องถือว่ากระดูกคนละเบอร์ จึงมองว่าเกินกว่าเหตุได้

แต่ข้อสำคัญในการพิจารณาแท้จริงแล้ว การที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปหนึ่งนัด เพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง (คนร้ายวิ่งมาพร้อมไขควง)
 และจังหวะในขณะนั้น ทั้งที่ตะโกนห้ามแล้ว คนร้ายก็ยังวิ่งเข้าใส่พร้อมไขควง สถาณการณ์ดังกล่าวคงไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหยุดคนร้ายได้
ทั้งการที่ผู้เสียหายยิงคนร้ายไปเพียงนัดเดียว ทั้งที่สามารถยิงได้อีก แสดงให้เห็นว่าในสถาณการณ์ดังกล่าว
ผู้เสียหายประสงค์ที่จะใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อหยุดยั้งคนร้าย ไม่ให้เข้ามาถึงตัวเรานั้นเอง
ตรงนี้จึงคาบลูกคาบดอกกันพอสมควร ระหว่างความพอดีของอาวุธ กับความพอดีของลักษณะและวิธีการในการหยุดยั้ง (เกิน ไม่เกินกว่าเหตุ)

แต่อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยตายตัวว่าขนาดไหน อย่างไรเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และขนาดไหน อย่างไร เกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นเรื่องยากครับ
ต้องพิจารณาเป็นรายเรื่องและข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งหมดครับ  และเปรียบเทียบจากแนวคำพิพากษาฎีกา ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอควรครับ



ตามที่น้องทนายสิงห์  ให้ความเห็นนี้ละครับ.  เยี่ยม

สิ่งของที่อยู่ในมือ โจร - คนร้าย ถ้าสามารถประทุษร้ายได้ ก็ถือเป็นอาวุธ  และไขควง เสียบเข้าร่างกาย ก็เหมือนโดนลูกธนู  ไป ๑ ดอก  ตกใจ

กรณีนี้ ผู้เสียหายมีสิทธิป้องกันตัว แต่จะพอสมควรแก่เหตุ หรือไม่  อยู่ที่ระยะห่างของคนทั้งสอง  ซึ่งพนักงานสอบสวน
ต้องฟังจากปากคนยิง และตรวจดูที่เกิดเหตุว่าเจือสมกันหรือไม่
ดูจากพฤติการณ์ ของผู้ยิง ซึ่งยิงเพียง ๑ นัด ก็พอให้เห็นถึงเจตนายิงเพื่อป้องกันตัว ไม่ให้โจรเข้ามาทำร้าย ไม่ใช่ยิงให้ตาย

ไอ้โจร GTH ครับ... Go To Hell...  อย่างที่ นายสมชาย(ฮา)  บอกครับ

ถ้าซัด ไป ๒ นัด อย่างนี้ละมีปัญหา เพราะอาวุธที่โจรใช้ไม่ใช่ปืน

ส่วนรถยนต์ที่ขับหนีไป ถ้ายิงตามหลัง โดนคนในรถ และโจรไปถูกจับ พวกโจร ก็โดนข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน ส่วนผู้ยิง ก็จะโดนกระทำเกินกว่าเหตุ ครับ  Grin





ขอบคุณคุณ Ro@d คุณสิงกลิ้ง ที่ให้ความรู้ และ จขกท. ที่เปิดประเด็นให้เป็นความรู้ครับ +1  ไหว้
รบกวนถามเพิ่มอีกหน่อยครับ ในกรณีที่คุณ Ro@d พูดถึงการยิงตามหลังคนร้าย หากเราตั้งใจยิงยางเพื่อหยุดรถ จะเสี่ยงต่อข้อหาพยายามฆ่ามั้ยครับ ตั้งใจยิงยางจริงๆครับ ขอบคุณครับ  ไหว้

เจตนาเพื่อยิงยางรถยนต์ เพื่อขัดขวางการหลบหนี เพื่อติดตามเอาคืนทรัพย์สิน ที่ยังไม่ทราบว่า คนร้ายจะได้เอาอะไรไปบ้าง ไม่มีความผิดครับ   

ต่างกับยิงเข้าตัวถึงรถ อาจจะมีความผิดฐานพยายามฆ่า  นะครับ คุณ ENOLA GAY ..  Grin
บันทึกการเข้า

ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #39 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 06:57:52 PM »

ขอบพระคุณมากครับ   ไหว้

พอถามคำถามนั้นไปเลยทำให้นึกถึงหลายปีมาแล้ว ผมกับแฟนนั่งทานส้มตำริมฟุตบาทในถนนรางน้ำ เค้าเผลอวางกระเป๋าถือไว้เก้าอี้ตัวที่อยู่ริม(ชิดกับถนน) หัวขโมยดูจังหวะที่ผมก้มลงตักอาหารเข้าปาก คว้าหมับแล้ววิ่ง ผมก็วิ่งไล่ตามไป มันวิ่งข้างล่าง (บนถนน) ผมวิ่งบนฟุตบาท  รถมอเตอร์ไซค์เพื่อนมันรออยู่ในซอยข้างหน้า ระยะทางผมกับมันใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แต่มันถึงรถมอเตอร์ไซค์ก่อน แล้วบึ่งหนีไป ผมไม่ได้พกปืน นึกสงสัยอยู่ว่า ถ้ามีและจะยิงแนวต่ำๆให้โดน ยาง หรือ โซ่ หรือแม้แต่ขามัน อย่างนี้จะเสี่ยงต่อข้อหาพยายามฆ่าด้วยมั้ยครับ
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #40 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 07:07:05 PM »

ขอบพระคุณมากครับ   ไหว้

พอถามคำถามนั้นไปเลยทำให้นึกถึงหลายปีมาแล้ว ผมกับแฟนนั่งทานส้มตำริมฟุตบาทในถนนรางน้ำ เค้าเผลอวางกระเป๋าถือไว้เก้าอี้ตัวที่อยู่ริม(ชิดกับถนน) หัวขโมยดูจังหวะที่ผมก้มลงตักอาหารเข้าปาก คว้าหมับแล้ววิ่ง ผมก็วิ่งไล่ตามไป มันวิ่งข้างล่าง (บนถนน) ผมวิ่งบนฟุตบาท  รถมอเตอร์ไซค์เพื่อนมันรออยู่ในซอยข้างหน้า ระยะทางผมกับมันใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แต่มันถึงรถมอเตอร์ไซค์ก่อน แล้วบึ่งหนีไป ผมไม่ได้พกปืน นึกสงสัยอยู่ว่า ถ้ามีและจะยิงแนวต่ำๆให้โดน ยาง หรือ โซ่ หรือแม้แต่ขามัน อย่างนี้จะเสี่ยงต่อข้อหาพยายามฆ่าด้วยมั้ยครับ

ข้อเท็จจริงอย่างนี้ เป็น ติดตามเอาคืนทรัพย์สินที่ถูกวิ่งราวทรัพย์ การติดตามนี้ เจ้าทรัพย์มีสิทธิในการป้องกันมิให้ทรัพย์สินของตน ด้วยการขัดขวางการหลบหนี

จะเห็นว่าถ้ามีเจตนายิงเพื่อฆ่า ระยะเท่านี้ ก็กระทำได้ แต่ละเว้น ยิงยางรถ ยิงขา    การกระทำนี้จึงน่าพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด ครับ  Cheesy

แต่ถ้าระหวางนั้น โจร หันมาพร้อมอาวุธปืนในมือ พุ่งลำกล้องตรงมา  ก็สวนแนวลำกล้องปืน ออกไปเลยครับ ถือว่าเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดตามกฎหมาย ครับ  เยี่ยม
บันทึกการเข้า

ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #41 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 07:51:14 PM »

ขอบพระคุณอีกครั้งครับ   ไหว้
บันทึกการเข้า
Sniper69 - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 258
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1673


One shoot one kill.


« ตอบ #42 เมื่อ: กันยายน 14, 2010, 10:00:35 AM »

ขอบคุณ พี่ Ro@d และพี่สิงห์กลิ้งครับ ได้ความรู้ครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า

ชมรมส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิการใช้อาวุธปืนของประชาชน
BLUE ZONE
สุนทร
ชาว อวป.
Newbie
****

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 17


« ตอบ #43 เมื่อ: กันยายน 16, 2010, 09:06:04 AM »

การกระทำดังกล่าว เป็นการป้องกันตัวพอสมควรเหตุเเล้วครับ  มาตรา 68 เนื่องจากหากไม่ยิงออกไป เชื่อได้เเน่ว่า ต้องถูกทำร้ายด้วยไขควงยาว 1ฟุต ซึ่งก็คืออาวุธที่สามารถทำร้ายให้ถึงเเก่ชีวิตได้
บันทึกการเข้า
munich6204
ชาว อวป.
Newbie
****

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #44 เมื่อ: กันยายน 16, 2010, 09:38:41 AM »

ขอบพระคุณมากครับ   ไหว้

พอถามคำถามนั้นไปเลยทำให้นึกถึงหลายปีมาแล้ว ผมกับแฟนนั่งทานส้มตำริมฟุตบาทในถนนรางน้ำ เค้าเผลอวางกระเป๋าถือไว้เก้าอี้ตัวที่อยู่ริม(ชิดกับถนน) หัวขโมยดูจังหวะที่ผมก้มลงตักอาหารเข้าปาก คว้าหมับแล้ววิ่ง ผมก็วิ่งไล่ตามไป มันวิ่งข้างล่าง (บนถนน) ผมวิ่งบนฟุตบาท  รถมอเตอร์ไซค์เพื่อนมันรออยู่ในซอยข้างหน้า ระยะทางผมกับมันใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แต่มันถึงรถมอเตอร์ไซค์ก่อน แล้วบึ่งหนีไป ผมไม่ได้พกปืน นึกสงสัยอยู่ว่า ถ้ามีและจะยิงแนวต่ำๆให้โดน ยาง หรือ โซ่ หรือแม้แต่ขามัน อย่างนี้จะเสี่ยงต่อข้อหาพยายามฆ่าด้วยมั้ยครับ

ข้อเท็จจริงอย่างนี้ เป็น ติดตามเอาคืนทรัพย์สินที่ถูกวิ่งราวทรัพย์ การติดตามนี้ เจ้าทรัพย์มีสิทธิในการป้องกันมิให้ทรัพย์สินของตน ด้วยการขัดขวางการหลบหนี

จะเห็นว่าถ้ามีเจตนายิงเพื่อฆ่า ระยะเท่านี้ ก็กระทำได้ แต่ละเว้น ยิงยางรถ ยิงขา    การกระทำนี้จึงน่าพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด ครับ  Cheesy

แต่ถ้าระหวางนั้น โจร หันมาพร้อมอาวุธปืนในมือ พุ่งลำกล้องตรงมา  ก็สวนแนวลำกล้องปืน ออกไปเลยครับ ถือว่าเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดตามกฎหมาย ครับ  เยี่ยม

แล้วถ้าตั้งใจยิงยางรถ หรือยิงที่ขา แต่พลาดไปโดนส่วนที่สูงขึ้นไป จะถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุไหมครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.106 วินาที กับ 22 คำสั่ง