เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 30, 2024, 07:50:20 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รุ้มั้ยครับว่า Facebook ใช้ Server กี่เครื่อง?  (อ่าน 4361 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Tonyman
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 59
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5846


Best Wishes and Many Fast "A's" to You.


เว็บไซต์
« เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 12:14:59 PM »

มีใช้มากกว่า 30,000 เครื่องครับ  Shocked Shocked Shocked

พอดีไปอ่านเจอมา เลยเอามาฝากครับผม



ที่มาของข้อมูล

http://www.datacenterknowledge.com/archives/2009/10/13/facebook-now-has-30000-servers/
บันทึกการเข้า

We can either find the way or make one.
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 12:21:31 PM »

จำเป็นต้องมีมากขนาดนี้เหลยเหรอครับ  ตกใจ
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 12:47:45 PM »



                              โว้ววววว  Amazing   ...........     ขอบคุณครับน้าโทนี่

บันทึกการเข้า

                
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 12:53:57 PM »

เห็น Server ของ Google แล้วจะหนาว   ยิ้มีเลศนัย





รูปอยู่ไหนแล้วหว่า  Grin
บันทึกการเข้า
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 01:11:49 PM »

มีเพราะจำเป็น จะเท่าไหร่ๆ มันก็ควรมีเพราะมันเป็นงานเป็นรายได้ของเขา ไม่แปลก เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม

แต่อะไรที่ไม่จำเป็น หนึ่งเดียว บางทีก็มากเกินไป Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
vichai01++รักในหลวง++
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 2775



« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 03:28:42 PM »

ขอบคุณครับ เยอะจริงๆ
บันทึกการเข้า

คาถาป้องกันภัยพิบัติทั้งปวง
ปะโตเมตัง ปะระชิวินัง สุขะโต จุติ
จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 04:10:00 PM »

ขออนุญาต พี่โทนี่แมนครับ  ขอต่อหน่อย




ภาพชายด้านบนคือMark Zuckerberg  เขาคือใคร


ชื่อของมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ดูจะน่าสนใจมากขึ้นอีกเมื่อนิตยสาร Forbes จัดอันดับให้
ซัคเกอร์เบิร์กเป็นเศรษฐีที่รวยอันดับ 785 ของโลก หลายคนอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใคร มาจากไหน
และเส้นทางรวยล้นฟ้าด้วยวัยเพียง 23 ปีเกิดขึ้นได้อย่างไร แม้จะมีบทความมากมายเขียนไขข้อข้องใจ
ไปแล้ว แต่ผู้จัดการไซเบอร์ ก็อดไม่ได้ที่จะรวบรวมเรื่องราวของซัคเกอร์เบิร์กมาเสนออีกครั้ง

       
       ปัจจุบัน ซัคเกอร์เบิร์กเป็นทั้งนักธุรกิจและนักเขียนโปรแกรม ดำรงตำแหน่งประธานบริหารเว็บไซต์เฟสบุ้ก
Facebook.com ธุรกิจเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์มูลค่าหลายพันล้านเหรียญที่สร้างขึ้นเมื่อครั้งยังเป็น
นักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์ดเวิร์ด ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมรุ่นและเพื่อนร่วมห้องอย่าง Andrew McCollum,
Dustin Moskovitz และ Chris Hughes




เชื้อสายยิว-อเมริกัน
       
       ข้อมูลจากวิกิพีเดีย สาราณุกรมออนไลน์ระบุว่า Mark Elliot Zuckerberg เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1984 ปัจจุบัน
อายุ 23 ปี เติบโตในย่าน Dobbs Ferry รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ครอบครัวเป็นยิว-อเมริกัน เริ่มเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากนั้นเข้าศึกษาระดับมัธยมที่ Ardsley High School และจบมัธยมปลายที่ Phillips
Exeter Academy ในปี 2002
       
       ซัคเกอร์เบิร์กเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด หยุดเรียนไปกลางคัน และกลับมาลงทะเบียนเรียนอีกครั้งในปี 2006


ที่ฮาร์เวิร์ด ซัคเกอร์เบิร์กเริ่มต้นโครงการวิจัยหรือโปรเจ็กต์ชิ้นแรกกับเพื่อนร่วมห้อง Arie Hasit ชื่อของโปรเจ็กต์
นี้คือ Coursematch เป็นบริการที่เปิดให้นักศึกษาสามารถดูรายชื่อเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ โปรเจ็กต์ต่อมาคือ
Facemash.com เว็บไซต์โหวตรูปนักศึกษาฮาร์เวิร์ดว่าใครได้รับความนิยมชมชอบมากหรือน้อย แต่แล้วเมื่อ
โปรเจ็กต์นี้ให้บริการจริงบนโลกออนไลน์เพียง 4 ชั่วโมง มหาวิทยาลัยก็ลงดาบระงับการใช้อินเทอร์เน็ตของ
ซัคเกอร์เบิร์ก ด้วยข้อหาว่าโปรเจ็กต์นี้ของซัคเกอร์เบิร์กละเมิดนโยบายการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มหาวิทยาลัย
กำหนดไว้ และเป็นภัยต่อระบบความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย
       
       เขียนไม่ถึง2สัปดาห์?
       
       ซัคเกอร์เบิร์กคลอดบริการนาม Facebook จากห้องพักตัวเองในมหาวิทยาลัยด้วยฤกษ์วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2004
บางแหล่งข่าวระบุว่าซัคเกอร์เบอร์เขียนโปรแกรม FaceBook ชุดดั้งเดิมในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ คราวนี้ไม่ใช่บริการ
โหวตรูปหรือบริการแสดงรายชื่อเพื่อนร่วมชั้น แต่เป็นบริการที่ให้นักศึกษาสามารถโพสต์ข้อมูลของตัวเองได้เท่าที่
ต้องการ

       
       แน่นอนว่าเฟสบุ้กได้รับความนิยมถล่มทลายในฮาร์เวิร์ด นักศึกษาราว 2 ใน 3 แห่ลงทะเบียนใช้งานตั้งแต่ 2
สัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการ ต่อมาซัคเกอร์เบิร์กและเพื่อน Dustin Moskovitz เริ่มขยายบริการเฟสบุ้กไปยังสถาน
มหาวิทยาลัยอื่น เช่น สแตนฟอร์ด โคลัมเบีย และเยล โดยราว 4 เดือน สถานศึกษาที่ใช้บริการ Facebook
มีจำนวนราว 30 แห่ง

       
       เมื่ออะไรก็ไปได้สวย ซัคเกอร์เบิร์กตกลงใจเดินทางไป Palo Alto แคลิฟอร์เนียพร้อม Moskovitz และกลุ่ม
เพื่อนช่วงฤดูร้อนปี 2004 ทั้งกลุ่มวางแผนกลับฮาร์เวิร์ดให้ทันฤดูใบไม้ร่วงแต่ก็เปลี่ยนใจอยู่ที่แคลิฟอร์เนียต่อไป
และขาดเรียนที่ฮาร์เวิร์ดตั้งแต่นั้น

       
       ห้องเช่าถูกดัดแปลงเป็นสำนักงานชั่วคราว ช่วงฤดูร้อนนี้เองที่ทำให้ซัคเกอร์เบิร์กได้พบกับ Peter Thiel ผู้
ร่วมก่อตั้งบริการชำระเงินออนไลน์ PayPal ซึ่งให้ทุนก้อนแรกมา 5 แสนเหรียญ สำนักงานเฟสบุ้กแห่งแรกจึง
กำเนิดขึ้นที่ University Avenue ในตัวเมือง Palo Alto นับจากนั้นไม่กี่เดือน ปัจจุบัน เฟสบุ้กมีอาคารสำนักงาน
ในเมือง Palo Alto จำนวน 4 อาคาร ซึ่งซัคเกอร์เบิร์กเรียกว่า "urban campus" หรืออาณาจักรวิทยาลัย
       
       ไม่ใช่เส้นทางของซัคเกอร์เบิร์กจะโรยแต่กลีบกุหลาบ ติดตามวิกฤตของซัคเกอร์เบิร์กในตอนต่อไป




ตอนที่ 2

บทความตอนที่แล้วดูเหมือนจะสะท้อนแต่เส้นทางโรยกลีบกุหลาบของมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg)
เศรษฐีวัย 23 ปีจากโลกออนไลน์ที่นิตยสาร Forbes จัดอันดับว่าร่ำรวยเป็นอันดับ 785 ของโลก จากเด็กชาย
ในครอบครัวยิว-อเมริกันที่เริ่มเขึยนโปรแกรมตั้งแต่ประถม 6 สู่หนุ่มนักศึกษาฮาร์เวิร์ดที่พาตัวเองและผองเพื่อน
ปลุกปั้นโปรเจ็ค Facebook.com บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ให้เป็นธุรกิจเต็มขั้น
       

       แน่นอนว่าก่อนที่ Facebook จะทำให้ซีอีโอซัคเกอร์เบิร์กกลายเป็นเศรษฐีหนุ่มติดอันดับโลก ยังมีขวาก
หนามมากมายที่ซัคเกอร์เบิร์กต้องฝ่าฟันไป
       

       Facebook นั้นเป็นที่รู้จักในนามบริการออนไลน์ที่ทำให้ผู้ใช้แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนที่อยู่ในสังคมเดียว
กันแบบรวดเร็วทันใจและเข้าถึง ทั้งข้อมูลแฟ้มภาพถ่ายเมื่อครั้งไปเที่ยว ภาพยนตร์ที่ชอบ และประวัติส่วนตัว
ทั่วไป ต่างจากเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์อื่นตรงที่ Facebook เป็นชุมชนในโลกที่มีตัวตนอยู่จริง ใช้ชื่อ Email
เดียวกันและต้องการทำความรู้จักคนอื่นๆในสังคมเดียวกัน ทั้งหมดนี้โดนใจชาวอเมริกันที่กระตือรือร้นอยาก
จะรู้จักคนอื่นในสังคมเดียวกันให้มากขึ้น




ชาวอเมริกันที่นิยมชมชอบ Facebook มีทั้งกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย นักเรียนโรงเรียนมัธยม รวมถึงคนวัย
ทำงาน สถิติชุมชนที่ใช้ Facebook ล่าสุดมีจำนวนหลายหมื่นชุมชน มีทั้งชุมชนเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ
สหรัฐฯ CIA ชุมชนพนักงานร้านแมคโดนัลด์ และกองกำลังนาวิกโยธินของสหรัฐฯ ที่สำคัญ Facebook ยัง
สนับสนุนการขายสินค้าข้ามบริษัทบนเว็บไซต์ และวางเป้าหมายว่า ผู้ใช้จะสามารถค้นหาสินค้าทุกชนิดได้
จากเว็บไซต์แห่งนี้ในอนาคต

       
       วิกฤตคือโอกาส
       
       หลังจากได้ทุนก้อนแรกจาก Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้งบริการชำระเงินออนไลน์ PayPal มูลค่า 5 แสนเหรียญ
ผลงานหนึ่งที่โด่ดเด่นของ Facebook.com คือบริการ News Feed เริ่มให้บริการตั้งแต่เดือน 5 กันยายน 2006
ไม่ใช่รายการข่าวสารบ้านเมืองแต่เป็นรายการความเคลื่อนไหวของกลุ่มเพื่อนในเว็บไซต์

       
       ซัคเกอร์เบิร์กตกที่นั่งลำบากเนื่องจากผู้ใช้จำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับฟีเจอร์นี้ โดยผู้ใช้มองว่า News Feed
ทำให้ข้อมูลส่วนตัวแพร่กระจายไปทั่วเว็บ Facebook โดยไม่ได้รับอนุญาต

       
       ผู้ใช้ Facebook ร่วมใจประท้วงไม่เห็นด้วยกับฟีเจอร์ News Feed ราว 700,000 คนภายในไม่ถึง 48 ชั่วโมง
ร้อนถึงซัคเกอร์เบิร์กต้องเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงผู้ใช้ เพื่อขอโทษที่ละเลยการให้ความสำคัญกับการปกป้อง
ความเป็นส่วนตัว และยืนยันว่าเจตนาในการออกแบบฟีเจอร์ News Feed คือเพื่อให้ข่าวสารข้อมูลแก่คนในชุมชน
เดียวกันบน Facebook เท่านั้น



เมื่อทีมวิศวกรของ Facebook ลงมือปรับปรุงความเป็นส่วนตัวของ News Feed ซัคเกอร์เบิร์กระบุว่าขณะนี้
News Feed กลายเป็นสิ่งที่ผู้ใช้นิยมไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียน Facebook
       
       เดือนพฤศจิกายน 2007 ซัคเกอร์เบิร์กได้ฤกษ์เปิดตัวระบบโฆษณาออนไลน์ใหม่ในชื่อ Beacon เป็น
ระบบที่เปิดให้นักการตลาดสามารถลงโฆษณาได้ด้วยตัวเองคล้ายระบบของกูเกิล (Google) ชนวนระเบิด
ปะทุขึ้นอีกเมื่อระบบโฆษณา Beacon สามารถเก็บข้อมูลใช้งานเว็บไซต์ของสมาชิก Facebook ได้ ความ
สามารถนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า Facebook กำลังจะละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อีกครั้ง

       
       ธันวาคม 2007 ซัคเกอร์เบิร์กระบุว่ากำลังดำเนินการทดสอบระบบโฆษณา Beacon อย่างจริงจัง ขอ
อภัยในข้อผิดพลาดต่อผู้ใช้ และเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
       

       Facebook ยังเผชิญปัญหาเดียวกับเว็บไซต์อื่นๆ คือปัญหาการฟ้องร้องว่าเป็นผลงานที่ขโมย
ความคิดคนอื่นมา โดยนักศึกษาฮาร์เวิร์ด 3 รายนาม Divya Narendra, Cameron Winklevoss และ
Tyler Winklevoss ระบุว่าเคยว่าจ้างให้ซัคเกอร์เบิร์กเขียนโปรแกรมบนเว็บไซต์ของพวกเขานามว่า
ConnectU และกล่าวหาว่าซัคเกอร์เบิร์กขโมยแนวคิด การออกแบบ แผนธุรกิจ รวมถึงซอร์สโค้ด
ดั้งเดิมไป
       

       คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2004 ผู้ฟ้องระบุว่าร้องเรียนเพื่อความเป็นธรรม และไม่มีเจตนาให้เว็บ Facebook
ต้องปิดตัวลง อย่างไรก็ตาม Facebook ตัดสินใจฟ้องกลับและการพิพากษาคดียังไม่สิ้นสุดในขณะนี้

       
       ด้านสื่อใหญ่อย่างนิวยอร์กไทมส์ เคยแสดงความเห็นว่า ซัคเกอร์เบิร์กอาจได้แนวคิดบริการมาจาก
เว็บไซต์ houseSYSTEM ของคุณปู่ Aaron J. Greenspan บุคคลสำคัญของสหรัฐฯก็เป็นได้

       
       รวยเพราะหุ้น
       
       ซัคเกอร์เบิร์กไม่ได้สร้างฐานะปึกแผ่นจากรายได้โฆษณาซึ่งเป็นรายได้หลักของเว็บ Facebook
แต่มาจากการขายหุ้นบริษัทให้ไมโครซอฟท์ซึ่งทุ่มเงินกว่า 8,000 ล้านบาท ซื้อหุ้น Facebook ใน
สัดส่วน 1.6% จากซัคเกอร์เบิร์ก ราคานี้ไมโครซอฟท์คำนวณโดยตั้งมูลค่า Facebook ไว้สูงถึง 51,000
ล้านบาท มูลค่าเทียบเท่าบริษัทจำหน่ายสินค้าชื่อดัง GAP และโรงแรมแมริออท

       
       การตัดสินใจขายหุ้นให้ไมโครซอฟท์ เกิดขึ้นหลังจาก Facebook ปฏิเสธข้อเสนอซื้อมูลค่า 1 พันล้าน-
เหรียญจากยาฮู (Yahoo) ครั้งนั้นทั้งตัวซัคเกอร์เบิร์กและนักลงทุนคนแรกของบริษัทอย่าง Thiel กล่าว
ตรงกันว่ายังไม่รีบร้อนขาย Facebook ให้แก่บริษัทยักษ์ใหญ่หรือขายหุ้นให้สาธารณชน และราคาเสนอ
ซื้อแค่หนึ่งพันล้านเหรียญนั้นต่ำเกินไป ฐานผู้ใช้และจำนวนผู้เข้าชมที่เพิ่มขึ้นทุกวันทำให้ทั้งสองเชื่อว่า
มูลค่าบริษัทสูงกว่าที่ยาฮูเสนอมาแน่นอน สิ่งที่ Facebook จะเลือกจึงเป็นการให้ความสำคัญกับการพัฒนา
เทคโนโลยีและทำให้บริษัทเติบโตต่อไป

       
       แต่เมื่อยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ตัดสินใจควักเงิน 246 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 8.16 พันล้านบาท)
แลกกับการครอบครองหุ้น Facebook เพียง 1.6% ทำให้ซัคเกอร์เบิร์กอดใจไม่ไหว ยอมเจียดหุ้นในมือยกให้
ไมโครซอฟท์แต่โดยดี

       
       เรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะการที่ไมโครซอฟท์ให้ราคา Facebook สูงกว่าผู้เสนอซื้อ
รายอื่นอย่างน่าสงสัย เพราะหากคำนวณราคาหุ้นที่ไมโครซอฟท์เสนอมา เท่ากับไมโครซอฟท์กำหนดมูลค่า
รวมของ Facebook ไว้ถึง 1,500 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 51,000 ล้านบาท ซึ่งเซอร์เกย์ บริน ผู้ร่วมก่อตั้ง
กูเกิลซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่เสนอตัวซื้อหุ้น Facebook ด้วยเช่นกัน ระบุว่าเป็นราคาที่เกินจริง เพราะในแต่ละปี
เฟซบุ๊คทำรายได้ไม่ถึง 200 ล้านเหรียญด้วยซ้ำ

       
       อย่างไรก็ดี การซื้อขายหุ้นระหว่างไมโครซอฟท์และซัคเกอร์เบิร์กมูลค่า 246 ล้านเหรียญ และการถือหุ้น
บริษัทที่ไมโครซอฟท์ตีราคาไว้สูงถึง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในสัดส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ ก็ทำให้นิตยสาร Forbes
จัดอันดับความร่ำรวยของซัคเกอร์เบิร์กไว้ที่อันดับ 785 ของโลกไปแล้ว แม้นักวิเคราะห์จะยังสงสัยในสภาพ
คล่องด้านการเงินของซัคเกอร์เบิร์กอยู่
       

       แม้จะถูกสงสัยเรื่องสภาพการเงิน แต่ซัคเกอร์เบิร์กไม่เคยถูกสงสัยเรื่องฝีไม้ลายมือ ขณะนี้ Facebook กำลัง
เพิ่มจำนวนวิศวกรและพนักงานบริการลูกค้าเพื่อรองรับตลาดมหาวิทยาลัยในแคนาดาและอังกฤษที่มีอัตราเติบโต
เกือบ 30% ต่อเดือน และทำสถิติเป็นเว็บที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของสหรัฐฯ
       

      เชื่อแน่ว่า โลกจะจับตาเศรษฐีหนุ่มวัย 23 ปีคนนี้ต่อไปอีกนานแสนนาน

www.manager.co.th


เครดิต
http://www.mrpalm.com/list3.php?cont_id=1096

* ข้อความนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อ 10 มีนาคม 2551
       
       
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 04:15:18 PM »

เห็น Server ของ Google แล้วจะหนาว   ยิ้มีเลศนัย





รูปอยู่ไหนแล้วหว่า  Grin

แวะไปถ่ายมาใหม่สิครับ... ให้ไว... สมาชิกรอชมอยู่... คิก คิก คิก คิก คิก คิก

ไหว้

บันทึกการเข้า
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 04:19:53 PM »

นี่ใช่มั๊ยน้อ... Grin Grin Grin









บันทึกการเข้า
Skydiver_รักในหลวง
คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง
Hero Member
*****

คะแนน 1275
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6249


ไร้สาระโดยสิ้นเชิง


« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 04:31:39 PM »

มากจริงๆ เยี่ยม
บันทึกการเข้า

จงยิ้มสู้เมื่อความตายมาเยือน...
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 22 คำสั่ง