เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 01, 2024, 06:36:21 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฉันถูกแต่ระบบผิด ระบบถูกแต่เธอผิด  (อ่าน 1149 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 02:36:50 PM »

ฉันถูกแต่ระบบผิด ระบบถูกแต่เธอผิด

ถ้าลองบอกคนอื่นว่ามีรถคันหนึ่งขับส่ายไปมาบนถนนในยามดึกสงัดคนที่ได้ฟังส่วนใหญ่จะสรุปในเกือบทันทีว่าคนขับรถคันนั้นถ้าไม่เมาก็ต้องง่วงนอนแน่ๆ


ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถามต่อไปว่าขับรถแบบไหน รถมีสภาพเป็นอย่างไร ถนนตรงหรือคดเคี้ยว ฝนตก หมอกลงหรือไม่ ซึ่งคงสังเกตได้ว่าคนเราพยายามหาคำอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเราเสมอ เราพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อที่ว่าเราจะได้หาทางออกตระเตรียมไว้ก่อน คุณสมบัตินี้ของเราทำให้มนุษย์สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ยิ่งเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นมากเท่าใด ผู้คนก็คิดว่ามีโอกาสรอดพ้นจากการคุกคามที่มาจากสิ่งนั้นมากขึ้นเท่านั้น หรืออีกทางหนึ่ง ก็ทำให้มีโอกาสกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้ดีกว่า


อย่างไรก็ตาม คำตอบที่ได้ไม่ได้หมายความว่าจะถูกต้องเสมอไป ได้คำตอบเร็วก็จริงแต่กลายเป็นคำตอบที่ไม่จริงไปเสียอีก ยิ่งกว่านั้น ต้องยอมรับอีกด้วยว่าผู้คนส่วนใหญ่มักไม่ใช่นักหาคำตอบที่ดี มีน้อยคนที่จะเป็นนักคิดที่คิดเป็นระบบ คิดอย่างมีขั้นตอนชัดเจนจนนำไปสู่คำตอบที่เป็นจริงได้ ส่วนใหญ่แล้ว ผู้คนจะสรุปคำตอบจากสิ่งที่เข้าใจง่ายที่สุดไว้ก่อน อยากได้คำตอบเร็วๆ เลยหาคำตอบจากตัวประกอบที่เข้าใจได้ง่ายๆ ไว้ก่อน อคตินี้เองทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งในระหว่างผู้คนที่ต้องทำงานด้วยกัน หรือแม้แต่คนในครอบครัวเดียวกันอยู่เป็นประจำ


ถ้าย้อนกลับไปคิดเรื่องรถขับส่ายไปมาตอนกลางคืนกันอีกครั้ง จะเห็นได้ว่าผู้คนพุ่งความสนใจแทบทั้งหมดไปที่ตัวคน เพราะเข้าใจเรื่องคนได้ง่ายกว่าตัวประกอบอื่นๆ ในเรื่องนี้ เราเข้าใจได้ง่ายๆ ว่าถ้าคนง่วงหรือเมาแล้วรถจะวิ่งส่ายไปมาได้อย่างไร แต่ถ้าต้องนึกให้ซับซ้อนไปอีกขั้นหนึ่งว่าตัวประกอบในเรื่องนี้มีอะไรบ้าง หลายคนก็ส่ายหน้าแล้วบอกว่ายุ่งยากไปทำไม ในเมื่อเห็นอยู่ชัดๆ แล้วว่าคนขับเป็นตัวการแน่ๆ คนขับกลายเป็นแพะในทันที หากความจริงกลายเป็นว่ารถเสียหรือเส้นทางคดเคี้ยว ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ตัวเรากลายเป็นเหยื่อของอคตินี้ ต้องมองให้ครบถ้วนทั้งระบบว่ามีตัวประกอบอะไรบ้าง ก่อนจะวินิจฉัยว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ การรีบร้อนสรุปคำตอบมากเกินไป จะทำให้เราละเลยตัวประกอบอื่นๆ ที่อาจเป็นต้นเหตุที่แท้จริงในเรื่องนั้น เหตุแท้จริงยังไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาเดิมๆ ก็เกิดซ้ำซากขึ้นได้อีก ถ้านึกดูดีๆ จะทราบได้ว่าตัวประกอบที่เกี่ยวข้องกับการขับรถส่ายไปมานั้น มีตัวประกอบที่เกี่ยวข้องอย่างน้อยสามอย่าง คือ คนขับรถ ตัวรถ และสภาพแวดล้อม ซึ่งรวมทั้งสภาพถนนกับสภาพอากาศ ถ้าเราไม่มีอคติแบบนี้ ก็ต้องยอมทนยากลำบากวิเคราะห์ตัวประกอบให้ครบทุกตัว เพื่อหาคำตอบที่มีโอกาสเป็นจริงได้มากที่สุด ถ้าพบปัญหาใดเกิดขึ้นแล้วหันมาโทษคนเอาไว้ก่อนว่าเป็นต้นเหตุของปัญหานั้น แบบนี้ต้องเรียกว่าอคติเต็มขั้น ระบบถูกแต่เธอผิดทุกกรณีไป


ทั้งนี้ ต้องสังเกตให้ดีด้วยว่าถ้าเป็นเรื่องที่เกิดกับคนอื่นแล้วมักสรุปความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นว่าตัวคนเป็นต้นเหตุไว้ก่อน เห็นคนอื่นมาสายก็คิดไปว่าคนนั้นตื่นสายโดยไม่ได้ดูว่าวันนั้นการจราจรในบริเวณนั้นหนาแน่นกว่าปกติ คิดให้คนเป็นต้นเหตุนั้นง่ายกว่าคิดเรื่องสภาพจราจร หรือคิดเรื่องสภาพแวดล้อมรอบตัวในขณะนั้นว่าเป็นต้นเหตุให้มาสายได้อย่างไร ดังนั้น เมื่อใดก็ตาม ที่ต้องวินิจฉัยเรื่องใด ให้เตือนตัวเองเสมอว่าคนเรานั้นมีอคติในทางที่จะหาคำตอบที่เข้าใจง่ายๆ ไว้ก่อนเสมอ เรามักรีบร้อนเร่งสรุปจากนิสัยของคนที่เกี่ยวข้องบ้าง จากประวัติ จากการศึกษาของคนคนนั้นบ้าง ซึ่งมักจะนำไปสู่คำตอบที่ผิดได้ง่ายๆ คำตอบที่ไม่เป็นจริงที่คิดขึ้นมาเองนี่แหละ ที่ทำให้คนทะเลาะกันชนิดเอาเป็นเอาตายกันมามากแล้ว จะแก้อคตินี้อย่างง่ายได้โดยรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วลองถามตัวเองว่าถ้าตัวประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรามีอาการเหมือนที่เกิดขึ้นกับคนอื่นแล้วเราจะทำอย่างไร คำตอบที่ได้อาจจะเป็นคำตอบเดียวกันกับที่คนที่เราตำหนินั้นได้มาก่อนแล้วก็ได้ ถ้ารู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว เราอาจพบคำตอบที่แท้จริง และทำให้เราสามารถแก้ปัญหานั้นอย่างตรงประเด็น ปัญหาจะได้หมดไปจริงๆ ไม่ใช่คงอยู่ต่อไปโดยเราไม่รู้ตัว ถ้าต้นเหตุของการขับรถส่ายไปมา คือ ถนนคดเคี้ยว ถ้าเราได้คำตอบจริงๆ แล้ว เราก็หาทางปรับปรุงถนนให้ตรงมากขึ้น ต่อไปรถก็ไม่ต้องขับส่ายไปมาเพราะถนนนั้นอีกแล้ว ในทางตรงข้าม ไม่ว่าจะจับคนขับไปปรับสักกี่คน รถที่วิ่งบนถนนที่คดเคี้ยวนั้น ก็ยังวิ่งส่ายไปมาเหมือนเดิมอยู่ดี


ถ้ากลายเป็นตัวเราเป็นคนขับรถที่ส่ายไปส่ายมานั้น เราจะโทษว่าตัวเราเป็นต้นเหตุเป็นอันดับสุดท้าย ไม่ว่าเราจะเมา เราจะง่วงนอนแค่ไหนก็ตาม ถนนแย่ รถแย่ไว้ก่อน ระบบผิดแต่ฉันถูกเสมอ ผู้คนมีแนวโน้มที่จะโยนความผิดพลาดให้ระบบมากกว่าที่จะพิจารณาว่าตนเองบกพร่องอย่างไร ความจริงทั้งสองด้านที่กล่าวมานี้ ได้รับการเปิดเผยจากนักปราชญ์มานานหลายสิบปีมาแล้ว นักปราชญ์เรียกอคตินี้ว่า เป็นอคติที่เป็นพื้นฐาน หมายถึง เกิดขึ้นเป็นธรรมดาและเกิดขึ้นได้กับทุกคน สิ่งที่สนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ อคติที่กล่าวมาแล้ว คือ มุ่งเน้นตัวคนมากกว่าระบบถ้ามองคนอื่น แต่ถ้ามองตัวเองจะมุ่งเน้นไปที่ระบบมากกว่าตัวเอง จะเกิดขึ้นกับผู้บริหารมากกว่าพนักงาน แต่พนักงานจะได้รับผลเสียจากอาการนี้มากกว่าผู้บริหาร ไม่ว่าระบบการทำงานที่ผู้บริหารกำหนดขึ้นไว้จะย่ำแย่เพียงใด เวลาที่เกิดความผิดพลาดขึ้น ผู้บริหารจะโยนให้เป็นความบกพร่องของพนักงานทั้งหมด ซึ่งความผิดพลาดก็จะคงอยู่ต่อไป พร้อมๆ กับที่พนักงานจะมีขวัญและกำลังใจแย่ลงไปเรื่อยๆ พนักงานตั้งใจทำงานสุดฝีมือตามขั้นตอนการทำงานแย่ๆ ที่ผู้บริหารกำหนดไว้ ทำดีแค่ไหน ผลลัพธ์ก็แย่อยู่ดี ตั้งใจทำงานตามขั้นตอนที่แย่ไม่มีทางให้ผลงานที่ดีออกมาได้ ผู้บริหารจะมองไม่เห็นความย่ำแย่ในสิ่งที่ตนเองได้กำหนดไว้ มองเห็นแต่ความบกพร่องของพนักงาน ซึ่งจะตามมาด้วยขั้นตอนการลงโทษ หรือการกดดันในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น คนที่ตั้งใจเต็มที่แต่ได้รับการตำหนิและการกดดันต่างๆ สารพัดกลับคืนมาแทน ย่อมทำให้หมดแรงกายแรงใจได้ง่ายๆ ดังนั้น ผู้บริหารต้องตระหนักรู้ในอคตินี้ไว้ให้ดีเป็นพิเศษมากกว่าพนักงานทั่วไป


นักปราชญ์บอกไว้ด้วยว่าที่ใดที่ผู้คนตระหนักรู้ในอคตินี้ ที่นั่นจะมีความเจริญก้าวหน้า ที่ใดที่ผู้คนลุ่มหลงในอคตินี้ ที่นั่นมีแต่การขัดแย้งจากการกล่าวโทษติเตียนกันเอง จนไม่รู้จบสิ้น

ที่มา :
ดร.บวร ปภัสราทร
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/borvorn/20100205/99143/ฉันถูกแต่ระบบผิด-ระบบถูกแต่เธอผิด.html

 ไหว้
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
ไปทำนามา
ชาว อวป.
Jr. Member
****

คะแนน 7
ออฟไลน์

กระทู้: 98



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 04:40:05 PM »

 นักปราชญ์บอกไว้ด้วยว่าที่ใดที่ผู้คนตระหนักรู้ในอคตินี้ ที่นั่นจะมีความเจริญก้าวหน้า ที่ใดที่ผู้คนลุ่มหลงในอคตินี้ ที่นั่นมีแต่การขัดแย้งจากการกล่าวโทษติเตียนกันเอง จนไม่รู้จบสิ้น
เยี่ยม เยี่ยม

 ไหว้

บันทึกการเข้า

sada
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 11:22:00 AM »

ขอบคุณครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 11:39:48 AM »



ขอบคุณครับ  พี่ วัฒน์
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
Major
ก็แค่.....?
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 255
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1636


ดวงชีวัน นั้นเรายอม พร้อมจะพลี


« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 02:00:43 PM »

ขอบคุณครับ

ด้วยความเคารพ
บันทึกการเข้า

ผิดหวังแล้วหวังใหม่ไม่ลดละ            หวังเพื่อจะผิดหวังในครั้งใหม่
แล้วเราก็ผิดหวังสมดังใจ                 เราจึงไม่ผิดหวังสักครั้งเดียว
PsanP_IT.31(ไพศาล ๓)
๑๙๑๑ เลอะโคลน!!
Sr. Member
****

คะแนน 82
ออฟไลน์

กระทู้: 745


« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 04:34:48 PM »

ขอบคุณอาวัฒน์...
ขออณุญาตบอกต่อนะครับ... ไหว้
บันทึกการเข้า

จะสร้างสรรค์วันชื่นคืนสุข ม่ายเอาซานุก ปายเพียงวันๆ ! เอิ๊ก^-^
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.069 วินาที กับ 21 คำสั่ง