เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 05, 2024, 04:15:48 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอใบรับรถจากอู่ทุกครั้งเวลาเอารถไปซ่อม  (อ่าน 3682 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 08:41:00 AM »

ได้เมล์ครับเป็นว่าเป็นสิ่งที่ดี แล้วหลายๆท่านไม่คิดถึงครับ Grin

ขอใบรับรถจากอู่ทุกครั้งเวลาเอารถไปซ่อม ...อย่าลืมขอใบรับรถด้วย ระวังตกเป็นจำเลยที่ 2 Cry Cry

เรื่องมีอยู่ว่า........
ลุงของผมได้เอารถไปซ่อมเครื่องยนต์ที่อู่แถวๆถนนสุขาภิบาล 1......ทางอู่ บอกว่าต้องใช้เวลา ประมาณสามวันจึงจะซ่อมเสร็จ
ด้วยความไว้วางใจ ลุงของผมจึงได้ทิ้งรถโดยทางอู่ไม่ได้ออกใบรับรถไว้ให้......

ปรากฏว่าวันรุ่ง ขึ้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมา ที่บ้าน บอกว่า ช่างที่อู่เอารถออกไปขับแล้วชนคนตาย และช่างได้หลบหนีไป
ทางอู่ก็ไม่ยอมรับผิดชอบโดยอ้างว่า ช่างคนนั้นขโมยรถออกไปขับเอง ทางอู่ไม่เกี่ยวข้อง.ใดๆทั้งสิ้น......
ตำรวจก็พยายามจะเชิญตัวลุงไปที่โรงพัก... เพราะลุงของผมเป็นเจ้าของรถ แม้ว่าจะไม่ต้องรับผิดชอบในทางคดีอาญา.....
แต่ในทางแพ่งแล้ว ลุงต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แม้ว่าลุงของผมจะบอกว่าไม่รู้เรื่องเพราะเจตนาของลุงเพียงต้องการเอารถไป
ซ่อมเครื่องยนต์เท่านั้น ทำไมต้องมารับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้........ทางตำรวจขอดูหลักฐานใบรับรถของอู่ ที่เอารถไปซ่อม
แต่ปรากฏว่า ไม่มีหลักฐาน เพราะเห็นว่าเป็นอู่ที่เชื่อใจกัน และใช้บริการอยู่เป็น ประจำจึงไม่ได้ขอใบรับรถจากอู่
ตำรวจบอกว่าในเมื่อลุงของผมไม่มีหลักฐานในการเอารถไปซ่อม จึงต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ในครั้งนี้และ
นำตัวลุงผมไปที่โรงพักเพื่อเจรจาค่าเสียหายกับพ่อแม่ของผู้ตาย ในครั้งแรกพ่อแม่ของผู้ตาย
ได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงินสูงถึง 500,000 บาท
แต่ลุงผมบอกว่า ถ้าเรียกเงินสูงขนาดนั้นคงไม่มีปัญญาหามาให้แน่ ๆ จึงได้ต่อรอง
และได้เล่าเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาให้กับพ่อแม่ของคนตายฟังทางตำรวจก็ช่วย ไกล่เกลี่ยให้
เพราะเห็นว่าลุงไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ต้องมารับผิดชอบกับ เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ทางพ่อแม่คนตาย
จึงยอมลดเงินลงมาเหลือ 200,000 บาท เหตุการณ์ต่าง ๆ จึงยุติลง

หวังว่าเหตุการณ์นี้คงเป็นอุทาหรณ์ให้แก่เพื่อน ๆ ทุกคนไม่มากก็น้อยนะครับ
และขอให้เพื่อน ๆ อย่าได้เจอเหตุการณ์อย่างที่ลุงของผมได้เจอะเจอมาเลย
 ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 09:02:26 AM »

เงินตั้งสองแสนบาท จ่ายไปแล้วหรือยังครับ,  หากยังไม่ได้จ่าย ให้เขาฟ้องแพ่งดีกว่าครับ ค่าจ้างทนายยังไงก็ไม่ถึงสองแสน... ส่วนเรื่องไม่มีใบรับรถนั้นปล่อยให้เป็นเรื่องที่ทนายเก่งๆ ต้องหาวิธีเอาข้างหน้าครับ...

นายสมชายไม่ได้ใจร้ายไส้ระกำ แต่มันเป็นเรื่องความยุติธรรมครับ... เจ้าของรถยนต์ต้องซ่อมรถยนต์, ซึ่งอาจขายรถยนต์ทิ้งราคาถูกๆอีกด้วย เพราะรถยนต์ประวัติไม่ดีไปแล้ว, ทั้งที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ก่อเรื่อง...

บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 09:06:33 AM »

ถ้าข้อเท็จจริงตามท้องเรื่องในกระทู้ เจ้าของรถไม่ต้องรับผิดชอบทางอาญาและแพ่งใดๆทั้งสิ้น แถมยังย้ายข้างมาอยู่ฝ่ายผู้เสียหาย... ฟ้องทางอู่รถยนต์+ช่างคนที่ขับไปชนเสียด้วยซ้ำ แล้วให้ทางอู่ไปฟ้องไล่เบี้ยเอากับช่างของตนเอง ในระหว่างจำเลยด้วยกันเองในภายหลัง...
บันทึกการเข้า
Guu-mumm-รักในหลวงครับ
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 28
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 287



« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 09:10:30 AM »



  อ่านแล้วเห็นด้วย กับพี่สมชายครับ   ไหว้
บันทึกการเข้า
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 09:10:53 AM »

ลุงเจ้าของรถต้องรับผิดทางแพ่งตรงไหน หว่า  Huh

ตามที่พี่สมชายกล่าวไว้ข้างต้นครับ   Grin

ปกติความรับผิดทางแพ่งในส่วนละเมิด ซึ่งเกิดจากการขับรถยนต์ไปก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใดๆ
ผู้ต้องรับผิดตามกฎหมาย คือ ผู้ควบคุมดูแลยานพาหนะ หรือง่ายๆก็คือคนขับ คันที่ไปก่อเหตุ จะต้องรับผิดชอบ
 เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการ เสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหาย นั้นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๖๗๙/๒๕๔๕ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๓๗ ที่กำหนดว่าบุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะใดอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล บุคคลนั้นต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น ผู้ครอบครอง หมายถึง ผู้ใช้ยานพาหนะนั้นในฐานะเป็นผู้ยึดถือในขณะเกิดความเสียหาย หรือเป็นผู้ครอบครองยานพาหนะนั้นอยู่ในขณะเกิดเหตุ ฉะนั้น เมื่อจำเลยมิได้เป็นผู้ขับหรือโดยสารไปในรถยนต์ด้วยแม้จะมีชื่อในทะเบียนเป็นเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุก็ตาม ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลรถยนต์คันเกิดเหตุตามความในมาตราดังกล่าว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสอง

แต่กรณีที่คนที่ไม่ได้ขับ จะต้องรับผิดก็มีกรณีหนึ่งคือบริษัทประกันผู้รับประกันภัยรถยนต์ของคุณลุง หากมี
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของความรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน มิใช่ละเมิด 



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 27, 2010, 09:28:34 AM โดย นายสิงห์กลิ้ง » บันทึกการเข้า
sada
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 09:12:55 AM »

ตามมาอ่านครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
ป้อมทอง พรานชุมไพร
ดับบาป ด้วยบุญปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 780
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6885


นรชาติวางวาย สถิตย์ไว้ แต่ความดีประดับไว้โลกา


« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 09:23:04 AM »

ถ้าพิสูจน์ได้ตามที่อ้างก็จบ

แต่ในชั้นแรก   เจ้าของรถจะต้องตกเป็นจำเลยในคดีทางแพ่งแน่นอน

เนื่องจาก    อาจจะมีการสร้างสถานการณ์แบบ  ไอ้ปื๊ด  ก็ได้

สาเหตุเนื่องจากชนแล้วหนี    ตำรวจจะสืบทราบได้จากทะเบียนรถเท่านั้น

ว่าเป็นรถของผู้ใด    แล้วจึงได้ดำเนินการเรียกตัวเจ้าของรถมาสอบสวน

ในความเป็นจริง    คดีแบบนี้   เจ้าของรถมักมีข้ออ้างเยอะ  อาทิเช่น

มีคนยืมรถไป   รถเอาไปซ่อม   ฯลฯ    แต่ในทางกฎหมาย 

รถจะถูกยึดไว้เป็นของกลาง   ตาม  พ.ร.บ.จราจร     เจ้าของรถ

จะต้องพิสูจน์   และหาหลักฐานของผู้ที่นำรถไปก่อเหตุมาแสดงต่อ

พนักงานสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด   หรือชดใช้ค่าเสียหาย

แล้วจึงจะขอคืนรถ     อย่ามองด้านเดียวครับ   มีดมีสองคมเสมอ
บันทึกการเข้า

รักกันไว้เถอะ  เราเกิดร่วมแดนไทย   จะเกิดภาคไหนๆ    ก็ไทยด้วยกัน      
เชื้อสายประเพณีไม่มีขีดคั่น        เกิดเป็นไทยนั้นปวงชนทุกคนคือไทย
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 09:24:15 AM »

เคยมีอยู่ครั้งเหมือนกัน ตอนนั้นเอารถเข้าซ่อม ช่างเอารถไปเที่ยวตอนกลางคืน เจ้าของอู่มาเห็นเมื่อตอนเช้ารถไม่อยู่ ตามหาจ้าละวั่นนึกว่าถูกขโมย สุดท้ายได้ความว่าคืนนั้นช่างโดนตำรวจควบคุมตัวไว้ที่แยกไฟแดง เนื่องจากเมาแล้วขับ โชคดีที่ไม่ได้ไปก่อเหตุอะไรไว้ เลยฝากให้เจ้าของอู่เบิร์ดกะโหลกช่างแทนไปสองที Grin
บันทึกการเข้า
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 09:27:22 AM »

เคยมีอยู่ครั้งเหมือนกัน ตอนนั้นเอารถเข้าซ่อม ช่างเอารถไปเที่ยวตอนกลางคืน เจ้าของอู่มาเห็นเมื่อตอนเช้ารถไม่อยู่ ตามหาจ้าละวั่นนึกว่าถูกขโมย สุดท้ายได้ความว่าคืนนั้นช่างโดนตำรวจควบคุมตัวไว้ที่แยกไฟแดง เนื่องจากเมาแล้วขับ โชคดีที่ไม่ได้ไปก่อเหตุอะไรไว้ เลยฝากให้เจ้าของอู่เบิร์ดกะโหลกช่างแทนไปสองที Grin

แบบนี้ เขกกระบาลคงไม่จำหรอกครับ  ยี๊
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 09:56:48 AM »

ในทางกฎหมาย ให้สันนิษฐาน ว่า เจ้าของรถ ตามคู่มือการจดทะเบียน เป็นเจ้าของผู้ครอบครอง และเป็นผู้ใช้รถยนต์ คันนั้น
เว้นแต่ เจ้าของ จะพิสูจน์ ได้ว่า ตนไม่ใช่ผู้ครอบครอง จะโดยให้เช่า หรือจะขายโอนลอยไปแล้ว

หรือพิสูจน์ได้ว่า ผู้ครอบครองรถ ไม่ใช่ลูกจ้าง ไม่ได้กระทำการตามที่จ้าง ในขณะนำรถไปเกิดเหตุละเมิด  คล้ายกรณีรถ TAXI
คนที่เช่าขับ คือคนรับผิดชอบ  และไม่ใช่เจ้าของอู่ ไม่ใช่คนนั่ง
เพราะคนนั่ง จ้างไปส่ง ไม่ใช่จ้างเพื่อไปก่อเหตุละเมิด และก็ไม่ได้จ้างไปในทางที่จ้าง ของคนนั่ง

การพิสูจน์ ไม่ใช่แค่เพียงคำพูดตอบโต้กัน.. แต่เป็นเรื่องของพยานหลักฐาน เป็นเอกสาร หรือ  พฤติการณ์แวดล้อม ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
และใบรับรถของอู่ ถือเป็นหลักฐานที่สำคัญมาก อย่าละเลย ว่าเป็นอู่ของ คนรู้จัก นะครับ

และกรณีนี้ เกี่ยวด้วยคดีอาญา เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ดำเนินคดีอาญา ฐาน "ประมาททำให้คนตาย" และเป็นคนกลางช่วย คู่กรณี ประนีประนอมยอมความกัน
ถ้ามีหลักฐาน พอเชื่อว่า เจ้าของรถ ไม่ใช่เป็นคนขับ เจ้าพนักงานก็ จะไม่ดำเนินคดี 

ส่วนรถยนต์ ถือเป็นของกลางในคดี เป็นอำนาจของ เจ้าพนักงานจะพิจารณาดำเนินการ จะยึด หรือปล่อย

ส่วนเรื่องทางแพ่ง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้า เจ้าของรถ เป็นคนขับ หรือเป็นนายจ้าง การยอมชดใช้ค่าเสียหาย ถือเป็นการบรรเทาผลร้าย
ซึ่งศาลใช้เป็นเหตุในการลงโทษสถานเบา รอการลงโทษ ได้ครับ  แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องไปฟ้องร้อง ดำเนินคดีแพ่งกันเอง .


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 27, 2010, 10:08:12 AM โดย Ro@d - รักในหลวง » บันทึกการเข้า

มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 10:49:06 AM »

ได้เมล์น่ะครับ...แต่ได้รับความรู้กับพี่ๆหลายท่านครับ

ขอบพระคุณครับ ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.095 วินาที กับ 22 คำสั่ง