เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 16, 2024, 09:22:45 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องที่ค้างใจมานาน.....อยากรู้คำตอบ  (อ่าน 2085 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
NOOM 19 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 495
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3733


อดอย่างเสือ ดีกว่าอิ่มอย่างหมา


« เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 05:12:10 PM »

                เรื่องนี้มันนานมาแล้วมันยังค้างอยู่ในใจผมมาตลอด เป็นเรื่องที่อาจารย์ได้ถามพวกผมตอนที่อยู่ม.1 จนถึงบัดนี้ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าใครผิด เรื่องราวคร่าวๆเป็นแบบนี้ครับ  แต่ชื่อตัวละครและสถานที่ผมแต่งขึ้นมาใหม่กลัวพี่ๆไม่เข้าใจ เศร้า เศร้า

                หลังจากหมดฝนไม่นานยายปริก ที่เจ็บออดๆแอดๆก็สิ้นลมอย่างสงบที่บ้านไร่ชายทุ่ง  ซึ่งสร้างความเสียใจให้กับลูกหลานเป็นยิ่งนัก ทางลูกๆหลานๆ เหล่าหมู่ญาติจึงมารวมตัวกันเพื่อจัดงานศพให้กับยายปริก  นายบุญมาชึ่งเป็นลูกเขยของยายปริกก็ได้ขันอาสาขับรถเข้าตัวเมืองเพื่อไปซื้อของและโลงศพให้แม่ยาย  ซึ่งมันจะเป็นที่พักพิงครั้งสุดท้าย โดยมีนายปลั่ง นายเปลว และยายเที่ยงติดรถไปด้วยเพื่อไปซื้อของมาจัดงาน
                เมื่อไปถึงตลาดในตัวเมืองต่างคนแยกย้ายไปซื้อของตามใบสั่งให้ครบและเร็วที่สุด เพราะจวนจะเป็นเวลามืดค่ำแล้ว นายบุญมา กับนายปลั่ง เป็นผู้ไปหาซื้อโลงศพ....ตามเมืองต่างๆร้านขายโรงศพและเปลเด็กอ่อนส่วนมากมักอยู่แถวๆหน้าโรงพยาบาล ทำไมมันเป็นอย่างนั้นหนอ หรือจะเป็นการบอกกลายๆว่า ชีวิตคนเราเกิดและดับในที่ๆเดียวกัน
                หลักจากเลือกซื้อโลงที่คิดว่าถูกใจแม่ยายแล้ว นายบุญมากับนายปลั่งก็ขับรถวนมารับ นายเปลวกับยายเที่ยงที่ท้ายตลาดต่างพากันรีบยกของขึ้นรถกันพัลวันเพราะเมฆฝนตั้งเค้า ฟ้าแลปแปลบๆมาแต่ไกล พอยกของเสร็จก็รีบบึ่งรถกลับหมู่บ้านกันทันที
                หลักจากพ้นตัวเมืองมาได้ไม่ไกลฝนที่ตั้งเค้าก็เริ่มโปรยปรายลงมา เหมือนเป็นการแสดงความรับรู้ของฟ้าในการจากไปของยายปริก นายบุญมาก็จอดรถเรียกให้นายปลั่งกับนายเปลวมานั้งหน้ากับตน เพราะกลัวเพื่อนๆจะเป็นไข้เพราะงานศพยังมีอีกหลายวัน แต่เนื่องจากรถเป็นดัสสันช้างเหยีบรู่นเก่าบวกกับร่างกายอันอวบอ้วนของยายเที่ยง   ด้านหน้าจึงอัดได้แค่สามคน   นายเปลวที่อายุน้อยที่สุดก็ขันอาสาขอนั้งหลังเอง  ปล่อยให้ลุงๆป้าได้นั้งหลบฝนด้านหน้า  “ตามใจมึงไอ้เปลว”  สิ้นเสียงนายบุญมาก็ออกรถฝุ่นตลบทันที หลังจากออกรถมาได้ไม่นานฝนที่โปรยลงมาก็ไม่มีท่าทีที่ลดลง แต่พอตกให้รำคาญ ประกอบกับฝุ่นผงของทางลูกรังแดงที่ตีม้วนกลับเข้ามาที่ท้ายรถ  นายเปลวก็เลยปีนเข้าไปแอบในโลงของยายปริกซะงั้น  “ขอนอนก่อนนะยาย..อย่าโกรธกันนะ”  นายเปลวกระซิบเบาๆ  รถก็ขโยกขเยกไปตามผิวถนน ที่ทอดยาวออกไป
                 หลังจากขับมาได้ครึ่งทาง ก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มพอดีรถดัสสันช้างเหยีบก็มาถึงทางเลี่ยวเข้าหมู่บ้าน   เอี๊ยดดด!!! เสียงเบรคเบาๆแต่เสียงดัง......“เอ้ย!!...ไอ้กรลูกตาสรหรือเปล่าวะนั้น”   นายบุญมาตะโกนถามออกไป

กร                “อ้าว...ลุงบุญมา.....ใช่ผมกรเอง....ลุงไปไหนกันมาครับ”
นายบุญมา    “ก็ไปซื้อของที่ตลาดกันมาละซิ  จะเอามาจัดงานศพให้แม่ยายข้าวะ...สินลมไปเมื่อบ่ายนี้เอง  แล้งเองไปไหนมาวะ”
กร                “พึ่งกลับมาจากกรุงเทพครับลุง รถเมล์เที่ยวสุดท้ายพอดีเลย”
นายบุญมา     “ขึ้นรถๆ...จะได้รีบไปกัน”

                  ไอ้กรก็กระโดดขั้นท้ายทันที   ไอ้กรซึ่งเพื่อนๆเรียกว่าไอ้กรตาขาว  เมื่อเห็นโรงศพอยู่ท้ายรถก็อาการหวั่นๆขึ้นในใจ  จึงขยับขึ้นมานั้งที่ขอบกระบะ แล้วนึกในใจ  “ชิบ...หาย...แล้วยายปริกนี้ตายที่ไหนวะ  ตายที่บ้านหรือว่าตายที่โรงพยาบาล  หากตายที่โรงพยาบาลก็คงกำลังขนศพกลับบ้าน”  นึกขึ้นถึงตรงนี้ ขนข้างแก้มไอ้กรก็ลุกชูชันขึ้นมาทั้นที  ตามันก็ทำเป็นไม่มองโลง แต่ก็เหลือบๆมาบ้างเป็นบางทีตอนรถตกหลุม...
“เอ้ย....หลับไปตั้งแต่เมื่อไรวะกู แล้วป่านี้มันถึงไหนแล้ววะเนี้ย!!”   หลังจาที่บ่นเบาๆนายเปลวก็เปิดฝาโลงโผล่พลวดออกมา
“ว๊ากกกๆๆ......ผีหลอก” พอสินเสียง..ไอ้กรก็หงายเงิบตกกระบะคอหักตายทันที โดยที่ไม่ทันเจ็บปวด.....
..
..
..
อยากถามว่าเรื่องนี้ใครผิดหากขึ้นศาล ศาลจะลงโทษอย่างไรครับ ไหว้ ไหว้

ดัสสันรู่นช้างเหยีบ ของพ่อผมเอง มีผมกับเพื่อนๆสมัย สจพ. แต่ไม่มีนายบุญมา นายปลั่ง นายเปลว ยายเที่ยงและไอ้กรนะครับ ไหว้ ไหว้ แต่ตรงนี้แหละที่ผมกับพ่อเกือบได้ก่อสงครามอวกาศ กับยานต่างดาว กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 30, 2010, 08:02:54 PM โดย NOOM 19 รักในหลวง » บันทึกการเข้า

"นี้ไรเฟิลของฉัน"
"มีเหมือนกันหลายกระบอก,แต่กระบอกนี้เป็นของฉัน"
"ถ้าไม่มีไรเฟิล.ฉันก็ไม่มีอะไร"
"ถ้าไม่มีฉัน.ไรเฟิลก็ไม่มีค่าอะไร"

เสียตังค์ทำรถ ..ดีกว่าหมดกับโคโยตี
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 06:14:24 PM »

ทายว่าคนขับผิดครับ  .........  Grin

คุณหนุ่มใช้คนที่ถือลูกซองรึเปล่าครับ  หลงรัก
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 06:25:09 PM »





ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 07:08:17 PM »

ทำไมคนขับถึงเป็นคนผิดครับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 07:28:59 PM »

 Grin Grin เรื่องนี้คล้ายๆเคยดูในคดีเด็ดเลยครับ และเรื่องนี้เคยถกกันในวงสุรามาครั้งหนึ่ง

ในความเห็นส่วนตัวผม ประเด็นอยู่ที่ นายบุญมา นายปลั่ง และนายเปลว ต้องรับผิดต่อความตายของนายกรหรือไม่

แน่นอนเรื่องนี้ต้องตัดเรื่องฆ่านายกรโดยเจตนาทิ้งไป
เพราะไม่ว่านายบุญมา นายปลั่ง และนายเปลวไม่มีเจตนา หรือต้องการให้นายกร ถึงแก่ความตาย

และแน่นอนเรื่องนี้ต้องตัดเรื่องเจตนาทำร้ายนายกร เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายทิ้งไปเช่น
เพราะไม่ว่านายบุญมา นายปลั่ง และนายเปลวไม่มีเจตนา หรือต้องการทำร้ายนายกร

จึงเหลือเพียงอย่างเดียวว่า นายบุญมา นายปลั่ง และนายเปลว กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายนายกรหรือไม่

ประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติความหมายของการกระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจัก ต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวัง เช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่

ตรงนี้การพิจารณาว่า เหตุที่ทำให้นายกร ถึงแก่ความตายก็คือ การตกลงมาจากกระบะแล้วคอหักตาย
แล้วเมื่อพิจารณาย้อนขึ้นไป เหตุที่ทำให้ตกกระบะนั้น ก็เนื่องมาจากนายเปลวโผล่พรวดออกจากมาจากโลง

การที่นายบุญมาและนายปลั่ง จอดรถรับนายกร เดินทางกลับพร้อมกัน จนกระทั้งนายเปลวโผล่พรวดออกจากมาจากโลงเป็นเหตุให้นายกรตกกระบะ
จะเห็นว่า ความตายของนายกร ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะกระกระทำของ นายบุญมา และนายปลั่ง แม้่แต่น้อย แต่เกิดขึ้นเพราะนายเปลวโผล่ออกมาจากโลงทำให้นายกรตกใจ
นายบุญมาและนายปลั่ง  จึงไม่ต้องรับผิดต่อความตายของนายกร

คราวนี้เหลืออยู่คนเดียว คือนายเปลว

นายเปลวจะต้องรับผิดต่อความตายของนายกรหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า นายเปลวทราบไหมว่านายกร ขึ้นมาบนกระบะ
หากทราบ แต่ยังโผล่พรวดไป อาจเพราะด้วยเหตุผลต้องการหยอกเล่นก็ตาม แต่การที่โผล่พรวดไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่านายกรเป็นโรคกลัวผี และรถกำลังวิ่งอยู่
แม้นายเปลวไม่มีเจตนาทำร้ายนายกร แต่การโผล่พรวดพราดไปแบบนั้น ต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ปราศจากความระมัดระวัง เมื่อนายกรถึงแก่ความตาย นายเปลวต้องรับผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้นายกรถึงแก่ความตาย

แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฎว่า นายเปลวหลับมาตลอด ไม่ทราบว่ามีนายกรนั่งอยู่ในกระบะด้วย
เมื่อรถตกหลุม ตนเองตื่นและโผล่ออกมาจากโลงทันที ตรงนี้ จะเห็นว่า เมื่อนายเปลวไม่รู้ว่านายกร ขึ้นมานั่งในกระบะ
จึงไม่มีเหตุ ที่นายเปลวจะใช้ความระมัดระวังอย่างใดๆ  เพราะเข้าใจว่าตนเองอยู่คนเดียวในกระบะมาตลอด
ดังนั้น การที่นายเปลวโผล่พรวดมา และนายกรตกใจตกจากรถ จึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยประมาทของนายเปลว

สรุปว่า ซวยครับ

 ผิดถูกอย่างไร ลองถกกันสนุกๆครับ  Grin
บันทึกการเข้า
อนัตตา
หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์ สุขเพียงใดก็ไม่พลั้ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1616
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8201


เมื่อเจ้ายืนอยู่บนยอดภูผา อย่าลืมว่าเจ้ามาจากที่ใด


« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 08:50:08 PM »

ไม่มีใครถามหรอกครับตกรถเพราะอะไร คนขับรับเต็ม ๆ หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 09:08:53 PM »

Grin Grin เรื่องนี้คล้ายๆเคยดูในคดีเด็ดเลยครับ และเรื่องนี้เคยถกกันในวงสุรามาครั้งหนึ่ง

ในความเห็นส่วนตัวผม ประเด็นอยู่ที่ นายบุญมา นายปลั่ง และนายเปลว ต้องรับผิดต่อความตายของนายกรหรือไม่

แน่นอนเรื่องนี้ต้องตัดเรื่องฆ่านายกรโดยเจตนาทิ้งไป
เพราะไม่ว่านายบุญมา นายปลั่ง และนายเปลวไม่มีเจตนา หรือต้องการให้นายกร ถึงแก่ความตาย

และแน่นอนเรื่องนี้ต้องตัดเรื่องเจตนาทำร้ายนายกร เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายทิ้งไปเช่น
เพราะไม่ว่านายบุญมา นายปลั่ง และนายเปลวไม่มีเจตนา หรือต้องการทำร้ายนายกร

จึงเหลือเพียงอย่างเดียวว่า นายบุญมา นายปลั่ง และนายเปลว กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายนายกรหรือไม่

ประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติความหมายของการกระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจัก ต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวัง เช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่

ตรงนี้การพิจารณาว่า เหตุที่ทำให้นายกร ถึงแก่ความตายก็คือ การตกลงมาจากกระบะแล้วคอหักตาย
แล้วเมื่อพิจารณาย้อนขึ้นไป เหตุที่ทำให้ตกกระบะนั้น ก็เนื่องมาจากนายเปลวโผล่พรวดออกจากมาจากโลง

การที่นายบุญมาและนายปลั่ง จอดรถรับนายกร เดินทางกลับพร้อมกัน จนกระทั้งนายเปลวโผล่พรวดออกจากมาจากโลงเป็นเหตุให้นายกรตกกระบะ
จะเห็นว่า ความตายของนายกร ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะกระกระทำของ นายบุญมา และนายปลั่ง แม้่แต่น้อย แต่เกิดขึ้นเพราะนายเปลวโผล่ออกมาจากโลงทำให้นายกรตกใจ
นายบุญมาและนายปลั่ง  จึงไม่ต้องรับผิดต่อความตายของนายกร

คราวนี้เหลืออยู่คนเดียว คือนายเปลว

นายเปลวจะต้องรับผิดต่อความตายของนายกรหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า นายเปลวทราบไหมว่านายกร ขึ้นมาบนกระบะ
หากทราบ แต่ยังโผล่พรวดไป อาจเพราะด้วยเหตุผลต้องการหยอกเล่นก็ตาม แต่การที่โผล่พรวดไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่านายกรเป็นโรคกลัวผี และรถกำลังวิ่งอยู่
แม้นายเปลวไม่มีเจตนาทำร้ายนายกร แต่การโผล่พรวดพราดไปแบบนั้น ต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ปราศจากความระมัดระวัง เมื่อนายกรถึงแก่ความตาย นายเปลวต้องรับผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้นายกรถึงแก่ความตาย

แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฎว่า นายเปลวหลับมาตลอด ไม่ทราบว่ามีนายกรนั่งอยู่ในกระบะด้วย
เมื่อรถตกหลุม ตนเองตื่นและโผล่ออกมาจากโลงทันที ตรงนี้ จะเห็นว่า เมื่อนายเปลวไม่รู้ว่านายกร ขึ้นมานั่งในกระบะ
จึงไม่มีเหตุ ที่นายเปลวจะใช้ความระมัดระวังอย่างใดๆ  เพราะเข้าใจว่าตนเองอยู่คนเดียวในกระบะมาตลอด
ดังนั้น การที่นายเปลวโผล่พรวดมา และนายกรตกใจตกจากรถ จึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยประมาทของนายเปลว

สรุปว่า ซวยครับ

 ผิดถูกอย่างไร ลองถกกันสนุกๆครับ  Grin

          คลับคล้ายคลับคลาว่าอาจารย์เคยยกตัวอย่างเรื่องนี้ให้ฟังในสมัยเรียนแต่จำไม่ได้ว่าคำตอบเป็นอย่างไร

          แต่ถ้าเป็นผมก็คงตอบเหมือนพี่สิงห์ทุกประการครับ
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 09:26:36 PM »



          คลับคล้ายคลับคลาว่าอาจารย์เคยยกตัวอย่างเรื่องนี้ให้ฟังในสมัยเรียนแต่จำไม่ได้ว่าคำตอบเป็นอย่างไร

          แต่ถ้าเป็นผมก็คงตอบเหมือนพี่สิงห์ทุกประการครับ

ขอบพระคุณมากครับท่านโยชิกิ ไหว้

หากข้อเท็จจริงนี้ขึ้นสู่ศาล ผมว่าคงเป็นตัวอย่างคดีที่น่าศึกษามากๆ ครับ  Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 09:43:36 AM »

งานนี้ ถ้าเข้าโรงเข้าศาล คงต้องใช้คุณธรรมนำนิติศาสตร์มากๆ
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

wiched
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 137
ออฟไลน์

กระทู้: 811



« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 09:58:46 AM »

ไม่ทราบคำตอบ แต่ บวก 1 สำหรับเรื่องนี้ สนุกดีครับ  เยี่ยม
บันทึกการเข้า
นายรัก-รักในหลวง-
เลือด สี น้ำ เงิน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 203
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1646


จงภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง


« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 10:37:52 AM »

เล่าต่ออีกนิดเถิดครับ  ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้
    แต่ตรงนี้แหละที่ผมกับพ่อเกือบได้ก่อสงครามอวกาศ กับยานต่างดาว กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว

บันทึกการเข้า

"สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป"
หินเหล็กไฟ
ถึงตายไปก็ช่างมัน...ขอให้ชีวิตยังอยู่ก็พอ..
Hero Member
*****

คะแนน 1319
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12901



« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2010, 06:29:43 PM »

เล่าต่อครับ มันเกี่ยวอะไรกับยานต่างดาว
บันทึกการเข้า

[img]http://i7.tinypic.com/333hiqw.jpg[/img
..GlockGlack..
ทำดีไว้ไม่ขาดทุน..... ขาว อวบ. อิอิอิ
Hero Member
*****

คะแนน 48
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3569


ใช้ปืนดี มีพระคุ้มครอง


« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2010, 10:58:05 PM »

จานบิน? Cheesy
บันทึกการเข้า

ขอสักกระทู้ที่ไม่เลอะเทอะเลื่อนเปื้อน จนเสียคุณค่าเนื้อความในกระทู้นะครับ Cheesy
krajong
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2875



« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 12:12:13 AM »

ผมสงสัยสงครามอวกาศครับ
บันทึกการเข้า

ความจริงไม่มีวันตาย แต่คนพูดความจริงตายไปหลายแล้ว
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8574


« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 01:40:52 AM »

ประมาณปี 2528 - 2529   ต่างอำเภอแถวบ้านก็เคยเกิดเรื่องแบบนี้ครับ  กระโดดออกจากรถหกล้อกระแทกพื้นตายสองศพ  ลงข่าวไทยรัฐด้วย
บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.065 วินาที กับ 22 คำสั่ง