Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
|
« เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 07:56:46 AM » |
|
ต่างชาติฮุบ 25 จังหวัด ชาวนา - โบรกเกอร์แห่ขายที่
ผู้จัดการ 360? รายสัปดาห์ 17 ก.ย. 52
- พบนโยบายรัฐบาล-กม.เปิดช่องอื้อ - ทุนใหญ่-นักการเมืองเอี่ยวผลประโยชน์ - นายหน้าหัวใสเปิดเว็บไซต์ล่อต่างชาติ - บสท.-กรมบังคับคดี ช่องโหว่ฮุบได้พันไร่
"ต่างชาติมาให้ราคาที่ดินผม 3 เท่าผมก็ไม่ขาย ขายไปได้เงินมาก้อนเดียว แต่รายจ่ายเรามีประจำทุกเดือน ต่อไปเงินก้อนนี้หมด ผมจะเอาเงินที่ไหนมาผ่อนรถบรรทุก รถเกี่ยวข้าว ทุกวันนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ผมปลูกข้าว 3 พันธุ์ มีข้าวหอมปทุมธานี พิษณุโลก และชัยนาท ข้าวหอมปทุมกับชัยนาทปลูกเสร็จผมเก็บไว้อย่างละ 100 ถัง ไว้กินเองเพราะคุณภาพดี ที่เหลือค่อยขาย"
น้ำ เสียงที่พูดด้วยความภูมิใจในอาชีพเกษตรกรของคุณลุงปรีดา สมรูป เกษตรกร-สารวัตรกำนัน บ้านหนองพลับ หมู่ 11 ต.แสนตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ในที่ดินที่เข้าร่วมโครงการจัดรูปที่ดินกับรัฐบาล จำนวน 10 ไร่ที่เป็นที่ดินตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และเช่าที่เกษตรกรด้วยกันอีก 30 ไร่ เพื่อทำการปลูกข้าวเป็นอาชีพหลัก
เป็นน้ำเสียงของความภูมิใจที่ต้องบอกว่า วันนี้หาได้ยากยิ่งแล้วในสังคมไทย!
เพราะ ทุกวันนี้ที่ดินเพื่อทำการเกษตร โดยเฉพาะที่ปลูกข้าวของไทย ได้เปลี่ยนมือจากเกษตรกรไปสู่นายทุนรายย่อย ไปสู่นายทุนรายใหญ่ที่เตรียมบริหารจัดการข้าวทั้งระบบในไทย ส่วนนายทุนรายย่อยต่างๆ ก็ต่างผันตัวเป็นนายหน้า ขอเป็นนอมินีขายที่ดินให้ชาวต่างชาติกันอย่างฝุ่นตลบ
รัฐบาลไทย-ชงเองขายเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 07:57:14 AM » |
|
ปัญหา คือ การเปลี่ยนการถือครองที่ดินจากเกษตรกรไปอยู่ในมือนายทุนและบริษัทนอมินีต่าง ชาติ ล้วนเป็นปัญหาที่เกิดมาจากการเปิดช่องของรัฐบาลไทยเอง ตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และแม้จะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองมาเป็นรัฐบาลภาพดีของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่กลับพบว่า ในระดับภาครัฐแล้วยังมีการเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่
โดย สมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ได้มีการแก้กฎหมายให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนได้มากถึงร้อย ละ 49 และคนไทยถือหุ้นร้อยละ 51 ตรงนี้นอกจากจะเป็นการเปิดช่องให้บริษัทต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในบริษัทที่ ได้รับสัมปทานมือถือจากรัฐแล้ว ยังเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเข้ามาทำธุรกิจบริหารจัดการผลผลิตข้าวในไทย ด้วยวิธีจัดตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ซื้อที่ดินการเกษตร หรือตั้งบริษัทรับจ้างทำนา หรือบริษัทรับจ้างดำนา ซ้ำร้ายท้ายที่สุดแล้วบริษัทไทยกลายเป็นบริษัทนอมินี เปิดช่องให้ต่างชาติครอบงำธุรกิจนี้เบ็ดเสร็จ
นอก จากแก้กฎหมายแล้ว คงยังจำกันได้ พ.ต.ท.ทักษิณเองได้พานักธุรกิจซาอุดิอาระเบียไปดูการทำนา ที่บ้านควาย จังหวัดสุพรรณบุรี ของประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย แถมมีข่าวการจดทะเบียนบริษัทรวมใจชาวนา เพื่อมารับจ้างทำนา งานนี้เรียกว่าขายของกันถึงที่ จนถึงขนาดถูกต่อว่า "ขายชาติขายแผ่นดิน" กันมาแล้ว
มาถึงยุค อภิสิทธิ์ แม้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญระดับชาติ แต่ปรากฏว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์กลับมีการไปเจรจากับกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของตะวัน ออกกลาง มีการเซ็นสัญญาเรียบร้อยว่า กลุ่มทุนตะวันออกกลางนี้จะเอาเงิน 18,000 ล้านบาทมาลงทุนในไทย โดยเฉพาะการปลูกข้าว ทำปศุสัตว์ และประมง กระทั่ง DSI ก็ออกมายอมรับแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
นี่ เป็นเหตุผลที่มีกระแสการต่อต้านการเข้ามาซื้อที่นาจากชาวต่างชาติอย่างหนัก ในช่วง 2 -3เดือนที่ผ่านมาอีกระลอกหนึ่งหลังจากอดีตนายกฯพากลุ่มทุนมาดูที่นา จนกระทั่งนายกฯอภิสิทธิ์ ต้องออกมาแถลงข่าวยืนยันว่าจะให้นักธุรกิจชาวตะวันออกกลางมาซื้อได้แค่ผล ผลิตทางการเกษตรเท่านั้น และจะไม่ให้มีการมาซื้อที่ดิน บริหารจัดการผลผลิตอย่างเบ็ดเสร็จในไทยได้
แต่ กระนั้นกระบวนการซื้อขายที่ดินผ่านนอมินีของคนต่างชาติกลับยังไม่หยุด และเรากลับพบว่า มีนายหน้าค้าที่ดินทั้งระดับเกษตรกรไปยังโบรกเกอร์เพื่อขายให้ต่างชาติกัน อย่างคึกคัก (อ่านล้อมกรอบ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 07:57:57 AM » |
|
ส่วนต่างชาติแล้วไม่ต้อง พูดถึง แผ่นดินไทยเวลานี้ยิ่งกว่าแผ่นดินทองในยุคไหนๆ เพราะการคาดการณ์ทำนายทายทักว่า อนาคตนั้น โลกจะเกิดการขาดแคลนวิกฤตอาหาร พลังงาน และน้ำอย่างหนัก โดยเฉพาะในปี ค.ศ.2025 ได้ทำให้นายทุนยักษ์ใหญ่ต่างชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ขาดแคลนอาหารต่างมองเห็นประเทศไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ผันผลผลิตกลับประเทศตัวเองกันอดตาย และไทยเป็นพื้นที่ที่ต่างชาติต้องการมากที่สุด เพราะทำเลและภูมิอากาศดีที่สุดในพื้นที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้
นี่คือคำตอบว่าทำไม ต่างชาติถึงจ้องจะรุกคืบเข้ามาจับจองพื้นที่ปลูกข้าวของไทยให้ได้!
10 ปีผ่านไป ที่ดินเป็นของนายทุนเกลี้ยง
อย่าง ไรก็ดี ปัญหาหนักอกที่ต้องยอมรับคือเวลานี้ พื้นที่เกษตรของไทยที่มีกว่า 130.29 ล้านไร่ และมีที่นาอยู่ประมาณ 63.6 ล้านไร่ ได้เปลี่ยนมือจากเกษตรกรที่รับสืบทอดที่ดินมาจากบรรพบุรุษไปอยู่ในมือนายทุน เกือบหมดแล้ว
วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี เปิดเผยว่าการเปลี่ยนมือการถือครองที่ดินของเกษตรกรไทยที่สำคัญเกิดตั้งแต่ ยุคฟองสบู่ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ที่ราคาที่ดินในไทยมีราคาสูงมากและสูงกว่าความเป็นจริง ทำให้เกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาไทยที่มีรายได้น้อยมากตัดสินใจขายที่ดินให้กับนาย ทุนรายย่อยในท้องที่ เพราะต้องการเงินก้อนมาต่อชีวิต บางส่วนก็ย้ายถิ่นฐานเข้าเมืองไปหางานทำ ที่เหลือได้เงินก้อนมาแล้ว ใช้จนหมดก็ต้องไปเช่าที่นาจากนายทุนที่ขายที่ดินให้ไปทำนาแทน
ตรง นี้ที่ดินในเมืองไทยจึงอยู่ในมือนายทุนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจากข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีรายงานว่า ขณะนี้เกษตรกรไทยมากกว่า 60% มีการเช่าที่ดินทำการเกษตร ส่วนเครือข่ายหนี้สินแห่งประเทศไทยก็มีรายงานว่าเกษตรกรกว่า 3 แสนรายที่เป็นหนี้อยู่ กำลังอยู่ระหว่างการถูกฟ้องยึดที่ดิน และอีก 8 ล้านไร่กำลังเป็นพื้นที่ติดจำนองกับสถาบันการเงิน และพร้อมจะหลุดจำนองด้วย
" ชาวนาไทยจน มีหนี้สินมากมาย ใครเอาเงินมาให้ในราคา 2 เท่า 3 เท่า เขาก็ขายหมด อย่างน้อยก็ล้างหนี้ได้ และยังมีเงินก้อนไปต่ออาชีพอื่นอีก"
ปัญหา การขายที่ดินของชาวนาไทย ที่ไม่ว่าจะขายให้นายทุนท้องถิ่น หรือขายให้ต่างชาติ ทั้งหมดทั้งมวลแล้วจึงเกิดขึ้นจาก "ความจน"ล้วนๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 07:58:50 AM » |
|
ส่วน ต่างชาติที่เข้ามาซื้อที่ดินผ่านนอมินีในไทยได้ ก็เพราะได้รับการช่วยเหลือ และร่วมผลประโยชน์ของกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะผู้มีอิทธิพลในภาคกลาง พื้นที่ปลูกข้าวที่ดีที่สุดในประเทศไทย
เปิดพื้นที่ต้องสงสัย ต่างชาติฮุบ
วิฑูรย์ เปิดเผยต่อว่า ขณะนี้มูลนิธิชีววิถีได้หันมาศึกษาข้อมูลเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยอาศัยความร่วมมือกับเครือข่ายเกษตรกรกว่า 19 จังหวัด จากข้อมูลเบื้องต้นที่เป็นข้อมูลเชิงพื้นที่ พบว่า จังหวัดที่เป็นเขตพื้นที่สีแดง ที่ชาวต่างชาติสนใจซื้อหามากที่สุดเวลานี้มี 6 จังหวัดด้วยกัน ได้แก่ อยุธยา ชัยนาท สุพรรณบุรี อุทัยธานี อ่างทอง และสิงห์บุรี
โดย พื้นที่บริเวณนี้ ต่างชาติจะเข้ามาถือครองที่ดินผ่านกลุ่มทุนการเมืองท้องถิ่น ซึ่งบริเวณนี้กลุ่มตะวันออกกลางสนใจมากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอวังน้อย อำเภอบางบาล อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา และอำเภอบางซ้าย
"ชาวนาบางรายผันตัวไปเป็นนายหน้า ค้าที่ดินเอง เพราะได้เงินง่ายและจำนวนมาก ชาวนากลุ่มนี้เล่าว่า ที่เป็นนายหน้าเพราะว่าได้รับการติดต่อจากนายทุนท้องถิ่นผู้มีอิทธิพลใน พื้นที่เอง"
สำหรับอยุธยาแล้ว นอกจากกลุ่มทุนตะวันออกกลางสนใจจะซื้อเพื่อจ้างเกษตรกรปลูกข้าวแล้ว ที่จังหวัดอยุธยายังพบว่า มีนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ญี่ปุ่น ได้รุกคืบเข้ามาถือหุ้นในโรงสีหลายโรงสีในจังหวัดอยุธยา ในจำนวนร้อยละ 49% ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เข้ามาเพื่อซื้อที่ดิน แต่เป็นความจงใจที่จะเข้ามาบริหารจัดการระบบตลาดข้าวเบ็ดเสร็จซึ่งเป็นอีก รูปแบบหนึ่งที่ทุนต่างชาติเข้ามา
สุพรรณบุรี สำนักสงฆ์กว้านซื้อ 1,000 ไร่
ขณะ ที่พื้นที่ปัญหาที่ดูจะรุนแรงที่สุดคือ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีข่าวการขายที่ดินให้ต่างชาติหนาหูที่สุด เพื่อทำเป็นบริษัทรับจ้างทำนา โดยซื้อที่ดิน และจ้างคนไทยเป็นคนทำนา
" เกษตรกรในพื้นที่เล่าว่า ตอนนี้ใครที่มีที่ดินอยู่จะคุยกันแต่เรื่องว่าอยากขายที่ดินให้ต่างชาติ แม้กระทั่งนายทุนท้องถิ่นที่มีที่ดินอยู่ในมือก็อยากจะปล่อยขาย ทำให้ราคาที่ดินของจังหวัดสุพรรณบุรีมีความเคลื่อนไหวของราคาสูงขึ้นมาก เช่นที่ดินตาบอดจากที่เคยขายกันไร่ละไม่กี่หมื่น แต่ตอนนี้ซื้อขายกันในระดับราคาไร่ละแสนสองหมื่นบาทเป็นต้นไป"
นอก จากนี้ในจังหวัดสุพรรณบุรี ยังเกิดปรากฎการณ์ที่น่าสงสัยว่าอาจจะเป็นนอมินีต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินใน โซนฝั่งคลองชลประทาน แถวๆวัดหนองปล้อง วัดทุ่งแฝก และวัดห้วยสุวรรณวนาราม หรือที่เรียกว่าหนองถั่วพู เป็นพื้นที่เขตรอยต่อระหว่างเขตอำเภอศรีประจัณฑ์ กับเขตจังหวัดสิงห์บุรี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 07:59:31 AM » |
|
" ตอนนี้มีสำนักสงฆ์สำนักหนึ่ง เพิ่งเข้ามาตั้งอยู่ในสุพรรณได้ปีกว่า แต่กว้านซื้อที่ดินในบริเวณหนองถั่วพูไป 1,000 กว่าไร่แล้ว เป็นเรื่องผิดปกติมาก เพราะสำนักสงฆ์ไม่จำเป็นต้องมีที่ดินมากขนานนั้น และที่สำคัญสำนักสงฆ์เอาเงินที่ไหนมาซื้อ"
ส่วนที่ "ชัยนาท" ขณะนี้มีข่าวแล้วว่ามีการขึ้นค่าเช่าทำนา จาก 500 บาทต่อไร่ เป็น 1,500 บาทต่อไร่ต่อรอบการปลูกไปแล้วด้วย
ส่วน พื้นที่รองลงมา ที่แม้จะไม่ใช่ที่ดินในระดับ AAA อย่าง 4 จังหวัดข้างต้น แต่เป็นที่ดินที่ต่างชาติต่างกว้านซื้อเช่นกันได้แก่ จังหวัด นครราชสีมา ปราจีนบุรี นครนายก และฉะเชิงเทรา
"ที่นครนายก อำเภอองครักษ์มีการกว้านซื้อไปแล้วเจ้าเดียว 1,600 ไร่ ขณะที่ฉะเชิงเทรา อำเภอบางคล้ามีกว้านซื้อไปแล้วจำนวนมากเช่นกัน"
ไต้หวันเข้าปราจีน ต้องการพืชพลังงาน
ขณะ ที่ในกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ก็มีการกว้านซื้อที่ดินอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากข้าวแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่มีไร่อ้อย ปาล์ม และยูคาลิปตัส และกลุ่มทุนที่เข้ามาในส่วนนี้คือกลุ่มทุนไต้หวัน ที่บางส่วนเข้ามาในรูปแบบของการถือหุ้นในโรงงานน้ำตาล
" ทุนกลุ่มนี้ไม่ได้เข้ามาที่สินค้าข้าว แต่เขาต้องการอ้อย นอกจากเอาไปผลิตน้ำตาลแล้ว เขามองว่าเป็นพลังงานสำรองกับประเทศเขาที่สำคัญ"
แหล่ง ข่าวในจังหวัดปราจีนบุรี ได้ให้ข้อมูลกับ "ผู้จัดการ 3360 องศารายสัปดาห์"เพิ่มเติมว่า การกว้านซื้อที่ดินในบริเวณกบินทร์บุรี ปราจีนบุรีนี้ เกิดขึ้นชัดเจนตั้งแต่หลังปี 2540 โดยส่วนใหญ่นายทุนจะเริ่มจากการซื้อที่ดินของธนาคารนำมาขายทอดตลาด โดยระยะแรกจะเป็นบริษัทที่เป็นกลุ่มธุรกิจเก็งกำไรซื้อขายที่ดิน แต่ที่น่าสังเกตคือในช่วงหลังมีกลุ่มธุรกิจอื่นที่ไม่ประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเดิมของตนเข้ามาซื้อที่ดินขายทอดตลาดด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 08:00:13 AM » |
|
" อย่าง FBT เป็นบริษัทที่ไม่ได้เป็นธุรกิจเกี่ยวกับที่ดิน แต่กลับมีการกว้านซื้อที่ดินที่ธนาคารขายทอดตลาดมาก หลังจากนั้นก็แบ่งครึ่งหนึ่งไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันขอกู้เงินจากธนาคาร โดยอ้างว่าจะนำมาทำไร่อ้อย แต่ปรากฏว่ามีพฤติกรรมไปกว้านซื้อที่ดินจากเกษตรกรแปลงใหม่ๆ อย่างผิดสังเกต"
ขณะนี้บริษัทอื่นๆ ก็ทำการกว้านซื้อที่ดินในลักษณะเดียวกัน ทำให้ชาวบ้านสูญเสียที่ดินอย่างรวดเร็ว และมีสูตรการซื้อที่ดินว่า จะซื้อแพง 10% ซื้อถูก 90% โดยจะซื้อแพงที่ดินในบริเวณติดถนนก่อน จากนั้นทำการปิดทางเข้าออก และข่มขู่ชาวบ้านที่มีสวนอยู่เบื้องหลังว่าจะไม่มีทางทำมาหากินได้ ทำให้ชาวบ้านต้องยอมขายที่ในราคาถูก
ส่วนพื้นที่อีกกลุ่มหนึ่งที่ต่างชาติให้ความสนใจมากเช่นกัน ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร และนครสวรรค์ กำแพงเพชร
จังหวัด สุโขทัยนั้น พบว่ามีกลุ่มทุนญี่ปุ่นเข้ามา ร่วมกับนักการเมือง ส. มาลงทุนทำโรงงานแปรรูปขนมกรุบกรอบ แต่ปรากฏว่ามีการจ้างเกษตรกรในรูปแบบคอนแทรกฟาร์มมิ่งให้เกษตรกรปลูกข้าว ญี่ปุ่น เพื่อนำข้าวญี่ปุ่นส่งกลับไปขายในประเทศญี่ปุ่นด้วย
ส่วน พิจิตร ล่าสุดมีการเปิดเผยจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเอง ว่าได้รับรายงานจากสำนักงานที่ดินจังหวัดพิจิตร ว่ามีบริษัทนอมินีคนไทยทำการกว้านซื้อที่ดินนาไม่อั้นเพื่อทำการเกษตร โดยเฉพาะในเขตอำเภอสามง่าม ชาวนาขายที่ดินไปแล้วกว่า 500 ไร่ และเขตอำเภอบางมูลนาก มีการกว้านซื้อไปแล้วกว่าพันไร่ โดยเริ่มซื้อตั้งแต่ราคาไร่ละ 15,000-50,000 บาทต่อไร่
นอก จากนี้ ยังมีรายงานว่า ในเขต ตำบลบ้านบุ่ง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร และเขตบ้านเกาะแก้ว ต.สากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก และอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร
ขณะที่ นครสวรรค์ เป็นพื้นที่ที่มีบริษัทรับจ้างดำนา และใช้เทคโนโลยีในกระบวนการเพาะปลูก และมุ่งคุมไลน์การผลิตข้าวทั้งกระบวนการแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 08:00:50 AM » |
|
ส่วน อีก 2 พื้นที่ข้อมูลล่าสุดรายงานว่า เดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีการประกาศขายที่ดินในเวปไซด์ที่ดิน.คอมให้ต่างชาติ มาซื้อที่ดินเพื่อลงทุนในการทำนา ที่สำคัญคือ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี 1,200 ไร่ และตำบลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 7 ไร่ นอกจากนี้ยังครอบคลุมไปถึงจังหวัดนครปฐม สิงห์บุรี อีก 500 ไร่
พื้นที่ กลุ่มต่อมาคือพื้นที่ภาคใต้ ในพื้นที่ภาคใต้นั้น จะเป็นกลุ่มทุนมาจากประเทศมาเลเซีย เข้ามาดำเนินธุรกิจปลูกปาล์มน้ำมันนานแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และสตูล
ส่วน ภาคเหนือตอนบน ส่วนมากจะเป็นกลุ่มทุนรายย่อยจากจีนที่จะมาในรูปแบบของกองทัพมด มาซื้อที่เพื่อตั้งโรงงาน และซื้อไว้ให้เช่า กันมาก โดยเฉพาะพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และพะเยา
ส่วน จังหวัดที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่อยู่ในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ส่วนใหญ่แล้วมีการกว้านซื้อที่ดินเพื่อขายให้ต่างชาติแล้วเช่นกัน
นักการเมืองท้องถิ่น ตัวการสำคัญซื้อขายที่ดิน
อย่าง ไรก็ดี จากการสำรวจข้อมูลระดับพื้นที่ พบว่า พื้นที่ที่มีการเปลี่ยนถ่ายไปจากนอมินีไปสู่ทุนต่างชาติได้อย่างสะดวกแล้ว ส่วนใหญ่ได้รับความช่วยเหลือจากนักการเมืองที่มีอิทธิพลในท้องถิ่นนั้นๆ เอง รวมทั้งมีการใช้เครือข่ายหัวคะแนนของพรรคตัวเองไปช่วยในการกว้านซื้อที่ดิน ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 08:01:25 AM » |
|
กล่าวได้ว่าปัญหาที่ดินไทยนั้น ยิ่งนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทุกวันนี้แม้จะดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลับพบว่าทั้งเกษตรกร นายทุนท้องถิ่น นักการเมืองผู้มีอิทธิพล ต่างแย่งชิงกันกว้านซื้อที่ดินขายต่างชาติ เพราะรายได้หรือผลประโยชน์เฉพาะหน้ามีเป็นจำนวนมหาศาล และตอนนี้กระบวนการนี้กำลังเกิดขึ้นอย่างคึกคักมากในทุกหย่อมหญ้า
" ไทยมีพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปลูกข้าวมาก เพราะภูมิประเทศเหมาะสม โดยเฉพาะเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ภาครัฐเองก็เข้าไปลงทุนในเรื่องระบบชลประทานไว้พร้อมแล้ว ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเป็นพื้นที่ที่ต่างชาติต้องการเข้ามาซื้อเพื่อจ้างคนไทยปลูกข้าวมากที่ สุด"
ประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว กล่าวและว่า อยากให้ลองคิดดูว่าหากบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง เดิมเป็นบริษัทไทย เมื่อนำเข้าตลาดหุ้น ขายหุ้นให้ต่างชาติ ผลกำไรก็ต้องส่งไปต่างประเทศ คนไทยก็ได้แต่ค่าจ้าง เรื่องข้าวก็เหมือนกัน ต่อไปกำไรก็ต้องส่งไปต่างประเทศ คนไทยเป็นแค่ลูกจ้าง วิถีชีวิตเปลี่ยนหมด ผลกระทบก็จะเกิดกับลูกหลานต่อไป
"มีคนมองว่าต่าง ชาติยังไงก็เอาที่ดินไทยไปไม่ได้ แนวความคิดนี้ไม่ถูก ข้าวเป็นชีวิต เป็นวัฒนธรรมของไทยตั้งแต่สมัยโบราณ หากต่างชาติเข้ามาบริหารจัดการข้าวทั้งหมด ไทยจะเกิดผลกระทบทางสังคมอย่างหนักในอนาคต ฉะนั้นชาวนาจะต้องรักษาที่ทำกินเอาไว้ให้ดีต้องตระหนักให้ได้ว่า ข้าวคือชีวิตของคนไทย และอย่าปล่อยให้หลุดมือไป"
สุด ท้ายจึงมองว่า วิธีการเดียวที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้เร็วที่สุด คือภาครัฐจะต้องเอาจริงเอาจัง เพราะกฎหมายที่มีอยู่ก็ยังไม่รัดกุมเพียงพอ โดยที่สำคัญต้องทำให้รายได้จากการขายข้าวให้มีราคาที่เกษตรกรอยู่ได้ และมีอนาคตที่ดี เมื่อทำได้อย่างนี้แล้วในส่วนของภาคเกษตรเอง เกษตรกรจะเกิดจิตสำนึกและปกป้องผืนแผ่นดินนี้เอาไว้เอง
หวังจัดรูปที่ดิน-สกัดต่างชาติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 08:02:06 AM » |
|
เช่น เดียวกันกับ จรัญ ภูขาว ผู้อำนวยการสำนักงานจัดรูปที่ดินกลาง กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การจัดรูปที่ดินจะเป็นทางออกที่ดีที่จะสกัดกั้นนายทุนต่างชาติไม่ให้เข้ามา ซื้อที่นาได้
"เรื่องแบบนี้มันต้องแก้ที่ต้นเหตุ คุณต้องทำให้เกษตรกรมีรายได้ดี เมื่อมีรายได้ดีแล้ว ใครก็ไม่อยากขายที่ดิน ตอนนี้ผลผลิตต่อไร่ชาวนายังน้อย รายได้ก็น้อย พอมีคนมาขอซื้อที่ดินในราคา 2-3 เท่า เป็นใครใครก็ขาย แต่ถ้าทำให้เขามีรายได้ดี มีอนาคต ชาวนาจะไม่อยากขายที่นาอีกต่อไป"
อีกทั้งกลไกของการ จัดรูปที่ดินที่อยู่ใน พ.ร.บ.การจัดรูปที่ดิน ยังระบุไว้ชัดเจนด้วยว่า หากเกษตรกรมีการจัดรูปที่ดินแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนพื้นที่ไปทำอย่างอื่นได้นอกจากภาคเกษตร และหากจะขายหรือเปลี่ยนมือที่ดินให้ใคร จะต้องมาทำเรื่องตรวจสอบผ่านสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดก่อน ตรงนี้จะเป็นเครื่องมือที่สกัดกั้นชาวต่างชาติได้ระดับหนึ่ง
แต่ ปัญหาที่ผ่านมาคือ การจัดรูปที่ดินทำมาแล้ว 30 ปี ในจำนวนพื้นที่เป้าหมายจำนวน 27 จังหวัด แต่เพิ่งจัดรูปที่ดินได้เพียง 1.856 ล้านไร่ เพราะงบประมาณลงมาน้อย อีกทั้งกระบวนการขอจัดรูปที่ดินยังต้องผ่านรูปแบบคณะกรรมการใช้เวลาหลายปี ตรงนี้เป็นอุปสรรคที่รัฐบาลต้องให้นโยบายที่ชัดเจน
อนาคต ของสังคมไทยต่อไป มองได้ไม่ยากแล้วว่าที่ดินเพื่อการเกษตรจะไปอยู่ในมือต่างชาติจำนวนไม่น้อย จริงอยู่ที่กฎหมายยังคุ้มครองว่าที่ดินยังไงก็ต้องเป็นของคนไทย แต่วัฒนธรรมของคนไทยที่ดีงามและมีมาอย่างยาวนาน ย่อมรู้ดีว่า หากขายที่ดินให้ใครไปแล้วนั้น ย่อมจะเป็นที่ดินของคนนั้น อย่างน้อยๆ ก็อยู่ในมือของบริษัทนอมินีทั้งหลาย ไม่ใช่ของเกษตรกรไทยแน่ๆ
อนาคต ของเกษตรกรไทยต่อไปจึงประเมินได้เลยว่าจะมีชีวิตความเป็นอยู่แบบลูกจ้าง แม้จะอยู่ในผืนดินของตัวเอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เป็นได้เพียงแค่เบี้ยล่างของนายทุนใหญ่และต่างชาติที่เข้ามาบริหารจัดการผล ผลิตข้าวไทยอย่างเบ็ดเสร็จ แถมคนไทยบางส่วนอาจจะไม่มีข้าวกิน ถ้าเกิดวิกฤตอาหารโลกรุนแรง เพราะนายทุนต่างชาตินี้จะเอาผลผลิตป้อนประเทศตัวเองก่อน
ตรงนี้คือสิ่งที่ น่ากลัว และอันตรายอย่างยิ่ง!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 08:02:34 AM » |
|
ยาวมากครับ ^_^" ( ยังไม่จบเลย ) อ่านต่อที่นี่ >> http://www.biothai.net/news/611
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุมพินี08
Hero Member
คะแนน 167
ออฟไลน์
กระทู้: 1438
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 11:07:09 AM » |
|
แถวศรีราชา ชลบุรีทุกตรอกซอกซอยมีโรงงานต่างชาติเต็มไปหมด อีกหน่อยคงจะได้เห็นป้ายเขียนว่าซอยต่างชาติ ห้ามเข้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 6424
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 50462
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 11:36:39 AM » |
|
นายทุนไทยก็ใช่ย่อยนะครับ เคยอ่านข่าว รายใหญ่ๆก็กว้านซื้อที่ดินกันเป็นแสนไร่
สมมุติถ้าต่างชาติ อยากลงทุน โดยเช่าทำฟาร์ม ใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการ จ้างแรงงาน ให้ผลตอบแทนสูง จะไม่ดีหรือ ถ้าทำให้ชีวิตเกษตรกรเราดีขึ้น
อย่างนายทุนเกษตรไทยรายใหญ่ก็ใช้ว่าจะดีเด่อะไร ขายทุกอย่าง เอาเปรียบสารพัด ผูกขาดเมล็ดพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง แถมผูกขาดตลาดกำหนดราคา ปีนี้เป็นมหาเศรษฐีอับดับ1ไปแล้ว แต่เกษตรกรก็ไม่เห็นจะรวยขึ้นอย่างเขา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
|
|
|
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 10195
ออฟไลน์
กระทู้: 47057
M85.ss
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 11:52:02 AM » |
|
เรื่องแบบนี้มีมานานแล้วครับ อย่างง่ายๆเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว แถว อำเภอปลวกแดง,หนองใหญ่,บ้ายค่าย ขายถูกๆพวกยังเมิน ปัจจุบันนี้ต้องพูดเป็นหมู่บ้านครับ แต่ละบริษัทถือกรรมสิทธิ์เป็นหมื่นๆไร่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สหายแป๋ง คนดง
ถึงตัวเจ้าจะจากไปแต่ชื่อและความดีของเจ้าจะอยู่ในใจพี่เสมอ
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 2284
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 53136
ป่าสร้างคนแต่คนกลับสร้างป่า ด้วยลมปาก
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 11:54:57 AM » |
|
น่ากลัวจัง ผมมีอยู่สองงานเก็บไว้ให้ลูกหลานดีกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 3692
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 62457
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 11:55:28 AM » |
|
เป็นเพราะกฏหมายเอื้ออำนวย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|