เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 16, 2024, 08:00:17 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รบกวนพี่นักกฎหมายช่วยมาชี้แนะทีนะครับ  (อ่าน 1893 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 02:41:43 PM »

หนุ่มสุราษฎร์เครียด เมียรักด่าไม่หยุด ผัวแค้นชักมีดกะซวกแทงตายสยองคาเตียงโรงพยาบาล ญาติ-คนไข้ กระเจิง เห็นเหตุสลดคาตา 

ผัว เครียดเมียรักด่ากะซวกดับคาเตียง รพ.ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 7 ต.ค. ร.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย ร้อยเวร สภ. เมือง จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุมีคนร้ายแทงคนป่วยเสียชีวิต ภายในหอผู้ป่วย รพ. สุราษฎร์ธานี จึงรีบไปสอบสวนที่เกิดเหตุ ภายในหอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง 3 ตึกศัลยกรรม พบ ชายสภาพคลุ้มคลั่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตามร่างกายมีรอยเลือดกระเซ็นถูกเสื้อผ้า เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ ทราบชื่อ นายสมโชค สุขเสน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 10 ต.พ่วงพรหมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี และยึดมีดปลายแหลมยาวประมาณ 10 ซม. เปื้อนเลือด 1 เล่ม ที่วางไว้บนเตียงผู้ป่วยไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นางวาสนา แสงแก้ว อายุ 46 ปี เป็น ภรรยาของ นายสมโชค หลังเกิดเหตุแพทย์ พยาบาล ได้พยายามช่วยชีวิต แต่คนเจ็บถูกแทงเข้าที่หน้าอก 3 แผล เข้าจุดสำคัญขาดใจตาย อย่างน่าอนาถ

จาก การสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนางวาสนา ผู้เสียชีวิตได้เข้ามารักษาตัวและเอกซเรย์สมองตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. เพราะประสบอุบัติเหตุขณะซ้อนท้าย จยย. ทางโรงพยาบาลอนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ป่วย ทำให้หอผู้ป่วยทั้งชั้นมีผู้คนจำนวนมาก ต่อมานายสมโชคได้เดินมาเยี่ยมภรรยา จู่ๆ ได้ชักอาวุธมีดพกสั้นกระหน่ำแทงเมียรัก ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวของญาติที่มาเยี่ยมผู้ป่วย หลังก่อเหตุนายสมโชคพยายามหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขัดขวาง และแจ้งตำรวจมาควบคุมตัวดังกล่าว

นายสมโชค ยอมรับสารภาพ โดยให้การว่า ที่ลงมือก่อเหตุสลดขึ้นเพราะความเครียด เนื่องจากตนถูกภรรยาต่อว่าหลายครั้งเรื่องขี่ จยย. ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ภรรยาที่ซ้อนท้ายมาด้วยบาดเจ็บสาหัส ก่อนก่อเหตุ ตนมาเยี่ยมภรรยากลับถูกต่อว่าอีก จึงบันดาลโทสะใช้อาวุธมีดปลายแหลมซึ่งพกติดตัวตลอดเวลากระหน่ำแทงภรรยาจน สิ้นใจตายคามือ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนนำตัวไปสอบสวนปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ตามรูปคดีแล้วไม่น่าจะถูกแจ้งข้อหา ฆ่าโดยเจตนาและไตร่ตรองนิครับ  ถ้าบรรดาลโทสะผมว่ายังน่าจะเข้ามากกว่าอีก ยังไงรบกวนพี่ๆช่วยชี้แนะทีนะครับ ขอบพระคุณครับ
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 02:47:48 PM »


                   การพกอาวุธติดตัวไปด้วย ถือเป็นเจตนาและใตร่ตรองล่วงหน้าอยู่แล้วครับ

                   ถ้าบันดาลโทสะโดยคว้ามีดปลอกผลไม้ข้างเตียงผู้ป่วยก็จะเป็นคนละประเด็น


                   อันนี้ตามความคิดผมเองนะครับ    ถ้าภาษากฏหมายก็ต้องรอนักกฏหมายมาชี้แนะ

บันทึกการเข้า

                
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 04:31:49 PM »

หนุ่มสุราษฎร์เครียด เมียรักด่าไม่หยุด ผัวแค้นชักมีดกะซวกแทงตายสยองคาเตียงโรงพยาบาล ญาติ-คนไข้ กระเจิง เห็นเหตุสลดคาตา 

ผัว เครียดเมียรักด่ากะซวกดับคาเตียง รพ.ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 7 ต.ค. ร.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย ร้อยเวร สภ. เมือง จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุมีคนร้ายแทงคนป่วยเสียชีวิต ภายในหอผู้ป่วย รพ. สุราษฎร์ธานี จึงรีบไปสอบสวนที่เกิดเหตุ ภายในหอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง 3 ตึกศัลยกรรม พบ ชายสภาพคลุ้มคลั่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตามร่างกายมีรอยเลือดกระเซ็นถูกเสื้อผ้า เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ ทราบชื่อ นายสมโชค สุขเสน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 10 ต.พ่วงพรหมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี และยึดมีดปลายแหลมยาวประมาณ 10 ซม. เปื้อนเลือด 1 เล่ม ที่วางไว้บนเตียงผู้ป่วยไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นางวาสนา แสงแก้ว อายุ 46 ปี เป็น ภรรยาของ นายสมโชค หลังเกิดเหตุแพทย์ พยาบาล ได้พยายามช่วยชีวิต แต่คนเจ็บถูกแทงเข้าที่หน้าอก 3 แผล เข้าจุดสำคัญขาดใจตาย อย่างน่าอนาถ

จาก การสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนางวาสนา ผู้เสียชีวิตได้เข้ามารักษาตัวและเอกซเรย์สมองตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. เพราะประสบอุบัติเหตุขณะซ้อนท้าย จยย. ทางโรงพยาบาลอนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ป่วย ทำให้หอผู้ป่วยทั้งชั้นมีผู้คนจำนวนมาก ต่อมานายสมโชคได้เดินมาเยี่ยมภรรยา จู่ๆ ได้ชักอาวุธมีดพกสั้นกระหน่ำแทงเมียรัก ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวของญาติที่มาเยี่ยมผู้ป่วย หลังก่อเหตุนายสมโชคพยายามหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขัดขวาง และแจ้งตำรวจมาควบคุมตัวดังกล่าว

นายสมโชค ยอมรับสารภาพ โดยให้การว่า ที่ลงมือก่อเหตุสลดขึ้นเพราะความเครียด เนื่องจากตนถูกภรรยาต่อว่าหลายครั้งเรื่องขี่ จยย. ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ภรรยาที่ซ้อนท้ายมาด้วยบาดเจ็บสาหัส ก่อนก่อเหตุ ตนมาเยี่ยมภรรยากลับถูกต่อว่าอีก จึงบันดาลโทสะใช้อาวุธมีดปลายแหลมซึ่งพกติดตัวตลอดเวลากระหน่ำแทงภรรยาจน สิ้นใจตายคามือ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนนำตัวไปสอบสวนปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ตามรูปคดีแล้วไม่น่าจะถูกแจ้งข้อหา ฆ่าโดยเจตนาและไตร่ตรองนิครับ  ถ้าบรรดาลโทสะผมว่ายังน่าจะเข้ามากกว่าอีก ยังไงรบกวนพี่ๆช่วยชี้แนะทีนะครับ ขอบพระคุณครับ
คุ้นๆ ครับ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน
บันทึกการเข้า
โป้ง*กันบอย - รักในหลวง
YOU'LL NEVER WALK ALONE
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1629
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16886


คนฮัก เต้าผืนหนัง........คนจัง เต้าผืนสาด


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 04:41:44 PM »

พกอาวุธติดตัวแล้วก่อเหตุ ผมคิดแบบพี่ปูครับ

ยังไงรอความเห็นของพี่ๆนักกฎหมายนะครับ
บันทึกการเข้า


SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 05:18:36 PM »

การที่สามีนำมีด เป็นอาวุธติดตัวไปหาภรรยา จากนั้นใช้มีดที่นำมา แทงผู้ตายบริเวณจุดสำคัญ
ลักษณะดังกล่าว พนักงานสอบสวนต้องแจ้งข้อกล่าวหา เจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนครับ

ส่วนการกระทำของผู้ต้องหา จะเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ และการกระทำของสามีเป็นการกระทำเพราะบันดาลโทสะหรือไม่นั้น
ต้องพิจารณาจากการสอบสวน สรุปข้อเท็จจริงอีกครั้งครับ ว่าเป็นการไตรตรองจริงหรือไม่
และการที่ภรรยาด่า ถือว่าผู้ต้องหาถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามกฎหมายหรือไม่

โดยทั่วไป การด่ากัน ทะเลาะเบาะแว้งบ้างระหว่างสามีและภริยา แม้จะมีถ้อยถ้อยคำก้าวร้าวหยาบคายเป็นที่ระคายเคืองอยู่บ้าง
แต่ก็ยังไม่พอจะถือว่า การด่านั้น เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมที่จะอ้างบันดาลโทสะได้

แต่การด่าว่ากันนั้น จะต้องเป็นการด่าที่เป็นลักษณะ ที่ข่มเหง ดูถูก ผู้ถูกด่าอย่างร้ายแรงด้วย
เช่น ด่าบุพการีของสามีเสียๆหายๆ  ด่าดูถูกทำให้เสียหายอับอายอย่างร้ายแรงเกินทน หรือ
ไม่ด่าเปล่าๆ มีทั้งเตะ ตบ บ้องหู ซ้อมสามี จนสามีทนไม่ไหว เอามีดแทงเข้าให้ทันที เป็นต้น

ตามข้อเท็จจริงคดีนี้ ความเห็นส่วนตัวผม แม้ผู้ตายจะตำหนิและด่า ผู้ต้องหาในเรื่องที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปล้มทำให้ตนบาดเจ็บหลายครั้งก็ตาม
ย่อมเป็นธรรมดา ที่ต้องมีการตำหนิกันบ้างไม่มากก็น้อย นอกจากนี้ แม้จะปรากฎข้อเท็จจริงว่า ภรรยาด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายไปบ้าง
แต่การด่าเนื่องจากสาเหตุดังกล่าว ระหว่างสามีภรรยาในเรื่องนี้ ยังไม่ถือว่าสามีถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง

ดังนั้น แม้การด่าของภรรยา จะเป็นชนวนเหตุที่ก่อให้เกิดเหตุเศร้าใจครั้งนี้ และทำให้สามีมีอารมณ์โกรธเคืองที่ผู้ตายด่าว่าก็ตาม
แต่เมื่อข้อเท็จจริง ไม่ถือว่าสามีถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงตามกฎหมายแล้ว
การกระทำของสามี จึงไม่เป็นการฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะครับ

แต่อย่างไรก็ดี ในเนื้อข่าว เป็นเพียงการสรุปข้อเท็จจริงคร่าวๆเท่านั้น ซึ่งในการสอบสวน หรือชั้นพิจารณาของศาล
หากมีพยานหลักฐานสนับสนุนให้เห็นว่า การที่ผู้ตายด่าผู้ต้องหานั้น มีลักษณะเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรง
การพิจารณาโทษที่ผู้ต้องหาจะได้รับ ก็จะลดลงตามส่วนแล้วแต่กรณีไปครับ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 08, 2010, 06:30:25 PM โดย นายสิงห์กลิ้ง » บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 05:25:18 PM »


                       เยี่ยมเลย    ขอบคุณครับท่านรามซิงค์

บันทึกการเข้า

                
lugkrod
Hero Member
*****

คะแนน 2419
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12590



« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2010, 08:19:14 AM »

กระทู้ตายจริงๆด้วยวุ้ย.... คิก คิก
บันทึกการเข้า

มีเพื่อนดี มีหนึ่ง ถึงจะน้อย ดีกว่าร้อย เพื่อนคิด ริษยา
เหมือนเกลือดี มีนิดหน่อย น้อยราคา ยังมีค่า กว่าน้ำเค็ม เต็มทะเล..
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 09:23:33 AM »

พอดีไปทำงานเพิ่งได้กลับมา ขอบพระคุณพี่ๆที่เข้ามาช่วยให้ความรู้มากครับ  ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 10:57:35 AM »

ว่าแล้วผมขออนุญาต เพิ่มเติมหลักเรื่องบันดาลโทสะอีกนิด (เพื่อไม่ให้กระทู้ตาย ฮา...)

หลักสำคัญในเรื่องบันดาลโทสะครับ

มาตรา ๗๒ แห่งประมวลกฎหมายอาญา "ผู้ใดบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้"

ดังนั้นผู้ที่จะอ้างบันดาลโทสะได้ตามกฎหมาย จะต้อง
๑. มิใช่เป็นผู้ก่อให้เกิดเหตุแห่งการข่มเหงด้วย เพราะ ผู้ที่จะอ้างเหตุบรรเทาโทษได้ตามกฎหมาย จะต้องมิใช่เป็นต้นเหตุให้เกิดการข่มเหงนั้นด้วยครับ
ดังนั้นหากเราเดินไปตบหัวคนอื่นเล่น จนคนที่ถูกตบลุกขึ้นมาเอาไม้มาทุบเราบ้าง แต่เรากลับโกรธขึ้นมา จึงชักอาวุธปืนยิงไป ๑ นัด
จะเห็นได้ว่า เหตุที่ทำให้เราโกรธนั้น ก็เนื่องจากเราเอง เป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น
กรณีนี้ เราจึงไม่สามารถอ้างเหตุบันดาลโทสะ เนื่องจากถูกผู้ตายเอามาทุบได้ เพราะถือว่าเราเป็นผู้ก่อให้เกิดเหตุแห่งการข่มเหงนั้นเอง

๒. ผู้อ้างบันดาลโทสะ จะต้องบันดาลโทสะ เพราะตนเองถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม นั้น คือ การข่มเหงรังแกหรือรบกวนทำให้เดือดร้อนโดยไม่มีเหตุอันสมควรที่จะกระทำเช่นนั้น
ทั้งการข่มเหงนั้น เป็นเรื่องหรือมีลักษณะที่เรื่องที่ร้ายแรงโดยปราศจากเหตุผล และการข่มเหงนั้น ทำให้ผู้ก่อเหตุ เกิดโทสะหรือความโกรธจนไม่อาจยับยั้งได้
ซึ่งตรงนี้อย่างใด เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ

๓. ผู้นั้นได้ลงมือกระทำผิด ต่อผู้ที่มาข่มเหงในขณะทันทีทันใด หรือกระชันชิดภายหลังถูกข่มเหง
ผู้ที่จะอ้างเหตุบันดาลโทสะได้ นั้นต้องทำร้าย ฆ่า หรือทำความผิดต่อผู้ที่มาข่มเหงภายหลังทันทีที่ถูกข่มเหง หรือภายหลังจากนั้น แต่ระยะเวลาต้องกระชั้นชิดด้วย
เพราะหากปล่อยทิ้งนานไป ศาลมักจะถือว่าเราน่าจะคลายความโกรธลงไปแล้ว เช่น นาย ก. เดินมา ชกหน้าเรากลางตลาด และพูดจาเย้ยดูถูกต่อหน้าผู้คน ถ้าเราชกนาย ก หรือยิงนาย ก ในตอนนั้นทันที เราสามาถอ้างบันดาลโทสะได้ครับ  แต่หากเราไม่ยิงหรือชกไป แต่กลับบ้านไปจนรุ่งเช้าจึงนำอาวุธปืนมายิง นอกจากจะอ้างบันดาลโทสะไม่ได้แล้วเพราะมิได้กระทำต่อผู้ที่มาข่มเหงในขณะนั้น ยังถือว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนด้วยซ้ำ

บันทึกการเข้า
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 11:31:13 AM »

ขอบพระคุณมากครับพี่   ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้
เท่าที่พอจะอ่านเจอ เห็นมีคดี สามีเจอภรรยานอนอยู่กับชู้  ยิงตายคาเตียงทั้งคู่ก็ไม่มีความผิดถูกไหมครับ แล้วถ้าเรารู้ว่า ใครเป็นชู้กับเมียเราแล้วตามไปยิงละครับ??  สมัยนี้คนแต่งงานแล้วแต่ยังมีกิ๊กเนี้ยเยอะเหลือเกิน   เศร้า เศร้า เศร้า เศร้า เศร้า
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 01:16:29 PM »

เรื่องสามีหรือภรรยา กำลังร่วมประเวณีกับผู้อื่นนั้น เดิมถือว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนในฐานะคู่สมรส
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๗๘/๒๔๗๙ ชายพบภริยาของตนกำลังร่วมประเวณีทำชู้กับชายอื่นจึงฆ่าภริยาและชายชู้ตายทั้งสองคนนั้นทันทีเช่นนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียง พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีโทษ

แน่นอน หากคู่สมรสของตน กำลังร่วมประ้เวณีกับบุคคลอื่น โดยคู่สมรสของตนไม่ยินยอมแล้ว เช่นถูกข่มขืน กระทำชำเรา
กรณีนี้ ย่อมเป็นการป้องกันสิทธิของตนเองและคู่สมรส สามารถอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันตามกฎหมายได้แน่นอน

แต่ในกรณี ที่คู่สมรสของตน กำลังร่วมประ้เวณีกับบุคคลอื่น โดยคู่สมรสของตนยินยอมละ
ตรงนี้จะอ้างป้องกัน ตามมาตรา ๖๘ ทำให้เราไม่มีความผิดได้หรือไม่นั้น

เท่าที่ผมศึกษาเรื่องนี้ การที่จะอ้างป้องกันกับเรื่องที่คู่สมรสของตนไปร่วมประเวณีกับบุคคลอื่นโดยยินยอมนั้น
จะต้องปรากฎว่า ขณะก่อเหตุ จะต้องเห็นคู่สมรสของตนกำลังร่วมประเวณีอยู่ด้วย จึงก่อเหตุ
นอกจากนี้ คู่สมรสที่จะอ้างป้องกันนั้น จะต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายด้วย

แต่หากทราบภายหลัง หรือเหตุเพียงเดินออกมาจากห้อง หรือแม้แต่เห็นนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน แต่ไม่เ็ห็นว่ากำลังร่วมประเวณี
 กรณีนี้ไม่ถือว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอัน ละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ที่จะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิได้


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๘๖๑/๒๕๔๗ แม้ จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ต. สามี  และมีสิทธิป้องกันมิให้หญิงอื่นมามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของตน แต่ขณะจำเลยพบโจทก์ร่วม (กิ๊กของสามี) นั้น  โจทก์ร่วม  กำลังนอนหลับอยู่กับ ต. เท่านั้น มิได้กำลังร่วมประเวณีกัน พฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอัน ละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง อันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

       แต่การที่โจทก์ร่วมเข้าไปนอนหลับอยู่กับ ต. สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่เตียงนอนในฟาร์มเลี้ยงไก่ของ ต. เช่นนี้นับได้ว่าเป็นการกระทำที่ข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุ ไม่เป็นธรรม เมื่อจำเลยพบเห็นโดยบังเอิญมิได้คาดคิดมาก่อนและไม่สามารถอดกลั้นโทสะไว้ได้ ใช้มีดฟันศีรษะโจทก์ร่วมไปในทันทีทันใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตาม ป.อ. มาตรา ๗๒

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๙๕๕/๒๕๔๗ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเนื่องจากผู้ตายกับ น. ภริยาจำเลยอยู่ด้วยกันภายในห้องนอนตามลำพังสองต่อสอง และจำเลยพบเห็นเหตุการณ์โดยไม่คาดคิดมาก่อน จำเลยเกิดความโมโหหรือมีอารมณ์โกรธ จึงยิงไปในขณะนั้นทันทีที่พบเห็น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อ. มาตรา ๖๘ แต่เป็นการกระทำโดยเหตุบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา ๗๒

แต่อย่างไร แม้ไม่ถือว่าเป็นการป้องกันก็ตาม แต่การที่คู่สมรสของตนไปเจ๊าะแจะกับคนอื่น
ถือว่าคู่สมรสของตนและชู้ กิ๊ก ทำการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามกฎหมายแล้ว
การที่คู่สมรสทำร้าย หรืออย่างไร คู่สมรสของตนและบุคคลที่มาเจ๊าะแจ๊ะในทันทีขณะที่ยังโกรธอยู่ในทันทีที่ทราบ
หรือพอทราบก็เดินทางไปก่อเหตุทันที ไม่ใช่ปล่อยทิ้งระยะเวลาไว้นาน แบบย่อมสามารถอ้างว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะได้ครับ

แต่หากทิ้งระยะเวลาไว้นาน ศาลอาจมองว่าโทสะได้ลดลงไปแล้ว เช่น ทราบว่าใครเป็นชู้แล้ว
แต่กลับเก็บไว้ จนภายหลังต่อมาพบชู้ของภรรยาตน แล้วนึกขึ้นได้จึงเอาปืนไปยิง
แบบนี้ไม่สามารถอ้างว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะได้ครับ แต่จะเป็นเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองด้วยซ้ำ ไหว้


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 10, 2010, 01:18:33 PM โดย นายสิงห์กลิ้ง » บันทึกการเข้า
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 01:17:57 PM »

อันนี้แถม แม้คู่สมรสจะมิได้จดทะเบียนสมรสกันก็ตาม แต่อยู่กินกันฉันท์สามีและภรรยาอย่างแท้จริง ก็สามารถอ้างบันดาลโทสะในเรื่องที่ไปเจ๊าะแจ๊ะกับผู้อื่นได้เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๓๗๓/๒๕๔๔ จำเลยและ ส. มิได้เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายแต่จำเลยได้อุปการะเลี้ยงดู ส. เยี่ยงภรรยา ซึ่งผู้เสียหายก็รู้แต่ผู้เสียหายยังไปลักลอบหลับนอนร่วมประเวณีกับ ส. การที่จำเลยยิงผู้เสียหายในขณะดังกล่าว จึงเป็นการบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
บันทึกการเข้า
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 01:25:37 PM »

แต่ความเป็นจริง หากระงับโทสะได้ในขณะนั้น แนะนำว่าอย่ายิงเลยครับ
เป็นโจทก์ฟ้องหย่าซะดีกว่า แล้วเรียกค่าทดแทนจากคู่สมรสที่นอกใจและจากชู้ กิ๊กให้เต็มเหนี่ยว
ดีกว่าเป็นจำเลย ในข้อหาฆ่าผู้อื่น สู้คดีกันเหนื่อยครับ Grin
บันทึกการเข้า
youngnoi7474
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 841
ออฟไลน์

กระทู้: 555


« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 01:32:35 PM »

แต่ความเป็นจริง หากระงับโทสะได้ในขณะนั้น แนะนำว่าอย่ายิงเลยครับ
เป็นโจทก์ฟ้องหย่าซะดีกว่า แล้วเรียกค่าทดแทนจากคู่สมรสที่นอกใจและจากชู้ กิ๊กให้เต็มเหนี่ยว
ดีกว่าเป็นจำเลย ในข้อหาฆ่าผู้อื่น สู้คดีกันเหนื่อยครับ Grin
                      ขอบพระคุณท่านสิงห์กลิ้งมากครับสำหรับฎีกาในกระทู้แรกๆ
                      และเห็นด้วย 100% สำหรับข้อแนะนำในกระทู้นี้ครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 01:44:32 PM »

แต่ความเป็นจริง หากระงับโทสะได้ในขณะนั้น แนะนำว่าอย่ายิงเลยครับ
เป็นโจทก์ฟ้องหย่าซะดีกว่า แล้วเรียกค่าทดแทนจากคู่สมรสที่นอกใจและจากชู้ กิ๊กให้เต็มเหนี่ยว
ดีกว่าเป็นจำเลย ในข้อหาฆ่าผู้อื่น สู้คดีกันเหนื่อยครับ Grin
ฆ่าด้วยกฎหมาย กะเอาตายทั้งเป็นเลยใช่ไหมครับ  Grin Grin Grin Grin  ไหนจะตอนขึ้นศาล ไหนจะล้มละลาย แถมเป็นคดีติดตัวไปชั่วชีวิต
ขอบพระคุณครับพี่  ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้ สำหรับความรู้ดีๆ อิอิอิ
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 21 คำสั่ง