เรื่องสามีหรือภรรยา กำลังร่วมประเวณีกับผู้อื่นนั้น เดิมถือว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนในฐานะคู่สมรส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๗๘/๒๔๗๙ ชายพบภริยาของตนกำลังร่วมประเวณีทำชู้กับชายอื่นจึงฆ่าภริยาและชายชู้ตายทั้งสองคนนั้นทันทีเช่นนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียง พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีโทษ
แน่นอน หากคู่สมรสของตน กำลังร่วมประ้เวณีกับบุคคลอื่น โดยคู่สมรสของตนไม่ยินยอมแล้ว เช่นถูกข่มขืน กระทำชำเรา
กรณีนี้ ย่อมเป็นการป้องกันสิทธิของตนเองและคู่สมรส สามารถอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันตามกฎหมายได้แน่นอน
แต่ในกรณี ที่คู่สมรสของตน กำลังร่วมประ้เวณีกับบุคคลอื่น โดยคู่สมรสของตนยินยอมละ
ตรงนี้จะอ้างป้องกัน ตามมาตรา ๖๘ ทำให้เราไม่มีความผิดได้หรือไม่นั้น
เท่าที่ผมศึกษาเรื่องนี้ การที่จะอ้างป้องกันกับเรื่องที่คู่สมรสของตนไปร่วมประเวณีกับบุคคลอื่นโดยยินยอมนั้น
จะต้องปรากฎว่า ขณะก่อเหตุ จะต้องเห็นคู่สมรสของตนกำลังร่วมประเวณีอยู่ด้วย จึงก่อเหตุ
นอกจากนี้ คู่สมรสที่จะอ้างป้องกันนั้น จะต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายด้วย
แต่หากทราบภายหลัง หรือเหตุเพียงเดินออกมาจากห้อง หรือแม้แต่เห็นนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน แต่ไม่เ็ห็นว่ากำลังร่วมประเวณี
กรณีนี้ไม่ถือว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอัน ละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ที่จะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๘๖๑/๒๕๔๗ แม้ จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ต. สามี และมีสิทธิป้องกันมิให้หญิงอื่นมามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของตน แต่ขณะจำเลยพบโจทก์ร่วม (กิ๊กของสามี) นั้น
โจทก์ร่วม กำลังนอนหลับอยู่กับ ต. เท่านั้น มิได้กำลังร่วมประเวณีกัน พฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอัน ละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง อันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
แต่การที่โจทก์ร่วมเข้าไปนอนหลับอยู่กับ ต. สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่เตียงนอนในฟาร์มเลี้ยงไก่ของ ต. เช่นนี้นับได้ว่าเป็นการกระทำที่ข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุ ไม่เป็นธรรม
เมื่อจำเลยพบเห็นโดยบังเอิญมิได้คาดคิดมาก่อนและไม่สามารถอดกลั้นโทสะไว้ได้ ใช้มีดฟันศีรษะโจทก์ร่วมไปในทันทีทันใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตาม ป.อ. มาตรา ๗๒
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๙๕๕/๒๕๔๗ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเนื่องจากผู้ตายกับ น. ภริยาจำเลยอยู่ด้วยกันภายในห้องนอนตามลำพังสองต่อสอง และจำเลยพบเห็นเหตุการณ์โดยไม่คาดคิดมาก่อน จำเลยเกิดความโมโหหรือมีอารมณ์โกรธ จึงยิงไปในขณะนั้นทันทีที่พบเห็น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อ. มาตรา ๖๘ แต่เป็นการกระทำโดยเหตุบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา ๗๒
แต่อย่างไร แม้ไม่ถือว่าเป็นการป้องกันก็ตาม แต่การที่คู่สมรสของตนไปเจ๊าะแจะกับคนอื่น
ถือว่าคู่สมรสของตนและชู้ กิ๊ก ทำการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามกฎหมายแล้ว
การที่คู่สมรสทำร้าย หรืออย่างไร คู่สมรสของตนและบุคคลที่มาเจ๊าะแจ๊ะในทันทีขณะที่ยังโกรธอยู่ในทันทีที่ทราบ
หรือพอทราบก็เดินทางไปก่อเหตุทันที ไม่ใช่ปล่อยทิ้งระยะเวลาไว้นาน แบบย่อมสามารถอ้างว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะได้ครับ
แต่หากทิ้งระยะเวลาไว้นาน ศาลอาจมองว่าโทสะได้ลดลงไปแล้ว เช่น ทราบว่าใครเป็นชู้แล้ว
แต่กลับเก็บไว้ จนภายหลังต่อมาพบชู้ของภรรยาตน แล้วนึกขึ้นได้จึงเอาปืนไปยิง
แบบนี้ไม่สามารถอ้างว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะได้ครับ แต่จะเป็นเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองด้วยซ้ำ