ตอนเด็กมากสี่ห้าขวบ แม่เล่าว่า ผมฉี่ใส่โทรทัศน์ของป้าขณะเปิดเครื่องแต่โทรทัศน์เป็นอย่างไรบ้างไม่ได้ถามต่อ เป็นตำนานเล่าขานของตระกูลไป
ตอนอนุบาลหนึ่งไปเล่นเวทยกน้ำหนักบนแท่นประมาณว่าขับรถมันหมุนได้เหมือนพวงมาลัย ตกใส่เท้ากระดูกแตก แผลเป็นติดตัวถึงทุกวันนี้
ตอนแปดขวบยังว่ายน้ำไม่เป็นในบ้านก็ไม่มีใครเป็น เห็นเพื่อนๆว่ายเล่นกันสนุกสนานเลยอิจฉา กระโดดตูมลงไปต่อหน้าแม่แล้วหายไปแป๊บนึง แม่ร้องไห้เลย
ก็ดิ้นรนพุ้ยน้ำ เออ มันทำกันแบบนี้เองจากนั้นก็เลยว่ายเป็น พ่อดีใจมาก นึกว่าจะโดนหวดตูด แฮ่ๆ
ตอนประถมต้น จุดประทัดที่เป็นลูกพลาสติกกลมๆเสียงดังมหากาฬ แรกๆฝังโคลนแล้วจุดเกิดหลุมใหญ่ๆ สักพักเบื่อฝังโคลนแอ่งน้ำขังที่มีลูกอ๊อดกะว่าโผล่มาใกล้ๆ จุดตูมหายทั้งน้ำทั้งลูกอ๊อดเกิดหลุมอีก มันส์ไม่พอ แอบเอาไปเล่นที่โรงเรียน จุดแล้วโยนใส่โรงเพาะเห็ดเล็กๆ ตูมไฟลุก เผ่นกลับบ้านกลัวมากๆ พิษกลัวส่งผลไข้ขึ้นสามวัน อาจารย์ใหญ่สมัยนั้นดุพกกระบี่ไม้ไผ่ที่ใช้ซ้อมรำกระบี่เป็นอาวุธ ให้ผู้ที่นำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้สองร้อย(เมื่อสิบห้าที่แล้วน่ะท่าน) มีค่าหัวแต่เด็ก...แต่รอด ฮ่ะ แต่มาภายหลังโดนข้อหา เตะบอลกันในโรงอาหารแล้วเพื่อนยิงไซด์โป้งไปโดนกระจกแตก โดนเพลงกระบี่สามเพลงซ้อน นั่งไม่ติดเก้าอี้ไปสามวัน
สมัยมัธยมปลาย ครั้งแรกในห้องน้ำ หลายท่านคงทราบดีว่าห้องน้ำชายโรงเรียนมัธยมเป็นเช่นไรไม่ฉุกเฉินจริงๆไม่เข้าเด็ดขาด แหล่งมั่วสุมสูบบุหรี่ เวทีมวยชั่วคราว หรือสถานที่ก่อกวนสำหรับพวกเกรียนๆ ตอนนั้นภาพยนต์อะไรสักอย่างแนวๆชกต่อยกัน ผมโชว์ว่าฝึกกระโดดถีบสวยเพียงใดใส่ประตูส้วมให้เพื่อนดู ประตูหลุดทั้งบาน ปรากฎว่ามีเด็กมัธยมต้นมีภารกิจติดพันไม่อาจถอนตัววงแตกทั้งคนทำและคนโดนทำ ผมกลัวผู้เสียหายเห็นหน้าวิ่งหนีหางจุกตูด เพื่อนที่อยู่ด้วยเอาไปเล่าให้แฟนฟัง แฟนขู่จะฟ้องอาจารย์ถ้า โดดเรียนหรือมีกิ๊ก ฮา...
ครั้งที่สองแฟนบอกเลิก ไปคบนักบาสของโรงเรียน แค้นมากทำเป็นไปขอเล่นด้วยแล้วนอกเกมส์ใส่เกือบจะฟาดปากกัน อดีตแฟนดันมาเห็นเลยถูกโบกหน้าหัน(นักบาสโรงเรียนไม่กลัวกลัวผู้หญิง ฮา) ไปแอบนั่งร้องไห้ที่โรงเพาะเห็ด(คนละที่กะที่โดนไฟครอกนะจ๊ะ ฮา)อาจารย์สอนเกษตรมาเห็นนึกว่าแอบมาดมกาว ถูกสอบสวนทั้งน้ำตาต่อหน้าเด็กม.อื่น อายสุดๆ