เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 28, 2024, 10:44:57 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อ่านแล้วรู้สึกพิลึก... เซเลบ จับมือทำธุรกิจ ของเล่นใหม่คนมีตังค์  (อ่าน 3170 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 09:15:49 AM »

เอามาจากนี่ครับ... http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000153988

อ่านแล้วรู้สึกสงสารทหารภาคใต้, ทหารชายแดน, ตชด., ทหารก่อกระสอบทราย+ลุยแจกของน้ำท่วมฯ...

นี่ยังดีที่เขาไม่ได้พูดถึงพวกไฮโซฯ(นามสกุลเพราะฯ)ไปรับราชการ แล้วอยู่ในฟาสแทรกทำงานสองขั้นปีเว้นปีนะครับ... พวกนี้แหละเป็นคนสร้างเงื่อนไขในสังคมจากระบบอุปถัมภ์ฯ...
(รบกวนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ... วิจารณ์โดยไม่เกี่ยวข้องพาดพิงกับสีเสื้อนะครับ)... เย้...

อาจสับสนนิดหน่อยกับคำนิยามที่เรียกว่า เซเลบริตี หรือเรียกสั้นๆ ว่า เซเลบ ว่าคืออะไร แต่คนเสพสื่อบันเทิงทั่วไปคงมีคำตอบคล้ายๆ กันว่าคือ ‘พวกคนดัง’ ซึ่งเหมากระจาดทั้งไฮโซ นักธุรกิจ ดารา นักร้อง ดีไซเนอร์ ฯลฯ ที่ขอให้มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมเป็นพอ
       
       ไลฟ์สไตล์ชนิดหนึ่งของคนกลุ่มนี้ คือ การออกงานสังคม โชว์แฟชั่นล่าสุดจากคอลเลกชันต่างๆ ภายใต้แบรนด์เนมระดับโลกราคาแพงระยับ โชว์เครื่องเพชร บีบีใหม่ล่าสุดๆๆๆๆๆ ไปจนถึงโชว์เต้า และที่กำลังได้รับความนิยมต่อเนื่องอยู่ตอนนี้คือ การจับมือกันทำธุรกิจ
       
       ซึ่งจะมองว่าเป็นของเล่นคนมีเงินอีกแบบหนึ่งก็ได้ แล้วของเล่นนี้เขาเล่นกันแบบไหน
       
       1.
       
       อันที่จริงแวดวงไฮโซมีการเคลื่อนไหวมาตลอด ในอดีต บรรดาตระกูลใหญ่ๆ ต่างก็รู้จักกันตามงานสังคม งานสวนอัมพร งานการกุศล งานปาร์ตี้ งานวันเกิด หรือเพราะมีบ้านในละแวกไฮโซเดียวกัน เช่น หัวหินเมืองตากอากาศสมัยก่อนที่บรรดาเจ้านายและนักธุรกิจมักไปจับจองที่ดินและก็รู้จักกันเพราะรั้วติดกัน เป็นต้น
       
       การเป็นทองแผ่นเดียวกันระหว่างตระกูลใหญ่ 2 ตระกูล ถือเป็นวิธีหนึ่งในการขยายอาณาจักรและเพิ่มสถานะทางสังคมของไฮโซยุคก่อน ไม่ก็เป็นเพื่อนกันไป
       
       พอถึงยุคแลกพินบีบี เมื่องานสังคมมีถี่กว่าเมื่อก่อนมาก เทคโนโลยีการสื่อสารดีสุดๆ บวกกับพลังการตลาดที่จับความดังเป็นสินค้า ความเป็นไฮโซที่เคยจำกัดวงในกลุ่มเจ้านาย ข้าราชการชั้นสูง และนักธุรกิจขาใหญ่ ก็ค่อยๆ ขยายวงสู่อาชีพอื่นๆ ที่ถือว่ามีชื่อเสียงในสังคม
       เมื่อมีทั้งเงิน ทั้งชื่อเสียง แน่นอนว่ามันคือต้นทุนอย่างดีในการทำธุรกิจ
       
       2.
       
       ถ้าสังเกตให้ดี ธุรกิจของคนดังมักจะเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมือง เช่น สินค้าไฮเอนด์ สปา ผับ เป็นต้น ยกตัวอย่าง ‘ฟลามิงโก’ แบรนด์สินค้าแฟชั่นที่ร่วมมือกันของ หม่อมราชวงศ์จันทรลัดดา ยุคล, หม่อมราชวงศ์นิภานพดารา ยุคล และ ศิริสุดา โกมุทบุตร
       
       บริษัท คาวาลิโน มอเตอร์ จำกัด นำเข้าเฟอร์รารี่ ซึ่งเป็นการจับมือกันระหว่าง ตระกูลภิรมย์ภักดีกับ ตระกูลอยู่วิทยา
       
       หรืออย่าง ทีส แกลลอรี บาร์ที่เกิดจากการจับมือกันของ อนิศ โอสถานุเคราะห์, โจอี้ บอย, กิ๊ฟซี และ วรรธนฉัตร แสงมีน
       
       หรืออย่าง 4 สาวไฮโซ พัชรี รักษาวงศ์, ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา, นาขวัญ รายนานนท์ และ ศิรนุช โรจนเสถียร ก็มาจับมือร่วมหุ้นกันเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ภายใต้ชื่อ Just English ฯลฯ
       
       จุดร่วมถึงว่าเหมือนกัน ก็คือเป้าหมายของการทำธุรกิจ เพราะทุกคนต้องการมีรายได้และแสวงหากำไร จึงต้องค้นหาหนทางที่จะทำให้ตัวเองมีรายได้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนหนึ่งในนั้นก็คือนำชื่อเสียงของตัวเองไปต่อยอดทางธุรกิจ
       
       “ทุกคนรู้จักชื่อเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการจะทำอะไรก็ง่ายขึ้น ยิ่งมารวมพลังคนดังกับคนดัง เป็นกลุ่มแก๊งเดียวกัน พอมีธุรกิจฮิตอะไรขึ้นมา ก็ทำขึ้นเพื่อให้เข้ากับกระแสที่เกิดขึ้น” กฤตยชญ์ ไผ่เรือง บรรณาธิการ Celeb Online อธิบาย
       
       บุ๋ม-จารุจิต ใบหยก ลูกสาวคนกลางของตระกูลใบหยก เจ้าของตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้เธอรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารโรงแรมใบหยกสกาย เธอมองว่า การเป็นเซเลบ ก็มีประโยชน์ในการร่วมมือกันทำธุรกิจระหว่างเซเลบ ด้วยกัน
       
       “มันมีประโยชน์ คืออย่างน้อยเราก็เป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง ด้วยนามสกุลก็รู้ว่าทำธุรกิจอะไร หน้าเราเวลาไปไหนก็เป็นเหมือนพาธุรกิจโรงแรมติดตัวไปด้วยทุกที่ ไปไหนก็เป็นการพีอาร์ไปด้วย แต่บุ๋มยังไม่มีธุรกิจส่วนตัวร่วมกับใครนะคะ จะมีแต่เวลาเจอเพื่อนๆ ที่ไปงานสังคมก็คุยกัน ชวนให้มาจัดงานที่โรงแรม เราก็ช่วยธุรกิจของกันและกัน จะเป็นแบบนี้มากกว่าค่ะ
       
       “เราได้รู้จักคนมากขึ้น รู้จักคนที่ทำงานหลากหลายแวดวง มันก็เป็นการขยายคอนเนกชัน อาศัยว่าคุ้นๆ หน้ากัน ก็ชวนกันมาร่วมงานกันได้ง่ายขึ้น แต่ว่าก็เหมือนกับคนรู้จักกันทั่วๆ ไป เจอกันก็คุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ มีนัดกินข้าวบ้าง ถึงอย่างนั้นมันก็มีบ้างบางคนที่เราสนิทนะ มันก็แล้วแต่คนค่ะ”
       
       แต่ทำไมทายาทบางตระกูลที่มีธุรกิจอยู่แล้วถึงตัดสินใจทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้อง ประเด็นนี้ กฤตยชญ์บอกว่า ธุรกิจครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือก แต่เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษทำมา จึงจำเป็นต้องรักษาทั้งที่อาจจะไม่ได้ชอบ แต่ธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์เป็นสำคัญ ซึ่งมีพื้นฐานจากความชอบ
       
       สำหรับทิศทางในอนาคต กฤตยชญ์มองว่าน่าจะเติบโตมากขึ้น เพราะความต้องการของคนเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ที่สำคัญเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคอย่างตะวันตก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อการรวมตัวของคนอย่างแน่นอน แต่จะเป็นในทางทิศทางไหนคงต้องดูกระแสตลาดอีกทีหนึ่ง
       
       “เท่าที่ได้ยิน ทุกวันนี้เซเลบ หลายคนเริ่มจะนำเข้าสินค้าเป็นของตัวเอง เช่น คลาวด์ ไนน์ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของเซเลบ 10 คน นำเข้าเสื้อผ้าและรองเท้า ซึ่งเป็นสังคมที่คนเริ่มยอมรับและทำให้กลุ่มเซเลบ นั้นดูดีขึ้น อีกจุดหนึ่งที่เริ่มเห็นคือ การเปิดตลาดใหม่ๆ ของแบรนด์เนมหรูๆ ที่เริ่มจะเป็นแมสแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะต้องไปจับตลาดเยอรมนี สวีเดน ญี่ปุ่นที่เจ๋งๆ ซึ่งยังไม่เข้ามาขาย”
       
       3.
       
       ปรากฏการณ์นี้นอกจากจะเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและพลังทางเศรษฐกิจแล้ว สื่อมักเป็นจำเลยทุกครั้งไป เพราะเซเลบ จับมือกันทำธุรกิจจะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการทำธุรกิจ ซึ่งสอดรับกับยุคสมัยในปัจจุบันที่คนนิยมผู้ที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมหรือโทรทัศน์มากเป็นพิเศษ
       
       รศ.รุ่งนภา พิตรปรีชา หัวหน้าภาควิชาการประชาสัมพันธ์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า
       
       “คนทุกวันนี้สนใจคนดังมากกว่าความสามารถที่แท้จริง อย่างเช่นใครก็ไม่รู้มีโอกาสไปปรากฏตัวบนหน้าสื่อหรือทีวีก็จะดังขึ้นมาทันที แล้วคนก็หันไปชื่นชอบ และพอคนดังพวกนี้จับมือกันทำธุรกิจก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มพูนโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า อย่างน้อยก็ในระยะแรก เพราะสามารถกระตุ้นความสนใจของคนได้มาก”
       
       ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเหล่านี้ประสบความสำเร็จคงปฏิเสธไม่ได้ว่า สื่อมีส่วนสำคัญอย่างมาก สังเกตได้จากการที่คนเหล่านี้มีพื้นที่บนสื่อ ที่สำคัญเวลาที่สื่อไปทำข่าวก็จะพบว่า บางทีแทบไม่ได้สนใจตัวผลิตภัณฑ์ด้วยซ้ำ แต่มุ่งให้ความสนใจเฉพาะตัวบุคคลอย่างเดียว
       
       “ธุรกิจที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะมุ่งประชาสัมพันธ์ที่ตัวบุคคลมากกว่า สินค้าเป็นเพียงปัจจัยรอง ซึ่งไม่แตกต่างกับการทำธุรกิจของดารา ที่พอออกมาคนก็จะตัดสินใจซื้อได้อย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า พอทำไปแล้ว สินค้านี้จะอยู่รอด เพราะต้องยอมรับว่าผู้ซื้อเองก็ไม่ได้โง่ หากผลิตภัณฑ์หรือสินค้าตัวไหนไม่ดีจริง สุดท้ายมันก็จะตายไปเอง”
       
       ที่สุดแล้ว ธุรกิจก็คือธุรกิจ ความอยู่รอดและผลกำไรคือตัววัดความสำเร็จ ซึ่งก็จะเป็นเครื่องมือตัดสินอีกทีว่า เซเลบแต่ละรายที่จับมือกันทำธุรกิจเป็นของจริงหรือแค่ของเล่นแก้เซ็งของคนรวย ดังที่กฤตยชญ์ทิ้งท้ายว่า
       
       “บางคนอาจจะมองว่า การทำธุรกิจแบบนี้เป็นของเล่นคนรวย แต่ผมมองว่า ทุกคนที่ทำต้องมีเป้าหมายส่วนตัวที่หวังผลสูงสุดเท่าไหร่ ซึ่งบางคนก็อาจจะทำแล้วประสบความสำเร็จ บางคนทำแล้วเจ๊ง จะมาเหมารวมว่าเป็นของเล่นทั้งหมดคงไม่ได้”
       
       ***************
       
       เรื่อง: ทีมข่าว CLICK
บันทึกการเข้า
อนัตตา
หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์ สุขเพียงใดก็ไม่พลั้ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1616
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8201


เมื่อเจ้ายืนอยู่บนยอดภูผา อย่าลืมว่าเจ้ามาจากที่ใด


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 09:25:08 AM »

 ไหว้ด้วยความเคารพครับ ผมว่าคนกลุ่มนี้เขาน่าจะคิดถึงคนที่ด้อยโอกาสในสังคมบ้าง (ได้สักเสี้ยวหนึ่งของบิลล์ เกต ก็ยังดี) ไม่ใช่วัน ๆ เอาแต่ขนเพชร (หมายถึงขนเอาเพชรเครื่องประดับ) มาโชว์มาอวดกัน เหมือนพวกป่วยทางจิต ใครจะเหนือกว่าไม่ได้ จะกระอักเลือด ไหว้
บันทึกการเข้า

sig_surath7171
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 11:28:07 AM »

ไหว้ด้วยความเคารพครับ ผมว่าคนกลุ่มนี้เขาน่าจะคิดถึงคนที่ด้อยโอกาสในสังคมบ้าง (ได้สักเสี้ยวหนึ่งของบิลล์ เกต ก็ยังดี) ไม่ใช่วัน ๆ เอาแต่ขนเพชร (หมายถึงขนเอาเพชรเครื่องประดับ) มาโชว์มาอวดกัน เหมือนพวกป่วยทางจิต ใครจะเหนือกว่าไม่ได้ จะกระอักเลือด ไหว้

ไฮโซไฮซ้อ ก็กินข้าวเหมือนเรา แต่อาจจะกินทิ้งกินขว้างมากกว่าเรา
เห็นด้วยกับคุณนัตตา ครับ
บันทึกการเข้า
ห ม า ย จั น ท ร์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 563
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6222



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 12:03:04 PM »

ตั้งแต่เกิดมา ไม่ได้ดิ้นรนต่อสู้ มีต้นทุนชีวิตที่สูงมาแต่เดิม ว่างมาก  ทำแล้วเจ้งก็ไม่สะเทือน


ไม่มองคนที่ลำบาก ว่า มองแต่ว่าทำอย่างไรจะให้เท่า หรือสูงกว่า ฐานะสูงส่งแต่ด้านจิตใจ


ไม่ทราบเพราะไม่เคยเห็นว่าเซเลปที่ว่า ทั้งหลายทำอะไรที่ เป็นประโยชน์แก่ส่วนร่วมหรือคนที่ด้อยกว่า


บันทึกการเข้า

supreme
Hero Member
*****

คะแนน 127
ออฟไลน์

กระทู้: 1187



« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 12:04:47 PM »

ผมว่ามันก็เป็นธรรมดานะ  เพราะพวกเขาเกิดมาในสิ่งแวดล้อมที่เป็นทุนนิยม  ถูกเลี้ยงดูแบบวัตถุนิยม  ความคิดความอ่านของพวกเขา  มันก็ต้องเข้าทำนองว่าใช้ปัจจัยที่ตัวเองมีอยู่  ให้เกิดกำไรสูงสุด ทั้งปัจจุบันและอนาคต  ถึงแม้ตอนนี้จะเริ่มมีกระแส CSR เข้ามา  แต่มันก็มุ่งการประชาสัมพันธ์มากกว่าการรับผิดชอบต่อสังคม  อาจจะเป็นเพราะมันขัดกับการทำธุรกิจของเขา  หรือต้องจ่ายมากเกินจนฝืนความรู้สึกของเจ้าของกิจการ

แต่สำหรับคนแบบเราๆท่านๆ ที่ไม่มีชื่อเสียง  ไม่มีต้นทุนทางสังคมอะไรเลย  ก็ต้องใช้อย่างอื่นแทนเพื่อให้มันขายได้  เหนื่อยหน่อย ลำบากหน่อย ก็มีรสชาติของชีวิตไปอีกแบบ(ไม่เต็มใจ)

เรื่องระบบอุปถัมภ์ทางภาคใต้ผมไม่มีข้อมูล  แต่ในชีวิตการทำงาน  ผมสัมผัสได้ว่า การอุปถัมภ์แบบไม่ลืมหูลืมตา  มันทำให้คนมีความรู้ความสามารถไม่ว่าจะมาตรฐาน หรือสูงกว่ามาตราฐาน  ต้องกลายเป็นพวกเช้าชามเย็นชาม  หมดไฟที่จะทำงาน
บันทึกการเข้า

การศึกษาโดยไม่คิด ไร้ประโยชน์    การคิดโดยไม่ศึกษา เป็นอันตราย
TWC - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 93
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1193


เลือดสีเทา SATIT 9 KKU


« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 12:11:59 PM »

ชาติที่แล้วเค้าคงทำบุญมาดี
ชาตินี้เลยได้เสวยสุข
บันทึกการเข้า

สบายดี.........
jad1911
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 12:52:24 PM »

 ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 03, 2010, 08:27:58 AM โดย คนตัวดำ » บันทึกการเข้า
อนัตตา
หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์ สุขเพียงใดก็ไม่พลั้ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1616
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8201


เมื่อเจ้ายืนอยู่บนยอดภูผา อย่าลืมว่าเจ้ามาจากที่ใด


« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 03:08:33 PM »

ขอต่ออีกนิด บิลล์ เกต บริจาคทรัพสมบัติเพื่อการกุศล โดยเหลือมรดกให้ลูกคนละสิบล้านดอลฯ ต่อจากนั้นให้ลูกหาเพิ่มเอง อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ที่นั่งกันอยู่หน้าจอนี้อย่างน้อยคงจะอยู่ในระดับกลาง ๆ ที่พอทำมาหากินได้ แต่บางคนไม่มีก็คือไม่มีจริง ๆ ถ้ามีล้นเหลือก็น่าจะดูแลกันบ้าง
บันทึกการเข้า

SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 03:20:19 PM »

ผมมองว่าเป็น"เรื่องของเขา"ครับ คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน ต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน เค้าแค่ใช้ชีวิต/ทำมาหากินตามต้นทุน-ปัจจัยที่เขามี ง่ายได้ก็เล่นง่ายไว้ก่อน

เกิดในครอบครัวที่มีชื่อเสียงไม่ได้สบายไปหมดครับ มันมาพร้อมความรับผิดชอบต่อครอบครัว,ต้องระวังตัวกว่าลูกตาสียายสาเยอะ พอต้องใช้ชีวิตแบบนั้นนานๆก็น่าจะเหนื่อยเหมือนกัน
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
sig_surath7171
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 03:36:59 PM »

ผมมองว่าเป็น"เรื่องของเขา"ครับ คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน ต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน เค้าแค่ใช้ชีวิต/ทำมาหากินตามต้นทุน-ปัจจัยที่เขามี ง่ายได้ก็เล่นง่ายไว้ก่อน

เกิดในครอบครัวที่มีชื่อเสียงไม่ได้สบายไปหมดครับ มันมาพร้อมความรับผิดชอบต่อครอบครัว,ต้องระวังตัวกว่าลูกตาสียายสาเยอะ พอต้องใช้ชีวิตแบบนั้นนานๆก็น่าจะเหนื่อยเหมือนกัน

เรามันจน เราก็จนต่อไป ใครจะรวยเท่าไร ก็ปล่อยให้รวยเสียให้เข็ด Smiley
บันทึกการเข้า
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 03:47:53 PM »

อยู่ดีมีแฮงได้ในสิ่งที่อยากได้ก็พอแล้วครับ   เงินเยอะๆไม่กล้าใช้หรือตายหนีจากก็มากครับ
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
อนัตตา
หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์ สุขเพียงใดก็ไม่พลั้ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1616
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8201


เมื่อเจ้ายืนอยู่บนยอดภูผา อย่าลืมว่าเจ้ามาจากที่ใด


« ตอบ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 03:50:09 PM »

แม่นแล้วครับ ผมมีเท่าพี่เล็กผมก็พอใจแล้วครับ คิก คิก
บันทึกการเข้า

naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 04:34:47 PM »

ถ้าโยนให้เป็นเรื่องของบุญวาสนา มันก็สบายใจดีครับ, แต่สังคมมองว่าพวกนี้แหละ(บางคน) คือต้นตอของ"สองมาตรฐาน"ครับ... และที่สำคัญพวกนี้(บางคน)แหละใช้ทรัพยากรส่วนรวมอย่างสิ้นเปลือง...

ใครรับราชการแล้วโดนพวก"ฟาสแทรก"มันแซงหน้า ข้ามหน้าข้ามตาไปกินตำแหน่งดีๆ เป็นเพราะตระกูลฯใหญ่โต... คนที่โดนแซงเขาก็มักสงสัยว่าใครมันเป็นเจ้าของแผ่นดินไทยนั่นแหละครับ(ถ้าเป็นบริษัทฯ ก็ว่าไปอย่างฯ)...

เรื่องระบบอุปถัมภ์นี่ในเอกชนนายสมชายยังพอไหว ตัวอย่างพวกลูกผู้มีอันจะกินตามกระทู้นี้ นายสมชายยังพอทำใจได้(เงินของพวกท่านเองนี่หว่า) เพียงอยากให้เขาแบ่งความสุขให้คนจนที่ถูกน้ำท่วมมั่งเท่านั้นเองครับ... แต่ถ้าอยู่ในระบบราชการนี่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่เขาต้องตั้งสำนักงาน ก.พ. มาเพื่อทำลายระบบอุถัมภ์นี้ให้จงได้(ได้สำเร็จหรือไม่นั่นอีกเรื่องนึงครับ)...
บันทึกการเข้า
อนัตตา
หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์ สุขเพียงใดก็ไม่พลั้ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1616
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8201


เมื่อเจ้ายืนอยู่บนยอดภูผา อย่าลืมว่าเจ้ามาจากที่ใด


« ตอบ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 04:47:15 PM »

ถ้าโยนให้เป็นเรื่องของบุญวาสนา มันก็สบายใจดีครับ, แต่สังคมมองว่าพวกนี้แหละ(บางคน) คือต้นตอของ"สองมาตรฐาน"ครับ... และที่สำคัญพวกนี้(บางคน)แหละใช้ทรัพยากรส่วนรวมอย่างสิ้นเปลือง...

ใครรับราชการแล้วโดนพวก"ฟาสแทรก"มันแซงหน้า ข้ามหน้าข้ามตาไปกินตำแหน่งดีๆ เป็นเพราะตระกูลฯใหญ่โต... คนที่โดนแซงเขาก็มักสงสัยว่าใครมันเป็นเจ้าของแผ่นดินไทยนั่นแหละครับ(ถ้าเป็นบริษัทฯ ก็ว่าไปอย่างฯ)...

เรื่องระบบอุปถัมภ์นี่ในเอกชนนายสมชายยังพอไหว ตัวอย่างพวกลูกผู้มีอันจะกินตามกระทู้นี้ นายสมชายยังพอทำใจได้(เงินของพวกท่านเองนี่หว่า) เพียงอยากให้เขาแบ่งความสุขให้คนจนที่ถูกน้ำท่วมมั่งเท่านั้นเองครับ... แต่ถ้าอยู่ในระบบราชการนี่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่เขาต้องตั้งสำนักงาน ก.พ. มาเพื่อทำลายระบบอุถัมภ์นี้ให้จงได้(ได้สำเร็จหรือไม่นั่นอีกเรื่องนึงครับ)...
เป็นไปได้ยากครับอย่าว่าแต่ กพ.เลย  ปปช.,สตง., ล้วนแล้วแต่เสือกระดาษ หน่วยงานตรวจสอบพวกนี้ใช้อำนาจเป็นเครื่องมือหา...ดูซิ..มันหอมหวานแค่ไหน ผู้ว่าการ...อายุ 65 แล้วยังกอดเก้าอี้แน่นไม่อยากปล่อยเลย (ฮา..ไม่ออก)
บันทึกการเข้า

มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« ตอบ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 04:49:25 PM »

ถ้าโยนให้เป็นเรื่องของบุญวาสนา มันก็สบายใจดีครับ, (บางคน) คือต้นตอของแต่สังคมมองว่าพวกนี้แหละ"สองมาตรฐาน"ครับ... และที่สำคัญพวกนี้(บางคน)แหละใช้ทรัพยากรส่วนรวมอย่างสิ้นเปลือง...

ใครรับราชการแล้วโดนพวก"ฟาสแทรก"มันแซงหน้า ข้ามหน้าข้ามตาไปกินตำแหน่งดีๆ เป็นเพราะตระกูลฯใหญ่โต... คนที่โดนแซงเขาก็มักสงสัยว่าใครมันเป็นเจ้าของแผ่นดินไทยนั่นแหละครับ(ถ้าเป็นบริษัทฯ ก็ว่าไปอย่างฯ)...

เรื่องระบบอุปถัมภ์นี่ในเอกชนนายสมชายยังพอไหว ตัวอย่างพวกลูกผู้มีอันจะกินตามกระทู้นี้ นายสมชายยังพอทำใจได้(เงินของพวกท่านเองนี่หว่า) เพียงอยากให้เขาแบ่งความสุขให้คนจนที่ถูกน้ำท่วมมั่งเท่านั้นเองครับ... แต่ถ้าอยู่ในระบบราชการนี่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่เขาต้องตั้งสำนักงาน ก.พ. มาเพื่อทำลายระบบอุถัมภ์นี้ให้จงได้(ได้สำเร็จหรือไม่นั่นอีกเรื่องนึงครับ)...


 เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 22 คำสั่ง